〝ไว้เจอกันเน้อ! คุณโอตาคุ!!!〞
〝อย่ามัวแต่เล่นจนมาซ้อมไม่ทันหล่ะคุณโอตาคุ ฮ่าฮ่าฮ่า!!!〞
〝อะ อา ขอบใจ——〞
ผ่านมาแล้ว 1 สัปดาห์ที่ทุกคนถูกส่งมาต่างโลก หลังจากเหตุการณ์ที่กรถูกเสือประจาน บรรยากาศรอบตัวของกรก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ดังเช่นเหตุการณ์ที่มีนักเรียนชายหญิงมาทักทายกร แล้วกรเองก็โบกมือลาแล้วตอบกลับไปอย่างกล้าๆกลัวๆ เมื่อซักครู่
นี่มัน... เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ?
คิดไปเองรึเปล่าว่าทุกคนทักเราเหมือนคนปกติ... แต่จะไม่ปกติก็ตรงที่เรียกว่า『คุณโอตาคุ』นั่นหล่ะ… อย่างน้อยๆก็เรียกฉันด้วยชื่อเล่นซักหน่อยเถอะ...
แต่ถึงอย่างงั้น น้ำเสียงก็ไม่ได้มีการประชดประชันแฝงอยู่เลย.... รึว่าเพราะเหตุการณ์ครั้งก่อนทุกคนเลยรู้สึกสงสารงั้นเหรอ? แหม่ ไม่อยากจะคิดแบบนั้นเลยแฮะ น่าสงสารตัวเองจริงๆ
รึจะเป็นไอ้นั่น.... ไอ้『ปรากฏการณ์สะพานแขวน』
ที่ว่า พอตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้ใจเต้นกับเพศตรงข้ามแล้วเข้าใจผิดว่าตกหลุมรักนั่นหน่ะ แต่ในกรณีนี้คงไม่ใช่ตกหลุมรัก แต่เป็นรู้สึกผิดซะมากกว่าละมั้ง
.....แต่ดูแล้วทุกคน(หรือบางคน)นี่ก็เป็นคนดีเหมือนกันนี่นา งั้นฉันจะไม่คิดมากก็แล้วกัน
เนื่องด้วยเวลานี้เป็นเวลาที่ทุกคนกำลังเตรียมตัวไปซ้อมช่วงเช้ากันหลังจากทานอาหารเช้า เลยมีเวลาจิปาถะนิดหน่อย ขณะที่ทุกคนอยู่ในช่วงพักผ่อน บางครั้งก็จะมีคนมาทักกรเช่นนี้ แล้วกรที่กำลังคิดไปเรื่อยเปื่อยเองก็ถูกรินเข้ามาทักเช่นกัน
〝อาทิตย์นึงแล้วสินะ เร็วจังเลย〞
〝อืม... ก็ว่างั้นแหละ〞
〝รู้สึกเหมือนว่าทุกคนจะเข้าหากรมากขึ้นนะ 〞
〝ก็… นั่นสินะ คงดีแล้ว....มั้งนะ〞
〝ต้องดีอยู่แล้ว ไม่สิ! ดีที่สุดเลยหล่ะ!!!〞
รินที่ตอบกรด้วยเสียงแข็งขัน ทำให้กรไหล่กระตุกเพราะตกใจไปนิดหน่อย แล้วหลังจากนั้นโชต ชาญและอลิซที่อยู่ด้วยกันก็เข้ามาทักกรเช่นกัน
〝หลังจากตอนนั้นเนี่ย นายเหมือนเป็นคนดังขึ้นมาเลยนะเฟ้ย!〞
〝แต่ผมว่าดังแบบแปลกๆมากกว่า〞
〝เอ๋〜 ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่นา แต่แบบนี้คงใกล้ถึงเวลาที่ท่านหัวหน้าของฉันจะกลับมาผงาดแล้วสินะฮ่าๆๆๆ!!!〞
〝ผงาดบ้านเธอหน่ะสิ... ฉันไม่ใช่ผู้กล้าโล่ที่มีชีวิตแสนลำเค็ญซะหน่อย〞
〝มาร์ชเมลโล่แช่ตู้เย็นงั้นเหรอ? ฟังดูนะอร่อยจังเลยเนอะ〜〞
〝ไหงฟังผิดเป็นแบบนั้นไปได้ฟะ!!! ยัยติ๊งต๊องตะกละตะกลาม!!!〞
〖ห๊ะห่ะห๊ะห่ะห๊ะ!!!!〗
แล้วทั้งกลุ่มก็พูดคุยและหัวเราะเฮฮาร่วมกันอย่างสนุกสนาน เป็นบรรยากาศอันอบอุ่นเสียจนไม่นึกว่า ทั้งหมดเพิ่งผ่านสถานการณ์ตึงเครียดจากการมาต่างโลกกะทันหันกันมา บรรยากาศนั้นทำให้ทุกคนที่ดูอยู่รอบๆอมยิ้มขึ้นมาได้เลยทีเดียว
❖❖❖❖❖
หลังจากนั้นก็เป็นเวลาสำหรับการฝึกฝน ในช่วงเช้านั้นทุกคนจะถูกแบ่งกลุ่มไปฝึกกันตามอาชีพที่ถูกแสดงในหน้าต่างสเตตัสของตัวเอง ส่วนฉันที่ช่องอาชีพยังว่างอยู่ก็ได้ไปฝึกร่วมกับพวกนู้นพวกนี้ไปเรื่อย เพราะเห็นคุณฮันซี่บอกว่าที่ช่องอาชีพยังว่าง อาจเป็นเพราะยังไม่มีอาชีพที่เข้ากันกับฉันได้ เลยให้ลองฝึกมันซะทุกอย่างเผื่อจะเจออาชีพที่เข้ากันได้บ้าง แต่สุดท้ายก็ไม่มีอ่ะนะ
แล้วหลังจากทานอาหารเที่ยงคุณฮันซี่ก็จะมาสอนวิชาดาบและวิชามือเปล่าให้กับทุกคนอีกครั้ง เพราะในเวลาสู้จริงอาจมีเหตุการณ์ที่ทำให้ใช้เวทย์และอาวุธของตัวเองไม่ได้ จึงต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อน ....เป็นการจัดตารางฝึกที่ดีจริงๆ
แต่ที่น่าแปลกคือเจ้าพวกนี้มันดักฝึกตามได้เฉยเลยเนี่ยสิ... คนไทยนี่ยังไงก็ได้จริงๆ
และการฝึกที่ว่ามานี้เกิดขึ้นทุกวันจนถึงหนึ่งสัปดาห์ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ....เวลานี่ผ่านไปเร็วชะมัด แต่ถึงอย่างงั้นช่องอาชีพของฉันก็ยังว่างอยู่ดี สกิลก็ไม่ได้อะไรเพิ่มเลย ทุกคนก็เหมือนกัน
ส่วนเลเวลก็อัพขึ้นมานิดหน่อย แค่ฝึกเนี่ยเลเวลก็อัพได้สินะ แต่ยังไงก็คงขึ้นยากกว่าไปตบมอนสเตอร์อยู่แล้วหล่ะน่ะ เอ๋? สเตตัสของฉันตอนนี้เป็นยังไงบ้างหน่ะเหรอ?
ข้อมูลสเตตัส
『อุษณกร วัชรวิรุฬห์ 』เพศ ชาย อายุ 17 เผ่าพันธุ์ มนุษย์
อาชีพ ว่าง เลเวล 3
ฉายา 〘การใช้ชีวิตที่ผิดพลาด〙
《พลังโจมตี》 70 《พลังป้องกัน》 58
《พลังเวทย์》 34 《ความต้านทานเวทย์》 58
《ความว่องไว》 46 《พละกำลัง》 70
ฝึกมาสัปดาห์นึงแล้วแต่สเตตัสก็ยังดูกากเหมือนเดิมแหล่ะ น่าเศร้าใจชะมัด.. แล้วถ้าคิดว่า〝สเตตัสสูงขึ้นขนาดนี้ก็ดีแล้วนี่〞แล้วละก็คิดผิดแล้วหล่ะ ทำไมหน่ะเหรอ? ก็ลองเปรียบเทียบสเตตัสของรินที่เลเวลเท่ากัน กับของฉันดูสิ...
ข้อมูลสเตตัส
『ไอริน ศิลปการสกุล 』เพศ หญิง อายุ 17 เผ่าพันธุ์ มนุษย์
อาชีพ จอมเวทย์ เลเวล 3
ฉายา 〘ผู้กล้าไร้พ่าย〙, 〘จอมเวทย์ต้นกำเนิด〙
《พลังโจมตี》 460 《พลังป้องกัน》 432
《พลังเวทย์》 430 《ความต้านทานเวทย์》 388
《ความว่องไว》 432 《พละกำลัง》 262
〝.......................〞
ใบ้แดก......
ไม่มีคำไหนจะเหมาะกับสภาพของฉันในตอนนี้มากกว่าคำนี้อีกแล้ว...
อะไรกันฟะความแตกต่างนี่.... ช่องว่างนี่.... โลกนี้มันยังมีระบบวรรณะอยู่รึไงฟะ!
ถ้าเป็นงั้นฉันก็อยู่ต่ำสุดเลยหน่ะสิ! ความรู้สึกต่ำต้อยนี่มันอะไรก๊าน!!!! (แล้วถ้าจะขอดูของพวกโชตละก็ขอทีเถอะ...... แค่นี้ไมเกรนก็ขึ้นสมองแล้วนะเฟ้ยยย.....)
ไม่ไหวแล้ว..... เหนื่อยชะมัด..... อยากเอาปิ๊ปคลุมหัวจัง.....
หลังจากนั้นการฝึกฝนช่วงเช้าและการทานอาหารกลางวันก็จบลง พอจะเริ่มการฝึกในช่วงบ่ายต่อฮันซี่ก็ออกมาพูดด้านหน้าทุกคนคล้ายกับที่ออกมาแนะนำตัวครั้งแรก
〝พวกเจ้าทุกคนช่วยเงียบแล้วฟังทางนี้ด้วย!!!〞
เสียงที่ดูหนักแน่นของฮันซี่ยังคงน่าเกรงขามเช่นเคย ประกอบกับการฝึกที่ผ่านมาของเขาก็คงมีผลบ้างเช่นกันทำให้ทุกคนทำตามคำสั่งของฮันซี่เป็นอย่างดี นั่นทำให้เหล่านักเรียนที่กำลังคุยกันเจ๊าะแจ๊ะเงียบลงในทันทีที่เขาเริ่มพูด
〝อะแฮ่ม!!! ก่อนอื่นก็ขอขอบใจพวกเจ้าทุกคนที่ตั้งใจฝึกฝนกันมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา เท่าที่ข้าดู สเตตัสและความสามารถของพวกเจ้าทุกคนก็สูงมากพอที่จะล่ามอนสเตอร์ระดับกลางได้สบายๆเลยหล่ะ เพราะงั้นละก็พรุ่งนี้ข้าจะพาพวกเจ้าทุกคนไปลองสู้กับมอนสเตอร์แถวๆชานเมืองดูละกัน!!!〞
โอ้คุณฮันซี่ครับ... ลืมไอ้โอตาคุสุดกระจอกคนนี้ไปรึเปล่าครับเนี่ย? ฉันยังไม่พร้อมเลยนะเฟ้ยทั้งสเตตัสและร่างกาย... จิตใจของฉันก็ด้วย...
แล้วไหงเจ้าพวกนี้ทุกคนมันถึงดูตื่นเต้นกันจังฟะ!? เมื่อสัปดาห์ที่แล้วยังหดหู่กันอยู่เลย ปรับตัวกันเร็วไปแล้วเฟ้ย!!!
แต่ก็แน่หล่ะเจ้าพวกนี้มันสเตตัสยังกะสัตว์ประหลาดกันทุกคนเลยนี่หว่า... พูดไปแล้วก็เจ็บจิ๊ดเลยนะเนี่ย...
〝เช่นนั้น... เพื่อเป็นการจบหลักสูตรเบื้องต้น ข้าจึงได้จัด การจับคู่ประลองเล็กๆ ขึ้น เพื่อเป็นการสานสัมพันธ์ของพวกเจ้าทุกคน และก็เพื่อศึกษาการเคลื่อนไหวของพวกพ้องตัวเองไปในตัวด้วยเลย....〞
ไอ้คุณฮันซี่คร้าบ!!! แค่จะพาไปสู้กับมอนสเตอร์ยังไม่พอ นี่ยังจะให้ฉันไปประลองกับไอ้พวกยอดมนุษย์พวกนี้อีกงั้นเร้อ? จะฆ่ากันรึยังไง!!!
อีแบบนี้มันไม่ต่างกับเอาเรือพายไปสู้กับเรือรบ.... เอากบไปสู้กับชาวนา.... เอาคุณตาไปไฝว้กับไคจูร่างสุดยอดเลยนะเฟ้ย! ตายหยั่งเขียดแน่ๆเลยฉัน
ส่วนไอ้พวกนี้ก็ยิ่งดูตื่นเต้นกันเข้าไปอีก... ไอ้พวกบ้านี่.. ไม่เข้าใจหัวอกฉันบ้างเลย!!!
〝เอาหล่ะ!!! ถ้าเช่นนั้นใครที่จับคู่กันได้แล้วก็มาตรงกลางลานกว้างนี้ได้เลย ข้าจะเป็นคนให้สัญญาณเริ่มการต่อสู้เอง การประลองจะใช้เพียงดาบไม้เท่านั้น โอ๊ะ!!!..แล้วก็ห้ามใช้เวทย์มนต์ด้วยหล่ะ และการต่อสู้จะจบลงเมื่ออีกฝ่ายขัดขืนไม่ได้หรือเสียอาวุธในมือเท่านั้น ห้ามทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสหรือถึงแก่ชีวิตเด็ดขาด.......〞
เอาละสิ... ในกรณีที่เจอคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอเกินไป จนออมมือแล้วก็อาจจะตายได้อย่างฉันเข้าเนี่ยจะทำไงฟะ ใครจะรับผิดชอบเนี่ย....
เฮ้อ〜 รู้งี้ทำประกันชีวิตไว้ดีกว่า เอ๊ะ!? แต่โลกนี้มันไม่มีนี่หว่า
ในขณะที่กรคิดเรื่องไร้สาระไปเรื่อย ทุกคนก็เริ่มหาคู่ประลองของตัวเองกันแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะจับคู่กับเพื่อนของตัวเองทั้งนั้น แล้วเพื่อนสนิททั้งสี่ก็เรียกสติของกรกลับมาสู่ความเป็นจริง
〝แล้วเราจะเอาไงดีหล่ะ.....〞
〝ไม่ต้องมาเอาไงเลยเว้ย ไอ้โชต!!! เอ็งไม่เห็นรึไงว่าสาวๆเขาแย่งกันจับคู่กับแกจนจะประลองกันเองอยู่แล้วหน่ะ! 〞
〝อ้าว!? งั้นเหรอ?〞
ขณะที่โชตถามขึ้นมาในกลุ่มแบบนั้น ก็มีนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่งปล่อยรังสีอำมหิตใส่กันแล้วตะโกนใส่กันประมาณว่า〝โชตต้องคู่กับฉันๆๆๆ!!!!〞อยู่ใกล้ๆกับกลุ่มของกร
ฮึ่ย! อยากต่อยไอ้หมอนี่ชะมัด ไอ้พวกเนื้อหอมไปตายให้หมดเลยไป๊!!!!
〝ส่วนผมจับคู่กับเพื่อนร่วมชั้นแล้วหล่ะนะ แล้วเธอหล่ะอลิซ?〞
〝ฉันเองก็จับคู่กับเพื่อนร่วมชั้นแล้วเหมือนกัน ขอโทษด้วยนะกร...〞
〝ทะ ทำไมถึงต้องขอโทษฉันด้วยหล่ะ?〞
〝ก็....นอกจากพวกเรา ดูเหมือนกรจะไม่มีเพื่อนคนอื่นเลยนี่นา.....〞
ฉึก!!!!!!!
อ้ากกก!!!!! อะไรกัน! ความรู้สึกที่เหมือนกับโดนมีดปอกมะละกอปักเข้ากลางขั้วหัวใจนี่! ไอ้เรื่องน่าเศร้านั่นฉันเองก็รู้อยู่หรอก รู้อยู่เต็มอกเลยด้วยเฟ้ย!
เพราะงั้น....อย่าพูดแทงใจดำฉันด้วยสีหน้าสงสารสุดๆ แบบนั้นจะได้ม้ายยยยยย!
แล้วกรก็กลับมานั่งคุกเข่าในท่า ORZ อีกเหมือนเคย แต่หลังจากนั้นรินก็นั่งยองลงใกล้ๆกับกรด้วยท่าทางเรียบร้อยราวกับเทพธิดา แล้วก็พูดกับกรว่า....
〝งั้นกร...เอ่อ มาจับคู่กับฉันมั้ย....〞
เทพธิดาชัดๆ!!!! เทพธิดาลงมาโปรดแล้ว!!!!
〝จะ จะดีเหรอ? กับฉันเนี่ย〞
〝อื้ม! ดีสิ!!! ก็กรไม่มีคนอื่นอีกแล้วนี่นะ! 〞
ฉึก!!! ฉึก!!! ฉึก!!!
อีกแล้ว!!!! ไอ้คำพูดแทงใจดำนี่! อลิซก็ว่าไปอย่าง แต่ริน.....อย่าพูดแบบนั้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มจะได้ม้ายยยย ทั้งที่บนหน้าก็บอกว่าไม่ได้คิดร้ายแท้ๆ ร้ายบริสุทธ์เลยนะเธอเนี่ย
แต่ว่าคิดในแง่บวก... รู้สึกว่ารินจะมีอาชีพเป็นจอมเวทย์ ถ้างั้นความชำนาญในด้านดาบคงน้อยแน่ๆ ถึงจะฝึกมาตลอดก็เถอะ ฉันเองก็ยังมีสุดยอดการประมวลผลอยู่ แล้วถึงความต่างเรื่องสเตตัสจะกว้างก็เถอะ แต่รินก็เป็นผู้หญิงบอบบาง ฉันคงมีโอกาสชนะเยอะขึ้นแน่ๆ เพราะจะให้แพ้ผู้หญิงมันก็น่าสมเพชเกินไป งั้นนี่อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วก็ได้
〝งะ งั้นก็เอาแบบนั้นแหล่ะฝากตัวด้วยหล่ะ ฉันจะพยายามเต็มที่เลย〞
〝อะ อืม ฉันเองก็จะไม่ออมมือเหมือนกัน〞
โอ้! ดูมุ่งมั่นดีนี่นา แต่ก็ดีแล้วล่ะนะ
แล้วกรที่ยังไม่เข็ดหลาบกับความคิดเข้าข้างตัวเองแบบนั้น ก็ต้องมารู้สึกเสียใจภายหลังในหลายๆความหมายอีกครั้ง....
❖❖❖❖❖
การประลองผ่านไปเรื่อยๆจนใกล้จะครบทุกคู่แล้ว ผลการแข่งขันของพวกกรคือ โชต อลิสและชาญชนะทั้งหมด แล้วในตอนที่เหลืออีก 2 คู่ก่อนจะถึงรอบของกรและริน กรก็ถามรินขึ้นมา...
〝จะว่าไปทุกคนเนี่ยสุดยอดเลยนะ ทั้งที่เพิ่งจะจับดาบได้แค่สัปดาห์เดียว แต่จากมุมมองของมือสมัครเล่นอย่างฉันก็รู้เลยว่า ฝีมือการใช้ดาบของพวกนั้นยังกับนักรบคร่ำศึกยังไงอย่างงั้นแหละ〞
〝เอ๋!!! นี่นายไม่รู้เหรอ? ที่ทุกคนทำแบบนั้นได้ก็เพราะฉายา〘ผู้กล้าไร้พ่าย〙ต่างหากหล่ะ〞
〝หะ.....หา!!!! ว่ายังไงนะ!!!! 〞
ไอ้ฉายาสุดเท่นั่นนะเหรอ โกหกน่า..... ไอ้เราก็นึกว่าฉายามันมีไว้โชว์เฉยๆ มีคุณสมบัติพิเศษด้วยงั้นเรอะ!
แล้วรินก็เปิดคำอธิบายฉายาของตัวเองให้กรดู
〘ผู้กล้าไร้พ่าย〙
《 คำอธิบาย : สุดยอดผู้กล้าขั้นสุดยอดผู้ก้าวข้ามขีดจำกัด เนื่องจากเป็นผู้ที่ได้รับพรจากพระเจ้า มีผลทำให้สามารถใช้อาวุธทุกชนิดในการต่อสู้ได้อย่างชำนาญ ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย 》
ห๊า!!!!!!!!!!!
อีกแล้ว!!!!! แค่ไอ้พวกสกิลโคตรโกงนั่นยังไม่พอ ขนาดฉายายังมีผลพิเศษขนาดนี้เลยเหรอฟ่ะเนี่ย? แล้ว 『สุดยอดผู้กล้าขั้นสุดยอดผู้ก้าวข้ามขีดจำกัด』งั้นเหรอ? จะอวยกันออกหน้าไปแล้ว...
แล้วมีอธิบายว่าเป็นพรของพระเจ้าด้วย! หรือว่าไอ้พระเจ้านั่นจะลืมให้ฉันกัน? นี่มันอะไรกันฟะไอ้แก่เสเพลนี่!!!!
งะ งั้นของฉันหล่ะ! ไอ้〘การใช้ชีวิตที่ผิดพลาด〙ของฉันมันทำอะไรได้บ้าง!!!
〘การใช้ชีวิตที่ผิดพลาด〙
《 คำอธิบาย : ยังหวังอะไรจากชีวิตสุดบัดซบนี่อีกงั้นเหรอ.... 》
〝………………… 〞
อะไรกันฟ้า!!!!! ไหงของฉันมันน่าหดหู่เป็นแบบนี้! ไม่มีคุณสมบัติพิเศษอะไรเลย แถมไอ้ที่เขียนอยู่นี่มันไม่ใช่คำอธิบายแล้วโว้ย!!! คำด่าชัดๆเลย แช่งกันอีกต่างหาก
ไอ้ฉายาไร้สาระนี่มันอะไรวะเนี่ย!!!!
อะ เอาเถอะ... ถึงบ่นไปก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีนั่นหล่ะ... รู้สึกสงสารตัวเองชะมัดเลย.....
แต่เดี๋ยวก่อนสิ!!! ไอ้ฉายา〘ผู้กล้าไร้พ่าย〙นี่ รินเองก็มีนี่หว่า... ถ้างั้นหรือว่า!?
〝คะ คุณรินครับ... อย่าบอกนะว่าเธอเองก็ทำแบบนั้นได้ ? 〞
〝ก็.....พอทำได้อยู่หรอกนะ—— กะ กร เป็นอะไรไป!!! 〞
รินยังพูดไม่ทันจบ กรก็ลงไปนั่งคุกเข่าในท่า ORZ ซะแล้ว ดูเหมือนมันจะเป็นท่าประจำตัวของกรไปแล้ว
จบแล้ว..... ไม่มีทางเลยชนะเลยเฟ้ย ถึงรินจะเป็นผู้หญิงบอบบาง แต่กลับมีไพ่ตายแบบนี้ซ่อนอยู่ แล้วยังมีช่องว่างของสเตตัสนั่นอีก ฉันนี่มันเซ่อชะมัด น่าจะรีบเอะใจแต่แรก———
〝เอาหล่ะการประลองจบลงแล้ว!!! ผู้ชนะ คือ ผู้กล้าเชษฐ์ !!!〞
〝โอ้ววววววววววว!!!!!!!!〞
เสียงประกาศจบการประลองของฮันซี่ดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของกร และเมื่อเสียงโห่ร้องยินดีของผู้ชมจบลงฮันซี่จึงได้พูดต่อ
〝และต่อไปขอเชิญชมการประลองคู่สุดท้าย ผู้กล้าไอริน และ ผู้กล้าอุษณกร ออกมาข้างหน้า!!!〞
ห๋า!!! ตาเราแล้วงั้นเหรอฟะ เร็วชะมัด กะทันหันไปแล้ว!!! ยังทำใจยอมรับความจริงไม่ได้เลย!!!
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็เดินเข้ามาตรงกลางสนามประลอง หันหน้าเข้าหากันและยืนอยู่ที่จุดเริ่มต้นของตัวเอง ซึ่งหากกันราวๆ 5 เมตร
〝เอ่อ...ผู้กล้าอุษณกรสินะ【แย่ละสิ ลืมเรื่องสเตตัสเจ้านี่ไปซะสนิท....】〞
เฮ้ยๆ ถึงพูดในลำคอแบบนั้นฉันก็ได้ยินนะเฟ้ย เพราะมีสุดยอดการประมวลผลไงหล่ะ……
แต่เดี๋ยวสิเฮ้ย!!!!! นี่ลืมฉันไปจริงๆเหรอฟะเนี่ย น่าจะจำฉันได้ตั้งแต่ที่ตีกันครั้งก่อนแล้วไม่ใช่รึไงฟะ! นี่ฉันจืดจางขนาดนั้นเลยเหรอ? จะไร้ความรับผิดชอบไปแล้ว...
แล้วไอ้ที่เหงื่อตกทั้งที่ยิ้มใส่ฉันอยู่นี่หมายความว่าไงฟะ! ทำตัวยังกะไอ้พระเจ้าเลยนี่หว่า นี่พวกเอ็งเป็นผู้ใหญ่แน่เหรอ? เอาความเคารพของฉันคืนมาเลยนะ!!!!
〝เอ่อ...ขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับ แต่ผมว่าถ้าเกิดประลองกันทั้งๆแบบนี้ อุษณกรอาจจะบาดเจ็บหนักได้นะครับ〞
ในขณะที่กรกำลังคิดแบบนั้นอยู่ ก็มีคนพูดขึ้นมาขัดจังหวะ คนๆนั้นก็คือชาญนั่นเอง
〝กะ ก็จริงนะ ละ แล้วเธอมีวิธีงั้นเหรอ?〞
〝ครับผม.... แต่ขออนุญาติใช้เวทย์ได้รึเปล่าครับ〞
〝อะ โอ้ ก็เอาสิพ่อหนุ่ม...〞
โอ้! พระผู้ช่วยอยู่ใกล้แค่นี้เอง.... แล้วทำไมคุณฮันซี่ต้องพูดตะกุกตะกักด้วยฟะ!
แถมพอรู้ว่ามีวิธีแก้ก็โล่งอกซะออกนอกหน้าเชียวนะ...
ในขณะที่กรกำลังหงุดหงิดอยู่นั้น ชาญก็เริ่มการร่ายเวทย์...
【อำนาจของสหายแห่งเราเอ๋ย!!! จงสถิตย์ขึ้นมาด้วยพลังอันมากล้นของเราด้วยเถิด!!! 】
【Status Sharing!!!】
หลังจากนั้นแสงอันอบอุ่นที่มีสีเขียวอ่อนๆ ราวกับสีของป่าอันเขียวขจีก็เข้าโอบล้อมกรและริน
นะ นี่มัน รู้สึกเหมือนพลังมันเพิ่มขึ้นมาเลย คงไม่ใช่ว่ารู้สึกไปเองนะ...
〝เวทย์สเตตัสแชร์ริ่งนี่หน่ะ จะทำการรวมสเตตัสของเป้าหมายสองคนขึ้นไปมาเฉลี่ยกันแล้วทำให้กลายเป็นสเตตัสของทั้งสองคนนั้นเป็นเวลา 10 นาที ....เท่านี้ก็สามารถสู้ได้อย่างยุติธรรมแล้วครับ〞
〝โอ้!!! สุดยอดไปเลย ....ยอดเยี่ยมมากเจ้าหนุ่มแว่น!〞
โอ้ว!!! เป็นเวทย์ที่สุดยอดไปเลย แบบนี้มันถือว่าโกงไหมนะ แต่ช่างเถอะ อย่างน้อยก็ลดช่องว่างของสเตตัสมาได้หล่ะนะ... กู๊ดจ๊อบมาก ชาญเอ๋ย!
ขณะที่กรคิดแบบนั้นก็ยื่นมือที่กำอยู่แล้วเอานิ้วโป้งออกมา เป็นสัญลักษณ์บอกว่า〝ทำได้เยี่ยมมาก〞ซึ่งชาญก็หันกลับมาทำแบบเดียวกัน แล้วก็เดินออกไปจากลานประลอง
〝งั้นก็ทั้งสองคนก้าวมาข้างหน้า !!! เตรียมพร้อม........〞
จากนั้นกรและรินก็กำด้ามของดาบไม้ไว้แน่นอยู่ในท่าเตรียม ในขณะเดียวกับที่ฮันซี่ยกมือขึ้นเตรียมให้สัญญาณเริ่มการประลอง
〝เริ่มได้ !!!!!!!!!〞
หลังจากที่ฮันซี่สับมือลง ทั้งสองคนก็ถีบพื้นจนใบหญ้าที่อยู่ใต้เท้าของตัวเองปลิวว่อน แล้วก็พุ่งเข้าหากันด้วยความรวดเร็ว....
.
.
สุดยอด!!!!!! รินเนี่ยแข็งแกร่งขนาดนี้เลยงั้นเหรอ? ไม่สิ... เป็นเพราะฉายา〘ผู้กล้าไร้พ่าย〙สินะ แต่ถึงอย่างงั้นก็สุดยอดอยู่ดี...
หลังจากประกาศเริ่มการประลองก็ผ่านมาได้ซักพักแล้ว รินนั้นเป็นฝ่ายเริ่มจู่โจมกรก่อน กรที่รู้การโจมตีนั้นได้ก่อนด้วยสุดยอดการประมวลผล ก็เอาดาบมารับไว้แล้วปักป้องออกไปได้อย่างง่ายดาย พร้อมกับทำการเคาน์เตอร์การโจมตีนั้นกลับ แต่รินก็หลบการโจมตีนั้นโดยการดีดตัวไปข้างหลังแบบฉิวเฉียด แล้วกรก็พุ่งเข้าไป แล้วแกว่งดาบเข้าไปที่บริเวณสีข้างของรินอย่างรวดเร็ว แต่รินที่เพิ่งดีดตัวหลบการโจมตีของกรพ้นก็ไม่ได้เสียจังหวะลงแม้แต่น้อย ซ้ำยังรับการโจมตีของกรได้สบายๆ แล้วก็ปัดการโจมตีนั้นออกไปได้อย่างง่ายดาย การผลัดกันรุกผลัดกันรับของทั้งคู่จึงยังดำเนินต่อไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะรู้ผล
เพราะมีสุดยอดการประมวลผล ถึงทำให้มองเห็นเคลื่อนไหวของรินออกหมดแล้ว ฉันเองก็เคลื่อนไหวได้อย่างที่ใจคิดแท้ๆ แต่ทำไมถึงโจมตีไม่โดนตัวเลยซักนิดนะ
หรือว่าเพราะใช้อาวุธสู้กันงั้นเหรอ? เพราะอีกฝ่ายใช้อาวุธได้ขอเพียงแค่สัมผัส ระบบก็จะจัดการการต่อสู้ให้เอง ถ้าเป็นงั้นถึงฉันจะไม่มีทางแพ้ แต่ก็ไม่มีทางชนะเหมือนกันล่ะสิ
เอ๊ะ!? งั้นถ้าฉันใช้มือเปล่าโดยที่ไม่ได้คิดว่าจะสู้หล่ะ? แต่ลองดูก็ไม่เสียหายหรอกเนอะ
หลังจากที่กรคิดแบบนั้นก็พุ่งตัวเข้าไปปะทะกับรินอีกครั้ง แล้วก่อนที่ใบดาบของทั้งสองจะปะทะกันจนเกิดเสียงดัง กรก็ปล่อยมือทั้งสองออกจากด้ามดาบของตัวเอง แล้วก็คว้าข้อมือด้านขวาของรินที่ถือดาบอยู่ไว้แน่น โดยกะแรงไม่ให้เธอเจ็บ ดาบของรินจึงฟันโดนแต่ดาบไม้เปล่าๆของกร เลยทำให้รินร้อง〝ห๊ะ!!!〞ออกมาด้วยความตกใจ และดูเหมือนสิ่งที่กรคิดนั้นจะถูก เพราะการจู่โจมแบบฉับพลันที่ไม่นับเป็นการโจมตี จากการใช้มือเปล่าคว้านั่น ไม่ได้ทำให้รินปัดป้องมือเขาออกไปก่อนที่จะถึงตัวเอง หลังจากที่กรคิดว่ารู้ผลแล้วและเพื่อให้แน่ใจในชัยชนะของตน ก็ยกมือของรินที่ตัวเองจับอยู่ขึ้นเพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวไว้ แต่เพราะจังหวะที่เข้าปะทะกัน กรดันไม่ได้ใช้การโจมตีด้วยดาบอย่างที่ว่าไป จึงทำให้คุณสมบัติพิเศษของฉายา〘ผู้กล้าไร้พ่าย〙ไม่ทำงาน รินที่เกิดเสียจังหวะจากการปะทะกันนั้นก็เซไปด้านข้าง และแรงที่เกิดจากการล้มนั่นก็ดึงกรที่กำลังจับข้อมือของรินอยู่ให้ล้มลงไปด้วยกัน
ตุ๊บ!!!!!!
อึก! นี่มันเกิดอะไรขึ้นฟะ อยู่ดีๆสุดยอดการประมวลก็ลดประสิทธิภาพลง เหมือนวูบไปเฉยๆซะงั้นแหล่ะ
ว่าแต่ฉันล้มอยู่ใช่ไหมเนี่ย? มือซ้ายฉันก็คงจับมือขวาของรินไว้อยู่ แล้วทำไมมือขวาถึงได้สัมผัสอะไรนุ่มๆ อยู่กันเนี่ย รู้สึกดีจัง... แถมขนาดยังพอดีมือจนน่าตกใจอีก? แล้วนี่ฉันกำลังทับใครอยู่กันละเนี่ย?
หลังจากที่คำถามมากมายผุดเข้ามาในหัว กรที่เริ่มรู้สึกตัวก็พยุงตัวเองขึ้นจากท่านอนคว่ำอยู่แล้วก็ต้องตกใจกับภาพที่อยู่ตรงหน้าอย่างสุดขีด…….
กรในตอนนี้นั้นกำลังนอนคร่อมอยู่บนตัวของริน และในขณะเดียวกันมือซ้ายของกรก็จับข้อมือขวาของรินไว้แน่นในตำแหน่งที่อยู่สูงกว่าศีรษะของรินที่อยู่ในท่านอนหงาย ส่วนมือขวาของกรก็กำลังจับหน้าอกของริน ซ้ำยังเผลอไปคลึงมันเข้าโดยที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลยซักนิด และพอมองไปที่ใบหน้าของริน จะเห็นได้ชัดเลยว่าใบหน้าของเธอกำลังแดงก่ำจนถึงหูเพราะความเขินอาย เผยอริมฝีปากออกมาเล็กน้อยเพราะความตกใจ แถมมีน้ำตาปริ่มออกมาเล็กน้อยด้วย หากมองจากสายตาของบุคคลที่ 3 แล้วละก็ มันเหมือนกับว่ากรกำลังจะทำมิดีมิร้ายริน... ไม่สิกำลังจับกดรินอยู่ยังไงอย่างงั้นเลย
ชะ ฉันนั่งทับรินอยู่งั้นเหรอเนี่ย? งะ งั้น สัมผัสอันแสนวิเศษเมื่อกี้นี้ก็!!!?
〝ระ ริน คือว่า.... ฉันขอโท——〞
〝กรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!〞
เพี๊ยะ!!!!!!!!
เสียงที่รินใช้ฝ่ามือตบไปที่ใบหน้าของกร ดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงกรีดร้องของเจ้าตัว รินที่ตะโกนออกไปแบบนั้นก็เอามือทั้งสองข้างปิดหน้าอกของตัวเอง พลางน้ำตาไหลโชก ร้องสะอึกสะอื้นแล้ววิ่งออกไปจากลานประลองด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อจนฝุ่นตลบ
หลังจากนั้นที่ฉันถูกมือซ้ายที่ว่างอยู่ของรินตบหน้าเข้า ตัวฉันก็กระเด็นไปชนกับรั้วของลานกว้างเข้าให้...
คนเราเนี่ยกระเด็นไปได้ไกลเหมือนกันแฮะ หรือว่าเพราะครบ 10 นาทีแล้วเลยกลับมามีสเตตัสเหมือนเดิมแล้วสินะ ฮะฮ่ะ... ความต่างของสเตตัสนี่มันน่ากลัวจริงๆ——
หลังจากนั้นสติของกรก็ขาดหายไป
〝เอ่อ..... แบบนี้จะถือว่าใครเป็นฝ่ายชนะงั้นเหรอ ?〞
ฮันซี่พูดแบบนั้นออกมาในขณะที่ทั่วทั้งลานประลองยังคงตกตะลึงในหลายๆความหมายกับการต่อสู้ของรินกับกร แล้วผลสุดท้ายการประลองก็ถูกตัดสินให้เป็นผลเสมอไป
เฮ้อ!!!!!!!!! เสียงที่กำลังถอนหายใจของกรนั้นดังมากพอที่จะทำให้คนที่อยู่รอบๆหันมามองได้เลย แต่เพราะอยู่คนเดียวจึงทำแบบนั้นได้อย่างเต็มที่ หลังจากเกิดอุบัติเหตุนั่นขึ้น ก็เพิ่งผ่านมาชั่วโมงกว่าๆ กรที่กำลังคิดว่าจะขอโทษรินยังไงดีก็เลยมาหาสถานที่ผ่อนคลายอารมณ์ที่ม้านั่งในสวนของลานกว้างอยู่คนเดียวนั่นเองโอ๊ย!!!! ทำไมปัญหาของฉันมันเยอะแบบนี้ฟ้า!!!! อ๊ากกกก!!!! อยากหายไปชะมัดเลย....แล้วจะทำไงให้หายโกรธดีเนี่ย... รินคงไม่เกลียดขี้หน้าของฉันไปแล้วหรอกนะ…เฮ้อ!!!!!!!!! หลังจากที่คิดนู่นนี่ไปเรื่อย กรก็ถอนหายใจหนักๆแบบนั้นออกมาอีกครั้ง ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาทางม้านั่งที่กรนั่งอยู่〝เอ่อ กะ กร〞〝!!!!?〞ระ รินงั้นเหรอ มาหาฉันก่อนแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย? รึจะมาต่อว่าอะไร....เอาเถอะก็สมควรแล้วหล่ะ แต่จะให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายทำแบบนั้นก่อนไม่ได้ ก่อนอื่นเราต้องขอโทษอย่างใจจริงซะก่อน หลังจากนั้นค่อยรับฟังคำด่าทอก็ยังไม่สาย เอาหล่ะน่ะปฏิบัติการณ์ขอขมาสายฟ้าแลบเริ่มได้!!!!!!!〝คะ คือว่า เรื่องตอนประลองนั่นฉันขอโ——〞〝ขอประทานโทษด้วยคร้าบ!!! กระผมผิดไปแล้ว!!!
ฮี้ๆๆๆ〜!!!คลึ๊กๆๆๆๆ!!! เสียงของม้าที่กำลังลากเกวียนขนาดใหญ่ซึ่งสามารถบรรทุกคนสิบกว่าคนได้สบายๆดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอและเป็นจังหวะ เกวียนที่ม้าลากอยู่นี้มีลักษณะคล้ายกับที่ชาวนาใช้ขนฟาง แต่เนื่องจากมีหลังคาคลุมที่นั่งอย่างแน่นหนามันถึงได้ดูเหมาะสำหรับการเดินทางระยะไกล และหากสังเกตดูจะเห็นว่ามีเกวียนที่มีม้าลากแบบเดียวกันนี้เป็นจำนวนกว่า 30 เล่ม เคลื่อนที่ติดกันเป็นขบวนอย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนม้าทุกตัวจะได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี มันจึงสามารถเดินตามกันได้โดยที่ไม่ต้องมีคนคุมบังเหียนด้วยซ้ำ ส่วนด้านหน้าของขบวนก็มีทหารชายวัยกลางคนคนนึงสวมชุดเกราะหนาทั้งตัว มีบริเวณเนื้อหนังโผล่ออกมาให้เห็นบางส่วนเท่านั้นกำลังนั่งบนหลังม้าแล้วนำขบวนอยู่ คนๆนั้นก็คือ ฮันซี่นั่นเอง ส่วนรอบเกวียนของคณะเดินทางก็มีทหารคุ้มกันที่สวมชุดเกราะแบบเดียวกัน แต่สวมหมวกเหล็กไว้ทุกคนต่างจากฮันซี่ที่เปิดใบหน้าให้เห็น กำลังเดินตรวจตราอยู่รอบๆเกวียนที่มีนักเรียนทุกคนนั่งอยู่ข้างใน ในขณะที่เดินทางไปพร้อมกัน ใช่แล้ว ตอนนี้นักเรียนทุกคนกำลังอยู่ในระหว่างเดินทางไปยังแถบชานเมืองเพื่อฝึกฝนการต่อสู้กับมอนสเตอร์นั
〝เป็นยังไงบ้างกร ?〞〝ครับ คุณฮาว... ตรงทางแยก 3 แพร่งข้างหน้า ถ้าไปทางซ้ายจะมีลิซาร์ดแมนอยู่ 3 ตัว ส่วนทางขวายังไม่มีมอนสเตอร์ขวางทางจนกว่าจะถึงแยกต่อไป〞〝เป็นงั้นเหรอ? ได้ยินแล้วนะทุกคน รีบเดินไปข้างหน้า แล้วเลี้ยวขวาตรงแยกนั่นนะ... แล้วก็ระวังอย่าเดินส่งเสียงดังหล่ะ เข้าใจไหม〞〝〝.....ครับ/ค่ะ〞〞 ในทางเดินที่ปิดตายจากโลกภายนอกจนคล้ายกับจะมืดมิดแต่กลับมองเห็นได้ชัดเจน ที่ซึ่งไม่ทราบสถานที่แน่ชัดแต่ส่วนประกอบทั้งหมดนั้นสร้างมาจากหินและดินล้วนๆนี้ มีเสียงของคน 4 คนกระซิบกันอย่างเบาบางที่สุด จนแทบไม่ได้ยินเสียงอยู่ เหล่าคนที่กำลังกระซิบกันอยู่นี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเหล่าสมาชิกปาร์ตี้ของกรนั่นเอง เพราะทั้งปาร์ตี้ถูกวาร์ปเข้ามาในดันเจี้ยนปริศนาที่ฮาวลี่ไม่รู้จักจึงทำให้ฮาวลี่กระวนกระวายเป็นอย่างมาก ฮาวลี่ยังเล่าอีกว่าดันเจี้ยนที่อยู่แถวๆที่ทุกคนล่านั้นมีแค่『ดันเจี้ยนเจ้าแห่งป่า』กับ『ดันเจี้ยนพรานแห่งพงไพร』ซึ่งเป็นดันเจี้ยนที่ได้รับการสำรวจจนครบถ้วนแล้ว แต่ดันเจี้ยนที่ทุกคนถูกวาร์ปมานี้กลับไม่ใช่ทั้ง 2 ดันเจี้ยนที่ว่ามา จากที่ฮาวลี่บอกกล่าว ดันเจี้ยนนั้นไม่ว่า
วูม!!!!——— พอแสงสว่างที่จ้าเสียจนแสบตาได้จางหายไป ทิวทัศน์ที่ปรากฏตรงหน้าของลินดาก็คือ บริเวณป่าแบบเดียวกับก่อนที่จะถูกวาร์ปเข้ามาในดันเจี้ยน แต่ที่ไม่เหมือนเดิมก็คงจะเป็นสมาชิกปาร์ตี้ที่ลดลงจนเหลือแค่สามคน อันได้แก่ตัวเธอ เชษฐ์และเสือนั่นเอง ลินดาในตอนนี้ยังอยู่ในอาการสะเทือนใจอยู่พอสมควร ตอนนี้เธอกำลังรู้สึกผิดที่ปล่อยให้เพื่อนร่วมปาร์ตี้ทั้ง 2 คนตายเพียงเพื่อให้ตัวเองหนีรอดไปได้ เชษฐ์ก็ยังคงนั่งคุกเข่าเอามือกุมศีรษะ ทั้งยังสั่นเป็นเจ้าเข้าอีกต่างหาก ต่างจากเสือที่แม้จะเพิ่งผ่านสถานการณ์เสี่ยงตายมาก็ยังคงทำตัวเรียบเฉยอยู่เช่นเคย〝นี่นาย!!! ตอนที่อยู่ในดันเจี้ยนเป็นบ้าอะไรหา!!!!!!〞 ทั้งที่เพิ่งออกมาจากดันเจี้ยนได้ แต่เธอกลับไม่ดีใจเลยซักนิด เพราะทนไม่ได้กับพฤติกรรมต่ำช้าแบบนั้นของเสือ ลินดาจึงได้ตะคอกใส่เสือออกไปอย่างรุนแรง〝………………〞〝ตอบฉันมาสิ!!! ทำไม... ทำไมถึงทำเรื่องโหดร้ายแบบนั้นได้ลงคอ!!!〞 เพราะเสือไม่ได้ตอบเธอกลับมา เธอถึงได้ตะคอกถามเสือต่อไปทั้งอย่างงั้น การตะคอกนั่นดังพอที่จะดึงสติของเชษฐ์กลับมาได้ แล้วทำให้เขาพยุงตัวขึ้นมาร่วมสนทนากับลินดาได้ใ
มืดสนิท.....ไม่รู้สึกหนาวซักนิด..... ไม่รู้สึกว่ามีร่างกายอยู่เลยด้วย....ความกลัวเอง... ก็หายไปแล้ว?ความรู้สึกที่มันอธิบายไม่ถูกนี่มันคืออะไร?หรือว่า ที่นี่จะเป็น.....ไอ้ที่เขาเรียกว่า.......โลกหลังความตายงั้นเหรอ.....ฉัน ตายไปแล้วสินะ.... ตอนนี้กรอยู่ในสภาวะที่ตัวเองไม่เข้าใจ จึงได้มีคำถามมากมายผุดเข้ามาในหัว แต่พอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองได้ผ่านเหตุการณ์อะไรมาก็เข้าใจได้เป็นอย่างแรกเลยว่าตัวเองนั้นได้ตายไปแล้วพอมาคิดดูแล้ว ยังมีเรื่องที่ยังไม่ได้ทำอีกตั้งเยอะเลยนะเนี่ย....แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายอีกต่อไปแล้วหล่ะ.....ความรู้สึกอ้างว้างแบบนี้มันก็ดีไปอีกแบบแฮะ...เอาเถอะ..... หายไปอย่างเงียบๆแบบไม่ต้องคิดอะไร ก็ดีเหมือนกันหล่ะนะ....เพราะเดิมทีตัวฉันก็ไม่มีตัวตนหรืออะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้คนอื่นจดจำอยู่แล้ว... เป็นแค่ไอ้ขี้แพ้เท่านั้นเองเพราะงั้นถึงหายไปซะ... ก็ไม่เป็นไรหรอก......【คิดแบบนั้นจริงๆอย่างงั้นเหรอ?】!!!!!!!!!!!!!!!! หลังจากที่กรคิดแบบนั้นพลางกำลังปล่อยให้สติหลุดลอยออกไป ราบกับจะทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไม่สนอะไรอีกแล้วนั้น จู่ๆก็มีเสียงของเด็กผู้ชายด
.......นี่มันอะไรกันเนี่ย?อยู่ดีๆก็รู้สึกเหมือนกับว่าสติลอยหายไป... แล้วตอนนี้จู่ๆมันก็กลับมาซะอย่างงั้นแล้วเมื่อกี้ก็รู้สึกเหมือนกับว่า จะมีตาลุงสวมชุดเสื้อคลุมโทรมๆที่มีหมวกคลุมหน้า กำลังจะพายเรือมารับข้ามแม่น้ำไปอีกฝั่งด้วยกันหรือยังไงนี่แหล่ะ... เป็นฝันที่แปลกชะมัด อยากรู้จริงๆแฮะว่าถ้าฝันต่อไปลุงนั่นจะพาไปไหน?เอ....แต่ว่าจากความทรงจำล่าสุดเนี่ยรู้สึกว่าเราจะล้มมอนสเตอร์ทั้งหมดได้สินะ...แต่ว่าพอล้มเจ้าพวกนั้นได้ เราก็ล้มลงไป... แล้วก็เพิ่งมารู้สึกตัวเอาป่านนี้รึว่า... เราคงแค่สลบไปละมั้ง …..หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะอืม ถ้างั้นก็.... กรที่กลับมาได้สติหลังจากฟื้นขึ้นมาจากความตายกำลังพินิจพิเคราะห์สถานการณ์ในปัจจุบันอยู่ แน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดว่าตัวเองตายไปแล้วด้วยซ้ำ แล้วพอคิดว่าตัวเองสลบไปทั้งแบบนั้น เขาจึงได้ลืมตาขึ้นมาในทันที.....〝อึก! แสบตาชะมัดยาดเลย!〞 เพราะลืมตาขึ้นมาทันทีหลังจากที่ไม่ได้รับแสงมานาน ทำให้ดวงตาที่ยังไม่ได้ปรับแสง แสบตาขึ้นมา แต่จากนั้นไม่นานเมื่อปรับแสงได้แล้วสิ่งที่กรกำลังเห็นอยู่นั้นก็คือเพดานของดันเจี้ยนที่มีส่วนประกอบเป็นดินหรือหินที
อืม...............รายละเอียดข้อมูลจำเพาะ / คลังข้อมูลความทรงจำ / ตั้งค่าสเตตัส / ตั้งค่าปาร์ตี้ / ตั้งค่าสมาชิกปาร์ตี้ / อ็อปเจ็คโดยรอบ / บุคคลโดยรอบ / แผนที่ดันเจี้ยน / แผนที่โลก / เรดาร์ตรวจจับสิ่งมีชีวิต / เรดาร์ตรวจจับสิ่งไม่มีชีวิต / คลังสูตรวัสดุและแร่ธาตุ / คลังสูตรอาหาร / คลังตำราอาวุธ / คลังตำราเครื่องป้องกัน / คลังตำราเครื่องประดับ..... ในดันเจี้ยนที่ปิดตายจากโลกภายนอก ไม่ว่าจะมองไปทางซ้ายหรือทางขวา หน้า หลัง บนหรือล่างก็เป็นอิฐ หินและดินเต็มไปหมด แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน ทั้งยังเพิ่งผ่านประสบการณ์เฉียดตาย ไม่สิ.....ฟื้นขึ้นมาจากความตายมาหมาดๆ แต่กรก็ยังคงไล่ดู『หน้าต่างตั้งค่า』จำนวนมากที่ลอยอยู่ในระดับสายตา รอบตัวเขาอยู่จำนวนกว่า 20 แผ่นอย่างใจเย็น แม้ก่อนหน้าจะตกใจกับหน้าต่างจำนวนมากที่ปรากฏขึ้นกะทันหันตรงหน้าก็ตาม แสดงให้เห็นเลยว่าจิตใจของกรนั้นแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมากพอสมควร.....ตั้งค่าค่าประสบการณ์ / ตั้งค่าอัตราการดรอปไอเทม / ตั้งค่าอาชีพ / คลังอาชีพ / ตั้งค่าสกิล / คลังสกิล / นูเมรัลดิสเพลย์ / ตั้งค่าหน้าต่างตั้งค่า......มีทั้งหมด 24 แผ่น
ก๊าซ!!!!!!!!!!〝ไอ้หยา! ดูเหมือนจะเห็นเราเข้าแล้วแฮะ〞 แม้ในตอนนี้กรจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นรองอย่างเห็นได้ชัดจากการที่กำลังโดนมอนสเตอร์ทั้ง 7 ตัวที่มีสเตตัสสุดโหดเพ่งเล็ง แต่ทั้งคำพูดและการกระทำที่ยังดูไม่ทุกข์ร้อนแม้แต่น้อยนั่นของกร แสดงให้เห็นว่าเขานั้นยังสามารถคงความเยือกเย็นไว้ได้อยู่ แต่ก็ดูเหมือนหยิ่งยโสและประมาทไปเช่นเดียวกัน〝หะหะห่ะ!!!! มันต้องแบบนี้สิ! ค่อยน่าสนุกขึ้นมาหน่อย!!!〞ก๊าซซซซซซซซ!!!!!!!!!!ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! 〝!!!!!!!!?〞 ราวกับตอบสนองต่อคำพูดของกร กลุ่มมอนสเตอร์ทั้ง 7 ที่ได้ยินเสียงตะโกนนั่นก็วิ่งกรูเข้ามาหากรอย่างรวดเร็ว แต่ว่าพอเข้ามาจนห่างจากที่กรยืนอยู่ราวๆ 7-8 เมตร มันก็หยุดนิ่ง ขณะที่กรคิดว่ามันกำลังจะทำอะไรกัน? อยู่นั้น ก็มีลิซาร์ดแมน 2 ตัว ถือสิ่งที่มีรูปร่างคล้ายคฑา ถอยร่นไปข้างหลังราวสองถึงสามก้าว แล้วจากนั้น...ก็อบลิน 2 ตัวและลิซาร์ดแมน 3 ตัวก็ออกวิ่งมายังที่ที่กรยืนอยู่ โดยมีก็อบลินทั้งสองวิ่งนำหน้ามาคู่กันแล้วตามด้วยลิซาร์ดแมนทั้งสามที่วิ่งเรียงกันเป็นแถวหน้ากระดานอยู่ข้างหลังก็อบลินมาพร้อมกัน การจัดขบวนรบอย่างร
ช่วงเที่ยงเป็นเวลาพักผ่อนของใครหลายคน แต่ไม่ใช่สำหรับคนที่มีนัดสำคัญในช่วงบ่าย นี่เป็นช่วงเวลาอันเหมาะสมในการเตรียมตัวสำหรับสองสาว... สำหรับเรเชลกับริต้า พวกเธอกำลังลองชุดสำหรับเดทในช่วงบ่ายกับแฟนหนุ่มสุดที่รักของพวกเธอ สำหรับเรเชล เรื่องชุดไม่ค่อยเป็นปัญหาเพราะเลือกไว้นานมาก และมีชุดตัวเก่งในแบบที่เรียบร้อยเหมาะสมกับตัวเองอยู่แล้ว ปัญหาคือชุดของน้องสาวอย่างริต้านี่แหละที่ทำให้พี่สาวคนนี้เป็นกังวลจนต้องกุมขมับ ถึงจะเป็นเสื้อยืดที่ใส่แล้วรัดรูปโชว์สะดือ และกางเกงยีนส์ขาสั้นเหมือนกับทุกทีก็เถอะ“...พี่ว่าชุดแบบนี้มันเปิดไปหน่อยนะ”“สงสัย... คุณกรน่าจะชอบ... แบบนี้ไม่ใช่เหรอ?” ริต้ามองกลับมาด้วยสายตาออดอ้อนอย่างบริสุทธิ์ใจ ในหัวเธอคงคิดอยู่แค่สามเรื่องเท่านั้นอันได้แก่ กร ครอบครัว แล้วก็กร ซึ่งอันที่จริงแนวคิดตรงนั้นก็ไม่ต่างจากเรเชลเท่าไรนัก ริต้ามองกวาดจากหัวจรดเท้า มองชุดเดรสแบบเปิดไหล่ของเรเชลแต่เป็นกระโปรงแบบคลุมเข่า เรียบร้อยเหมือนกับที่เรเชลใส่เป็นปกติ ความใคร่รู้ของริต้าจึงเกิดขึ้นในจังหวะนั
หลังจากเดทกับไมน์และรีเบคก้าจบลงพวกเราก็กลับบ้านเป็นเดทที่ดีอีกครั้งสำหรับสาว ๆ ที่ยังไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวกับเรานักเพราะถ้าว่ากันตามตรง เหล่าภรรยาของฉันหลายคนเพิ่งจะได้คบกันในช่วงที่กำลังลุยดันเจี้ยน ‘หมื่นเทวาใต้รัตนากร’ ของอาร์เคมีดีสหมายถึงเจนนี่ ไมน์ รีเบคก้า ซิลเวีย ยูมิน่า ฟลอร่า แล้วก็เฮเลน่ากับคอร์ดิเรีย ทั้งแปดคนนั่นแหละพวกเธอไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเดทกันเท่าไหร่ก็เลยยังเก้ ๆ กัง ๆ อยู่บ้างแต่ข้อดีก็คือไม่ว่าจะพาไปเดทที่ไหนพวกเธอก็ยังไม่คุ้นชินเลยมีโอกาสเรียนรู้กันและกันอีกมากหืม? แล้วความทรงจำเรื่องเดทจากเมื่อชาติก่อน ๆ ของพวกเธอที่เคยมีกับเรานี่ไม่นับเหรอ?ก็ไม่เชิงหรอกนะ... ความทรงจำเมื่อชาติก่อนมันก็เหมือนกับความทรงจำในวัยเด็กนั่นแหละ เรื่องเกิดตั้งนานแล้วใครจะไปจำรายละเอียดได้ล่ะจริงไหม?ก็จริงแหละที่ถ้าทำอะไรสักอย่างให้นึกถึง ความทรงจำพวกนั้นก็จะถูกกระตุ้นทำให้นึกออกแต่ฉันคุยกับทุกคนหลายรอบแล้วว่าอดีตก็คืออดีต จะไม่ให้มันกลายมาเป็นอุปสรรคในการเรียนรู้กันและกันของพวกเราหรอกก็ด้วยเหตุนั้นแหละ ทั้งแปดคนเลยยังไม่ค่อยชินกับการไปเดทแบบทั่วไป ก็เลยพาไปเดทที่ต่าง ๆ
เวลาผ่านไปจนเกินเที่ยง ฉันเลยติดต่อบอกให้ทุกคนกินข้าวรอกันไปก่อนส่วนฉัน ฟลอร่าแล้วก็ยูมิน่าไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารใกล้ ๆนับว่าเป็นการยืดเวลาเดทได้ดี สองสาวดีใจใหญ่ที่ได้ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น น่ารักจริง ๆ เลยน้าทั้งสองคนจากนั้นช่วงบ่ายไปถึงเย็นก็จะเป็นคิวของไมน์กับรีเบคก้า ฉันก็เลยต้องกลับบ้านไปเตรียมตัวใหม่เพราะทั้งสองคนก็รออยู่ที่บ้านเหมือนกันแหล่ะนะแถมแฟนของฉันแต่ละคนก็ชอบบรรยากาศการเดทแตกต่างกันด้วยทั้งสไตล์การแต่งตัว น้ำหอม สถานที่ เวลา หรือความใกล้ชิดในที่สาธารณะเพราะทุกคนโตมาต่างกันเลยมีความต้องการคนละแบบ ก็ปกตินั่นแหล่ะแต่ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิดเพราะฉันรู้สิ่งที่ทุกคนชอบดีอยู่แล้ว จำได้ขึ้นใจด้วยว่าไปแล้วพอพูดถึงความใกล้ชิด ไมน์กับรีเบคก้านี่ก็ออกจะเหนียมอายกว่าทุกคนหน่อยถ้าเป็นสาว ๆ ส่วนใหญ่จะเดินกอดแขนฉันกลางธารกำนัลได้สบายแต่ไมน์กับรีเบคก้าจะยังไม่ค่อยกล้าทำอย่างนั้นเท่าไหร่ ก็เป็นในทำนองเดียวกับรินนั่นแหล่ะอลิซนั้นยังพอว่าเพราะโตมาแบบรับวัฒนธรรมต่างชาติมาใช้เต็ม ๆก็ขนาดพุ่งเข้ามากอดฉันที่เป็นเพื่อนสนิทยังกับเพื่อนเพศเดียวกันได้สบาย ๆ นั่นแหล่ะ (ถึงเธอจะไม่ได้ทำแบบ
หลังจากการเที่ยวสวนสนุกของฉัน เจนนี่และเฮเลน่าจบลงด้วยความหวานชื่น พวกเราก็กลับบ้านด้วยความรู้สึกเต็มอิ่มขากลับก็มีการซื้อของที่ระลึกอย่างสร้อยคอให้พวกเธอและแน่นอน นอกเหนือจากนั้นพวกเราก็ซื้อเค้กกลับไปฝากทุกคนด้วยถึงจะมีเดทกับแฟนสาว แต่ก็ต้องไม่ลืมครอบครัวที่รออยู่บ้านด้วยโดยเฉพาะลูกสาวสุดที่รักอย่างแมรี่ นี่แหล่ะหน้าที่เสาหลักของบ้านล่ะ อื้ม ๆ!เท่านี้วันแห่งการพักผ่อนก็จบไปอีกวันด้วยความสงบสุข...ถึงก่อนนอนจะมีเรื่องจริงจังให้คิดนิดหน่อยก็เถอะนั่นเพราะระหว่างวันได้มีข้อมูลเกี่ยวกับกำหนดการคร่าว ๆ ของการประกาศความสำเร็จที่พวกเราทุกคนปราบอาร์เคมีดีสส่งเข้ามาน่ะสิก็มาจากพวกเสือ คัทยูชา แอดรูวส์แล้วก็พี่มารีนั่นแหล่ะดูเหมือนอีก 6 วันนับจากนี้จะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกถึงความสำเร็จของพวกเราพร้อมกับพิธีมอบรางวัลจากกษัตริย์ของอาณาจักรที่เป็นพันธมิตรก็... ฟังดูเป็นพิธีที่น่ารำคาญ แต่มันก็ขาดเสียมิได้หรอกแถมการทำแบบนั้นยังเป็นการตรวจสอบความร่วมมือจากอาณาจักรต่าง ๆ ให้ร่วมมือกันในการรับมือกับจอมมารในอนาคตด้วยแต่... ปัญหาก็คือพวกเราในตอนนี้ยังไม่มีเส้นสายในการติดต่อกับเผ่าปีศาจนี่แหล่ะ
ในห้องน้ำส่วนที่เป็นห้องแต่งตัวบ้านครอบครัวของกรก่อนหรือหลังเข้าไปใช้ห้องอาบน้ำรวมของบ้าน ซึ่งโดยปกติแล้วจะไม่มีใครใช้งานเป็นเวลานาน มันจึงเป็นเรื่องแปลกทีเดียวที่จะมีคนเพิ่งอาบน้ำในเวลาเที่ยงเศษแบบนี้ โดยเฉพาะบ้านของกรที่ต้องตื่นมากินข้าวเช้า รวมถึงอาบและแช่น้ำรวมกันทั้งบ้านเป็นกิจวัตร“แบบนี้ดีไหมนะ? หรือแบบนี้ดี?” นั่นถึงเป็นเรื่องแปลกเมื่อมีหญิงสาวกำลังจัดทรงผมด้วยสีหน้าสายตาจริงจังในเวลาเที่ยงเศษแบบนี้ คน ๆ นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสาวผู้มีสไตล์มากที่สุดและมีเสน่ห์ของสาวผู้ใหญ่เหลือล้นอย่างเจนนี่หนึ่งเดียวคนนี้เอง โดยปกติแล้วเธอเองก็ค่อนข้างดูแลตัวเองตลอดเวลา เรียกว่าแม้จะอยู่บ้านก็ยังแต่งหน้าแต่งตาบาง ๆ ให้ดูเป๊ะอยู่เสมอ อย่างน้อย ๆ นั่นก็เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แฟนหนุ่มอย่างกรรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ แต่ครั้งนี้ต่างออกไปเพราะเธอค่อนข้างจัดเต็มมากทีเดียว ถึงแบบนั้นก็ไม่มากเกินไปกว่าระดับที่ทำให้ดูผิดธรรมชาติ“เป็นยังไงบ้างคะเจนนี่” ในจังหวะนั้นก็มีคนเดินเข้ามาในห้องพอดิบพอดี เธอเป็นสาวหูแมวผู้เงียบขรึมดูไร้อารมณ์ที่สุ
ยามเช้าอันสดใสมาพร้อมเสียงสัตว์อรุณสวัสดิ์เป็นกิจวัตรอันสร้างความสดชื่นรับวันใหม่ได้ทุกครา ไม่มีเสียงปลุกอะไรไพเราะไปกว่านี้ กับบรรยากาศสดชื่นและน่าเย้ายวนชวนให้ตื่นเช้าเช่นนี้ คงไม่มีใครหาญกล้านอนต่อได้นอกเสียจากคนที่ทำงานจนเหนื่อยล้าหรือกำลังอยู่ในช่วงขี้เกียจสันหลังยาว เว้นเสียแต่ว่าเธอคนนั้นไม่ได้หลับเสียตั้งแต่แรก ข้อยกเว้นดังกล่าวคือฟีโอน่าที่กำลังนั่งเขียนเอกสารในห้องส่วนตัวของเธอ ในบ้านส่วนตัวที่อยู่อาศัยร่วมกันกับครอบครัวของเธอตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนเช้าตรู่นี้ อันที่จริงต่อให้เธอทำงานค้างไว้ก็คงไม่มีใครว่าเธอได้ เพราะในอาณาจักรที่เธอปกครองตอนนี้ไม่มีใครใหญ่ยิ่งไปกว่าเธออีกแล้ว ต่อให้ประกาศกับเหล่าขุนนางไปแล้วว่าจะวางมือ แต่สถานะของอดีตราชินีและหนึ่งในสมาชิกปาร์ตี้ผู้กอบกู้โลกคงไม่มีใครกล้าหือแน่นอนต่อให้ลงจากตำแหน่งไปแล้ว สิ่งที่ผลักดันฟีโอน่าให้ทำงานจึงเป็นแรงขับเคลื่อนส่วนตัวอย่างความรับผิดชอบล้วน ๆ จะว่าต้องการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเหล่าขุนนางก็คงได้ แต่อันที่จริง... สาเหตุหลักมันเป็นเพราะเธ
“ทนไม่ไหวแล้ว!!!” เสียงโหวกเหวกโวยวายเป็นสิ่งแรกของยามเช้าอันสดใสของพวกกร ความเหนื่อยล้าจากศึกกลางคืนทำให้ทุกคนยังงัวเงีย แต่ก็ตื่นเต็มตากันหมดเพราะเสียงตะโกนของตัวป่วนประจำบ้านอย่างอลิซ ด้วยความที่ทุกคนนอนบนฟูกปูพื้นทำให้ทุกคนนอนเกลื่อนกลาด และเพราะผ่านศึกอันหนักหน่วงกันมา ทั้งสาว ๆ และกรเลยมีแค่ผ้าห่มคนละผืนทับตัวเปล่า ๆ เหมือนเด็กแรกเกิด แต่สภาพแบบนั้นไม่ได้ทำให้อลิซร่าเริงน้อยลงเลย“ได้ยินป่าว! ฉันบอกว่า ‘ทน-ไม่-ไหว-แล้ว’ อ่ะ!” เธอทำแก้มป่องทุบพื้นหลายต่อหลายที ถึงไม่รู้ว่ากำลังหงุดหงิดเรื่องอะไรก็เถอะ“มีเรื่องอะไรแต่เช้าเนี่ย?” กรที่หนุนหมอนอยู่ถึงชันตัวขึ้น เขาต้องค่อย ๆ ใช้แขนสองข้างประคองให้มีอากับรินลงหนุนหมอนแทนจากที่นอนซบไหล่เขามาตลอดคืน อาจเพราะแบบนั้นด้วยมีอากับรินเลยทำหน้ามุ่ย แต่พอได้กรลูบหัวไปคนละสองทีพวกเธอก็ยิ้มพริ้มกันเพลินจนต้องหลับต่อ“หรือว่าอยากกอดเหรอ? งั้นมามะ” กรอ้าแขนเชื้อเชิญด้วยใบหน้าระรื่น เพราะเขาเองก็อยากจะกอดอลิซเหมือนกัน“ไม่ใช่ย่ะ! ไม่สิ... ถึงจริง ๆ จะอยากกอดก็เถอะ แต่ที่จะพูดมันไม่ใช่เรื่
————วันรุ่งขึ้นหลังจบศึก, ณ มหาดันเจี้ยนโบราณเด็กหนุ่มผู้โดดเดี่ยว ภายในมหาดันเจี้ยนโบราณของฟรังซ์ ออลเดลผู้เป็นเจ้าของนั้น มีดันเจี้ยนชั้นหนึ่งที่เป็นส่วนอยู่อาศัย หากนับตามลำดับคงเป็นชั้นที่ 101 ว่าไปแล้ว มันก็คือดันเจี้ยนชั้นเดียวกับที่กรและมีอาได้เข้ามาพักหลังจากที่เคลียร์ดันเจี้ยนแห่งนี้สำเร็จแล้วนั่นเอง คฤหาสน์ของฟรังซ์นั้นมีห้องอยู่จำนวนมากทั้งที่กำลังใช้งานอยู่และที่เป็นห้องว่างพร้อมให้ปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบต่าง ๆ ตามต้องการ ในบรรดาห้องว่างทั้งหลายเหล่านั้นคือห้องชั้นใต้ดินของอาคารหลักอันมืดมิด ได้ถูกดัดแปลงเป็นห้องกรงแบบง่าย ๆ คำว่าง่าย ๆ ที่ว่านั้น คือการใส่ลูกกรงเหล็กหน้าห้องแทนประตู พื้นที่เป็นดินไม่ได้รับการตกแต่งหรือทำความสะอาดเพื่อไว้ใช้ลงโทษ นอกเหนือจากนั้นคือกุญแจมือและเท้าที่ล่ามติดโซ่ผู้กระทำผิดเอาไว้ในฐานะนักโทษอยู่กลางห้องไม่ให้ขยับไปไหนได้ และคนที่ถูกล่าม ไม่สิ... ล่ามตัวเองอยู่นั้น ก็ไม่ได้เป็นใครอื่นนอกจากอาร์เคมีดีส ตัวอาร์เคมีดีสนั้นแม้จะถูกล่ามโซ่ในสภาพอนาถาแต่กิริยาของเขากลับยังนิ่งสงบ ทั้
————ก่อนหน้านี้เล็กน้อย“แล้ว... จะเอายังไงต่อดีล่ะเนี่ย” หลังออกมาจากมหาดันเจี้ยน ‘หมื่นเทวาใต้รัตนากร’ จนมาอยู่บนชายหาดของเกาะที่อยู่ใกล้ที่สุด เมอร์ลินก็เอ่ยถามขึ้นมาเป็นคนแรก เพราะอาเธนที่เป็นคนใช้ไอเทมทำให้ทุกคนออกมาได้รวมถึงมหาปราชญ์คนอื่น ๆ นั้นไม่ได้มาด้วย เนื่องจากจำเป็นต้องทำลายแกนพลังงานของดันเจี้ยนเพื่อลดอัตราการดูดซับเท่าที่จะทำได้แม้แกนกลางของดันเจี้ยนจะกลายเป็นลาสบอสพร้อมกับอาร์เคมีดีสไปแล้วก็ตาม และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่มันก็เหมือนถูกทิ้งไว้กลางทาง คำถามของเมอร์ลิน จึงไม่ใช่อะไรนอกจากการยืนยันสิ่งที่กรจะทำหลังจากนี้ ทั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็นและกังวล แต่ว่าก่อนหน้านั้น...“เดี๋ยวก่อนสิ! นี่จะไม่สนใจไอ้เจ้ายักษ์นั่นหน่อยเหรอเนี้ยว!?”“นะ นั่นสิคะ! นั่นน่าจะเป็นเรื่องที่ควรกังวลมากกว่านะคะ!” ในขณะที่ฟลอร่ากับซาช่าต่างก็ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าจนเหมือนคนสติแตก ซึ่งถ้าบนนั้นมีแค่เมฆสีครามเหมือนปกติก็จะดี แต่เพราะไม่ใช่ พวกเธอถึงกลัวจนขนลุกกันขนาดนั้น เพราะที่อยู่บนนั้น คือมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ที่มีร่างกายท่อนบนเป็นมนุษย์ท่อนล่า