“มัวแต่ชมกันไปมาวันนี้คงไม่ได้ขึ้นเขาแน่ อาหลานน้องและลูกสะใภ้กลับไปรอที่บ้านก่อน พี่ขึ้นเขาไปกับเจ้าใหญ่เอง” เซียวจ้ายซวนรีบบอก ตอนนี้บ่ายกว่าแล้ว หากมัวลีลาคงกลับมาค่ำแน่
“ค่ะพ่อ หนูกับแม่จะทำอาหารรออยู่ที่บ้านนะคะ เย็นนี้จะได้กินผัดไทย รับรองว่าอร่อยค่ะ” ชุยเหมยฮวากล่าวด้วยรอยยิ้ม สามคนพ่อแม่ลูกได้แต่สงสัยกับคำว่าผัดไทย นี่คือชื่ออาหารใช่ไหม
สองพ่อลูกบ้านใหญ่เซียวจึงแยกตัวขึ้นเขาเพื่อไปตัดไม้ ดีที่วันนี้มีมีดพร้ามาด้วยจะได้ไม่ต้องกลับไปเอาที่บ้านอีก ส่วนแม่เซียวและลูกสะใภ้เมื่อเก็บของเสร็จทั้งสองจึงเดินกลับบ้านพร้อมกัน
“เจ้าใหญ่ เมียลูกเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ ใช่ไหม” ระหว่างเดินขึ้นเขาเซียวจ้ายซวนเอ่ยถามลูกชายเหมือนคุยเรื่องทั่วไป
“คิดว่าใช่นะครับพ่อ เหมยฮวาแววตาของเธอที่ผมเห็นไม่เหมือนคนเก่า เธอคงเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ขอเพียงเธออย่ากลับไปเหมือนเดิมก็พอ”
“แล้วเรื่องของเจี้ยนซูลูกชายบ้านรองล่ะ เธอตัดใจแล้วจริง ๆ ใช่ไหม” พ่อเซียวไม่ใช่อยากเปิดประเด็นเรื่องนี้ แต่เรื่องของลูกสะใภ้กับเซียวเจี้ยนซูมีใครบ้างไม่รู้
“เธอคงไม่แล้วล่ะครับพ่อ ตอนที่ผมจะไปหาอาหาร ผมเป็นเธอคุยกับเจี้ยนซู ไม่คุยเปล่านะครับ เธอถีบเจี้ยนซูจนกระเด็นไปเลย หึ หึ”
เซียวหย่งเสียนเล่าเรื่องที่เขาพบเห็นให้พ่อฟังทั้งหมด เซียวจ้ายซวนอ้าปากค้าง หากเป็นคนอื่นมาเล่าให้ฟังคงไม่เชื่อ แต่นี่เป็นหย่งเสียนลูกชายตัวเองไม่เชื่อคงไม่ได้
“ดี ดีแล้ว ครอบครัวแกจะได้สมบูรณ์เสียที แต่งงานกันมาตั้งหลายเดือนแต่กลับต้องหอบฟูกมานอนห้องโถง พ่อละเห็นใจแกจริงๆ นะเจ้าใหญ่”
เซียวจ้ายซวนตบบ่าให้กำลังใจ แม้ว่าไม่ได้รักกัน เขาเชื่อว่าวันหนึ่งความใกล้ชิดและความสดใสของชุยเหมยฮวาจะทลายน้ำแข็งในใจลูกชายของเขาได้ ยิ่งชุยเหมยฮวาในตอนนี้ด้วยแล้วเขาเชื่อว่าไม่นานทั้งสองคงจะรักกันได้สักวัน
“ให้เวลาเป็นเครื่องกำหนดดีกว่านะครับพ่อ ถ้าเธอไม่เป็นฝ่ายขอหย่า และไม่ทำอะไรผิดต่อผมและครอบครัวเรา ผมคงไม่หย่าครับ”
เขาไม่ใช่คนมักมากในเมื่อแต่งกันแล้ว อีกอย่างครอบครัวเขาก็ยากจนใครจะอยากมาแต่งงานด้วย ส่วนสาเหตุทำไมเขาไม่ไปหางานหรือว่าไปสมัครเป็นทหารเหมือนลูกชายบ้านอื่น เพราะเขาไม่อยากทิ้งพ่อกับแม่ไว้สองคน แม้ว่าทำไร่ทำนาจะได้เงินไม่มาก แต่เขาได้อยู่ดูแลครอบครัวแค่นี้เขาก็พอใจแล้ว จากนั้นสองพ่อลูกบ้านเซียวจึงรีบเดินไปให้ถึงป่าด้านในเพื่อตัดไม้มาทำรถเข็นให้ชุยเหมยฮวา
ชุยเหมยฮวาเดินคล้องแขนแม่สามีพร้อมกับพูดคุยด้วยเสียงหัวเราะตลอดทาง ทำให้ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมองต้องมองเหลียวหลังคอแทบเคล็ด นี่มันเกิดอะไรขึ้น ชุยเหมยฮวาปรองดองกับแม่สามีขนาดนี้เลยเหรอ หรือว่าที่ได้ข่าวว่าหกล้มหัวฟาดพื้นจะเป็นเรื่องจริง
“สงสัยปีนี้จะไม่มีหิมะตกแล้วมั้ง พี่สะใภ้ใหญ่ของฉันสามัคคีรักใคร่กับลูกสะใภ้”
นางซูหรือนางซูหนิงแม่ของเซียวเจี้ยนซูพูดลอย ๆ เธอไม่ชอบพี่สะใภ้คนนี้เพราะจน และคิดว่าแม้เธอจะเป็นบ้านรองเซียวแต่พ่อแม่สามีกลับให้บ้านรองสืบทอดเป็นเจ้าบ้านแทนบ้านใหญ่ แค่นี้ก็ทำให้เธอเหนือกว่า
“แม่ ฉันว่าเรารีบเดินกลับไปบ้านดีกว่า เพราะเรามีอะไรให้ทำอีกเยอะ อย่ามาฟังคำไร้สาระของคนว่างงานที่ชอบจับกลุ่มนินทาคนอื่นเลย คนแบบนี้อาจจะขาดความอบอุ่นเพราะครอบครัวไม่รัก เลยเห็นใครรักกันไม่ได้”
ชุยเหมยฮวาไม่อยากคุยกับป้าพวกนี้ ว่างงานทีไรมักจะหาเรื่องจับกลุ่มนินทาชาวบ้าน ไร้สาระไปวัน ๆ อยากรู้จริง ๆ หากสามีของป้า ๆ พวกนี้เลี้ยงอีหนูและมีเมียน้อยเหมือนยุคของเธอจะทำยังไง
ชาวบ้านบางคนที่ไม่ได้นั่งรวมวงต่างก็ก้มหน้าหัวเราะ ไม่คิดว่าชุยเหมยฮวาจะย้อนกลับ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังคอยเอาอกเอาใจบ้านรองเซียวอยู่เลย
ถ้าจะไม่พูดถึงเซียวหมิงหย่วนก็คงไม่ได้ ตอนนี้เธอเองก็แต่งงานกับลู่จื่อฉี และกำลังท้องลูกคนแรก แต่กว่าที่ทั้งสองคนจะตกลงปลงใจกันได้ ชุยเหมยฮวาเธอทั้งช่วยเข็นช่วยดันไม่น้อยเพราะลู่จื่อฉีมักคิดว่าตัวเองไม่เหมาะสม อีกทั้งอาสะใภ้รองคอยกีดกันอยากให้ลูกสาวได้คนที่มีหน้ามีตากว่านี้ ส่วนเซียวเจี้ยนซูก็แต่งกับพนักงานของร้านเหมยฮวา เธอและสามีเคยบอกว่าจะให้สูตรอาหารเพื่อให้ทั้งสองคนได้มีกิจการเป็นของตัวเอง แต่สองพี่น้องบอกว่าแค่นี้พวกเขาก็พอใจแล้วส่วนไร่ผลไม้ของสองตระกูลเริ่มผลิดอกออกผล แต่บางอย่างก็ต้องรอให้เต็มวัยก่อนจะเก็บผลผลิตไปขายได้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ชุยเหมยฮวาพูดไว้ ชีวิตนี้ไม่จำเป็นต้องรวยล้นฟ้า ไม่มีหนี้สินมีเพียงกิจการเล็ก ๆ แค่นี้ก็พอแล้ว เพราะนี่คือความสุขที่แท้จริง“ในที่สุดสองแสบก็หลับเสียที”เซียวหย่งเสียนแทบจะปาดเหงื่อเมื่อต้องเอาลูกน้อยทั้งสองคนเข้านอน หน้าที่นี้เขาขอทำเองตั้งแต่ลูกเกิด ชายหนุ่มรู้สึกว่าแค่ภรรยาต้องอุ้มทองและเจ็บท้องคลอดก็พอแล้ว อะไรที่ทำได้เขายินดีที่จะทำ“เหนื่อยไหมคะ ทำงานเสร็จกลับมาบ้านยังต้องช่วยหนูเลี้ยงลูกอีก” ไม่ใช่ไม่เห็นใจสามีที่เหนื่อยจากงานแล้วต้อ
การใช้ชีวิตใจฐานะของพ่อและแม่ดำเนินไปอย่างมีความสุข แม้ว่าเซียวหย่งเสียนจะต้องไปดูร้านทั้งสองแทนภรรยาก็ตาม เมื่อเสร็จงานเขาก็จะรีบกลับมาหาลูกและภรรยา จนภาพพวกนี้ชินตากับลูกน้องและคนในครอบครัวเด็กน้อยทั้งสองคนเติบโตทุกวันจนอายุครบสามขวบ ความซนและความแสบไม่มีใครเกินใครเหมือนกับวันนี้“แม่ฮะ วันนี้พ่อจีบฉาว” เซียวคุนหยางหรือว่าหยางหยางวิ่งตัวกลมเข้ามาฟ้องแม่คนสวยของตัวเอง“หยุดเลยนะหยางหยาง พ่อยังไม่ได้ทำอย่างที่ลูกพูดสียหน่อย อยากให้พ่อโดนแม่ไล่มานอนนอกห้องหรือยังไง”คราวก่อนก็ทีหนึ่งแล้วช่างหาเรื่องให้เขาเสมอ ไม่รู้ได้ความแสบมายังไง“ไหนหยางหยางลองเล่าให้แม่ฟังสิครับ ว่าพ่อของลูกจีบสาวที่ไหน”“จีบที่ร้านที่อาเจี้ยนซูดูแลอยู่ฮะ ฉาวสวยมาก”ชุยเหมยฮวาหันมองหน้าสามีตาเขียว ก่อนจะมาตั้งใจฟังลูกชายเล่าต่อ“ฉาวชื่อ ป้าเจียงเย่วฮะ ป้าเอาบัญชีมาให้พ่อแทนลุงฉงซาน ฮ่า ๆ”นั่นปะไร เชื่อได้ที่ไหนกับความกวนของลูกชาย ไม่รู้ว่าทั้งสองคนเป็นพ่อกับลูกหรือว่าเป็นศัตรูคู่แค้นกันแน่“เป็นยังไงบ้างคะ วันนี้ร้านขนมตกแต่งเสร็จหรือยัง”นอกจากร้านอาหาร เธอเริ่มที่จะสร้างร้านขนมอีกด้วย ตอนนี้จึงเหลือเพียงตกแต่ง
บทส่งท้ายความสุขของครอบครัวเซียวหย่งเสียนมารอที่ห้องพักนานแล้ว ยังไม่เห็นภรรยารักตามเข้ามา ใจเขาเริ่มกระวนกระวายอีกครั้ง แต่ไม่นานพยาบาลและเจ้าหน้าที่เข็นคนป่วยเข้ามา“ตอนนี้คนไข้ยังไม่ตื่นนะคะ รออีกสักหน่อย แต่ปลอดภัยแล้วค่ะ” ดูจากสีหน้าของคนเป็นสามีพยาบาลวัยกลางคนจึงบอกด้วยรอยยิ้ม“ขอบคุณมากครับ”เซียวหย่งเสียนหันมาขอบคุณพยาบาล ก่อนจะเดินไปยืนข้างภรรยารักที่กำลังนอนอยู่ สายตาที่มองช่างอ่อนโยน ยากจะหาสิ่งใดเปรียบ จนนางหลินหลานอดที่จะปลื้มใจความรักของทั้งสองคนได้“เดี๋ยวแม่ขอไปดูหลานก่อนนะ แล้วจะรีบกลับมา ลูกจะไปด้วยไหม” ในเมื่อลูกสะใภ้ยังไม่ตื่น เจ้าหน้าที่คงยังไม่พาหลานทั้งสองคนมา เธอจึงขอไปดูด้วยตัวเองก่อน“ไม่ดีกว่าครับแม่ ผมขออยู่กับเสี่ยวฮวาดีกว่า เดี๋ยวตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เจอใคร”นางหลินหลานพยักหน้าให้ก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อไปดูหลานรักทั้งสองคน“หิวน้ำ” เสียงอันอิดโรยของชุยเหมยฮวาดังขึ้น ทำให้เซียวหย่งเสียนตื่นตัวอีกครั้งและรีบไปรินน้ำใส่แก้วแล้วนำมาป้อนภรรยารัก“ค่อย ๆ กินนะครับ เดี๋ยวสำลัก”“ขอบคุณมากค่ะ หนูอิ่มแล้ว”เซียวหย่งเสียนวางแก้วไว้ตรงโต๊ะ ก่อนจะเดินเข้ามาแทรกตัวข
เจ้าใหญ่ นั่งก่อนเถอะ เสี่ยวฮวาอยู่กับหมอแล้วไม่เป็นอะไรหรอก” นางหลินหลานอดที่จะบ่นลูกชายไม่ได้ เธอมองตามไปมาตอนนี้เริ่มจะหน้ามืดแล้วเหมือนกัน“ผมเป็นห่วงครับแม่ เสี่ยวฮวาเข้าไปนานแล้ว หมอยังไม่ออกมาบอกเลย ผม...ผมกลัว”แค่ได้ยินเสียงที่เจ็บปวดของภรรยารัก เขาแทบจะไม่อยากให้คลอดลูกแล้ว ถ้าเป็นไปได้เขาขอเจ็บแทบดีกว่า แค่เห็นน้ำตาเธอเขาก็ใจสลายแทน“เจ้าใหญ่มานั่งนี่”เธอกวักมือเรียกให้ลูกชายมานั่ง เซียวหย่งเสียนไม่อยากขัดจึงเดินมานั่งข้าง ๆ นางหลินหลานจึงจับมือลูกชายมาตบหลังมือเบา ๆ และพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน“ฟังแม่นะ ลูกผู้หญิงทุกคนเมื่อแต่งงานย่อมต้องเจอเหตุการณ์นี้ แม้ว่าจะเจ็บปวดสักแค่ไหน แต่เมื่อเห็นหน้าลูกย่อมหายเจ็บและรู้สึกว่าคุ้มค่ามากหากเทียบกับความเจ็บที่เจอมา เสี่ยวฮวาคนนี้ย่อมต้องผ่านมันไปได้ เธอรู้ดีว่ามีครอบครัวและสามีที่ดีเช่นลูกรออยู่ เธอไม่มีทางไปไหนแน่นอน”เซียวหย่งเสียนได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของแม่ แผ่นหลังของชายหนุ่มเย็นไปหมด แม่พูดเช่นนี้เท่ากับท่านรับรู้มาตลอดว่าชุยเหมยฮวาไม่ใช่คนเดิม เขาจึงหันมองหน้าแม่อย่างตื่นตกใจ“แม่รู้...”“อย่าลืมว่าพ่อของลูกกับพ่อของเสี่ยวฮ
“ยินดีด้วยนะคะ คุณแม่ท้องได้สองเดือนแล้ว” คุณหมอกล่าวหลังจากตรวจเสร็จ ชุยเหมยฮวาและเซียวหย่งเสียนมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม ในที่สุดเจ้าตัวเล็กก็มาเสียทีตอนนี้ครอบครัวเขาสมบูรณ์แล้วจากนั้นคุณหมอจึงบอกวิธีการดูแลคนท้องให้กับสองสามีฟังอย่างละเอียด แต่มีเหรอที่เซียวหย่งเสียนจะไม่ถามเรื่องการแสดงความรักกับภรรยา“ยังคงปฏิบัติได้เหมือนเดิมค่ะ เพียงแค่รอให้พ้นช่วงสามเดือนแรกไปก่อน แต่หลังจากนั้นยังคงต้องระวังความรุนแรงสักเล็กน้อย จนกว่าจะใกล้กำหนดคลอด”คุณหมอใบหน้าเกิดริ้วแดง ไม่คิดว่าสามีคนไข้ท่านนี้จะถามออกมาตรงๆหลังจากรับยาบำรุงสองสามีภรรยาจึงกลับมาที่ร้านเพื่อบอกข่าวดีแก่ทุกคน“เสี่ยวฮวา น้องกำลังท้องอยู่นะ เดินเหินระวังด้วยสิ” เซียวหย่งเสียนปวดหัวมากกับความดื้อรั้นของภรรยารัก“พี่หย่งเสียน หนูท้องนะไม่ได้ป่วยพี่จะไม่ให้หนูทำอะไรเลยไม่ได้ ฮือ...พี่ไม่รักหนูแล้วใช่ไหม พี่เลยดุหนูตลอด หนูแค่เดินมาหาทุกคนเท่านั้นเอง” ชุยเหมยฮวาน้ำเสียงสะอื้นตอบกลับ เธอไม่รู้อารมณ์ตัวเองเหมือนกัน เพียงแค่โดนดุเล็กน้อยเธอก็น้ำตาซึมแล้ว“โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะครับคนเก่ง ไม่ใช่พี่ไม่รักหนู แต่เพราะรัก พี่จึงเป็นห่วง ครั้
ชุยเหมยฮวายิ้มรับก่อนจะพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน “ไม่ใช่เพราะฉันคนเดียวหรอกป้า แต่ทุกคนต่างหากที่ร่วมด้วยช่วยกันจนมีวันนี้ ฉันเองก็ต้องขอบคุณพี่หย่งเสียนที่ยอมแต่งกับหญิงร้ายกาจเช่นฉัน พอวันหนึ่งที่ฉันคิดได้จึงรู้ว่าอะไรและใครสำคัญที่สุด ฉันเลยคิดที่จะเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนที่รัก”ชาวบ้านได้แต่ยิ้มให้ จากนั้นชุยเหมยฮวาจึงเดินดูความเรียบร้อยในส่วนอื่น ๆ ก่อนจะเดินมาหาสามีที่ยังนั่งดื่มกินกับเจ้าบ่าวและกลุ่มของเพื่อนที่มาจากในอำเภอและในหมู่บ้าน“พี่หย่งเสียน หนูจะเข้าไปหาพี่สะใภ้ พี่เองก็อย่าแกล้งพี่ใหญ่มากล่ะ เดี๋ยวจะเมาแล้วไม่ได้เข้าหอ”“พี่ไม่แกล้งพี่สัญญา เพราะคืนนี้พี่ต้องเข้าหอด้วยเหมือนกัน”เมื่อเจอการหยอกล้อของสามีใบหน้าของหญิงสาวจึงแดงขึ้นเพราะความเขินอายและรีบเดินจากไปทันทีชุยเหมยฮวาอยู่เป็นเพื่อนพี่สะใภ้อีกสักพักก่อนจะกลับไปจัดการอาหารที่บ้านใหญ่เซียวเพราะเดี๋ยวจะมีชาวบ้านมาขนไปที่บ้านชุย เพื่อนำไปแจกจ่าย และรอสามีรักกลับมาเข้าหอกับเธอเหมือนพี่ชายและพี่สะใภ้วันเวลาผ่านไปจนวันที่รอคอยของชุยเหมยฮวาและเซียวหย่งเสียนมาถึงเสียที ภัตตาคารเซียวเหมยเปิดทำการแล้ว พิธีเปิดในวันนี้เซียวจ้า