เมื่อพากันเข้ามาในมิติ เซียวหย่งเสียนจึงอยู่ในร้านอาหารของเธอ จะเรียกว่าร้านอาหารคงไม่ใช่ต้องบอกว่าเป็นภัตตาคารอันหรูหรามากกว่า
“นี่คือกิจการเพียงอย่างเดียวของหนูที่มีและติดตัวมาด้วย พี่คิดว่าเราเอาของไปขายในตลาดมืดดีไหม คงจะได้เงินเยอะ จะได้มีเงินสร้างบ้านและไว้ใช้จ่าย ทุกคนจะได้ไม่ลำบาก” เธอพูดลองใจอยากจะรู้ว่าเขาจะตอบยังไง
“อย่าเลย ในเมื่อมันคือกิจการของหนู ก็ทำมันเหมือนเดิมนี่แหละ อยากขายอาหารไม่ใช่เหรอ ช่วยกันทำดีกว่าแม้ว่าจะเหนื่อยแต่มันภูมิใจกว่านะ เพราะใช้แรงงานทำเองไม่ได้เอาของพวกนี้ออกไปเร่ขาย”
เซียวหย่งเสียนหลังจากที่รวบรวมสติได้เขาจึงตอบกลับตามความคิดของตัวเอง
“แล้วพี่ไม่อยากได้เงินเยอะๆ เหรอ”
“ไม่ล่ะ มีเงินเยอะแต่ไม่ได้มาเพราะหยาดเหงื่อแรงกายของตนเองพี่ก็ไม่ต้องการ ถ้าหนูอยากจะขายพี่พาเข้าตลาดมืดได้ หนูต้องเก็บเงินเองเพราะพี่ไม่ต้องการ
แต่ถ้าจะทำการค้าที่ใช้แรงงานของตนเองพี่ยินดีที่จะช่วย ทำงานหาเงินสักหน่อยคงจะเก็บเงินเช่าร้านได้ หากการทำร้านอาหารคือความฝันของหนูพี่ยินดีจะช่วย อย่างน้อยเราไม่ต้องลงทุนของอะไร” ในเมื่อมีวัตถุดิบขนาดนี้แล้ว ไม่สู้เก็บไว้กินหรือทำอาหารขายล่ะ คนจะได้รู้ด้วยว่าหาเงินมาได้เพราะทำการค้า
ชุยเหมยฮวายิ้มให้ ผู้ชายคนนี้ไม่มีความโลภในแววตาขณะที่พูด ดังนั้นเธอจึงพูดในใจว่า ‘เหมฮวา ในเมื่อเธอจากไปแล้ว ฉันจะทำบุญให้และจะดูแลพ่อและพี่ชายของเธอเอง แต่พี่หย่งเสียนหากวันไหนที่ฉันรักเขา ฉันขอนะ’ เธอขอในใจอย่างหน้าด้านๆ ผู้ชายดี ๆ และซื่อแบบนี้หากปล่อยไปก็เสียดายแย่
“ขอถามอีกคำหนึ่ง หากเอาผลไม้ไปตั้งแผงขายพร้อมกับทำอาหารขาย แบบนี้ได้ไหม ถ้าเกิดมีคนถามเราค่อยบอกว่ารับมา ได้หรือเปล่า”
“อืม ได้สิ ขอแค่ไม่เข้าตลาดมืดก็พอ มันอันตราย”
เซียวหย่งเสียนคิดไม่นานจึงตอบตกลง เรื่องขายของและผลผลิตพวกนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ตลาดในอำเภอหรือในเมืองมีขายเยอะแยะ ต่อให้เปิดร้านขายข้าวสารก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด เขาเพียงไม่อยากให้เข้าตลาดมืดเท่านั้นเอง และที่สำคัญเขาเป็นผู้ชาย เป็นหัวหน้าครอบครัว และเป็นสามี หากเอาของที่ภรรยามีไปขายเพื่อให้ได้เงินมา แล้วศักดิ์ศรีของเขาอยู่ที่ไหนล่ะ
“พี่จะอาบน้ำไหม เดี๋ยวพาไปดูห้องเก็บของด้านหลัง มีของใช้ที่หนูซื้อเตรียมไว้ว่าจะเอาไปบริจาคบนดอย เสื้อผ้าพวกนั้นพ่อและทุกคนน่าจะใส่ได้” บนดอยนั้นส่วนมากจะใส่เสื้อคอจีนและเสื้อเชิ้ต ส่วนของผู้หญิงก็ไม่ผิดแปลกจากที่นี่มาก คิดว่าคงใส่กันได้ ยังมีผ้าอีกหลายพับ
“เอาไปบริจาค หมายความว่าหนูชอบทำบุญเหรอ ถึงได้ซื้อของมากมาย”
เซียวหย่งเสียนมองห้องเก็บของที่เธอบอก แต่สำหรับเขามันคือโกดังขนาดย่อม ยังมีจักรยานจอดเรียงรายอีกหลายคัน และยังมีมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ด้วย แต่ที่เขามองไม่วางตาคือมอเตอร์ไซค์คันใหญ่สามคัน มีสีดำ สีแดงและสีน้ำเงิน หากจะบอกว่าเขาไม่สนใจคงโกหก แต่เพียงแค่สนใจไม่ช่อยากได้มาเป็นของตนเอง
“เดี๋ยวนะ ทำไมคันสีแดงยังจอดอยู่ที่นี่ล่ะ ในเมื่อขับมันไปชนจนพังยับเยิน”
ชุยเหมยฮวาแปลกใน ห้องนี้เธอใช้สำหรับเก็บรถมอเตอร์ไซค์เท่านั้น เพราะรถยนต์เธอจอดไว้ที่โรงรถ ในเมื่อเธอขับชนตอม่อไปแล้ว ทำไมรถยังอยู่ในสภาพเดิมล่ะ โอ๊ย! ยิ่งคิดยิ่งมึน
“เสี่ยวฮวา หนูอย่าบอกพี่นะว่าใช้มอเตอร์ไซค์คันใหญ่พวกนี้ขับขี่ไปไหนมาไหนเสมอ” เซียวหย่งเสียนถามอย่างไม่ค่อยเชื่อ ต้องตัวใหญ่ขนาดไหนกันถึงจะขี่รถพวกนี้ได้ หากเป็นหญิงสาวร่างเล็กจะไม่ล้มโดนรถทับเหรอ
ชุยเหมยฮวาเหมือนจะเข้าใจในความคิดของชายหนุ่ม เธอจึงยิ้มให้และพยักหน้ารับ “หนูไม่ชอบขับรถยนต์ เพราะช่วงเวลารถติดมันไม่สะดวก และหนูชอบความเร็ว”
เซียวหย่งเสียนจึงไม่พูดอะไรต่อ หวังเพียงว่าคงไม่ขับรถพวกนี้ในเมืองหรือในอำเภอหรอกนะ ไม่งั้นคงมีคนแต่ตื่นแน่
ถ้าจะไม่พูดถึงเซียวหมิงหย่วนก็คงไม่ได้ ตอนนี้เธอเองก็แต่งงานกับลู่จื่อฉี และกำลังท้องลูกคนแรก แต่กว่าที่ทั้งสองคนจะตกลงปลงใจกันได้ ชุยเหมยฮวาเธอทั้งช่วยเข็นช่วยดันไม่น้อยเพราะลู่จื่อฉีมักคิดว่าตัวเองไม่เหมาะสม อีกทั้งอาสะใภ้รองคอยกีดกันอยากให้ลูกสาวได้คนที่มีหน้ามีตากว่านี้ ส่วนเซียวเจี้ยนซูก็แต่งกับพนักงานของร้านเหมยฮวา เธอและสามีเคยบอกว่าจะให้สูตรอาหารเพื่อให้ทั้งสองคนได้มีกิจการเป็นของตัวเอง แต่สองพี่น้องบอกว่าแค่นี้พวกเขาก็พอใจแล้วส่วนไร่ผลไม้ของสองตระกูลเริ่มผลิดอกออกผล แต่บางอย่างก็ต้องรอให้เต็มวัยก่อนจะเก็บผลผลิตไปขายได้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ชุยเหมยฮวาพูดไว้ ชีวิตนี้ไม่จำเป็นต้องรวยล้นฟ้า ไม่มีหนี้สินมีเพียงกิจการเล็ก ๆ แค่นี้ก็พอแล้ว เพราะนี่คือความสุขที่แท้จริง“ในที่สุดสองแสบก็หลับเสียที”เซียวหย่งเสียนแทบจะปาดเหงื่อเมื่อต้องเอาลูกน้อยทั้งสองคนเข้านอน หน้าที่นี้เขาขอทำเองตั้งแต่ลูกเกิด ชายหนุ่มรู้สึกว่าแค่ภรรยาต้องอุ้มทองและเจ็บท้องคลอดก็พอแล้ว อะไรที่ทำได้เขายินดีที่จะทำ“เหนื่อยไหมคะ ทำงานเสร็จกลับมาบ้านยังต้องช่วยหนูเลี้ยงลูกอีก” ไม่ใช่ไม่เห็นใจสามีที่เหนื่อยจากงานแล้วต้อ
การใช้ชีวิตใจฐานะของพ่อและแม่ดำเนินไปอย่างมีความสุข แม้ว่าเซียวหย่งเสียนจะต้องไปดูร้านทั้งสองแทนภรรยาก็ตาม เมื่อเสร็จงานเขาก็จะรีบกลับมาหาลูกและภรรยา จนภาพพวกนี้ชินตากับลูกน้องและคนในครอบครัวเด็กน้อยทั้งสองคนเติบโตทุกวันจนอายุครบสามขวบ ความซนและความแสบไม่มีใครเกินใครเหมือนกับวันนี้“แม่ฮะ วันนี้พ่อจีบฉาว” เซียวคุนหยางหรือว่าหยางหยางวิ่งตัวกลมเข้ามาฟ้องแม่คนสวยของตัวเอง“หยุดเลยนะหยางหยาง พ่อยังไม่ได้ทำอย่างที่ลูกพูดสียหน่อย อยากให้พ่อโดนแม่ไล่มานอนนอกห้องหรือยังไง”คราวก่อนก็ทีหนึ่งแล้วช่างหาเรื่องให้เขาเสมอ ไม่รู้ได้ความแสบมายังไง“ไหนหยางหยางลองเล่าให้แม่ฟังสิครับ ว่าพ่อของลูกจีบสาวที่ไหน”“จีบที่ร้านที่อาเจี้ยนซูดูแลอยู่ฮะ ฉาวสวยมาก”ชุยเหมยฮวาหันมองหน้าสามีตาเขียว ก่อนจะมาตั้งใจฟังลูกชายเล่าต่อ“ฉาวชื่อ ป้าเจียงเย่วฮะ ป้าเอาบัญชีมาให้พ่อแทนลุงฉงซาน ฮ่า ๆ”นั่นปะไร เชื่อได้ที่ไหนกับความกวนของลูกชาย ไม่รู้ว่าทั้งสองคนเป็นพ่อกับลูกหรือว่าเป็นศัตรูคู่แค้นกันแน่“เป็นยังไงบ้างคะ วันนี้ร้านขนมตกแต่งเสร็จหรือยัง”นอกจากร้านอาหาร เธอเริ่มที่จะสร้างร้านขนมอีกด้วย ตอนนี้จึงเหลือเพียงตกแต่ง
บทส่งท้ายความสุขของครอบครัวเซียวหย่งเสียนมารอที่ห้องพักนานแล้ว ยังไม่เห็นภรรยารักตามเข้ามา ใจเขาเริ่มกระวนกระวายอีกครั้ง แต่ไม่นานพยาบาลและเจ้าหน้าที่เข็นคนป่วยเข้ามา“ตอนนี้คนไข้ยังไม่ตื่นนะคะ รออีกสักหน่อย แต่ปลอดภัยแล้วค่ะ” ดูจากสีหน้าของคนเป็นสามีพยาบาลวัยกลางคนจึงบอกด้วยรอยยิ้ม“ขอบคุณมากครับ”เซียวหย่งเสียนหันมาขอบคุณพยาบาล ก่อนจะเดินไปยืนข้างภรรยารักที่กำลังนอนอยู่ สายตาที่มองช่างอ่อนโยน ยากจะหาสิ่งใดเปรียบ จนนางหลินหลานอดที่จะปลื้มใจความรักของทั้งสองคนได้“เดี๋ยวแม่ขอไปดูหลานก่อนนะ แล้วจะรีบกลับมา ลูกจะไปด้วยไหม” ในเมื่อลูกสะใภ้ยังไม่ตื่น เจ้าหน้าที่คงยังไม่พาหลานทั้งสองคนมา เธอจึงขอไปดูด้วยตัวเองก่อน“ไม่ดีกว่าครับแม่ ผมขออยู่กับเสี่ยวฮวาดีกว่า เดี๋ยวตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เจอใคร”นางหลินหลานพยักหน้าให้ก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อไปดูหลานรักทั้งสองคน“หิวน้ำ” เสียงอันอิดโรยของชุยเหมยฮวาดังขึ้น ทำให้เซียวหย่งเสียนตื่นตัวอีกครั้งและรีบไปรินน้ำใส่แก้วแล้วนำมาป้อนภรรยารัก“ค่อย ๆ กินนะครับ เดี๋ยวสำลัก”“ขอบคุณมากค่ะ หนูอิ่มแล้ว”เซียวหย่งเสียนวางแก้วไว้ตรงโต๊ะ ก่อนจะเดินเข้ามาแทรกตัวข
เจ้าใหญ่ นั่งก่อนเถอะ เสี่ยวฮวาอยู่กับหมอแล้วไม่เป็นอะไรหรอก” นางหลินหลานอดที่จะบ่นลูกชายไม่ได้ เธอมองตามไปมาตอนนี้เริ่มจะหน้ามืดแล้วเหมือนกัน“ผมเป็นห่วงครับแม่ เสี่ยวฮวาเข้าไปนานแล้ว หมอยังไม่ออกมาบอกเลย ผม...ผมกลัว”แค่ได้ยินเสียงที่เจ็บปวดของภรรยารัก เขาแทบจะไม่อยากให้คลอดลูกแล้ว ถ้าเป็นไปได้เขาขอเจ็บแทบดีกว่า แค่เห็นน้ำตาเธอเขาก็ใจสลายแทน“เจ้าใหญ่มานั่งนี่”เธอกวักมือเรียกให้ลูกชายมานั่ง เซียวหย่งเสียนไม่อยากขัดจึงเดินมานั่งข้าง ๆ นางหลินหลานจึงจับมือลูกชายมาตบหลังมือเบา ๆ และพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน“ฟังแม่นะ ลูกผู้หญิงทุกคนเมื่อแต่งงานย่อมต้องเจอเหตุการณ์นี้ แม้ว่าจะเจ็บปวดสักแค่ไหน แต่เมื่อเห็นหน้าลูกย่อมหายเจ็บและรู้สึกว่าคุ้มค่ามากหากเทียบกับความเจ็บที่เจอมา เสี่ยวฮวาคนนี้ย่อมต้องผ่านมันไปได้ เธอรู้ดีว่ามีครอบครัวและสามีที่ดีเช่นลูกรออยู่ เธอไม่มีทางไปไหนแน่นอน”เซียวหย่งเสียนได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของแม่ แผ่นหลังของชายหนุ่มเย็นไปหมด แม่พูดเช่นนี้เท่ากับท่านรับรู้มาตลอดว่าชุยเหมยฮวาไม่ใช่คนเดิม เขาจึงหันมองหน้าแม่อย่างตื่นตกใจ“แม่รู้...”“อย่าลืมว่าพ่อของลูกกับพ่อของเสี่ยวฮ
“ยินดีด้วยนะคะ คุณแม่ท้องได้สองเดือนแล้ว” คุณหมอกล่าวหลังจากตรวจเสร็จ ชุยเหมยฮวาและเซียวหย่งเสียนมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม ในที่สุดเจ้าตัวเล็กก็มาเสียทีตอนนี้ครอบครัวเขาสมบูรณ์แล้วจากนั้นคุณหมอจึงบอกวิธีการดูแลคนท้องให้กับสองสามีฟังอย่างละเอียด แต่มีเหรอที่เซียวหย่งเสียนจะไม่ถามเรื่องการแสดงความรักกับภรรยา“ยังคงปฏิบัติได้เหมือนเดิมค่ะ เพียงแค่รอให้พ้นช่วงสามเดือนแรกไปก่อน แต่หลังจากนั้นยังคงต้องระวังความรุนแรงสักเล็กน้อย จนกว่าจะใกล้กำหนดคลอด”คุณหมอใบหน้าเกิดริ้วแดง ไม่คิดว่าสามีคนไข้ท่านนี้จะถามออกมาตรงๆหลังจากรับยาบำรุงสองสามีภรรยาจึงกลับมาที่ร้านเพื่อบอกข่าวดีแก่ทุกคน“เสี่ยวฮวา น้องกำลังท้องอยู่นะ เดินเหินระวังด้วยสิ” เซียวหย่งเสียนปวดหัวมากกับความดื้อรั้นของภรรยารัก“พี่หย่งเสียน หนูท้องนะไม่ได้ป่วยพี่จะไม่ให้หนูทำอะไรเลยไม่ได้ ฮือ...พี่ไม่รักหนูแล้วใช่ไหม พี่เลยดุหนูตลอด หนูแค่เดินมาหาทุกคนเท่านั้นเอง” ชุยเหมยฮวาน้ำเสียงสะอื้นตอบกลับ เธอไม่รู้อารมณ์ตัวเองเหมือนกัน เพียงแค่โดนดุเล็กน้อยเธอก็น้ำตาซึมแล้ว“โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะครับคนเก่ง ไม่ใช่พี่ไม่รักหนู แต่เพราะรัก พี่จึงเป็นห่วง ครั้
ชุยเหมยฮวายิ้มรับก่อนจะพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน “ไม่ใช่เพราะฉันคนเดียวหรอกป้า แต่ทุกคนต่างหากที่ร่วมด้วยช่วยกันจนมีวันนี้ ฉันเองก็ต้องขอบคุณพี่หย่งเสียนที่ยอมแต่งกับหญิงร้ายกาจเช่นฉัน พอวันหนึ่งที่ฉันคิดได้จึงรู้ว่าอะไรและใครสำคัญที่สุด ฉันเลยคิดที่จะเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนที่รัก”ชาวบ้านได้แต่ยิ้มให้ จากนั้นชุยเหมยฮวาจึงเดินดูความเรียบร้อยในส่วนอื่น ๆ ก่อนจะเดินมาหาสามีที่ยังนั่งดื่มกินกับเจ้าบ่าวและกลุ่มของเพื่อนที่มาจากในอำเภอและในหมู่บ้าน“พี่หย่งเสียน หนูจะเข้าไปหาพี่สะใภ้ พี่เองก็อย่าแกล้งพี่ใหญ่มากล่ะ เดี๋ยวจะเมาแล้วไม่ได้เข้าหอ”“พี่ไม่แกล้งพี่สัญญา เพราะคืนนี้พี่ต้องเข้าหอด้วยเหมือนกัน”เมื่อเจอการหยอกล้อของสามีใบหน้าของหญิงสาวจึงแดงขึ้นเพราะความเขินอายและรีบเดินจากไปทันทีชุยเหมยฮวาอยู่เป็นเพื่อนพี่สะใภ้อีกสักพักก่อนจะกลับไปจัดการอาหารที่บ้านใหญ่เซียวเพราะเดี๋ยวจะมีชาวบ้านมาขนไปที่บ้านชุย เพื่อนำไปแจกจ่าย และรอสามีรักกลับมาเข้าหอกับเธอเหมือนพี่ชายและพี่สะใภ้วันเวลาผ่านไปจนวันที่รอคอยของชุยเหมยฮวาและเซียวหย่งเสียนมาถึงเสียที ภัตตาคารเซียวเหมยเปิดทำการแล้ว พิธีเปิดในวันนี้เซียวจ้า