หลังจากวันที่จื่อเหยาได้เชือดไก่ให้ลิงดูโดยการจัดการพ่อบ้านสวีจนอยู่หมัด ชีวิตความเป็นอยู่ในเรือนเมฆาคล้อยของนางกับเสี่ยวชุนก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างแท้จริง
สำรับอาหารที่ถูกส่งมาในแต่ละมื้อล้วนเป็นข้าวสวยร้อน ๆ พร้อมกับข้าว และเนื้อปลาอย่างดี เสื้อผ้าที่เคยขาดปะก็ถูกแทนที่ด้วยชุดใหม่ที่สะอาดสะอ้าน
แม้จะไม่หรูหราเท่าในจวนใหญ่แต่ก็ถือว่าดีที่สุดเท่าที่เรือนพักแห่งนี้จะหาได้ เบี้ยหวัดรายเดือนที่เคยถูกยักยอกไปก็ถูกนำมามอบให้ถึงมืออย่างครบถ้วน
บ่าวไพร่คนอื่น ๆ ไม่มีใครกล้าแสดงท่าทีดูแคลนนางอีกต่อไป อีกทั้งทุกครั้งที่พบนาง ผู้คนเหล่านี้ก็จะรีบก้มหน้าหลีกทางให้ด้วยความยำเกรง
ความสงบสุขที่ได้มาอย่างไม่คาดฝันนี้ทำให้จื่อเหยามีเวลาได้ฟื้นฟูร่างกายอย่างเต็มที่ นางดื่มยาถอนพิษที่ปรุงขึ้นเองทุกวัน และเริ่มฝึกกายบริหารแบบผสมผสานเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกายที่อ่อนแอของตนอย่างต่อเนื่อง
แต่แล้วความสงบสุขนั้น...ก็อยู่ได้ไม่นาน ทั้งนี้เป็นเพราะหลายวันต่อมาท้องฟ้าเหนือเรือนเมฆาคล้อยก็เริ่มมืดครึ้ม ก่อนที่สายฝนจะโปรยปรายลงมาและมันก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกเลย
ฝนตกหนักติดต่อกันสามวันสามคืนเต็ม เสียงฝนที่กระหน่ำหลังคาดังราวกับเสียงกลองศึกที่ไม่เคยหยุดพัก ลานดินหน้าเรือนพักกลายเป็นทะเลโคลนเฉอะแฉะ
ลำธารท้ายหมู่บ้านที่เคยใสสะอาดบัดนี้กลับเอ่อล้นไปด้วยน้ำป่าสีขุ่นคลั่ก บรรยากาศอบอวลไปด้วยความชื้นแฉะและกลิ่นดินกลิ่นหญ้าที่ดูเหมือนจะพาให้ผู้คนรู้สึกหดหู่และไม่สบายตัว
ในวันที่สี่ ขณะที่สายฝนยังคงตกพรำ ๆ อยู่ด้านนอก จื่อเหยากำลังนั่งอ่านตำราประวัติศาสตร์ที่นางให้วิญญาณป้าจางไปหยิบยืมมาจากห้องของพ่อบ้านสวีอย่างใจเย็น โดยมีเสี่ยวชุนนั่งปักผ้าอยู่เคียงข้าง ในขณะที่บรรยากาศในห้องดูสงบสุขและอบอุ่น...อยู่นั้น
[ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!]
เสียงเตือนของระบบไขความจริงดังขึ้นในหัวของนางอย่างกะทันหัน! แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่เสียงใส ๆ เหมือนทุกที แต่เป็นเสียงเตือนถี่ ๆ ที่แฝงไว้ด้วยความเร่งด่วน หน้าต่างระบบที่ปรากฏขึ้นก็ไม่ได้เป็นสีฟ้าสบายตา แต่กลับเป็นสีแดงฉานราวกับเลือด!
[คำเตือนฉุกเฉินระดับสีแดง! ตรวจพบปัจจัยเสี่ยงขั้นวิกฤตต่อการเกิดโรคระบาดในพื้นที่หมู่บ้านเมฆาคล้อย]
จื่อเหยาชะงักงันไปทันที นางรีบตั้งสมาธิอ่านข้อความต่อไป
[วิเคราะห์ข้อมูล: ฝนตกหนักต่อเนื่อง + ระบบสุขอนามัยพื้นฐานต่ำ + แหล่งน้ำดื่มจากบ่อและลำธารมีโอกาสปนเปื้อนสูง = ประเมินว่ามีโอกาส 95% ที่จะเกิดการระบาดอหิวาตกโรคภายใน 72 ชั่วโมงข้างหน้า!]
หัวใจของจื่อเหยาหล่นวูบ! (อหิวาตกโรค!) ในยุคสมัยที่การแพทย์ยังล้าหลังขนาดนี้ โรคระบาดชนิดนี้ไม่ต่างอะไรกับยมทูตที่จะมาคร่าชีวิตของผู้คนไปทั้งหมู่บ้านเลยทีเดียว
[ภารกิจป้องกันฉุกเฉินใหม่: ผู้พิทักษ์แห่งเมฆาคล้อยเป้าหมายภารกิจ: 1. เตรียมการป้องกันล่วงหน้าเพื่อยับยั้งการระบาด 2. หากเกิดการระบาด ต้องลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยให้ต่ำกว่า 10% 3. ค้นหาและกำจัดต้นตอการปนเปื้อนของแหล่งน้ำ รางวัลเมื่อสำเร็จภารกิจ: 200 แต้มไขความจริง สูตรการผลิตสารน้ำเกลือ (Oral Rehydration Salts Formula/ออ-รัล / รี-ไฮ-เดร-ชัน / ซอลต์ส / ฟอร์-มิว-ล่า) ชื่อเสียงในหมู่ชาวบ้าน +100 บทลงโทษหากล้มเหลว: เกิดการระบาดครั้งใหญ่ มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และโฮสต์มีความเสี่ยงติดเชื้อสูง]
จื่อเหยาหน้าซีดเผือด ความสงบสุขเมื่อครู่มลายหายไปจนหมดสิ้น สัญชาตญาณของแพทย์ในภาวะฉุกเฉินเข้าครอบงำทุกความคิดของนางทันที
"คุณหนู...เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ? เหตุใดจึงหน้าซีดเช่นนั้น?" เสี่ยวชุนถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นปฏิกิริยาของผู้เป็นนาย
จื่อเหยาไม่ได้ตอบ นางลุกพรวดขึ้นทันที "เสี่ยวชุน! ทิ้งงานในมือทุกอย่างแล้วฟังข้า!"
น้ำเสียงที่เฉียบขาดและจริงจังของนางทำให้เสี่ยวชุนสะดุ้งและรีบวางมือจากงานปักผ้า
"ไปที่โรงครัวเดี๋ยวนี้!" จื่อเหยาสั่งการอย่างรวดเร็ว "ไปหาเกลือมาให้ข้า...หามาให้ได้มากที่สุด! แล้วก็น้ำตาล...น้ำตาลกรวดหรือน้ำผึ้งก็ได้! และที่สำคัญที่สุด...ไปหาปูนขาว...ถามคนงานว่าพวกเขาเก็บปูนขาวไว้ที่ไหน! บอกว่าเป็นคำสั่งจากข้า! หากใครขัดขวาง ให้บอกว่าถ้าไม่อยากให้เกิดเรื่องหายนะขึ้นก็จงทำตามที่ข้าสั่ง!"
"ดะ...ได้เจ้าค่ะ!" แม้จะไม่เข้าใจว่าคุณหนูจะเอาของพวกนั้นไปทำอะไร แต่เมื่อเห็นแววตาที่จริงจังราวกับคอขาดบาดตายของจื่อเหยา เสี่ยวชุนก็ไม่กล้าถามอะไรอีก นางรีบวิ่งออกไปท่ามกลางสายฝนทันที
จื่อเหยามองตามร่างของเสี่ยวชุนไปแล้วหันกลับมามองหน้าต่างระบบที่ยังคงกะพริบเป็นสีแดงอยู่ตรงหน้า...
การต่อสู้ครั้งใหม่ของนางได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่ครั้งนี้ศัตรูของนางไม่ใช่คน แต่เป็นหายนะที่มองไม่เห็นและเดิมพันคือชีวิตของผู้คนทั้งหมู่บ้าน!
นางไม่มีเวลาให้เสียเปล่าแม้แต่วินาทีเดียว สัญชาตญาณของแพทย์ผู้เคยผ่านสถานการณ์ฉุกเฉินในห้องผ่าตัดมานับครั้งไม่ถ้วนกำลังทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ สมองของนางประมวลผลและจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำอย่างรวดเร็ว
(หนึ่ง: การป้องกันคือหัวใจสำคัญที่สุด ต้องตัดวงจรการแพร่ระบาดให้ได้ก่อนที่มันจะเริ่มต้น สอง: เตรียมการรักษาผู้ป่วย การให้น้ำและเกลือแร่ทดแทนคือสิ่งเดียวที่จะช่วยลดอัตราการตายได้ สาม: นางไม่มีอำนาจ...การจะทำให้คนอื่นเชื่อและทำตามแผนการป้องกันโรคที่ดูแปลกประหลาดในสายตาคนยุคนี้ได้นั้น นางต้องสร้างอำนาจขึ้นมาเอง) ในขณะที่หรงจื่อเหยากำลังคิดหาวิธีรับมือกับสถานการณ์เร่งด่วนตรงหน้า
"คุณหนูบ่าวกลับมาแล้วเจ้าค่ะ" เสี่ยวชุนเอ่ยเสียงสั่นด้วยความหนาวโดยที่ในมือของนางมีเกลือห่อใหญ่กับน้ำตาลกรวดติดมาด้วย
"ดีมาก แต่ข้าว่าเจ้าไปจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะอย่าลืมเช็ดผมให้แห้งและต้มน้ำขิงดื่มสักหน่อย" จื่อเหยากล่าวเมื่อเห็นสภาพเปียกปอนไปทั้งตัวของบ่าวตนเอง
"เจ้าค่ะ คุณหนูบ่าวจะไปเดี๋ยวนี้" เสี่ยวชุนรับคำพลางวางของสองสิ่งในมือลง "คุณหนูเจ้าคะ ส่วนปูนขาวบ่าวก็ให้อาหมิงช่วยยกมาให้แล้วเจ้าค่ะ ตอนนี้วางอยู่หน้าห้อง"
"เจ้าทำดีมาก เสี่ยวชุนหลังจากเจ้าออกไปเจ้าก็ให้ใครไปตามพ่อบ้านสวีมาพบข้าที่โถงประชุมหลักของเรือนด่วนด้วยนะ"
"เจ้าค่ะ คุณหนู" นางรับคำก่อนจะเดินออกไปยังห้องพักของตนเองที่ตอนนี้นางและคุณหนูได้ที่พักใหม่แล้ว ในเวลาเดียวกันนั้น พ่อบ้านสวีที่กำลังนั่งปวดหัวกับบัญชีที่สับสนวุ่นวายในห้องทำงานของตน
เมื่อได้ยินว่าคุณหนูใหญ่เรียกพบก็รู้สึกหงุดหงิดใจอย่างยิ่ง แต่เมื่อนึกถึงความลับเรื่องแม่นางไป๋หลี่ยอดดวงใจ เจ้าตัวก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง จึงได้แต่เดินหน้าตาบูดบึ้งมายังโถงประชุมแต่โดยดี
"ไม่ทราบว่าคุณหนูใหญ่มีธุระอันใดกับข้าแต่เช้า" เขาถามเสียงห้วน
จื่อเหยาไม่สนใจท่าทีนั้น นางยืนอยู่กลางโถงประชุม พร้อมกับกอดอกแล้วจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างที่สายฝนยังคงเทกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย
"พ่อบ้านสวี...ท่านเห็นฝนที่ตกหนักนี่หรือไม่?" น้ำเสียงของนางแม้จะฟังดูค่อนข้างราบเรียบแต่หากฟังให้ดีจะเห็นถึงความจริงจังติดมาด้วย
"เห็นสิ แล้วมันอย่างไรเล่า?" เขาย้อนอย่างไม่กลัวเกรง
"ข้ามีความรู้ทางการแพทย์ที่สืบทอดมาจากตระกูลหลี่" นางกล่าวอ้างถึงตระกูลของมารดาผู้เป็นที่นับถือ
"สัญชาตญาณของข้า...และตำราที่ข้าเคยอ่านมามันกำลังบอกว่า ฝนที่ตกหนักผิดปกติเช่นนี้ได้ชะล้างไอพิษร้ายแรงจากภูเขาลงมาในแหล่งน้ำของเราแล้ว...น้ำในบ่อและลำธารบัดนี้อาบด้วยพิษร้ายที่มองไม่เห็น"
พ่อบ้านสวีแค่นหัวเราะ "คุณหนูใหญ่ ท่านคงจะอ่านตำรามากไปแล้วกระมัง นี่มันก็แค่ฝนตกหนักธรรมดาเท่านั้น"
"ถ้าเช่นนั้นท่านลองคิดดูให้ดี" จื่อเหยาหันมาเผชิญหน้ากับเขาตามตรง แววตาของนางคมปลาบจนพ่อบ้านสวีเผลอถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างไม่รู้ตัว
"หากเกิดโรคระบาดร้ายแรงขึ้นในเรือนเมฆาคล้อยแห่งนี้ในฐานะผู้ดูแลสูงสุด คนที่ต้องรับผิดชอบคนแรก ก็คือท่าน...ท่านคิดว่าเหมยลี่ฮูหยินจะปกป้องท่าน หรือจะใช้ท่านเป็นแพะรับบาปเพื่อรักษาชื่อเสียงของจวนหรงโหวกันล่ะ?"
คำพูดนั้นแทงใจดำของพ่อบ้านสวีอย่างจัง! เขารู้ดีว่านายหญิงของตนเป็นคนเช่นไร...หากเกิดเรื่องขึ้นจริงเขาต้องถูกตัดหางปล่อยวัดเป็นคนแรกอย่างไม่ต้องสงสัย!
"ทะ...ท่าน...ท่านจะบอกว่า..." เขาเริ่มเสียงสั่น
"ไปตามหัวหน้าหมู่บ้านเมฆาคล้อยมาพบข้าที่นี่...เดี๋ยวนี้!" จื่อเหยาสั่งเสียงเด็ดขาด "บอกเขาว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตายของคนทั้งหมู่บ้าน! หากชักช้า...แม้แต่ท่านเองก็อาจจะเอาชีวิตไม่รอด!"
พ่อบ้านสวีหน้าซีดเผือด เขารีบหันหลังวิ่งออกไปสั่งการลูกน้องทันทีโดยไม่กล้าโต้แย้งกับนางอีกแม้แต่คำเดียว