“สวัสดีครับ ผมนรินทร์ โสภณวิจิตร”
“ผมราเชนทร์ ธรรมคุณครับ คุณหนูสนใจทานขนมไหมครับ ผมทำเตรียมไว้”
“ขอบคุณมากครับ”
นรินทร์ถูกเชิญให้มานั่งยังโต๊ะมุมหนึ่งของร้าน ซึ่งมองออกไปเห็นถนนและวิวไร่นาได้อย่างชัดเจน ตลอดทางมานี้เขาเองก็คิดว่ามีร้านอาหารที่เปิดในที่ร้างผู้คนยังมีลูกค้าแวะมาได้อยู่อีกหรือ แต่ดูจากรีวิวในแผนที่ก็มียอดผู้ชมไม่ใช่น้อย ไม่น่ามาตั้งในที่ห่างไกลแบบนี้เลยจริง ๆ
คิดแล้วก็พลางเหลือบตามองเจ้าของร้านร่างสูงในครัวที่กำลังตักนู่นตักนี่ในถ้วย ปกติเขาไม่กินมื้อเย็นเพราะมันเสียเวลา ส่วนมื้อเช้ากับมื้อเที่ยงก็เน้นกินเป็นขนมปังกับน้ำชงโปรตีนไม่ก็กาแฟ แต่มาหาว่าที่หัวหน้าเชฟประจำแผนกทั้งทีจะไม่ลองชิมฝีมือเจ้าตัวหน่อยคงไม่เหมาะ
“มาแล้วครับ อินทนิลครับ”
“มันเยอะ...ไปรึเปล่าครับ” นึกว่าจะเป็นอาหารฝรั่งเศสเสียอีก
“คุณหนูทานน้อยเกินไปต่างหาก”
วิลเลี่ยมที่เดินตามเข้ามาทักคุณหนูตัวเล็ก ในฐานะคนสนิทอย่างเขา คอยจ้ำจี้จ้ำไชให้คุณหนูทานอาหารให้ครบห้าหมู่ตลอด แต่เจ้าตัวไม่เคยทำได้เลยสักครั้งเพราะกินข้าวไปไม่เกินห้าคำก็อิ่มเสียแล้ว
“เหลือก็ไม่เป็นไรครับ”
ราเชนทร์กล่าวอย่างใจเย็น เห็นสารร่างก็เข้าใจได้ว่าคุณหนูคนนี้คงไม่ค่อยได้ทานอาหารอย่างเป็นกิจจะลักษณะเท่าไรนัก
“อือ”
ราเชนทร์กำลังคิดว่าคุณหนูเป็นดังที่เขาคิดไว้เกือบทุกประการ เป็นคนสื่อสารไม่เก่ง ทั้งยังดูขี้เกรงใจพิลึก สงสัยไม่คุ้นกับคนแปลกหน้า ส่วนเขาที่แรดมาแต่ไหนแต่ไรนั้น การทำความรู้จักคนใหม่ ๆ จึงไม่ใช่ปัญหา
“มีอะไรให้กูกินไหมอะ”
“มีอินทนิลเหลือ ไปตักกะทิราดใส่น้ำแข็งเองก็แล้วกัน”
สองอัลฟ่าพูดคุยอย่างเป็นกันเองในขณะที่คุณหนูโอเมก้าลองตักเนื้อแป้งสีเขียวมรกตขึ้นมาชิม ความเย็นซ่านเข้ามาก่อนเป็นอันดับแรกเมื่อขนมเข้าสู่โพรงปาก ลิ้นสัมผัสได้ถึงความนุ่มหยุ่นละมุนละไมของตัวแป้ง ไม่มีความรู้สึกสากหรือกระด้างเลยแม้แต่น้อย ไหนจะกลิ่นหอมควันเทียนที่ลอยตามขึ้นมา เคยได้ยินชื่ออยู่ผ่าน ๆ แต่ไม่เคยกินมาก่อนเลย
“เป็นยังไงบ้างครับ?”
“ผมกินเป็นครั้งแรก อร่อยดีครับ”
เพราะตัวพูดมากมันไปหาของกินอยู่ในครัว ส่วนราเชนทร์แม้มีหลายคำถามอยู่ในอกแต่ก็ไม่กล้า ไม่อยากขัดคนกำลังตั้งใจกิน
“ต่อจากนี้ผมต้องทำยังไงบ้างเหรอครับคุณหนู”
“เอกสารลงนามครบแล้ว วันนี้วิลเลี่ยมจะเอาหลักฐานอีกฉบับมาให้คุณ ต่อจากนี้จะเป็นเรื่องงานแต่ง กับงานของคุณครับ
“เดี๋ยวนะครับ งานแต่งผมเข้าใจ แต่งานของผมมาเกี่ยวอะไรด้วย”
“วิลเลี่ยมไม่ได้บอกคุณเหรอครับ?”
“ครับ?”
ราเชนทร์แสดงอาการงุนงงอย่างเห็นได้ชัด คุณหนูโอเมก้าจึงจำเป็นต้องวางช้อนแล้วหันมาให้คำอธิบายแทนผู้จัดการเห็นแก่กิน
เนื่องจากนี่เป็นการแต่งงานเพื่อการให้กำเนิดทายาท และชื่อเสียงของบริษัท ดังนั้นนอกจากประวัติในอดีตแล้วนั้น คนที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโสภณวิจิตรจำเป็นต้องมีการงานในปัจจุบันที่มั่นคงและเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ พวกตาสีตาสาขี้นินทาตามอินเทอร์เน็ตพวกเขาไม่สนใจหรอก แต่เรื่องนี้จะมีผลเป็นอย่างมากระหว่างคู่ค้า โดยเฉพาะชาวไทยด้วยกัน
“ผมจึงอยากให้คุณมาเป็นหัวหน้าเชฟประจำแผนก รับผิดชอบในส่วนอาหารฝรั่งเศสครับ”
Chef de Partie (เชฟเดอปาร์ตี) หรือ Line Cook ตำแหน่งเชฟที่เป็นหัวหน้าประจำสถานีหรือแผนกย่อยในครัวมืออาชีพ เช่น Saucier (ซอสซิเอร์) เชฟซอส, Rôtisseur (โรติสเซอร์) เชฟอาหารปิ้งย่าง, Garde Manger (การ์ด ม็องเช่ร์) เชฟครัวเย็น รับผิดชอบสลัด อาหารเรียกน้ำย่อยแบบเย็นอย่างแฮม หรือพาสตา ส่วนตัวเขาที่จบมาจากสถาบันที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเล จึงถูกเสนอให้เป็น Poissonnier (ปัวส์ซงนิเอร์) เชฟปลาและอาหารทะเล
“แต่ผมมีร้านที่ผมต้องรับผิดชอบนะ”
“ถึงจะไม่ได้อยู่ในสัญญา แต่เรื่องนั้นผมจะส่งคนลงมาช่วยดูหลังร้านให้ครับ ส่วนคุณมีหน้าที่ทำอาหารอย่างเดียวก็พอ”
“คะ...ครับ?”
“นี่ยังไม่เข้าใจอีกเหรอครับ ต่อจากนี้หน้าที่ของคุณคือเป็นพ่อครัวของที่นี่ พ่อครัวในโรงแรมเลอ-ลัว และสามีผมแค่นั้นครับ”
“หมายความว่าผมจะไม่มีสิทธิ์จัดการร้านนี้เหรอ?”
“ใช่ครับ”
เห็นโอเมก้าตอบกลับทันทีด้วยสายตาเรียบเฉย ราเชนทร์ที่ไม่มีอคติกับคุณหนูคนนี้มาก่อนก็ชักหงุดหงิด เขารู้ดีว่าข้อตกลงดังกล่าวเขามีแต่ได้กับได้เมื่อเทียบกับส่วนที่ต้องเสียสละไปบ้าง แต่เขาเป็นหลานแท้ ๆ ของคุณปู่ที่ตั้งใจดูแลร้านมาเป็นอย่างดี จู่ ๆ จะมาบอกให้เขาทิ้งหน้าที่ส่วนบริหารแล้วรับผิดชอบงานครัวอย่างเดียวน่ะหรือ นี่มันหยามหน้ากันชัด ๆ
“ผมเข้าใจว่าคุณมีศักดิ์ศรีของคุณ แต่ตลอดสามปีนี้ผมขอร้องให้คุณวางมันลงเถอะ”
นรินทร์เห็นคนแบบนี้มาจนชินตา ส่วนใหญ่จะเป็นพวกตระกูลเศรษฐีเก่าแก่ที่ชอบใช้วิธีโบราณคร่ำครึในการดำเนินกิจการ ชอบโผล่หน้าในงานสังคมเพื่อเชิดหน้าชูคอสร้างภาพ ทั้ง ๆ ที่ในตลาดก็เห็นกันอยู่ว่ากำลังไปไม่รอด พอใกล้ล้มก็ยกความสำเร็จในอดีตขึ้นมาปลอบใจตัวเอง
“ทุกอย่างจะง่าย ถ้าคุณยอมอยู่เงียบ ๆ”
“เหอะ...คุณหนูเย็นชากว่าที่คิดนะครับ”
“ผมพูดความจริง แค่คุณอ่านสัญญาก็น่าเข้าใจ”
คู่สนทนาพูดตาใส จนราเชนทร์คิดว่าโอเมก้าคนนี้คงเป็นคนซื่อตรงเข้าขั้นขวานผ่าซาก ไม่ใช่เพราะมีเพศรองเป็นโอเมก้า แต่คนตายด้านแบบนี้น่ะหรือจะกลายเป็นผู้นำคนต่อไปของโรงแรมที่ต้องให้ความสำคัญกับความรู้สึกแขกเหรื่อ
“กินไม่หมดใช่ไหมครับ เดี๋ยวผมห่อกลับให้”
“ทิ้งไปเลยก็ได้นะครับ”
“ผมว่าคุณควรเห็นคุณค่าของอาหารบ้างนะ”
“…”
นรินทร์โดนคำตำหนิของเชฟหนุ่มตอกหน้าไปได้แต่นั่งเงียบ เขาไม่เข้าใจ ปกติในโรงแรมหากมีของเหลือก็จะทิ้งไม่ก็นำไปให้ฟาร์มสัตว์ แล้วเขาก็ไม่ได้บอกให้เจ้าตัวห่อกลับให้เพราะคงไม่มีโอกาสได้ทานต่อ ซึ่งมันเกี่ยวอะไรกับคุณค่าของอาหาร เพราะเขาเห็นคุณค่าต่างหากจึงไม่อยากทานในตอนที่มันเสียรสชาติ เพราะนั่นถือเป็นการไม่ให้เกียรติเชฟ เรียนจบฝรั่งเศสมาก็น่าจะรู้ประเพณีดีไม่ใช่หรือ
CW: มีการกล่าวถึง คำหยาบคายนรินทร์นั่งไตร่ตรองสักพัก เจ้าของร้านอัลฟ่าก็เดินถือปิ่นโตออกมาพร้อมถุงน้ำกะทิแยกต่างหาก และมือขวาที่ลากคอทนายตัวดีให้ออกมาคุยกันต่อเพื่อความกระจ่าง จนทราบว่าไอ้วินมันหลอกให้เขาทำสัญญากลาย ๆ เพราะไม่ได้บอกถึงการเพิ่มอาชีพขึ้นมาอีกหนึ่ง“เล่ามา”“ก๊าบ...”ทนายวิลเลี่ยมหน้าหงอเพราะโดนยึดถ้วยขนม ท้ายที่สุดจึงเปิดปากเล่าความเพิ่มเติมต่อจากคุณหนูโดยสรุปคือทั้งคู่ต้องเล่นละครและเข้าใจตรงกันว่าสองสามีภรรยามาพบรักกันในร้านอาหารเล็ก ๆ แถบชานเมือง แต่เมื่อก่อนภรรยาติดพันกับอดีตคู่หมั้นจึงไม่สามารถมาเยือนร้านได้ด้วยตัวเองเนื่องจากเกรงว่าจะเป็นข่าว ภายหลังเมื่อมีการถอนหมั้นความสัมพันธ์จึงพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วโดยมีผู้จัดการส่วนตัวเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ เมื่อความรักสุกงอมจนเราสองได้แต่งงาน คุณหนูจึงทาบทามสามีให้มาช่วยเหลืองานภายในแผนกอาหารฝรั่งเศสที
“สวัสดีครับ ผมนรินทร์ โสภณวิจิตร”“ผมราเชนทร์ ธรรมคุณครับ คุณหนูสนใจทานขนมไหมครับ ผมทำเตรียมไว้”“ขอบคุณมากครับ”นรินทร์ถูกเชิญให้มานั่งยังโต๊ะมุมหนึ่งของร้าน ซึ่งมองออกไปเห็นถนนและวิวไร่นาได้อย่างชัดเจน ตลอดทางมานี้เขาเองก็คิดว่ามีร้านอาหารที่เปิดในที่ร้างผู้คนยังมีลูกค้าแวะมาได้อยู่อีกหรือ แต่ดูจากรีวิวในแผนที่ก็มียอดผู้ชมไม่ใช่น้อย ไม่น่ามาตั้งในที่ห่างไกลแบบนี้เลยจริง ๆคิดแล้วก็พลางเหลือบตามองเจ้าของร้านร่างสูงในครัวที่กำลังตักนู่นตักนี่ในถ้วย ปกติเขาไม่กินมื้อเย็นเพราะมันเสียเวลา ส่วนมื้อเช้ากับมื้อเที่ยงก็เน้นกินเป็นขนมปังกับน้ำชงโปรตีนไม่ก็กาแฟ แต่มาหาว่าที่หัวหน้าเชฟประจำแผนกทั้งทีจะไม่ลองชิมฝีมือเจ้าตัวหน่อยคงไม่เหมาะ“มาแล้วครับ อินทนิลครับ”“มันเยอะ...ไปรึเปล่าครับ” นึกว่าจะเป็นอาหารฝรั่งเศสเสียอีก“คุณหนูทานน้อยเกินไปต่างหาก”วิลเลี่ยมที่เดินตามเข้ามาทักคุณหนูตัวเล็ก ในฐานะคนสนิทอย่างเขา คอยจ้ำจี้จ้ำไชให้คุณหนูทานอาหารให้ครบห้าหมู่ตลอด แต่เจ้าตัวไม่เคยทำได้เลยสักครั้งเพราะกินข้าวไปไม่เกินห้าคำก็อิ่
CW: มีการกล่าวถึง คำหยาบคายสัญญาการแต่งงานชั่วคราวสัญญาฉบับนี้ทำขึ้นเมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ.2568 ระหว่าง1. นายนรินทร์ โสภณวิจิตร (ต่อไปนี้เรียกว่า "ฝ่ายภรรยา") อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/11 ชั้น 10 โครงการ เดอะ แพลทินัม ถ.ราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นคู่สัญญาฝ่ายที่หนึ่ง2. นายราเชนทร์ ธรรมคุณ (ต่อไปนี้เรียกว่า "ฝ่ายสามี") อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 154/2 ซ.เทศบาล ถ.บางกรวย ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นคู่สัญญาฝ่ายที่สองคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงเข้าสู่การสมรสตามกฎหมายเป็นระยะเวลาจำกัด โดยมีข้อตกลงและเงื่อนไขดังต่อไปนี้ข้อ 1: วัตถุประสงค์ของการสมรส การสมรสครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เ
CW: มีการกล่าวถึง คำหยาบคาย“รู้ใช่ไหมว่าประธานไม่อยากให้ผมแต่งออก”“เชื่อมือกระผมได้เลยครับ คุณหนูนรินทร์ ผมจะหาคนที่เหมาะสมกว่ามาให้เอง”ทนายควบตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวโค้งศีรษะน้อมรับคำนายน้อยแห่งตระกูลด้วยความยินดี ก่อนส่งยิ้มหวานไปทางอดีตคู่หมั้นที่คุณหนูนรินทร์เรียกมาตบหน้ากลางสี่แยก คุณหนูของเขานี่ช่างมีอารมณ์ขันเสียจริง สมแล้วที่ชื่นชมติดตามเป็นแฟนคลับมาตลอด“เรียกมาแล้วพูดแบบนี้ พี่เสียใจนะครับ”“นั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องรู้ ธุระของเราจบแล้ว เชิญครับ”ว่าแล้วคุณหนูโอเมก้าจึงจรดปลายนิ้วชี้ไปยังบานประตูทางออกห้องผู้อำนวยการ ทำเอาธนินที่นั่งไขว่ห้างถอนหายใจเฮือกใหญ่กับความดื้อรั้น หลายครั้งแล้วที่คนน้องปฏิเสธการนัดเดต หรือแม้แต่การเข้าพบส่วนตัว เข้าใจว่าไม่ต้องการแต่งงานออก แต่โอเมก้าตัวเล็ก ๆ ในบริษัทใหญ่โต
CW: มีการกล่าวถึง คำหยาบคาย และเนื้อหาล่อแหลมทางเพศ“อะ...อึก!”“ไหนคุณหนูบอกว่ามีประสบการณ์ไงครับ แบบนี้ทำผมลำบากใจนะ”เชฟหนุ่มกล่าวพลางชำแรกนิ้วเบิกทางในขณะที่แก่นกายพร้อมใช้งานเต็มที่ ดวงตาคมมองต่ำจับจ้องคุณหนูโอเมก้าผู้สมบูรณ์แบบในกำมือ ใครจะไปรู้ว่าวันใดวันหนึ่งชาติไพร่อย่างเขาจะได้เป็นคนเปลื้องผ้าเนื้อดีพวกนั้นออก แม้ว่านี่จะไม่ใช่เพราะโชคชะตา แต่เป็นสัญญาวิวาห์ก็ตามอัลฟ่า เบต้า และโอเมก้า สามชนชั้นซึ่งถูกจำแนกสถานะไว้อย่างชัดเจนในสังคม นับตั้งแต่ยุคโบราณล่วงเลยมาจนถึงยุคโลกาภิวัตน์อันเต็มไปด้วยความทันสมัยอัลฟ่า (Alpha - α) ชนชั้นผู้นำ มักมีบุคลิกโดดเด่น อุดมไปด้วยเงินตราและอำนาจเบต้า (Beta - β) ช