CW: มีการกล่าวถึง คำหยาบคาย
นรินทร์นั่งไตร่ตรองสักพัก เจ้าของร้านอัลฟ่าก็เดินถือปิ่นโตออกมาพร้อมถุงน้ำกะทิแยกต่างหาก และมือขวาที่ลากคอทนายตัวดีให้ออกมาคุยกันต่อเพื่อความกระจ่าง จนทราบว่าไอ้วินมันหลอกให้เขาทำสัญญากลาย ๆ เพราะไม่ได้บอกถึงการเพิ่มอาชีพขึ้นมาอีกหนึ่ง
“เล่ามา”
“ก๊าบ...”
ทนายวิลเลี่ยมหน้าหงอเพราะโดนยึดถ้วยขนม ท้ายที่สุดจึงเปิดปากเล่าความเพิ่มเติมต่อจากคุณหนู
โดยสรุปคือทั้งคู่ต้องเล่นละครและเข้าใจตรงกันว่าสองสามีภรรยามาพบรักกันในร้านอาหารเล็ก ๆ แถบชานเมือง แต่เมื่อก่อนภรรยาติดพันกับอดีตคู่หมั้นจึงไม่สามารถมาเยือนร้านได้ด้วยตัวเองเนื่องจากเกรงว่าจะเป็นข่าว ภายหลังเมื่อมีการถอนหมั้นความสัมพันธ์จึงพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วโดยมีผู้จัดการส่วนตัวเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ เมื่อความรักสุกงอมจนเราสองได้แต่งงาน คุณหนูจึงทาบทามสามีให้มาช่วยเหลืองานภายในแผนกอาหารฝรั่งเศสที่กำลังอยู่ในกระบวนการพัฒนา โดยไม่ลืมใส่ใจร้านเล็ก ๆ อันเปรียบเสมือนความฝันในวัยเด็กของสามี
“มึงแต่งเรื่องเองใช่ไหมไอ้วิน?”
“ถูกต้องแล้วคร้าบ รู้แล้วก็จำเนื้อเรื่องไปตอบนักข่าวในงานแต่งด้วยล่ะ”
“แบบนี้จะไม่ได้เงินเดือนใช่ไหม เพราะถือเป็นสามีของคุณหนูเขา”
“ไม่ครับ คุณจะได้รับเงินเดือนตามเรตค่าจ้าง”
คุณหนูโอเมก้ากล่าวก่อนจะยกน้ำที่เชฟนำมาเสิร์ฟขึ้นจิบดับกระหายอย่างเรียบเฉย ส่วนราเชนทร์ได้แต่ติดสับสนอยู่ในใจ ว่าสรุปเขาอยู่ในฐานะสามีหรืออะไรกันแน่ เข้าใจอยู่หรอกว่ามันเป็นสัญญาที่ไม่มีความรู้สึกรักใคร่มาเกี่ยวข้อง แต่อีหรอบนี้เหมือนกำลังเจรจาขายตัวก็ไม่ปาน ถึงมันจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ ก็เถอะ
“แล้วผู้ช่วยเชฟได้เงินเดือนละเท่าไหร่เหรอครับ?”
“คุณจบสูง พูดได้สามภาษา มีประสบการณ์ที่ฝรั่งเศสหนึ่งปี ในไทยหนึ่งปี ขั้นต่ำสามหมื่น”
ราเชนทร์ตกใจหน้าเหวอ นึกว่าจะโดนกดราคาเสียอีก แบบนี้แถมค่ากินค่าอยู่ฝ่ายนั้นเป็นคนออก ตลอดสามปีถ้าขยันก็คงมีเงินเก็บมาให้คุณปู่ใช้ได้แบบพอมีพอกิน
“ปกติ Line Cook ต้องมีประสบการณ์ขั้นต่ำสามถึงสี่ปีไม่ใช่เหรอครับ?”
ทนายวินส่ายหน้าค้าน ต่อให้ที่อื่นจะเป็นแบบนั้น แต่กับสถาบันที่เจ้าเชนทร์จบมามีการฝึกงานเกือบทุกเทอมกับครัวในเครือมหาวิทยาลัย และหากนำชื่อ Académie Royale de Sagesse ไปป่าวประกาศไม่มีใครกล้าเถียงหรอก ว่าเพื่อนเขาไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้
เชนทร์ฟังแล้วก็เข้าท่า หากเขายอมให้อีกฝ่ายคุมร้านคุณปู่ไปสามปี ด้วยประสบการณ์ทางนั้นน่าจะไปได้สวย แต่เขาก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้
“ของผมทำกะเย็นใช่ไหม?”
“คิดว่าเป็นแบบนั้น ก่อนเริ่มฝึกงานเดี๋ยวผมฝากวิลเลี่ยมคุยกับซูเชฟให้”
ราเชนทร์เริ่มตงิดใจ หากเป็นที่ฝรั่งเศสร้านส่วนใหญ่จะนิยมเปิดช่วงเช้า ปิดช่วงสาย เปิดอีกทีตอนเที่ยง จากนั้นก็เวียนไปจนเย็น ทว่าที่นี่สยามประเทศ กะบ่ายของที่นี่อาจต่างออกไป และเมื่อได้รับคำตอบเชนทร์ก็แทบประสาทกิน
“นี่คุณหนูกะจะไม่ให้ผมนอนเลยรึไงครับ!?”
ร้านครัวคุณลุงเปิดทำการ 10:00-20:00 ส่วนกะดึกที่เข้าแก๊บของโฮเต็ล-เลอ-ลัวเริ่ม 22:00-07:00 มีเวลาเดินทางบวกเตรียมตัวระหว่างสถานที่รวมสองชั่วโมง และเวลานอนรวมพักผ่อนแค่สามชั่วโมงกะจะให้เขาทำงานจนตายกันไปข้างเลยหรือไร
“แค่นั้นไม่พอเหรอครับ?”
คุณหนูถามตาแป๋ว หันไปเรียกความเห็นจากผู้จัดการส่วนตัว ทำราเชนทร์ยิ้มแหยงในความเป็นคุณหนูตระกูลดัง คนปกติที่ไหนเขานอนกันวันละ 3 ชั่วโมง จะบ้า
“คุณหนู เพราะตารางของคุณหนูแน่นมาก แต่คนปกติเขาไม่นิยมนอนบนรถแบบคุณหนูครับ”
เชฟหนุ่มมองเจ้าเพื่อนอธิบาย แล้วจึงเข้าใจว่าคุณหนูคนนี้ไม่ค่อยได้นอนบ้านเท่าไรนัก เวลาพักผ่อนส่วนมากขึงเป็นการงีบหลับบนรถระหว่างการเดินทาง
พวกเขานัดหมายวันถ่ายภาพพรี-เวดดิงและกำหนดการตัดเสื้อต่าง ๆ นานาแล้วจึงแยกย้าย โดยก่อนกลับเขาก็ขอเข้าครัวอุ่นกับข้าวให้คุณหนูไปกินบนรถ
“ของขวัญครับ ในสัญญาบอกจะมีลูกนี่ ก็ดูแลตัวเองให้มันดี ๆ หน่อย”
“ขอบคุณครับ...”
นรินทร์ก่อนออกจากร้านก็หันมารับกระติกน้อยแบบงง ๆ พลางคิดว่าสามีในอนาคตคนนี้เป็นคนย้อนแย้งพิกล หน้าตาเบื่อหน่ายแบบนั้นน่าจะเกลียดเขาไปแล้วนี่
“คุณหนูได้อะไรมาเหรอครับ?”
“เหมือนจะเป็น...ครีมซุปนะ”
ขึ้นมาบนรถ นรินทร์ก็เปิดกระติกออกมาอย่างใคร่รู้ เขาเคยชิมในงานเลี้ยงอยู่บ้าง แต่ไม่รู้ทำไมในกระติกลายดอกไม้สีแสบตาแบบนี้ถึงหอมกว่านัก
“แวะร้านสะดวกซื้อสักหน่อยดีไหมครับ เดี๋ยวผมลงไปซื้อขนมปังปิ้งมาให้กินคู่กัน”
“แต่มันเลยเวลาเลิกงานของวิลเลี่ยมแล้วนะ”
“ช่างมันเถอะครับ ผมอยากให้คุณหนูลองชิมฝีมือเพื่อนผมเท่านั้นเอง”
ไม่รอช้าเลขานุการคนสนิทจึงเลี้ยวเข้าเส้นทางหลักก่อนจะมุ่งหน้าไปยังปั๊มเติมน้ำมัน ระหว่างรอวิลเลี่ยมไปซื้อขนมซื้อกาแฟอยู่นั้นเอง คุณหนูโอเมก้าจึงค่อยยกกระติกขึ้นชิมรสชาติ
กลิ่นหอมกรุ่นของเห็ดนานาชนิดอบอวลขึ้นเตะจมูกผนวกกับความอบอุ่นภายในโพรงปากชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย มีเนื้อเห็ดชิ้นเล็กแทรกอยู่ตามเนื้อครีมพอมีอะไรให้เคี้ยว หากได้ขนมปังมาทานคู่กันรสชาติคงกลมกล่อมไม่ใช่น้อย
ในร้านนั้นขายแต่อาหารไทยจึงไม่มีราคาระบุไว้ หากขอให้ทำอีก ผู้ชายคนนั้นจะรังเกียจเขาไปกว่าเดิมหรือเปล่า
CW: มีการกล่าวถึง คำหยาบคายนรินทร์นั่งไตร่ตรองสักพัก เจ้าของร้านอัลฟ่าก็เดินถือปิ่นโตออกมาพร้อมถุงน้ำกะทิแยกต่างหาก และมือขวาที่ลากคอทนายตัวดีให้ออกมาคุยกันต่อเพื่อความกระจ่าง จนทราบว่าไอ้วินมันหลอกให้เขาทำสัญญากลาย ๆ เพราะไม่ได้บอกถึงการเพิ่มอาชีพขึ้นมาอีกหนึ่ง“เล่ามา”“ก๊าบ...”ทนายวิลเลี่ยมหน้าหงอเพราะโดนยึดถ้วยขนม ท้ายที่สุดจึงเปิดปากเล่าความเพิ่มเติมต่อจากคุณหนูโดยสรุปคือทั้งคู่ต้องเล่นละครและเข้าใจตรงกันว่าสองสามีภรรยามาพบรักกันในร้านอาหารเล็ก ๆ แถบชานเมือง แต่เมื่อก่อนภรรยาติดพันกับอดีตคู่หมั้นจึงไม่สามารถมาเยือนร้านได้ด้วยตัวเองเนื่องจากเกรงว่าจะเป็นข่าว ภายหลังเมื่อมีการถอนหมั้นความสัมพันธ์จึงพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วโดยมีผู้จัดการส่วนตัวเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ เมื่อความรักสุกงอมจนเราสองได้แต่งงาน คุณหนูจึงทาบทามสามีให้มาช่วยเหลืองานภายในแผนกอาหารฝรั่งเศสที
“สวัสดีครับ ผมนรินทร์ โสภณวิจิตร”“ผมราเชนทร์ ธรรมคุณครับ คุณหนูสนใจทานขนมไหมครับ ผมทำเตรียมไว้”“ขอบคุณมากครับ”นรินทร์ถูกเชิญให้มานั่งยังโต๊ะมุมหนึ่งของร้าน ซึ่งมองออกไปเห็นถนนและวิวไร่นาได้อย่างชัดเจน ตลอดทางมานี้เขาเองก็คิดว่ามีร้านอาหารที่เปิดในที่ร้างผู้คนยังมีลูกค้าแวะมาได้อยู่อีกหรือ แต่ดูจากรีวิวในแผนที่ก็มียอดผู้ชมไม่ใช่น้อย ไม่น่ามาตั้งในที่ห่างไกลแบบนี้เลยจริง ๆคิดแล้วก็พลางเหลือบตามองเจ้าของร้านร่างสูงในครัวที่กำลังตักนู่นตักนี่ในถ้วย ปกติเขาไม่กินมื้อเย็นเพราะมันเสียเวลา ส่วนมื้อเช้ากับมื้อเที่ยงก็เน้นกินเป็นขนมปังกับน้ำชงโปรตีนไม่ก็กาแฟ แต่มาหาว่าที่หัวหน้าเชฟประจำแผนกทั้งทีจะไม่ลองชิมฝีมือเจ้าตัวหน่อยคงไม่เหมาะ“มาแล้วครับ อินทนิลครับ”“มันเยอะ...ไปรึเปล่าครับ” นึกว่าจะเป็นอาหารฝรั่งเศสเสียอีก“คุณหนูทานน้อยเกินไปต่างหาก”วิลเลี่ยมที่เดินตามเข้ามาทักคุณหนูตัวเล็ก ในฐานะคนสนิทอย่างเขา คอยจ้ำจี้จ้ำไชให้คุณหนูทานอาหารให้ครบห้าหมู่ตลอด แต่เจ้าตัวไม่เคยทำได้เลยสักครั้งเพราะกินข้าวไปไม่เกินห้าคำก็อิ่
CW: มีการกล่าวถึง คำหยาบคายสัญญาการแต่งงานชั่วคราวสัญญาฉบับนี้ทำขึ้นเมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ.2568 ระหว่าง1. นายนรินทร์ โสภณวิจิตร (ต่อไปนี้เรียกว่า "ฝ่ายภรรยา") อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/11 ชั้น 10 โครงการ เดอะ แพลทินัม ถ.ราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นคู่สัญญาฝ่ายที่หนึ่ง2. นายราเชนทร์ ธรรมคุณ (ต่อไปนี้เรียกว่า "ฝ่ายสามี") อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 154/2 ซ.เทศบาล ถ.บางกรวย ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นคู่สัญญาฝ่ายที่สองคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงเข้าสู่การสมรสตามกฎหมายเป็นระยะเวลาจำกัด โดยมีข้อตกลงและเงื่อนไขดังต่อไปนี้ข้อ 1: วัตถุประสงค์ของการสมรส การสมรสครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เ
CW: มีการกล่าวถึง คำหยาบคาย“รู้ใช่ไหมว่าประธานไม่อยากให้ผมแต่งออก”“เชื่อมือกระผมได้เลยครับ คุณหนูนรินทร์ ผมจะหาคนที่เหมาะสมกว่ามาให้เอง”ทนายควบตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวโค้งศีรษะน้อมรับคำนายน้อยแห่งตระกูลด้วยความยินดี ก่อนส่งยิ้มหวานไปทางอดีตคู่หมั้นที่คุณหนูนรินทร์เรียกมาตบหน้ากลางสี่แยก คุณหนูของเขานี่ช่างมีอารมณ์ขันเสียจริง สมแล้วที่ชื่นชมติดตามเป็นแฟนคลับมาตลอด“เรียกมาแล้วพูดแบบนี้ พี่เสียใจนะครับ”“นั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องรู้ ธุระของเราจบแล้ว เชิญครับ”ว่าแล้วคุณหนูโอเมก้าจึงจรดปลายนิ้วชี้ไปยังบานประตูทางออกห้องผู้อำนวยการ ทำเอาธนินที่นั่งไขว่ห้างถอนหายใจเฮือกใหญ่กับความดื้อรั้น หลายครั้งแล้วที่คนน้องปฏิเสธการนัดเดต หรือแม้แต่การเข้าพบส่วนตัว เข้าใจว่าไม่ต้องการแต่งงานออก แต่โอเมก้าตัวเล็ก ๆ ในบริษัทใหญ่โต
CW: มีการกล่าวถึง คำหยาบคาย และเนื้อหาล่อแหลมทางเพศ“อะ...อึก!”“ไหนคุณหนูบอกว่ามีประสบการณ์ไงครับ แบบนี้ทำผมลำบากใจนะ”เชฟหนุ่มกล่าวพลางชำแรกนิ้วเบิกทางในขณะที่แก่นกายพร้อมใช้งานเต็มที่ ดวงตาคมมองต่ำจับจ้องคุณหนูโอเมก้าผู้สมบูรณ์แบบในกำมือ ใครจะไปรู้ว่าวันใดวันหนึ่งชาติไพร่อย่างเขาจะได้เป็นคนเปลื้องผ้าเนื้อดีพวกนั้นออก แม้ว่านี่จะไม่ใช่เพราะโชคชะตา แต่เป็นสัญญาวิวาห์ก็ตามอัลฟ่า เบต้า และโอเมก้า สามชนชั้นซึ่งถูกจำแนกสถานะไว้อย่างชัดเจนในสังคม นับตั้งแต่ยุคโบราณล่วงเลยมาจนถึงยุคโลกาภิวัตน์อันเต็มไปด้วยความทันสมัยอัลฟ่า (Alpha - α) ชนชั้นผู้นำ มักมีบุคลิกโดดเด่น อุดมไปด้วยเงินตราและอำนาจเบต้า (Beta - β) ช