ログインหลังจากทานอาหารเย็นกับคุณยายแล้วอัลเฟรโด้ก็นั่งคุยกับคุณยายต่อที่ห้องรับแขก แต่เขาไม่ได้คุยกับท่านเรื่องการแต่งงานหรือมีครอบครัวเพราะรู้ว่าการปฏิเสธก็มีแต่จะทำให้ท่านเสียใจ
“คุณยายครับเรื่องตึกที่ยายให้ผมไปสืบหาเจ้าของเมื่อวานได้เรื่องแล้วนะครับ”
“ได้เรื่องว่ายังไงเหรอ ตกลงเจ้าของเป็นใครกัน” เธอตื่นเต้นและรอคอยคำตอบด้วยสายตาเป็นประกาย
“เดิมทีตึกนั้นเป็นของครอบครัวอมรภิรมณ์ครับแต่ทางครอบครัวยกให้กับลูกสาวที่ชื่อทับทิมครับ จากนั้นก็ตกมาเป็นของลูกสาวคุณทับทิมแต่เธอเสียชีวิตไปครับ ตึกนั้นก็เลยตกเป็นของสามีของเธอ” อัลเฟรโด้เล่าไปตามที่คนของเขาไปสิบมา
“นั่นใช่ตึกของเธอจริงๆ สินะทับทิม” คุณยายราตรีพูดเบาๆ เมื่อนึกไปถึงเรื่องราวในอดีต
ทุกครั้งที่เดินผ่านตึกเพื่อนรักของคุณยายราตรีมักจะพูดอยู่เสมอว่าตึกนั้นเป็นของบิดาของเธอ แต่ตอนนั้นคุณยายราตรีไม่ได้สนใจอะไรและก็ลืมเรื่องนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ
“คุณยายรู้จักเจ้าของเดิมเหรอครับ”
“ตอนแรกยายก็ไม่แน่ใจเพราะเวลามันผ่านมานานหลายปีแล้ว แต่จากที่อัลเฟรดบอกมาตึกหลังนั้นก็คงเป็นของเพื่อนรักของยาย แต่เธอเสียไปหลายปีแล้วยายกับเธอก็ไม่ได้ข่าวคราวครอบครัวของเธออีกเลย”
“เพราะอย่างนั้นคุณยายก็เลยซื้อไว้ในราคาที่สูงกว่าราคาประเมินใช่ไหมครับ”
“ยายดูแล้วยังไงเราก็ไม่ขาดทุนหรอกเพราะตึกนั้นมันอยู่ติดถนนใหญ่ในอนาคตข้างหน้าราคาก็น่าจะสูงกว่าขึ้น”
“คุณยายมองขาดเลยครับ แม้ตอนนี้จะดูไม่คึกคักเท่าไหร่ แต่ในอนาคตที่แถวนั้นจะราคาสูงขึ้นมากแต่ผมว่ายายก็คงแค่ซื้อเก็บไว้ไม่คิดขายอีกตามเคยใช่ไหมครับ”
“ขายสิ”
“อะไรนะครับ ยายต้องล้อผมเล่นแน่เลยครับ” อัลเฟรโด้ตกใจกับคำตอบ
“ไม่ได้ล้อเล่นนะ แต่คนที่ยายจะขายให้ก็ต้องเป็นเจ้าของเดิม”
“แต่ผมที่เขาเอามาขายเพราะไม่อยากได้มันแล้วนะครับ คงยากที่เขาจะมาซื้อคืน”
“มันก็ไม่แน่หรอกนะ” คุณยายราตรีพูดแล้วยิ้มเพราะบางทีในอนาคตเมลินญาน์อาจจะหาทางมาซื้อคืนก็ได้
“ยายกับเพื่อนคนนี้สนิทกันมากเลยเหรอครับ”
“ใช่จ้ะ ยายกับทับทิมสนิทกันมาก มีอะไรเราก็คุยกันได้ทุกเรื่องตอนที่ยายลำบากทับทิมก็คอยช่วยเหลือตลอด แต่พอเราเรียนจบก็แยกย้ายกันไปมีชีวิตใหม่มีครอบครัวและเจอกันตามงานเลี้ยงบ้างแต่นั่นมันก็นานมาแล้ว” เมื่อคิดถึงเรื่องอดีตในอดีตคุณยายก็มีสีหน้าเศร้าเพราะเพื่อนรักคนนี้เคยสัญญากันเอาเป็นว่าถ้าแต่งงานมีครอบครัวก็จะให้ลูกแต่งงานกัน
แต่บังเอิญว่าคุณยายราตรีก็มีลูกเป็นลูกสาวและทับทิมเองก็มีลูกสาวแล้วความคิดบางอย่างก็จุดประกายขึ้นในเมื่อรุ่นลูกไม่ได้แต่งงานกันคุณยายราตรีเลยคิดว่าคำสัญญาที่เคยให้กันไว้อาจจะสำเร็จในรุ่นหลานก็เป็นได้
“ถ้าช่วงนี้อัลเฟลดงานไม่ยุ่งก็มากินข้าวเย็นกับยายบ่อยๆ นะ ยายกินข้าวคนเดียวก็เหงา”
“ได้สิครับคุณยาย ผมจะหาเวลามาทานข้าวกับคุณยายบ่อยๆ”
“ได้จ้ะลูก แล้วคืนนี้จะค้างกับยายที่นี่หรือเปล่า” เธอถามทั้งที่รู้ความจริงอยู่ก่อนแล้วว่าอัลเฟรโด้คงปฏิเสธ
“ไม่ดีกว่าครับผมขี้เกียจตื่นเช้า ค้างคอนโดใกล้ที่ทำงานกว่าเยอะเลย ผมจะไปแล้วนะครับยาย คุณยายก็อย่าลืมพักผ่อนให้เยอะๆ นะครับ”
“จ้ะ ขับรถดีๆ นะลูก”
“ครับคุณยาย”
เมื่อหลานชายออกจากบ้านไปแล้วคุณยายราตรีก็เดินกลับห้องของตัวเอง เธอเดินไปยังลิ้นชักข้างเตียงแล้วหยิบอัลบั้มภาพที่ด้านในมีภาพถ่ายเก่าๆ ซึ่งเคยถ่ายไว้ตั้งแต่สมัยยังสาว
มือเหี่ยวย่นเปิดอัลบั้มช้าๆ แล้วก็หยุดเมื่อเจอรูปที่ถ่ายคู่กับเพื่อนรักที่ชื่อทับทิม
“ฉันจะทำตามสัญญาที่เราเคยให้กันไว้นะทับทิม ลูกของเราไม่ได้แต่งงานกันแต่ฉันจะทำให้หลานของเราทั้งสองได้แต่งงานกัน เธอเอาใจช่วยฉันด้วยนะ ช่วยให้เขาสองคนรักกัน” คุณยายราตรีพูดกับรูปถ่ายน้ำตาซึมออกมาทางหางตาแต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
จากการได้คุยกับเมลินญาน์คุณยายราตรีก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเด็กดีขยันทำงานและเป็นคนมีน้ำใจ
หญิงสูงวัยเริ่มวางแผนว่าจะทำยังไงให้เมลินญาน์ยอมแต่งงานกับหลานชายของตัวเองบางทีเธออาจจะต้องยกเรื่องตึกห้าคูหานั้นมาเป็นสิ่งกระตุ้นให้เธอยอมแต่งงานเพราะดูแล้วท่าทางของเมลินญาน์ก็อยากจะได้สมบัติของมารดาคืนอยู่มาก
ส่วนอัลเฟรโด้คงจะไม่ยอมทำตามแต่เรื่องนี้คุณยายราตรีก็มีแผนที่จะรับมือกับหลานชายจอมดื้อของตัวเอง
วันรุ่งขึ้นคุณยายราตรีตื่นตั้งแต่เช้าและสอนงานเมลินญาน์ตามปกติพอช่วงสายท่านก็ให้คนขับรถพาไปยังตลาดเพื่อเริ่มเก็บเงินที่ตลาด
คุณยายพาเมลินญาน์ไปทั้งสามตลาดเพื่อแนะนำเธอกับแม่ค้าให้รู้จักกันไว้เพราะจากนี้หน้าที่เก็บจะเป็นของเมลินญาน์เพียงคนเดียวเท่านั้น
“เป็นยังไงบ้างพอจะทำไหวไหม” คุณยายราตรีถามเมื่อกลับมาถึงบ้านในเวลาบ่าย
“แค่นี้สบายค่ะ” เมลินญาน์ตอบอย่างมั่นใจ
“แบบนี้ยายก็สบายใจหน่อย นอกจากตลาดแล้วก็มีตึกแล้วด้วยนะที่หนูต้องไปเก็บ แต่ตึกแถวเก็บแค่เดือนละครั้ง ยายจะค่อยๆ บอกหนูไปทีละนิดนะ”
“ได้ค่ะคุณยาย ถ้าหนูทำไม่ถูกคุณยายก็ต้องรีบบอกนะคะ วันนี้หนูว่าจะทำบัญชีของตลาดที่ไปเก็บมาก่อน ส่วนบัญชีเดิมที่ค้างไว้หนูค่อยทำตามหลังได้ไหมคะ แต่รับรองว่าออกใบเสร็จทันสิ้นเดือนแน่นอนค่ะ”
“ยายให้หนูจัดการเองเลยนะ ถ้าไม่ทันก็ไม่เป็นไรขอแค่ต้องแจ้งยายก่อน”
“ค่ะคุณยายแต่หนูคิดว่าหนูทำทันค่ะ”
“ถ้ามันเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ คุณอัลเฟรดก็รีบพูดมาเลยค่ะก่อนที่สมองจะไม่รับรู้อะไรเพราะความง่วง” หญิงสาวพูดแล้วแกล้งหาวทั้งที่ตอนนี้ยังไม่ได้ง่วงเลยสักนิด เธอก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าอัลเฟรโด้จะคุยเรื่องอะไรกับเธออัลเฟรโด้ขยับเข้ามาใกล้ๆ จับมือของเธอไว้เขามองหน้าเธอก่อนจะพูดความรู้สึกของตัวเองออกมา“ก่อนอื่นฉันต้องขอโทษที่เข้าใจผิด ไม่เชื่อใจเธอคิดว่าเธอเป็นคนกล่อมคุณยายให้บังคับฉันแต่งงาน”“เรื่องนี้หนูไม่โกรธคุณแล้ว หนูเข้าใจว่าเป็นใครก็ต้องคิดแบบนั้นเพราะหนูเพิ่งเจอกับคุณยายไม่นานท่านก็บังคับให้คุณแต่งงานกับหนู มีแค่นี้ใช่ไหมที่คุณจะพูด”“ไม่ใช่มันมีอีกเรื่องหนึ่ง”“อะไรคะ”“ที่ผ่านมาฉันยอมรับนะว่าฉันมีความสุขมากที่ได้อยู่กับเธอ รู้สึกดีที่ตื่นมาทุกเช้ามีเธอนอนอยู่ข้างๆ และได้นอนกอดกันทุกคืน ฉันรู้ว่าเธอรักฉันและฉันคิดว่าสิ่งที่ฉันทำมันก็เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่าฉันรู้สึกยังไงกับเธอ”“แล้วคุณรู้สึกยังไงเหรอคะ” หญิงสาวถามออกไปด้วยใจเต้นแรงเธอไม่รู้หรอกว่าตอนนี้อัลเฟรโด้กำลังจะพูดอะไรแต่ในใจก็แอบหวังว่าเธอได้ยินเขาพูดคำว่ารักซึ่งมันสำคัญกับเธอมาก ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเธอบอกรักเข
“พรุ่งนี้ฉันจะบอกทนายให้จัดการเรื่องหย่า” จู่ๆ อัลเฟรโด้ก็พูดขึ้นระหว่างที่ออกมานั่งดื่มกับณัฐกฤษณ์เพื่อนสนิท“จะไม่ง้ออีกหน่อยเหรอ”“ฉันคิดว่าง้อไปมันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรหรอก เมลินเธอคงตัดใจจากฉันได้แล้วจริงๆ นั่นแหละ”“เฮ้ย!...แต่นี่เพิ่งผ่านมาไม่กี่เดือนเองนะ อดทนหน่อยสิ เด็กวัยรุ่นก็อย่างนี้เอาใจยาก”“นายพูดอย่างกับเคยมีแฟนเป็นเด็ก”“ถึงแฟนฉันกับฉันอายุจะไม่ห่างกันมาก แต่ฉันก็พอเข้าใจนะว่าผู้หญิงอารมณ์อ่อนไหว โดยเฉพาะเด็กอย่างเมียของนายนะ นายลองคิดดูสิเธออายุแค่ 18 แล้วต้องมาแต่งงาน ชีวิตกำลังลงตัวและมีความสุขจู่ๆ นายก็ไปพูดจาแบบนั้นกับเธอ”“ก็ตอนนั้นฉันยังไม่รู้ความจริงนี่”“คนโตอย่างเราอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา ที่ต้องทะเลาะกันบ้างแต่นายอย่าลืมนึกถึงความแตกต่างในเรื่องของอายุด้วยนะ อีกอย่างเมลินเธอก็ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเลย แล้วมาโดนนายพูดจาแบบนั้นใส่เป็นใครก็ต้องเสียใจน้อยใจได้ นายเคยบอกฉันไม่ใช่เหรอว่าเมลินรักนายมาก พอโดนคนที่ตัวเองรักต่อว่าก็เลยยิ่งคิดมากและน้อยใจมันเป็นเรื่องธรรมดา”“ใช่เมลินรักฉันมาก เธอบอกรักฉันในทุกวันที่อยู่ด้วยกันนายรู้มั้ยฉันมีความสุขแค่ไหนเวลาไ
วันนี้เมลินญาน์เลิกเรียนเร็วกว่าปกติหญิงสาวจึงนัดทานข้าวกับศศิภาจากนั้นก็พากันเดินไปซื้อของก่อนจะขับรถมาส่งเธอที่บ้านระหว่างทางศศิภาก็ถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง“แกตัดสินใจดีแล้วหรอเมลิน แกรักเขามากนะแล้วจะหย่ากับเขาทำไม”“ฉันยอมรับว่าฉันรักเขามาก แต่ก็ไม่รู้จะอยู่กันไปทำไม เขาไม่เชื่อใจฉัน เขาคิดว่าฉันเป็นคนวางแผนให้ได้แต่งงานกับเขานะ”“แต่ตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าแกไม่ได้แบบ เขาก็ขอโทษแกแล้วแกยังต้องการอะไรอีก”“ไม่รู้สิ ฉันอาจจะต้องการความรักจากเขามั้ง”“แกเคยถามไหมว่าเขารักแกหรือเปล่า”“ไม่เห็นจำเป็นต้องถามเลยขิงฉันบอกรักเขาไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแต่ไม่เคยได้ยินกับเขาพูดมันเลย แม้คุณยายจะบอกว่าให้ดูที่การกระทำทำแต่ฉันก็อยากจะได้ยินมันสักครั้ง เขาพูดแต่ว่าเขาโทษอยากให้ฉันกลับไปอยู่ด้วยแค่นั้นเอง”“ถ้าเขาบอกว่ารักแกแล้วแกจะกลับไปคืนดีกับเขาเหรอ”“อือ”“ฉันไม่เข้าใจแกเลยนะเมลิน แกหย่ากับเขาแล้วแกก็ต้องมานั่งเสียใจแบบนี้มันคุ้มกันเหรอ”“ฉันไม่รู้ว่าคุ้มไหม แต่ฉันอยากอยู่กับคนที่รักฉัน แต่ฉันให้เวลาให้โอกาสเขาแล้วนะ ฉันรู้ว่าที่ฉันทำมันงี่เง่าไม่มีเหตุผล แค่คำว่ารักแค่คำเดียวแต่ฉันคิดว่าฉันอยากไ
จากวันที่เมลินญาน์ย้ายกลับไปอยู่บ้านถึงตอนนี้ก็เกือบจะสองเดือนแล้วอัลเฟรโด้ยังคงพยายามตามง้อ แต่หญิงสาวก็ไม่ยอมใจอ่อน ตอนนี้เธอเปลี่ยนกุญแจรั้วบ้านเปลี่ยนรหัสผ่านทุกอย่างทำให้อัลเฟรโด้ไม่สามารถเข้าไปหาเธอที่บ้านได้อย่างเคยแต่ถ้าวันไหนเขาเลิกงานเร็วก็มักจะขับรถวนมาดูว่าหญิงสาวถึงบ้านหรือยังและจอดรถที่หน้ารั้วจนกระทั่งเห็นว่าว่าเธอปิดไฟเข้านอนจึงขับรถกลับมาที่คอนโดมิเนียม เขาใช้รถของตนเองบ้างรถของบริษัทบ้างหรือบางครั้งก็ใช้รถของผู้ช่วยทำให้เมลินญาน์ไม่ทันสังเกตเห็นแต่วันนี้หญิงสาวไปซื้อของที่ตลาดสด แล้วเจอคุณน้าหนึ่งที่บ้านอยู่ถัดจากบ้านของเธอไปอีกสามหลังเข้ามาชวนคุย“เมลิน หนูสังเกตไหมว่าช่วงนี้แถวบริเวณหน้าบ้านหนูมักจะมีรถยนต์มาจอดอยู่บ่อยๆ”“หนูไม่ได้สังเกตเลยค่ะน้า เขามาจอดรอใครหรือเปล่า”“น้าเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ หนูลองสังเกตดูหน่อยนะไม่รู้เป็นพวกโจรเป็นขโมยหรือเปล่า หนูอยู่บ้านคนเดียวด้วยมันอันตราย ถ้าเห็นท่าไม่ดียังไงก็โทรเรียกตำรวจให้มาช่วยดูก็ดีนะ”“ขอบคุณนะคะน้า หนูจะไปย้อนดูกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าบ้านดูค่ะ อยากจะรู้เหมือนกันว่าใครที่มาจอดรถรออยู่แบบนั้น”เมลินญาน์พูดคุยก
เพราะตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาอัลเฟรโด้ทานอาหารไม่ตรงเวลาและมักจะดื่มเหล้าอยู่ตลอด วันนี้ชายหนุ่มก็เลยรู้สึกปวดท้องหลังเลิกงานเขาเลยแวะที่โรงพยาบาลเพื่อให้คุณหมอตรวจอาการหลังจากตรวจและรับยาแล้วอัลเฟรโด้ยาก็เดินมาที่ลานจอดรถและได้เจอกับหมออำนาจที่กำลังจะกลับบ้านพอดี“สวัสดีครับหมออำนาจ”“สวัสดีครับคุณอัลเฟรดไม่สบายเหรอครับ” คุณหมอถามเพราะเห็นถุงยาในมือของเขา“ปวดท้องนิดหน่อยครับคุณหมอก็เลยแวะมาตรวจ คุณหมอละ ครับสบายดีไหม” อัลเฟรโด้เจอกับคุณหมอครั้งสุดท้ายก็ในงานศพของคุณยายราตรีซึ่งมันผ่านมาสองเดือนแล้ว“ผมสบายดีครับ”“คุณหมอพอจะมีเวลาสักนิดไหมครับ” อัลเฟรโด้ถามอย่างเกรงใจ“คุณอัลเฟรดมีอะไรหรือเปล่าผม”“อยากจะถามอะไรหมอหน่อย”“ได้สิครับ เรานั่งคุยตรงมาหินอ่อนตรงนั้นก็ได้”“ครับ” แล้วอัลเฟรโด้ก็เดินตามคุณหมออำนาจมายังม้าหินอ่อนที่อยู่ใกล้กับลานจอดรถ“คุณอัลเฟรดมีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ”“ผมอยากจะถามว่าทุกครั้งที่คุณยายมาตรวจกับคุณหมอ คุณยายให้คนอื่นเข้ามาในห้องด้วยหรือเปล่าครับ”“ไม่นะครับ คุณยายมักจะเข้ามาคนเดียวส่วนเมลินภรรยาของคุณก็รออยู่ข้างนอก มีอะไรหรือเปล่า”“ผมขอถามคุณหมอทุ
บทรักดำเนินต่อไปในห้องทำงานอีกพักใหญ่ก่อนที่อัลเฟรโด้จะอุ้มเมลินญาน์กลับมายังห้องนอน คืนนี้ทั้งสองต่างโรมรันพันตูกันอยู่บนเตียงอยู่นานก่อนที่หญิงสาวจะหมดแรงอยู่บนเตียงกว้างอัลเฟรโด้เอาผ้าเช็ดตัวชุบน้ำมาเช็ดคราบเหงื่อออกก่อนจะนอนกอดโดยไม่ได้มีคำพูดอะไรเมลินญาน์ซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดอันอบอุ่นของเขาแล้วหลับตานิ่ง เธออยากจะเก็บความรู้สึกคืนนี้ไว้เป็นคนสุดท้ายและพรุ่งนี้เธอกับเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรกันอีกอัลเฟรโด้เองก็กอดกระชับเธอไว้แน่นเขากำลังสับสนว่าจากนี้จะเอายังไงต่อจะใช้ชีวิตกับเธอไปเรื่อยๆ หรือจะหย่าอย่างที่เธอพูด เขายังคงตัดสินใจไม่ได้ชายหนุ่มนอนใช้ความคิดจนกระทั่งเผลอหลับแล้วตื่นมาอีกครั้งในตอนเช้าเขารู้สึกใจหายเมื่อเช้านี้มันต่างจากทุกเช้าที่ผ่านมาเมื่อข้างกายของเขาไม่มีเมลินญาน์นอนอยู่ข้างๆอัลเฟรโด้รีบลุกขึ้นนุ่งผ้าเช็ดตัวแล้วเดินมายังห้องครัวเขาเห็นแค่ความว่างเปล่า ชายหนุ่มมองนาฬิกาเห็นว่ามันสายมากแล้วและคิดว่าวันนี้ที่เธอไม่ทำอาหารเช้าให้อาจจะเป็นเพราะเธอรีบไปเรียนและถ้าหากเย็นนี้เธอกลับมาที่คอนโดเขาจะลองเปิดใจคุยกับเธออีกครั้งอยากจะฟังเหตุผลจากเธออีกครั้งโดยไม่ใช้อารมณ์ตลอด







