เขาแต่งงานเพื่อให้คุณยายสบายใจ ส่วนเธอแต่งงานเพราะอยากได้สมบัติคืน การแต่งงานที่เริ่มต้นด้วยเงื่อนไขและผลประโยชน์ นำไปสู่ความรักที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ แต่เมื่อความจริงถูกเปิดเผย ความรักจึงต้องเผชิญกับบททดสอบครั้งใหญ่ แล้วซาตานร้ายที่เคยใจแข็ง จะยอมพ่ายแพ้ให้กับเมียเด็กได้หรือไม่
더 보기หลังสอบวิชาสุดท้ายเสร็จเมลินญาน์และเพื่อนนักเรียนชั้น ปวช.3 ก็พากันไปกินหมูกระทะที่อยู่ข้างโรงเรียนเพื่อเป็นการฉลองสอบเสร็จ
หลังจากนั้นบางคนก็มีโอกาสได้เรียนต่อระดับ ปวส. บางคนก็ไปต่อมหาวิทยาลัยส่วนตัวเธอนั้นวางแผนเอาไว้แล้วว่าจะต่อระดับปวส. อีกสองปีแล้วค่อยหางานทำ
“แกจะกลับบ้านยังไงเมลินให้ฉันไปส่งไหม” ศศิภาพื่อนสนิทเอ่ยถามขณะที่ทุกคนกำลังแยกย้ายกันกลับบ้าน
“ไม่เป็นไรบ้านแกกับฉันมันคนละทางฉันนั่งรถเมล์กลับง่ายกว่า นั่นไงรถเมล์มาพอดีเลยฉันไปก่อนนะ” เมลินญาน์โบกมือให้เพื่อนก่อนจะรีบวิ่งไปขึ้นรถเมล์
ปกติแล้วเธอจะขี่จักรยานยนต์มาเรียนแต่วันนี้รถเกิดสตาร์ทไม่ติดเลยต้องส่งซ่อมทำให้ต้องใช้บริการรถเมล์แทน
เมื่อรถเมล์จอดเมลินญาน์ก็เดินเข้าซอยไปอีกประมาณห้าร้อยเมตรก็ถึงบ้านหลังเล็กที่เธออาศัยอยู่กับวารีแม่เลี้ยงและลูกชายของ ส่วนครรชิตผู้เป็นบิดาของเธอนั้นเสียชีวิตไปตั้งแต่เธออยู่ชั้น ปวช.1
ท่านทิ้งสมบัติเป็นบ้านหลังนี้และตึกแถวห้าคูหาไว้ให้เธอได้เก็บค่าเช่าเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียนและใช้ในชีวิตประจำวันแต่คนที่รับผิดชอบหน้าที่นี้ก็เป็นแม่เลี้ยงของเธอส่วนเธอก็ได้แค่เงินค่าขนมรายเดือนเพียงเท่านั้น
แต่หญิงสาวคิดว่าจากนี้จะเข้ามาดูแลในเรื่องของการเก็บค่าเช่าเองเพราะเธออายุครบ 18 ปีบริบูรณ์เธอก็มีสิทธิ์จัดการกับสมบัติด้วยตัวเองโดยไม่ต้องใช้ผู้จัดการมรดกอย่างน้าวารีแม่เลี้ยงของเธออีกต่อไป
หญิงสาวเดินเข้ามาในบ้านตอนนี้ไฟด้านในมืดสนิทเธอเดาว่าวัชรพลลูกชายของแม่เลี้ยงคงจะออกไปกินเหล้ากับเพื่อนอย่างเคย ส่วนแม่เลี้ยงของเธอนั้นเธอก็ไม่ค่อยได้เจอเท่าไหร่
แต่เมลินญาน์ก็ไม่ได้สนใจเพราะหลังจากเธอจะคุยกับน้าวารีให้รู้เรื่องแบ่งเงินของพ่อคนละครึ่งจากนั้นก็ต่างคนต่างอยู่
บ้านหลังนี้และตึกแถวเป็นสมบัติของมารดาเพราะฉะนั้นน้าวารีที่เป็นแม่เลี้ยงจึงไม่มีสิทธิ์ แต่เมลินญาน์จะแบ่งเงินในบัญชีของพ่อให้กับน้าวารีและลูกชายมากสักหน่อยเพื่อที่เธอจะได้ไปหาที่อยู่ใหม่ เท่าที่รู้บิดามีเงินในบัญชีมากถึงห้าล้านบาทและเงินที่ได้จากค่าเช่าอีกเธอคิดว่าจะให้เงินแม่เลี้ยงสักสามล้าน ส่วนเธอก็ได้บ้านหลังนี้กับตึกที่เป็นสมบัติเดิมของมารดา
เมื่อคิดถึงอิสระที่กำลังจะมาถึงหญิงสาวก็อาบน้ำและเข้านอนอย่างมีความสุข
เช้าวันใหม่เมลินญาน์ไม่ต้องรีบไปเรียนเธออยากจะตื่นนอนสายกว่าปกติแต่เสียงเคาะประตูห้องนอนก็ดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยเสียงของน้าวารี
“ยัยเมลินนี่มันเจ็ดโมงแล้วนะ ทำไมยังไม่ตื่นอีก”
“ขอตื่นสายหน่อยได้ไหมน้าวารี วันนี้หนูไม่ต้องไปโรงเรียนหนู” เมลินญาน์ตะโกนออกมาจากห้องนอน
“นี่ปิดเทอมแล้วเหรอ”
“ค่ะปิดเทอม แล้วหนูสอบเสร็จแล้ว”
“งั้นออกมาคุยกันหน่อยสิ”
หญิงสาวลุกจากที่นอนอย่างขัดใจก่อนจะเปิดประตูออกมาแล้วตรงมานั่งในห้องครัวที่ตอนนี้แม่เลี้ยงของเธอกำลังหุงข้าวอยู่
“น้าจะคุยอะไรคะ”
“ฉันก็จะถามแกว่าเรียนจบแล้วจะไปสมัครงานที่ไหน”
“หนูจะเรียนต่อค่ะ”
“จะเรียนต่ออีกทำไมล่ะ ฉันว่าแกออกมาหางานทำเลี้ยงตัวเองดีกว่านะ แต่ถ้าอยากเรียนจริงๆ ก็หาเงินเรียนเองก็แล้วกันนะ”
“ทำไมหนูจะต้องหาเงินเรียนเองด้วย เงินที่พ่อทิ้งไว้ก็ตั้งเยอะ”
“มันเหลือที่ไหนล่ะ”
“น้าหมายความว่ายังไงคะ”
“ก็หมายความว่าเงินที่พ่อแกทิ้งไว้มันหมดไปนานแล้ว”
“เงินตั้งเยอะมันจะหมดได้ยังไงน้าเอาเงินของพ่อไปทำอะไรมันถึงได้หมด”
“ฉันก็เอามาใช้จ่ายในบ้านแล้วก็ลงทุนนิดหน่อย”
“แต่ค่าเช่าตึกเราก็ได้เดือนหนึ่งเยอะนี่คะ หนูเอาเงินตรงนั้นเรียนก็ได้ค่ะ”
“แกพูดเรื่องตึกนั้นมาก็ดีล่ะ ตึกนั้นมันไม่ใช่ของแกแล้ว”
“มันจะไม่ใช่ของหนูได้ยังไงคะ พ่อบอกว่าตึกนั้นเดิมทีมันเป็นของแม่หนูต้องมีสิทธิ์เป็นเจ้าของน้าวารีก็แค่ผู้จัดการมรดกแต่ตอนนี้หนูอายุครบ 18 แล้วนะคะ หนูก็ควรได้เป็นเจ้าของ”
“ตึกนั้นฉันเอาไปจำนองกับคุณราตรีแล้ว”
“อะไรนะคะน้าทำแบบนั้นได้ยังไง นั่นมันเป็นสมับัติของแม่หนู” น้ำเสียงของเมลินญาน์สั่นเครือด้วยความโกรธ
“ก็ถ้าฉันไม่เอาไปจำนองแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาส่งเสียเลี้ยงดูแกล่ะ”
“น้าคะ ค่าเช่าตึกนั้นหนูจำได้ว่าคูหาละสองหมื่นห้า เรามีห้าคูหาเดือนหนึ่งเราก็มีรายได้เป็นแสนแล้วนะคะ น้าเอาเงินไปทำอะไรหมด ไหนจะเงินในบัญชีของพ่ออีก”
“ฉันก็บอกแล้วไงว่าเอาไปลงทุนแล้วมันขาดทุน” น้ำเสียงของเมลินญาน์สั่นเครือด้วยความโกรธและความเสียใจ
“น้าทำไม่ถูก”
“จะถูกจะผิดฉันก็ทำไปแล้วถ้าแกอยากได้คืนก็เอาเงินไถ่คืนมาสิ คนที่ฉันเอาไปจำนองชื่อคุณราตรี บ้านเขาในซอยถัดไปนะ หลังที่ใหญ่สุดอยู่ท้ายซอย”
“น้าจำนองไปเท่าไหร่คะ”
“ฉันลืมไปแล้ว แกลองไปถามเขาเองก็แล้วกันนะ ไหนๆ แกก็รู้ความจริงเรื่องตึกแล้วฉันก็จะบอกความจริงแกอีกข้อนะเมลิน”
“อะไรคะ”
“ฉันเอาบ้านหลังนี้ไปจำนองกับธนาคารและไม่ได้ส่งมาหลายเดือน ถ้าแกอยากได้แกก็ไปติดต่อกับธนาคารแล้วก็จ่ายดอกเบี้ยกับเงินต้นที่เหลือด้วยนะ แกมีเวลาอยู่บ้านอีกหนึ่งเดือนถ้ายังหาเงินไปจ่ายธนาคารไม่ได้เขาก็จะมายึด”
“ทำไมหนูจะต้องเป็นคนหาเงินมาจ่ายคนเดียวด้วยในเมื่อบ้านหลังนี้เราอยู่กันสามคน”
“แต่ก่อนน่ะ ใช่แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วฉันกับลูกชายจะไปหาที่อยู่ใหม่ แกโตแล้วนี่ อายุครบ 18 แล้วฉันทำตามที่พ่อแกแล้วฉันก็อยากไปมีชีวิตของฉันบ้าง”
“น้าวารีคะ หนูอยากจะขอบคุณที่น้าช่วยดูแลหนูมาหลายปี แต่ตอนนี้หนูขอบคุณไม่ลงค่ะ สิ่งที่น้าทำกับหนูมันแย่มาก”
น้ำตาของเมลินญาน์ไหลออกมาอย่างไม่อาจกลั้นไว้ได้ เธอมองหน้าแม่เลี้ยงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความผิดหวัง
“แกจะพูดอะไรก็ตามใจแกเถอะ ฉันไม่อยากจะคุยกับแกแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะรีบย้ายออก แล้วจากนี้ฉันกับแกก็ถือเป็นคนแปลกหน้า อย่าติดต่อฉันหรือมาขอความช่วยเหลืออะไรจากฉันอีก” พูดจบ วารีก็เดินออกจากบ้านไป
ทิ้งให้เมลินญาน์นั่งอยู่เพียงลำพัง ท่ามกลางความเงียบ น้ำตาแห่งความผิดหวังและเสียใจไหลอาบแก้ม เธอไม่เหลืออะไรเลยจริงๆ ทั้งเงิน บ้านและแม้แต่ความไว้ใจที่เคยมีให้กัน
เมลินญาน์ตกใจตื่นมาในเวลาเกือบจะแปดโมงเช้า หญิงสาว รู้สึกปวดเมื่อยไปทั่วทั้งตัว เธอเคยได้ยินมาว่าการนอนกับผู้ชายครั้งแรกผู้หญิงจะรู้สึกเจ็บมากแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะมากขนาดนั้น หญิงสาวไม่เคยนอนกับใครมาก่อนจึงไม่รู้ว่าผู้ชายทุกคนจะเป็นเหมือนกับอัลเฟรโด้ไหมร่างกายของเขาแข็งแรงตัวสูงหุ่นดีโดยเฉพาะสัดส่วนความเป็นชายที่มันใหญ่โตมากกว่าผู้ชายบางคนที่เธอดูในคลิป เธอลืมคิดเรื่องที่ว่าเขาเป็นลูกครึ่งไปสนิทใจจึงไม่ได้เตรียมใจว่าจะเจ็บมากมายขนาดนั้นแม้จะรู้สึกเจ็บระบมไปทั้งช่วงล่างแต่เมื่อนึกถึงความสุขที่เขามอบให้หญิงสาวก็หน้าแดงซ่าน ความรู้สึกของเมลินญาน์ตอนนี้มันสับสนไปหมดจะว่ารู้สึกชอบกับการได้นอนกับอัลเฟรโด้มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด แต่ยอมรับเลยว่ามันมีความสุขมากไม่ว่าการแต่งงานจะไม่ได้เกิดจากความรักแต่ความสุขที่ได้ก็ที่เคยจากจินตนาการถึงหญิงสาวนอนคิดอยู่สักพักก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองจะต้องไปเก็บเงินจากแม่ค้าในตลาดเธอค่อยๆ ยกท่อนแขนของอัลเฟรโด้ออกเบาๆ แต่ดูเหมือนเขาจะรัดเธอไว้แน่นขึ้น“จะรีบตื่นไปไหนเมลิน มันยังเช้าอยู่เลย”“ไม่เช้าแล้วนะคะนี่แปดโมงแล้ววันนี้หนูต้องไปเก็บเงินที่ตลาดให้คุณยายด้วยค่ะ”“ไม
ความรู้สึกเจ็บแปลบมาพร้อมกับความอึดอัดเมื่อเขาสอดประสานเข้ามาในร่างกายของเธอจนเป็นหนึ่งเดียว ลมหายใจของหญิงสาวสะดุดความรู้สึกมันยากจะอธิบายได้ หญิงสาวน้ำตาคลอใบหน้าสวยส่ายไปมาบนหมอน“พอแล้ว....ฮือ....ฮือ....หนูเจ็บ....” หญิงสาวพยายามจะเอามือดันหน้าท้องของอัลเฟรโด้เอาไว้“มันต้องไปต่อนะเมลิน ถ้าหยุดตอนนี้เธอจะเจ็บตัวเปล่าๆ เชื่อฉันนะว่ามันจะดีขึ้น”เมลินญาน์มองหน้าเขาอย่างไม่เชื่อเท่าไหร่เพราะตอนนี้หญิงสาวรู้สึกเจ็บเหมือนกับร่างกายกำลังถูกฉีกออกเป็นเสี่ยง“เชื่อใจฉันสิ ฉันคือสามีของเธอนะ”“แต่ตอนนี้หนูอึดอัด....หนูเจ็บ....”“อดทนนะเมลินฉันรู้ว่าเธอเป็นคนเก่ง”อัลเฟรโด้พูดอย่างใจเย็นทั้งที่ในใจอย่างจะกระแทกเขาหาเธอใจแทบขาด ความอ่อนนุ่มที่คับแน่นและตอดอยู่บนท่อนเอ็นร้อนทำชายหนุ่มกัดฟันข่มเพื่ออารมณ์ของตัวเองไว้ เพราะนี่คือครั้งแรกของเมลินญาน์เขาเลยต้องพยายามหักห้ามใจอย่างที่สุด ชายหนุ่มกลัวว่าเธอจะเข็ดกับการร่วมรักและฝังใจจนไม่กล้าทำแบบนี้กับเขาอีกแล้วเขาก็ก้มลงจูบเพื่อปลอบโยนขณะที่สองมือก็นวดคลึงเต้าอวบกระตุ้นให้ร่างกายของเธอรู้สึกถึงความเสียวซ่านและผ่อนคลายมากขึ้น“อื้อ...คุณอัลเฟรด..
อัลเฟรโด้ไม่ได้รอคำตอบเพราะดูแล้วที่ตรงหน้ามันคือของจริง เขา ก้มลงจูบหญิงสาวอีกครั้งด้วยความรู้สึกที่แปลกออกไปจากที่ไม่ชอบการจูบกับใครแต่กลายเป็นว่าติดใจรสจูบที่เงอะงะและไม่ประสาของเมลินญาน์อย่างห้ามใจไม่อยู่ หญิงสาวเผลอโอบรอบคอเขาไว้แน่น ร่างกายตอบสนองอย่างอัตโนมัติริมฝีปากของอัลเฟรโด้เปลี่ยนจากการจูบมาเป็นดูดดึงเม้มเบาๆ ที่ซอกคอขาวเนียน ก่อนจะไล่ลงมาที่เนินอกของเธออย่างใจเย็น ไม่มีการเร่งเร้า มีแต่ความนุ่มนวลที่ชวนให้หญิงสาวเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสร้อนของฝ่ามือใหญ่ที่กำลังบีบเคล้นอย่างปลุกเร้า ปลายนิ้วเขี่ยวนอยู่ที่ยอดถันที่แข็งชูชัน สัมผัสที่ไม่เคยได้รับทำให้หญิงสาวรู้สึกร้อนรุ่มร่างกายของเธอกำลังไม่เป็นตัวของตัวเอง“อ๊ะ!....อื้อ....คุณอัลเฟรด....”เสียงครางกระเส่าของเธอหลุดออกมาจากลำคอเขาหัวเราะในลำคอ ก่อนจะใช้ปากครอบครองยอดอกสีสวยข้างหนึ่งส่วนอีกข้างก็ยังคงบีบคลึงอย่างหนักหน่วงไปตามอารมณ์ มืออีกข้างก็เลื่อนลงไปสัมผัสไปตามผิวเนียนนุ่ม กดวนที่หน้าท้องแบนราบต่ำลงไปยังซอกขาอ่อนของเธออย่างแผ่วเบาจนเมลินญาน์สะดุ้งสุดตัว หญิงสาวพยายามที่จะจับมือของเขาไว้แต่ก็ดูเหมือนว่าเธอไม่มีเรี่ยวแรง
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นที่โรงแรมหรูทุกคนต่างร่วมแสดงความยินดีและชื่นชมกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่สวยหล่อสมกันมาก คุณยายราตรียิ้มแก้มปริบางคนรู้สึกสงสัยว่าทำไมจู่ๆ อัลเฟรโด้ถึงได้แต่งงานเร็วขนาดนี้ บางคนซุบซิบนินทาคิดว่าเจ้าสาวอาจจะท้องแต่คุณยายราตรีก็แจ้งกับทุกคนว่าเหตุผลที่หลานชายของเธอรีบแต่งงานก็เพราะตอนนี้เธอมีปัญหาสุขภาพก็เลยอยากจะให้หลานชายแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาและจะมีหลานให้ท่านอุ้มเร็วๆ นี้คำพูดของคุณยายราตรีเหมือนกับแรงกดดันอย่างหนึ่งสำหรับเมลินญาน์เพราะเธอไม่คิดจะมีลูกในตอนนี้แม้ว่าอัลเฟรโด้จะเสนอให้มากแค่ไหนก็ตามหญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อมและสิ่งที่เธอกลัวก็คือเมื่อเธอมีลูกแล้วจะถูกกันให้ห่างจากลูกแม้ว่าเขารับปากว่าจะไม่ทำแบบนั้นแล้วก็ตาม ก่อนแต่งงานหนึ่งสัปดาห์หญิงสาวจึงไปปรึกษาหมอและเริ่มทานยาคุมกำเนิดหลังจากพิธีส่งตัวแล้วภายในห้องสวีตของโรงแรมจึงมีแค่เพียงอัลเฟรโด้และเมลินญาน์ หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นและประหม่าอย่างมาก“เธอไม่ต้องกังวลหรอก ฉันรู้ว่านี่ไม่ใช่การแต่งงานแบบที่เธอคาดหวัง” อัลเฟรโด้พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย มือหนาของเขาแตะที่ต้นแขนของเธอเบาๆ“หนูแค่ไม่รู้ว่าจะเริ่ม
หลังทานอาหารกลางวันแล้วคุณยายราตรีก็ไปนอนพักในห้องนั่งเล่นส่วนเมลินญาน์และอัลเฟรโด้ก็เดินเข้ามาในห้องทำงาน หญิงสาวนั่งลงตรงมุมห้องขณะที่อัลเฟรโด้ก็นั่งลงเก้าอี้อีกตัวอยู่ใกล้ๆ กัน“ฉันรู้ว่าเธอจะคุยกับฉันเรื่องที่คุณยายอยากให้เราแต่งงานกันใช่ไหม” อัลเฟรโด้รีบถามเพราะไม่อยากจะเสียเวลาอ้อมค้อม“ใช่ค่ะ”“เธอคิดว่ายังไงล่ะ”“สำหรับหนูไม่มีปัญหา แต่หนูอยากจะบอกจุดประสงค์ที่หนูแต่งงานกับคุณก่อนนะคะ เผื่อว่าคุณจะได้ตัดสินใจอีกทีว่าจะแต่งงานกับหนูตามที่คุณยายต้องการหรือเปล่า” เมลินญาน์ไม่อยากปิดบังเหตุผลที่ยอมแต่งงานเพราะถ้าอัลเฟรโด้มารู้ทีหลังก็กลัวจะมีปัญหา“เหตุผลที่เธอแต่งงานกับฉันเพราะอะไรเหรอ”“ก็เพราะข้อเสนอของคุณยายมันน่าสนใจค่ะ”“ข้อเสนออะไร” อัลเฟรโด้ไม่รู้ว่าคุณยายยื่นข้อเสนออะไรกับเมลินญาน์เพราะตัวเขาเองก็เพิ่งรู้ว่าคนที่จะต้องแต่งงานด้วยก็คือผู้ช่วยคนใหม่ของท่าน“คุณยายเสนอจะใช้หนี้ธนาคารและเอาบ้านหลังนั้นกลับมาเป็นของหนูถ้าหนูยอมแต่งงานกับคุณและถ้าหนูแต่งงานกับคุณครบสองปีท่านจะคืนตึกที่น้าของหนูเอามาขายให้ค่ะ”“เธอหมายถึงตึกห้าคูหาหน้าตลาดนะเหรอ”“ใช่ค่ะ คุณคิดว่ามันเยอะเกินไปไห
หลานชายเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปแล้วคุณยายราตรีก็ยิ้มอย่างมีความสุข และตอนนี้เธอก็กำลังรอให้เมลินญาน์กลับมาจากการเก็บเงินที่ตลาด วันเสาร์แบบนี้เป็นวันที่หญิงสาวเก็บเงินในตลาดหน้าหมู่บ้านจึงขออนุญาตขี่รถจักรยานยนต์ไปเก็บเองจากนั้นค่อยเข้ามาที่นี่เสียงรถจักรยานยนต์ของเมลินญาน์เข้ามาจอดในเวลาสิบเอ็ดโมงคุณยายราตรีรีบเดินออกมาหาเธอด้วยความร้อนใจเพราะอยากจะฟังคำตอบที่คุยกับหญิงสาวไว้เมื่อวาน“สวัสดีค่ะคุณยาย”“สวัสดีจ้ะ วันนี้เป็นยังไงบ้างล่ะเมลินเก็บได้ครบหรือเปล่า”“ไม่ครบสองคนค่ะ พอดีคุณน้าเจ้าของแผงผักกับแผงปลาไปทำบุญที่ต่างจังหวัดหนูโทรคุยแล้วแกบอกว่ากลับมาจะจ่ายควบสองอาทิตย์ค่ะ คุณยายล่ะคะวันนี้เป็นยังไงบ้างเหนื่อยหรือเปล่า”“ไม่เหนื่อยเลย”“คุณยายทานยาตอนเช้าแล้วใช่ไหมคะ”“เรียบร้อยแล้วจ้ะ แล้วหนูล่ะลูกกินข้าวกินปลามาแล้วใช่ไหม”“ข้าวเช้ากินมาแล้วค่ะ ข้าวกลางวันก็มาฝากท้องกับคุณยายอย่างเดิม”“หนูไปหาน้ำหาขนมกินก่อนนะอย่าเพิ่งเริ่มงานเลย เอาขนมมานั่งกินกับยายที่ห้องนั่งเล่นก็ได้ ยายมีเรื่องจะคุยด้วย”“ได้ค่ะ”เมลินญาน์เดินเข้าไปในครัวเตรียมน้ำขนมและผลไม้สำหรับคุณยายจากนั้นก็เดินไปหาท่
댓글