ログインเมลินญาน์กลับมาที่บ้านของตนเองด้วยท่าทางเครียดหนักกับข้อเสนอที่คุณยายราตรีเสนอให้ หญิงสาวไม่รู้จะปรึกษาเรื่องนี้กับใครเพราะมันฟังดูเป็นเรื่องใหญ่มาก เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองแล้วก็วางลงทำซ้ำเดิมอยู่หลายครั้งก่อนจะตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาศศิภาเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอ
“ว่าไงเมลินทำงานสนุกไหม” ศศิภาทักทายด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“ก็สนุกดีนะ ฉันได้เจออะไรใหม่ๆ ตลอดแล้วแกล่ะขิงเป็นยังไงบ้างละ”
“ช่วงนี้อยู่แต่บ้านเบื่อมาก ตื่นเช้าก็ต้องมาช่วยแม่ขายของ ฉันอยากมีอิสระเหมือนแกบ้างจังเลย”
“มีอิสระแต่มันก็ต้องแลกมาด้วยการรับผิดชอบตัวเองนะขิง ฉันว่าการมีครอบครัวนั่นแหละดีที่สุด”
“อือ ฉันจะพยายามมองแบบนั้นนะ ตอนนี้แกเป็นยังไงบ้างเรื่องบ้านไปถึงไหนแล้ว แกจะได้อยู่ที่นั่นต่อไหม ถ้าอยู่ต่อไม่ได้มาอยู่กับฉันก่อนก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรหรอกฉันพอมีทางออกอยู่ที่โทรหาแกวันนี้ก็อยากจะปรึกษาแกบางเรื่อง”
แล้วเมลินญาน์ก็เล่าเรื่องข้อเสนอของคุณยายราตรีให้ศศิภาฟังอย่างละเอียด
“แกคิดว่าจะเอายังไงล่ะเมลิน แกจะรับข้อเสนอไหม”
“ถ้าเป็นแกละขิงแกจะทำเอายังไง”
“ถ้าฉันเป็นแกฉันจะรีบรับข้อเสนอทันทีเลย บ้านของแกที่ติดจำนองอยู่มันก็หลายล้าน อดทนแต่งงานกับหลานชายคุณยายอีกสองปีแกก็จะได้ตึกคืนมาอีกรวมแล้วก็เยอะอยู่นะ แกลองคิดดูนะว่าแกต้องทำงานกี่ปีกันถึงจะเก็บเงินได้เยอะขนาดนั้น”
“แต่มันเหมือนฉันขายตัวเลยนะ”
“ขายตัวที่ไหน ถ้าขายตัวก็คือไปนอนกับผู้ชายแล้วได้แค่เงินแต่นี่คุณยายบอกว่าจะให้แกแต่งงานเลยนะ ฉันว่ามันต่างกันมากหรือที่แกคิดมากเพราะว่าหลานชายของคุณยายไม่หล่อแกเลยไม่ยอมตอบตกลง” ศศิภารู้ว่าเพื่อนมักจะแพ้ทางผู้ชายหน้าตาดี
“ตรงกันข้ามเลยแหละ”
“หมายความว่าหล่อมากเหรอ”
“ใช่แล้วล่ะคุณอัลเฟรดเขาหล่อมากหุ่นดี ตัวสูงเป็นลูกครึ่งด้วยนะ” หญิงสาวยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าหล่อคมของอัลเฟรโด้
“แล้วปัญหามันอยู่ตรงไหนล่ะเมลิน ฉันว่าตกลงไปเถอะ ตอนนี้แกไม่มีแฟนสักหน่อย ได้แต่งงานกับคนหล่อแล้วยังได้สมบัติของแม่คืนมาอีกนี่เจอคนหล่อๆ แบบนี้ถ้าเป็นฉันไม่ต้องคิดมากเลย” ศศิภาหัวเราะและเชียร์เพื่อนอย่างเต็มที่ เพราะถ้าเป็นตัวเธอเองก็คงจะยอมทำตามข้อเสนออย่างแน่นอน
“ขิงฉันจริงจังนะ” เมลินญาน์ทำเสียงดุใส่เพราะเธอกำลังเครียดแต่เพื่อนกลับหัวเราะ
“ฉันก็จริงจังไง ฉันอยากให้แกแต่งงานกับเขานะ”
“แต่เขาอายุมากกว่าฉันนะ”
“แล้วเขาอายุเท่าไหร่ล่ะ”
“น่าจะซักสามสิบได้แล้วมั้งห่างกับเราตั้งสิบสองปีเลยนะ”
“มันก็แค่สิบสองปีเองนะ ฉันเคยเห็นบางคนเขาอายุต่างกันตั้งเยอะผู้ชายน่ะชอบผู้หญิงเด็กๆ ขี้อ้อน”
“แต่เขาดูขรึมๆ นะ ถ้าฉันไปอ้อนมากๆ ฉันก็กลัวเขาจะรำคาญสิ”
“แกก็ลงอ้อนดูก่อนสิ เผลอๆ แกจะได้มากกว่าตึกกับบ้านที่คุณยายเสนออีกนะ”
“ฉันคงไม่โลภมากมากขนาดนั้นหรอก แค่เจอเขาฉันก็ยังรู้สึกประหม่าทุกครั้ง”
“เขาคุยกับแกดีหรือเปล่า”
“ก็ดีนะเพราะเขาเห็นฉันเป็นผู้ช่วยของคุณยาย แต่ถ้าเขารู้ว่าจะต้องแต่งงานกับฉัน ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาจะคุยกับฉันดีหรือเปล่า”
“ที่แกมาถามฉันเพราะลังเลใช่ไหมล่ะ”
“อือ ใจหนึ่งก็อยากรับข้อเสนอ แต่อีกใจก็กลัว”
“แต่ยังไม่ได้ตอบตกลงใช่ไหม”
“ยังหรอกคุณยายให้เวลาฉันคิดก่อนน่ะ”
“แล้วเขาล่ะตกลงหรือเปล่า”
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“เอาอย่างนี้สิแกก็หยั่งเชิงไปก่อน บอกคุณยายว่าแกเองก็ไม่มีใครและจะแต่งก็ได้ แต่ก็อยากให้หลานชายของคุณยายเต็มใจแต่งงานกับแกด้วยและให้เขายอมรับแกในฐานะภรรยาไม่ใช่แต่งแล้วให้ขลุกอยู่แต่ในบ้านไม่พาออกงานส่วนตัวเขาก็ออกไปกับผู้หญิงคนอื่นแบบนั้นมันใช้ไม่ได้เลย”
“ฉันไม่รู้ว่าเขาจะเป็นผู้ชายแบบนั้นหรือเปล่าเพราะปกติเขาไม่ได้อยู่ที่บ้านคุณยายน่ะสองสามวันถึงจะมากินข้าวที่บ้านคุณยายสักที”
“แกก็ลองถามคุณยายสิหลานชายเขาเป็นคนนิสัยยังไง ถามให้แน่ใจก่อนว่าในวันแต่งงานจะไม่มีผู้หญิงคนไหนมาโวยวาย แล้วแกก็ควรตกลงกับเขาด้วยนะว่าถ้าแต่งงานแล้วห้ามเขาไปมีผู้หญิงคนอื่นเด็ดขาดทำสัญญาเลย ถ้าเขาผิดสัญญาแกก็ฟ้องหย่าแค่นั้นเอง”
“แกพูดเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ เลยนะขิง การแต่งงานมันเรื่องใหญ่เลยนะแก แล้วถ้าหย่าขึ้นมาล่ะ ฉันก็ต้องกลายเป็นแม่หม้าย”
“โธ่...เมลินสมัยนี้การแต่งงานการหย่าร้างมันเป็นเรื่องที่คนในสังคมรับได้นะ แต่งกันแล้วอยู่ไปไม่มีความสุขก็หย่ากันแค่นั้นเองแกอย่าคิดอะไรมากเลย”
“แกจะไม่ให้ฉันคิดมากได้ยังไง แกก็รู้นี่ว่าฉันยังไม่เคยมีแฟนมาก่อนถ้าฉันแต่งงานกับเขาฉันก็ต้องนอนกับเขานะแล้วแกคิดว่ามันจะเป็นยังไง” หญิงสาวเป็นกังวลเรื่องนี้มาก
“ฉันก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเพราะฉันก็ไม่เคยมีแฟนเหมือนกัน เอาน่าเรื่องพวกนี้ไม่ยากหรอก”
“แกหมายถึงเรื่องอะไรไม่ยาก”
“ก็เรื่องบนเตียงไง”
“แกนี่ทะลึ่งใหญ่แล้ว ไม่เคยมีแฟนแล้วยังจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่ยากมันยังไงกันแน่”
“แหมแกก็ตอนนี้สื่อลามกตามอินเตอร์เน็ตมีเยอะแยะแกก็เรียนรู้ไว้บ้าง เผลอๆ เขาจะหลงจนโงหัวไม่ขึ้น”
“ฉันไม่ได้หวังอะไรขนาดนั้นหรอก ฉันหวังแค่ว่าจะได้ตึกนั้นคืนมาถ้าครบสองปีแล้วฉันอยู่กับเขาไม่มีความสุขก็คงต้องหย่า”
“แต่ฉันว่าอย่าเพิ่งพูดเรื่องนั้นเลยนะ แกยังไม่ได้แต่งงานกับเขาเลยนะ”
“ฉันก็ไม่รู้ว่าแต่งงานไปแล้วมันจะเป็นยังไงบ้าง”
“แกเป็นคนสวยน่ารักหุ่นก็ดีขนาดนั้น ฉันว่ายังไงผู้ชายก็ต้องชอบ”
“แต่คุณอัลเฟรดเขาเป็นคนมีเสน่ห์ ฉันว่ารอบกายของเขาก็คงเจอผู้หญิงสวยๆ เยอะ”
“ถ้าเขาเจอผู้หญิงสวยเยอะแล้วทำไมเขาเป็นโสดมาถึงทุกวันนี้”
“อันนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันหรือบางทีเขาคงอยากจะใช้ชีวิตเหมือนเพลย์บอยทั่วไปละมั้ง”
“งั้นภารกิจของแกก็คือปราบเพลย์บอยให้อยู่หมัด”
“พูดเป็นเล่นน่ะแก ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจเลย”
“ฉันคิดว่าแกคนตอบตกลงนะ ผู้หญิงทุกคนก็อยากจะมีแฟนหล่อๆ รวยๆ กันทั้งนั้นอีกอย่างไม่มีใครรักษาความบริสุทธิ์ได้ตลอดไปหรอกนะ”
“แต่ฉันก็อยากเก็บไว้ให้คนที่รัก”
“เรื่องนั่นมันก็เป็นเรื่องดี แต่แกได้แต่งงานออกหน้าออกตาก็ยังดีกว่าบางคนที่มีแฟนคบไปเรื่อยๆ นอนกับผู้ชายไปทั่วแต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเลย ฉันไม่ได้สนับสนุนให้แกเอาตัวเข้าแลก แต่คนที่เสนอเป็นคุณยายของเขา ฉันว่าท่านก็คงมองเห็นอะไรในตัวแกถึงได้อยากให้แกแต่งงานกับหลานของเขา แกลองคุยกับคุณยายดูสิว่าเพราะอะไรถึงอยากได้แกเป็นหลานสะใภ้”
“ขอบใจนะขิงฉันว่าพรุ่งนี้จะลองคุยกับคุณยายดู บางทีอาจจะมีอะไรที่ฉันยังไม่รู้ก็ได้”
เมื่อได้คุยกับเพื่อนแล้วเมลินญาน์ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากหญิงสาวคุยเรื่องทั่วไปอีกพักใหญ่ก่อนจะวางสายและอาบน้ำเข้านอนในสมองยังคงคิดวนเวียนถึงข้อเสนอของคุณยายราตรีและคิดว่าพรุ่งนี้จะต้องถามถึงเหตุผลว่าทำไมถึงอยากจะได้เธอเป็นหลานสะใภ้
“ถ้ามันเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ คุณอัลเฟรดก็รีบพูดมาเลยค่ะก่อนที่สมองจะไม่รับรู้อะไรเพราะความง่วง” หญิงสาวพูดแล้วแกล้งหาวทั้งที่ตอนนี้ยังไม่ได้ง่วงเลยสักนิด เธอก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าอัลเฟรโด้จะคุยเรื่องอะไรกับเธออัลเฟรโด้ขยับเข้ามาใกล้ๆ จับมือของเธอไว้เขามองหน้าเธอก่อนจะพูดความรู้สึกของตัวเองออกมา“ก่อนอื่นฉันต้องขอโทษที่เข้าใจผิด ไม่เชื่อใจเธอคิดว่าเธอเป็นคนกล่อมคุณยายให้บังคับฉันแต่งงาน”“เรื่องนี้หนูไม่โกรธคุณแล้ว หนูเข้าใจว่าเป็นใครก็ต้องคิดแบบนั้นเพราะหนูเพิ่งเจอกับคุณยายไม่นานท่านก็บังคับให้คุณแต่งงานกับหนู มีแค่นี้ใช่ไหมที่คุณจะพูด”“ไม่ใช่มันมีอีกเรื่องหนึ่ง”“อะไรคะ”“ที่ผ่านมาฉันยอมรับนะว่าฉันมีความสุขมากที่ได้อยู่กับเธอ รู้สึกดีที่ตื่นมาทุกเช้ามีเธอนอนอยู่ข้างๆ และได้นอนกอดกันทุกคืน ฉันรู้ว่าเธอรักฉันและฉันคิดว่าสิ่งที่ฉันทำมันก็เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่าฉันรู้สึกยังไงกับเธอ”“แล้วคุณรู้สึกยังไงเหรอคะ” หญิงสาวถามออกไปด้วยใจเต้นแรงเธอไม่รู้หรอกว่าตอนนี้อัลเฟรโด้กำลังจะพูดอะไรแต่ในใจก็แอบหวังว่าเธอได้ยินเขาพูดคำว่ารักซึ่งมันสำคัญกับเธอมาก ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเธอบอกรักเข
“พรุ่งนี้ฉันจะบอกทนายให้จัดการเรื่องหย่า” จู่ๆ อัลเฟรโด้ก็พูดขึ้นระหว่างที่ออกมานั่งดื่มกับณัฐกฤษณ์เพื่อนสนิท“จะไม่ง้ออีกหน่อยเหรอ”“ฉันคิดว่าง้อไปมันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรหรอก เมลินเธอคงตัดใจจากฉันได้แล้วจริงๆ นั่นแหละ”“เฮ้ย!...แต่นี่เพิ่งผ่านมาไม่กี่เดือนเองนะ อดทนหน่อยสิ เด็กวัยรุ่นก็อย่างนี้เอาใจยาก”“นายพูดอย่างกับเคยมีแฟนเป็นเด็ก”“ถึงแฟนฉันกับฉันอายุจะไม่ห่างกันมาก แต่ฉันก็พอเข้าใจนะว่าผู้หญิงอารมณ์อ่อนไหว โดยเฉพาะเด็กอย่างเมียของนายนะ นายลองคิดดูสิเธออายุแค่ 18 แล้วต้องมาแต่งงาน ชีวิตกำลังลงตัวและมีความสุขจู่ๆ นายก็ไปพูดจาแบบนั้นกับเธอ”“ก็ตอนนั้นฉันยังไม่รู้ความจริงนี่”“คนโตอย่างเราอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา ที่ต้องทะเลาะกันบ้างแต่นายอย่าลืมนึกถึงความแตกต่างในเรื่องของอายุด้วยนะ อีกอย่างเมลินเธอก็ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเลย แล้วมาโดนนายพูดจาแบบนั้นใส่เป็นใครก็ต้องเสียใจน้อยใจได้ นายเคยบอกฉันไม่ใช่เหรอว่าเมลินรักนายมาก พอโดนคนที่ตัวเองรักต่อว่าก็เลยยิ่งคิดมากและน้อยใจมันเป็นเรื่องธรรมดา”“ใช่เมลินรักฉันมาก เธอบอกรักฉันในทุกวันที่อยู่ด้วยกันนายรู้มั้ยฉันมีความสุขแค่ไหนเวลาไ
วันนี้เมลินญาน์เลิกเรียนเร็วกว่าปกติหญิงสาวจึงนัดทานข้าวกับศศิภาจากนั้นก็พากันเดินไปซื้อของก่อนจะขับรถมาส่งเธอที่บ้านระหว่างทางศศิภาก็ถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง“แกตัดสินใจดีแล้วหรอเมลิน แกรักเขามากนะแล้วจะหย่ากับเขาทำไม”“ฉันยอมรับว่าฉันรักเขามาก แต่ก็ไม่รู้จะอยู่กันไปทำไม เขาไม่เชื่อใจฉัน เขาคิดว่าฉันเป็นคนวางแผนให้ได้แต่งงานกับเขานะ”“แต่ตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าแกไม่ได้แบบ เขาก็ขอโทษแกแล้วแกยังต้องการอะไรอีก”“ไม่รู้สิ ฉันอาจจะต้องการความรักจากเขามั้ง”“แกเคยถามไหมว่าเขารักแกหรือเปล่า”“ไม่เห็นจำเป็นต้องถามเลยขิงฉันบอกรักเขาไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแต่ไม่เคยได้ยินกับเขาพูดมันเลย แม้คุณยายจะบอกว่าให้ดูที่การกระทำทำแต่ฉันก็อยากจะได้ยินมันสักครั้ง เขาพูดแต่ว่าเขาโทษอยากให้ฉันกลับไปอยู่ด้วยแค่นั้นเอง”“ถ้าเขาบอกว่ารักแกแล้วแกจะกลับไปคืนดีกับเขาเหรอ”“อือ”“ฉันไม่เข้าใจแกเลยนะเมลิน แกหย่ากับเขาแล้วแกก็ต้องมานั่งเสียใจแบบนี้มันคุ้มกันเหรอ”“ฉันไม่รู้ว่าคุ้มไหม แต่ฉันอยากอยู่กับคนที่รักฉัน แต่ฉันให้เวลาให้โอกาสเขาแล้วนะ ฉันรู้ว่าที่ฉันทำมันงี่เง่าไม่มีเหตุผล แค่คำว่ารักแค่คำเดียวแต่ฉันคิดว่าฉันอยากไ
จากวันที่เมลินญาน์ย้ายกลับไปอยู่บ้านถึงตอนนี้ก็เกือบจะสองเดือนแล้วอัลเฟรโด้ยังคงพยายามตามง้อ แต่หญิงสาวก็ไม่ยอมใจอ่อน ตอนนี้เธอเปลี่ยนกุญแจรั้วบ้านเปลี่ยนรหัสผ่านทุกอย่างทำให้อัลเฟรโด้ไม่สามารถเข้าไปหาเธอที่บ้านได้อย่างเคยแต่ถ้าวันไหนเขาเลิกงานเร็วก็มักจะขับรถวนมาดูว่าหญิงสาวถึงบ้านหรือยังและจอดรถที่หน้ารั้วจนกระทั่งเห็นว่าว่าเธอปิดไฟเข้านอนจึงขับรถกลับมาที่คอนโดมิเนียม เขาใช้รถของตนเองบ้างรถของบริษัทบ้างหรือบางครั้งก็ใช้รถของผู้ช่วยทำให้เมลินญาน์ไม่ทันสังเกตเห็นแต่วันนี้หญิงสาวไปซื้อของที่ตลาดสด แล้วเจอคุณน้าหนึ่งที่บ้านอยู่ถัดจากบ้านของเธอไปอีกสามหลังเข้ามาชวนคุย“เมลิน หนูสังเกตไหมว่าช่วงนี้แถวบริเวณหน้าบ้านหนูมักจะมีรถยนต์มาจอดอยู่บ่อยๆ”“หนูไม่ได้สังเกตเลยค่ะน้า เขามาจอดรอใครหรือเปล่า”“น้าเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ หนูลองสังเกตดูหน่อยนะไม่รู้เป็นพวกโจรเป็นขโมยหรือเปล่า หนูอยู่บ้านคนเดียวด้วยมันอันตราย ถ้าเห็นท่าไม่ดียังไงก็โทรเรียกตำรวจให้มาช่วยดูก็ดีนะ”“ขอบคุณนะคะน้า หนูจะไปย้อนดูกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าบ้านดูค่ะ อยากจะรู้เหมือนกันว่าใครที่มาจอดรถรออยู่แบบนั้น”เมลินญาน์พูดคุยก
เพราะตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาอัลเฟรโด้ทานอาหารไม่ตรงเวลาและมักจะดื่มเหล้าอยู่ตลอด วันนี้ชายหนุ่มก็เลยรู้สึกปวดท้องหลังเลิกงานเขาเลยแวะที่โรงพยาบาลเพื่อให้คุณหมอตรวจอาการหลังจากตรวจและรับยาแล้วอัลเฟรโด้ยาก็เดินมาที่ลานจอดรถและได้เจอกับหมออำนาจที่กำลังจะกลับบ้านพอดี“สวัสดีครับหมออำนาจ”“สวัสดีครับคุณอัลเฟรดไม่สบายเหรอครับ” คุณหมอถามเพราะเห็นถุงยาในมือของเขา“ปวดท้องนิดหน่อยครับคุณหมอก็เลยแวะมาตรวจ คุณหมอละ ครับสบายดีไหม” อัลเฟรโด้เจอกับคุณหมอครั้งสุดท้ายก็ในงานศพของคุณยายราตรีซึ่งมันผ่านมาสองเดือนแล้ว“ผมสบายดีครับ”“คุณหมอพอจะมีเวลาสักนิดไหมครับ” อัลเฟรโด้ถามอย่างเกรงใจ“คุณอัลเฟรดมีอะไรหรือเปล่าผม”“อยากจะถามอะไรหมอหน่อย”“ได้สิครับ เรานั่งคุยตรงมาหินอ่อนตรงนั้นก็ได้”“ครับ” แล้วอัลเฟรโด้ก็เดินตามคุณหมออำนาจมายังม้าหินอ่อนที่อยู่ใกล้กับลานจอดรถ“คุณอัลเฟรดมีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ”“ผมอยากจะถามว่าทุกครั้งที่คุณยายมาตรวจกับคุณหมอ คุณยายให้คนอื่นเข้ามาในห้องด้วยหรือเปล่าครับ”“ไม่นะครับ คุณยายมักจะเข้ามาคนเดียวส่วนเมลินภรรยาของคุณก็รออยู่ข้างนอก มีอะไรหรือเปล่า”“ผมขอถามคุณหมอทุ
บทรักดำเนินต่อไปในห้องทำงานอีกพักใหญ่ก่อนที่อัลเฟรโด้จะอุ้มเมลินญาน์กลับมายังห้องนอน คืนนี้ทั้งสองต่างโรมรันพันตูกันอยู่บนเตียงอยู่นานก่อนที่หญิงสาวจะหมดแรงอยู่บนเตียงกว้างอัลเฟรโด้เอาผ้าเช็ดตัวชุบน้ำมาเช็ดคราบเหงื่อออกก่อนจะนอนกอดโดยไม่ได้มีคำพูดอะไรเมลินญาน์ซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดอันอบอุ่นของเขาแล้วหลับตานิ่ง เธออยากจะเก็บความรู้สึกคืนนี้ไว้เป็นคนสุดท้ายและพรุ่งนี้เธอกับเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรกันอีกอัลเฟรโด้เองก็กอดกระชับเธอไว้แน่นเขากำลังสับสนว่าจากนี้จะเอายังไงต่อจะใช้ชีวิตกับเธอไปเรื่อยๆ หรือจะหย่าอย่างที่เธอพูด เขายังคงตัดสินใจไม่ได้ชายหนุ่มนอนใช้ความคิดจนกระทั่งเผลอหลับแล้วตื่นมาอีกครั้งในตอนเช้าเขารู้สึกใจหายเมื่อเช้านี้มันต่างจากทุกเช้าที่ผ่านมาเมื่อข้างกายของเขาไม่มีเมลินญาน์นอนอยู่ข้างๆอัลเฟรโด้รีบลุกขึ้นนุ่งผ้าเช็ดตัวแล้วเดินมายังห้องครัวเขาเห็นแค่ความว่างเปล่า ชายหนุ่มมองนาฬิกาเห็นว่ามันสายมากแล้วและคิดว่าวันนี้ที่เธอไม่ทำอาหารเช้าให้อาจจะเป็นเพราะเธอรีบไปเรียนและถ้าหากเย็นนี้เธอกลับมาที่คอนโดเขาจะลองเปิดใจคุยกับเธออีกครั้งอยากจะฟังเหตุผลจากเธออีกครั้งโดยไม่ใช้อารมณ์ตลอด







