เยว่อวิ๋นกับต้าเป่าเดินนำสองนายบ่าวมุ่งลงเขา เนื่องจากระหว่างทางขึ้นเยว่อวิ๋นคิดจะล่าสัตว์ ขามาทั้งคู่จึงไม่เก็บของเล็กน้อยให้เต็มตะกร้า แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว พวกนางแม่ลูกย่อมต้องแวะเก็บของป่าตามรายทางที่ลงเขาเพื่อไม่ให้มาเสียเที่ยวลู่จิ่วต้องแบกจี้จิ่งชวนขึ้นหลังเดินจึงทั้งร้อนทั้งเหนื่อ
ถัดจากเห็ดก็เป็นจิงจูฉ่าย [1] ที่ไปเจอตอนกำลังไล่ตามกระต่าย เยว่อวิ๋นจำเจ้าผักนี่ได้เพราะมีสรรพคุณทางยา เมื่อคิดว่าประโยชน์ของเจ้าสิ่งนี้ดีต่อร่างกายเซี่ยฉงอวิ๋น เยว่อวิ๋นก็เด็ดกลับมาเสียกองโต แต่ส่วนที่ว่าจะให้กินอย่างไรนั้นนางยังไม่ได้ตัดสินใจ…จำได้ว่าในอดีตเกี๊ยวไส้จิงจูฉ่ายที่ ‘เซี่ยฉงอวิ๋น’ เค
รับเอาตั๋วเงินร้อยตำลึงมายัดใส่แขนเสื้อ ใบหน้าของเยว่อวิ๋นยิ่งเบิกบานกว่าเดิมเป็นเท่าตัว หญิงสาวมอบห้าตำลึงให้แก่หมอจางเป็นค่ายา ก่อนจะปล่อยให้สองนายบ่าวพักผ่อนไปตามอัธยาศัย ส่วนตนเองกับเด็กสองคนก็เข้าครัวเตรียมอาหารสำหรับทุกคนเดิมหมอจางคิดจะขอตัวกลับหลังจากการรักษาเสร็จสิ้น แต่พอคิดถึงคำพูดของเยว่
“ตกลง ต้องรบกวนท่านแล้ว” เยว่อวิ๋นพลันโล่งอกเล็กน้อย รีบตอบตกลงกับคำพูดของหมอจางในทันทีบ้านของนางเล็ก อีกทั้งเซี่ยฉงอวิ๋นก็ยังนอนป่วย หากนางให้พวกจี้จิ่งชวนมานอนค้างย่อมไม่เหมาะสม เดิมนางคิดว่าจะให้ลู่จิ่วพาเจ้านายเขาไปนอนที่คอกไก่ร้างตรงลานด้านหลังโน้นด้วยซ้ำจี้จิ่งชวนกับลู่จิ่วที่เกือบถูกไล่ไปนอ
ด้านต้าเป่าที่ถือชามวิ่งไปยังบ้านหมอจางตามคำสั่งของเยว่อวิ๋นนั้นกำลังประสบปัญหาลำบากใจอย่างยิ่งเนื่องจากกลิ่นหอมของเนื้อกระต่ายในชามลอยเข้าจมูกไม่หยุด เด็กน้อยที่ไม่ได้กินเนื้อมานานเริ่มรู้สึกทรมานกับการฝืนห้ามใจ ขาเล็กๆ จึงซอยเท้าก้าวถี่ขึ้นทุกที“ต้าเป่า เจ้ากำลังจะไปไหน” จู่ๆ ร่างอ้วนกลมก็โดดเข้
การแสดงออกของเยว่อวิ๋นหนักแน่นชวนให้มั่นใจอย่างยิ่งต้าเป่าเห็นดังนั้นก็รู้สึกมีความเชื่อมั่นขึ้นมา ใบหน้าเล็กที่เคร่งขรึมราวกับผู้ใหญ่พลันผ่อนคลายลงหลายส่วน จากนั้นสามแม่ลูกก็กินอาหารไปพลางพูดคุยสนทนากันไปพลาง ก่อนที่เยว่อวิ๋นจะไปจัดการต้มน้ำร้อนให้ทั้งคู่อาบ“ท่านแม่ไม่อาบกับเสี่ยวอวี้หรือเจ้าคะ”
แน่นอนว่าความคิดและคำตัดพ้อของแม่เฒ่าเซี่ยส่งไปไม่ถึงเซี่ยฉงอวิ๋นกับเยว่อวิ๋นเลยสักนิดเมื่อรุ่งสางมาเยือน แสงทองเริ่มจับขอบฟ้า เสียงไก่ตัวผู้โก่งคอขันดังเจื้อยแจ้วไปทั่วหมู่บ้าน เยว่อวิ๋นที่หลับเต็มอิ่มมาทั้งคืนก็ตื่นขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี นางมองร่างผ่ายผอมที่มีลมหายใจสม่ำเสมอด้านข้าง พลางก้าวลงจากเตี
อู๋ซื่อได้ยินถ้อยคำที่กล่าวพลันตาเหลือก หลบเลี่ยงสายตาที่จ้องมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อตนของน้องสามีด้วยใจหวาดหวั่น ตนก็แค่อยากใช้สถานะสะใภ้ใหญ่ของตัวเองมาข่มเยว่ซื่อระบายโทสะในใจ ไหนเลยจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เดินตามบทบาทเหมือนคนปกติทั่วไปแบบนี้เยว่อวิ๋นไม่รอให้น้องสามีกับพี่สะใภ้ส่งสายตากันจบ นางก็เร
เรื่องอะไรนางต้องลำบากลำบนเป็นหนี้เพื่อซื้อผู้หญิงให้สามีตัวเองด้วย!“เยว่ซื่อเจ้าอย่าได้ทำเกินไปนักนะ คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงมาเจ้ากี้เจ้าการเรื่องครอบครัวข้า แค่สามีข้ารู้จักสวีเหยาเจ้าก็คิดจะยัดเยียดคนเข้ามาแล้วรึ เจ้านี่มันไร้เหตุผลสิ้นดี”“เจ้าเองก็รู้นี่ ว่าเรื่องแบบนี้มันไร้เหตุผล แล้วทีเจ้าลา
เซี่ยเหล่าซานมีหรือจะไม่รู้นิสัยลูกสะใภ้ตัวเอง นางสงสารสวีเหยาจริงเสียที่ไหนกัน ก็แค่อยากสร้างความลำบากใจให้ผู้อื่นเท่านั้นแหละ“สะใภ้รองเจ้าว่างมากนักหรือไง ถ้าไม่มีอะไรทำก็กลับเข้าบ้านไปเสีย อย่ามาอยู่ตรงนี้ให้คนเขาระอาเลย” อยู่ต่อหน้าเยว่อวิ๋นเซี่ยเหล่าซานไม่สะดวกจะสั่งสอนลูกสะใภ้ จึงได้แต่ถลึงตา
พอรู้ว่าคนไปแล้วนางเจียงจึงขมวดคิ้ว บ่นสามีที่ไม่รู้ความเบาๆ “ดูเจ้าสิ อายุปูนนี้แล้วยังคิดไม่ได้ เยว่ซื่อมอบของตอบแทนที่เจ้าช่วยเหลือ เจ้าก็ไม่คิดอะไรแบมือรับอย่างเดียวหรือ”ผู้ใหญ่บ้านฟังแล้วหน้าแดง รู้สึกว่าตนบกพร่องมารยาทไปจริงๆ เจียงซื่อเห็นเขาคิดได้ก็ไม่พูดต่อ นางเพียงส่งผักที่กอดไว้ให้อีกฝ่าย
อีกด้าน เยว่อวิ๋นจัดการแบ่งใบชาที่ซื้อมาใส่ห่อพร้อมขนมกุ้ยฮวาที่ซื้อมาอีกหนึ่งกล่อง เตรียมของเสร็จนางก็กำชับต้าเป่ากับเสี่ยวอวี้ให้คอยดูคนป่วยสองคนด้านใน จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปยังบ้านผู้ใหญ่บ้านบ้านของผู้ใหญ่อยู่ห่างจากบ้านของเยว่อวิ๋นพอประมานใช้เวลาเดินเกือบๆ หนึ่งเค่อ เยว่อวิ๋นเดินไปตามทางอย่างไม่ร
พอเยว่อวิ๋นจากไปในห้องก็พลันเงียบงันชั่วขณะ เซี่ยฉงอวิ๋นที่เมื่อครู่ต่อล้อต่อเถียงก็เอาแต่จ้องมองใบหน้าหลีจวินไม่กล่าววาจา เห็นอย่างนั้นหลีจวินก็ใจแป้วขึ้นมาทันที“เจ้ามองข้าแบบนั้นทำไม ขะ... ข้าเป็นลูกค้าบ้านเจ้านะ” หลายวันมานี้เขาถูกคนตรงหน้ากลั่นแกล้งจนหัวหมุนขยาดไปหมดแล้ว“แล้วอย่างไร เจ้ายังไม่
เรื่องราวของสวีเหยาถูกโจษจันไปทั่วหมู่บ้าน หญิงสาวยังไม่แต่งงานคนหนึ่ง กลับวิ่งไปหาบุรุษที่มีภรรยาอยู่แล้วเพื่อขอเป็นอนุ นี่ช่างเป็นเรื่องตลกร้ายที่น่าอับอายอย่างแท้จริงพริบตาที่เรื่องนี้แพร่ออกไป ไม่เพียงครอบครัวสวีที่กลายเป็นตัวตลก แต่บ้านจ้าวเองก็หนีไม่พ้นเช่นกันป้าจ้าวที่เคยเดินเชิดหน้านินทาคน
ทว่าสวีเหยากลับไม่ได้ทำอะไรเยว่อวิ๋นอย่างที่ทุกคนคาดเดา นางเพียงพุ่งไปคุกเข่าเบื้องหน้าเยว่อวิ๋น ก่อนจะก้มลงโขกศีรษะให้ฝ่ายหลังสุดแรง“เยว่อวิ๋น ขอร้องเจ้าแล้ว ยอมให้ข้าเป็นอนุของพี่ชายอวิ๋นเถอะ ขอแค่เจ้ายอมรับปาก ข้าสาบานจะปรนนิบัติรับใช้เจ้ากับพี่ชายอวิ๋นจนชีวิตหาไม่”สวีเหยาพร่ำขอร้องไปพลางโขกศีร
อีกด้าน เยว่อวิ๋นกำลังฝังเข็มให้เซี่ยฉงอวิ๋นอยู่เช่นกัน ทว่าฝั่งนี้กลับดูสบายกว่าทางหลีจวินอย่างเห็นได้ชัด“หลีจวินนี่เด็กจริงๆ เขาแกล้งเอะอะใส่หมอจางทุกครั้งแบบนี้สนุกนักหรือไง” เยว่อวิ๋นฟังเสียงร้องโหยหวน พลางขมวดคิ้วบ่นเบาๆถึงอย่างไรหมอจางก็เป็นลูกศิษย์นาง เจ้าหนุ่มนั่นไม่รู้จักเคารพผู้อาวุโสเอา
ได้ยินอีกฝ่ายสาธยายความผิดของฟางฮัวทีละข้อชัดถ้อยชัดคำ เยว่อวิ๋นได้แต่นิ่งเงียบพูดไม่ออก นี่เขาพิการออกไปไหนไม่ได้จริงหรือส่วนฟางฮัวผู้นี้คงรังเกียจว่าชีวิตตนสงบสุขเกินไปสินะ ถึงได้พยายามรนหาที่ซะเหลือเกินเซี่ยฉงอวิ๋นเห็นภรรยาไม่คิดจะพูดแทนฟางฮัวอีกก็พอใจอย่างมาก เขาเอื้อมมือดึงคนเข้ามากอดขณะเอ่ยเ