เดิมทีเซี่ยฉงอวิ๋นมีความคิดว่าหากตนเองไม่อาจรักษาหายจริงๆ ก็จะอาศัยช่วงเวลาที่บ้านใหญ่หาคนมาแต่งเพื่อให้ตนเองแยกครอบครัว จัดการเรื่องของสองพี่น้องให้เรียบร้อยสมบูรณ์เขามั่นใจว่าหากว่าที่ภรรยาร่างนี้รู้ว่าตัวเองแต่งให้คนพิการ ย่อมไม่มีทางยอมรับได้ รอหลังจากเขาใช้นางแยกครอบครัวสลัดคนบ้านใหญ่ได้ จะยอม
ขณะเดียวกันภรรยาผู้เชื่อฟังที่นอนอยู่ด้านข้างก็ได้แต่ถอนหายใจโล่งอก พลางค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงช้าๆ ขณะนอนเอนกายลงท่ามกลางความมืดค่ำคืนแห่งความสงบมีสายลมเย็นพัดผ่าน ไอน้ำค้างยามราตรีของฤดูใบไม้ร่วงอาจไม่เหน็บหนาวเท่าฤดูเหมันต์ ทว่าด้วยกระท่อมที่แทบไม่สามารถป้องกันลมเบาๆ เมื่อรวมเข้ากับผ้าห่มที่ไร้คุณภา
“ต่อไปนี้พวกเจ้าสองคนไม่ต้องรีบตื่นเช้าแล้ว เสี่ยวอวี้ไม่ต้องต้มน้ำหรือทำอะไร ส่วนต้าเป่าก็ไม่ต้องไปตักน้ำอีกเข้าใจไหม” พวกเขายังอายุน้อย ขืนให้ทำงานหนักแบบนี้ต่อไปร่างกายยังไม่ทันแก่ก็คงล้มป่วยเป็นแน่“ทำไมละเจ้าคะ” เสี่ยวอวี้ถามอย่างงุนงง“ท่านแม่ข้าทำได้ขอรับ” เสี่ยวเป่ารีบบอก คิดว่ามารดาเป็นเหมื
ส่วนทางจี้จิ่งชวนนั้นยิ่งไม่มีปัญหา ทุกสองสามวันเยว่อวิ๋นจะไปตรวจดูอาการแผลของเขา จากนั้นก็ใช้ช่วงเวลานี้แนะนำวิชาแพทย์แห่งหุบเขาโอสถกับหมอจางไปด้วย“รอหาฤกษ์ดีสักวันตั้งโต๊ะคารวะน้ำชาเถอะ” ในเมื่อนางรับอีกฝ่ายเป็นศิษย์แล้ว ก็ควรทำทุกอย่างให้ครบถ้วน วันหน้าจางถิงจะได้สามารถเซ่นไหว้บูชาเหล่าผู้อาวุโส
สรุปง่ายโดยสั้นว่า ข่าวลือนี้แพร่หลายยิ่งกว่าเรื่องสมคบชู้ของหมอจางกับเยว่อวิ๋นที่พวกนางบ้านใหญ่รวมหัวกันใส่ความเยว่อวิ๋นเสียอีก“หุบปาก ไม่รู้อะไรก็อย่ามาพูด เราแยกครอบครัวกันแล้ว พวกข้าไม่มีหน้าที่ต้องไปดูแลเขาเสียหน่อย” เซี่ยหว่านหรูพูด ในใจเกลียดชังไปถึงพี่ชายคนรอง เป็นเพราะเขาแสดงท่าทีเย็นชาต่อ
ต้าหวางที่ถูกเยว่อวิ๋นเลือก เล่าทวนคำพูดโต้เถียงกันของของเถี่ยตั้นกับต้าเป่าทุกถ้อยคำอย่างไม่มีตกหล่นที่แท้ข่าวลือเรื่องเยว่อวิ๋นกับหมอจางที่คนบ้านใหญ่พยายามสาดโคลนนั้นไม่มีคนเชื่อ เพราะสองฝ่ายนั้นดูต่างกันจนเกินไป ทว่าข่าวลือเรื่องนางกับจี้จิ่งชวนกลับเป็นเรื่องที่น่าเชื่อกว่าในสายตาคนอื่นเนื่องจา
สือโถที่ยืนดูอยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นเยว่อวิ๋นอุ้มต้าเป่า ก็รีบปราดมายกตะกร้าที่นางวางไว้ข้างตัวทันที “อาสะใภ้ ข้าช่วยถือขอรับ”“สือโถพาอาสะใภ้ไปบ้านจางเอ้อที”“ขอรับ” เห็นสภาพลูกพี่ลูกน้อง สือโถเองก็ไม่พอใจอย่างมาก พอได้ยินที่เยว่อวิ๋นบอก เด็กชายก็ยกตะกร้าเดินนำหน้าอย่างกระตือรือร้นทันทีบ้านของจางเอ
เยว่อวิ๋นด่าพลางยิ้มเย็นว่ากันว่าเด็กคือสีขาวบริสุทธ์ คำพูดสีดำชั่วร้ายเหล่านี้มาจากไหนไม่ต้องคิดก็รู้ได้“ภรรยาฉงอวิ๋นเจ้าก็พูดแรงเกินไป เถี่ยตั้นเป็นแค่เด็กคนหนึ่งเขาไม่รู้ความจึงพูดไปเรื่อย เจ้าเป็นผู้ใหญ่จำต้องถือสาเรื่องเล็กน้อยกับเด็กน้อยไร้เดียงสาด้วยหรือ” หลัวซื่อโวยวาย นางรู้ดีว่าคำพูดที่บุ
เรื่องอะไรนางต้องลำบากลำบนเป็นหนี้เพื่อซื้อผู้หญิงให้สามีตัวเองด้วย!“เยว่ซื่อเจ้าอย่าได้ทำเกินไปนักนะ คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงมาเจ้ากี้เจ้าการเรื่องครอบครัวข้า แค่สามีข้ารู้จักสวีเหยาเจ้าก็คิดจะยัดเยียดคนเข้ามาแล้วรึ เจ้านี่มันไร้เหตุผลสิ้นดี”“เจ้าเองก็รู้นี่ ว่าเรื่องแบบนี้มันไร้เหตุผล แล้วทีเจ้าลา
เซี่ยเหล่าซานมีหรือจะไม่รู้นิสัยลูกสะใภ้ตัวเอง นางสงสารสวีเหยาจริงเสียที่ไหนกัน ก็แค่อยากสร้างความลำบากใจให้ผู้อื่นเท่านั้นแหละ“สะใภ้รองเจ้าว่างมากนักหรือไง ถ้าไม่มีอะไรทำก็กลับเข้าบ้านไปเสีย อย่ามาอยู่ตรงนี้ให้คนเขาระอาเลย” อยู่ต่อหน้าเยว่อวิ๋นเซี่ยเหล่าซานไม่สะดวกจะสั่งสอนลูกสะใภ้ จึงได้แต่ถลึงตา
พอรู้ว่าคนไปแล้วนางเจียงจึงขมวดคิ้ว บ่นสามีที่ไม่รู้ความเบาๆ “ดูเจ้าสิ อายุปูนนี้แล้วยังคิดไม่ได้ เยว่ซื่อมอบของตอบแทนที่เจ้าช่วยเหลือ เจ้าก็ไม่คิดอะไรแบมือรับอย่างเดียวหรือ”ผู้ใหญ่บ้านฟังแล้วหน้าแดง รู้สึกว่าตนบกพร่องมารยาทไปจริงๆ เจียงซื่อเห็นเขาคิดได้ก็ไม่พูดต่อ นางเพียงส่งผักที่กอดไว้ให้อีกฝ่าย
อีกด้าน เยว่อวิ๋นจัดการแบ่งใบชาที่ซื้อมาใส่ห่อพร้อมขนมกุ้ยฮวาที่ซื้อมาอีกหนึ่งกล่อง เตรียมของเสร็จนางก็กำชับต้าเป่ากับเสี่ยวอวี้ให้คอยดูคนป่วยสองคนด้านใน จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปยังบ้านผู้ใหญ่บ้านบ้านของผู้ใหญ่อยู่ห่างจากบ้านของเยว่อวิ๋นพอประมานใช้เวลาเดินเกือบๆ หนึ่งเค่อ เยว่อวิ๋นเดินไปตามทางอย่างไม่ร
พอเยว่อวิ๋นจากไปในห้องก็พลันเงียบงันชั่วขณะ เซี่ยฉงอวิ๋นที่เมื่อครู่ต่อล้อต่อเถียงก็เอาแต่จ้องมองใบหน้าหลีจวินไม่กล่าววาจา เห็นอย่างนั้นหลีจวินก็ใจแป้วขึ้นมาทันที“เจ้ามองข้าแบบนั้นทำไม ขะ... ข้าเป็นลูกค้าบ้านเจ้านะ” หลายวันมานี้เขาถูกคนตรงหน้ากลั่นแกล้งจนหัวหมุนขยาดไปหมดแล้ว“แล้วอย่างไร เจ้ายังไม่
เรื่องราวของสวีเหยาถูกโจษจันไปทั่วหมู่บ้าน หญิงสาวยังไม่แต่งงานคนหนึ่ง กลับวิ่งไปหาบุรุษที่มีภรรยาอยู่แล้วเพื่อขอเป็นอนุ นี่ช่างเป็นเรื่องตลกร้ายที่น่าอับอายอย่างแท้จริงพริบตาที่เรื่องนี้แพร่ออกไป ไม่เพียงครอบครัวสวีที่กลายเป็นตัวตลก แต่บ้านจ้าวเองก็หนีไม่พ้นเช่นกันป้าจ้าวที่เคยเดินเชิดหน้านินทาคน
ทว่าสวีเหยากลับไม่ได้ทำอะไรเยว่อวิ๋นอย่างที่ทุกคนคาดเดา นางเพียงพุ่งไปคุกเข่าเบื้องหน้าเยว่อวิ๋น ก่อนจะก้มลงโขกศีรษะให้ฝ่ายหลังสุดแรง“เยว่อวิ๋น ขอร้องเจ้าแล้ว ยอมให้ข้าเป็นอนุของพี่ชายอวิ๋นเถอะ ขอแค่เจ้ายอมรับปาก ข้าสาบานจะปรนนิบัติรับใช้เจ้ากับพี่ชายอวิ๋นจนชีวิตหาไม่”สวีเหยาพร่ำขอร้องไปพลางโขกศีร
อีกด้าน เยว่อวิ๋นกำลังฝังเข็มให้เซี่ยฉงอวิ๋นอยู่เช่นกัน ทว่าฝั่งนี้กลับดูสบายกว่าทางหลีจวินอย่างเห็นได้ชัด“หลีจวินนี่เด็กจริงๆ เขาแกล้งเอะอะใส่หมอจางทุกครั้งแบบนี้สนุกนักหรือไง” เยว่อวิ๋นฟังเสียงร้องโหยหวน พลางขมวดคิ้วบ่นเบาๆถึงอย่างไรหมอจางก็เป็นลูกศิษย์นาง เจ้าหนุ่มนั่นไม่รู้จักเคารพผู้อาวุโสเอา
ได้ยินอีกฝ่ายสาธยายความผิดของฟางฮัวทีละข้อชัดถ้อยชัดคำ เยว่อวิ๋นได้แต่นิ่งเงียบพูดไม่ออก นี่เขาพิการออกไปไหนไม่ได้จริงหรือส่วนฟางฮัวผู้นี้คงรังเกียจว่าชีวิตตนสงบสุขเกินไปสินะ ถึงได้พยายามรนหาที่ซะเหลือเกินเซี่ยฉงอวิ๋นเห็นภรรยาไม่คิดจะพูดแทนฟางฮัวอีกก็พอใจอย่างมาก เขาเอื้อมมือดึงคนเข้ามากอดขณะเอ่ยเ