แชร์

บทที่ 8

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-02 07:03:51

“เด็กน้อย เจ้าดูไฟเป็นหรือไม่” หญิงสาวถามเบาๆ

เสี่ยวอวี้ประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะพยักใบหน้ารัวๆ ประดุจไก่จิกข้าวสาร

“เป็นเจ้าค่ะ ตั้งแต่เสี่ยวอวี้สี่ขวบก็มีหน้าที่คอยจุดไฟให้ท่านป้าใหญ่อยู่แล้ว” เด็กหญิงบอกน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว ขณะทรุดลงนั่งยองๆ หน้าเตาไฟ

เยว่อวิ๋นหรี่นัยน์ตามองร่างเล็กตรงหน้าอย่างพินิจ ก่อนจะถอนลมหายใจแผ่วเบา เด็กบ้านยากจนจะโตไวกว่าเด็กปกติจริงๆ

“พวกเจ้าชื่ออะไร อายุเท่าไรกันแล้ว” จากความชำนาญที่เห็น แสดงว่าเด็กคนนี้น่าจะทำหน้าที่นี้มานานแล้วจริงๆ

“ข้าชื่อเซี่ยเสี่ยวอวี้ ส่วนพี่ชายชื่อเซี่ยต้าเป่า อายุห้าปีใกล้จะหกแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวอวี้เงยหน้าขึ้นตอบ เพียงแต่ตัวนางเองก็ไม่รู้ว่าจะครบหกขวบเดือนไหน เพราะที่ผ่านมาคนในบ้านเซี่ยไม่ค่อยให้ความสำคัญกับสองพี่น้องฝาแฝดคู่นี้นัก มีเพียงปีก่อนๆ ที่บิดายังไม่ป่วย มักจะไปหาไข่นกมาต้มให้พวกเขากินเป็นพิเศษเท่านั้น

คิดถึงรสชาติของไข่นกที่ท่านพ่อเคยแอบให้กินลับหลังท่านย่า รอยยิ้มสดใสก็ปรากฎบนใบหน้าเล็ก ก่อนจะสลดลงในชั่วครู่ น่าเสียดายที่หลังๆ มาท่านพ่อล้มป่วยหนัก อย่าว่าแต่ไข่นกแสนอร่อยที่เคยกินเลย หลายเดือนมานี้ แม้แต่ข้าวต้มข้นๆ สักถ้วยก็ยังยากจะมีให้กิน

จากสภาพภายนอกที่เห็น รูปร่างสองพี่น้องคู่นี้แทบจะไม่ต่างจากเด็กอายุสามขวบด้วยซ้ำ เยว่อวิ๋นขมวดคิ้วแน่น ดูเหมือนว่าแม่สามีราคาถูกของนางใจดำอำมหิตกว่าที่คิดนะนี่

สายลมเย็นพัดกรูผ่านร่าง เยว่อวิ๋นกระชับสาปเสื้อเข้าหากัน พลางบ่นอุบอิบในความอ่อนแอของร่างกายนี้ ก่อนจะเผยแววตาประหลาดใจขึ้นมาแวบหนึ่ง เมื่อเห็นเด็กน้อยงอร่างตัวสั่นสะท้าน โดยเฉพาะต้าเป่าที่อยู่ห่างจากเตาไฟ ถึงกับเดินเบียดเข้ามาใกล้อย่างอดไม่ไหว

ไวเท่าความคิด มือเรียวขยุมไปที่เสื้อบนตัวเด็กชาย ขณะเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งครึม “ทำไมเสื้อผ้าพวกเจ้าถึงเปียกชื้นเช่นนี้”

ต้าเป่าที่กำลังจะสะบัดหนีนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะหลุบดวงตาลงต่ำเม้มปากแน่นไม่พูดอะไร เห็นดังนั้นเยว่อวิ๋นก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้มอีกครั้ง

“ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็น กลางคืนมักมีน้ำค้างลงหนา พวกเจ้าคงไม่ได้ซุกซนออกไปเล่นข้างนอกในยามค่ำคืนใช่หรือไม่”

“เกี่ยวอะไรกับท่านด้วยเล่า” เด็กชายกัดฟันเอ่ย จะบอกได้อย่างไรละ ว่าเพราะเมื่อวานเป็นวันแต่งงานของบิดา พวกท่านย่าจึงแบกร่างเขามาไว้กระท่อมนี้ ส่วนตนกับน้องสาวเพื่อไม่ให้มาวุ่นวายในพิธีจึงถูกทิ้งให้อยู่ที่บ้านเดิม

เดิมทีการอยู่บ้านเดิมก็มิใช่เรื่องแย่อะไร ใครจะรู้ว่าหลังทำงานเสร็จ เซี่ยเสี่ยวเกอจะออกอุบายหาเรื่องใช้ให้เขากับน้องสาวออกไปตัดหญ้าก่อนเวลาอาหารเย็น

เซี่ยเสี่ยวเกอเป็นหลานชายคนโตของบ้าน แม้ท่านย่าจะรักเขารองลงมาจากอาสามกับอาหญิงเล็ก ทว่าลุงใหญ่กับป้าสะใภ้ใหญ่รักและตามใจเขายิ่งเสียกว่าอะไร ต้าเป่ากับเสี่ยวอวี้ที่รู้สถานะตัวเองดีจึงไม่กล้างัดค้านคำสั่งอีกฝ่าย

สองพี่น้องแบกตระกร้าขึ้นหลังคนละใบออกตัดหญ้าจนเต็ม กว่าจะเดินมาถึงเรือนสกุลเซี่ยฟ้าก็มืดไร้แสงสว่างไปนานแล้ว เหน็ดเหนื่อยแทบขาดใจ หิวเสียจนหน้าท้องยุบติดแผ่นหลัง

ทว่าเท่านั้นยังไม่พอ คนในบ้านยังพร้อมใจกลั่นแกล้งพวกเขาด้วยการปิดประตูรั้วก่อนเวลา เขากับเสี่ยวอวี้ช่วยกันร้องเรียกจนเสียงแหบก็ไม่มีใครออกมาเปิดให้ สุดท้ายจึงต้องไปนอนซุกกอดกันที่ใต้ต้นไม้ข้างรั้วหลับไป

ดังนั้นพอตื่นลืมตาฟ้าเริ่มสางมองเห็นทาง สองพี่น้องที่อิดโรยและหิวโหยจึงตัดสินใจพากันเดินทางมายังกระท่อมเก็บของที่บิดาอยู่ทันที

ส่วนงานในบ้านเซี่ยน่ะหรือ ใครจะทำก็ทำไปสิ!

“พวกเราไม่ได้ซุกซนนะเจ้าคะ เพียงแต่…” โดนคนในบ้านกลั่นแกล้ง ประโยคนี้แม้แต่เด็กน้อยอย่างเสี่ยวอวี้ยังเข้าใจความหมาย แล้วเยว่อวิ๋นจะเดาความจริงไม่ออกได้อย่างไร

หญิงสาวผ่อนลมหายใจหดหู่ออกวูบหนึ่ง ขณะที่เอื้อมมือไปลูบศีรษะเล็กของเด็กหญิง “ช่างเถอะ พวกเจ้าถอดเสื้อออกมาก่อน ข้าจะอังไฟให้”

ไม่ต้องให้พูดซ้ำ เสี่ยวอวี้ก็รีบปลดเชือกถอดเสื้อมาส่งให้ทันที ต้าเป่ามองการกระทำอันแสนกระตือรือร้นของน้องสาว แล้วพลันเกิดความรู้สึกอันบอกไม่ถูกขึ้นมาในใจ

น้องสาวโง่งมยังไม่ถึงชั่วยามก็ถูกล่อลวงไปเสียแล้ว หากตนไม่แน่วแน่มั่นคงยืนหยัดเอาไว้ เกรงว่าพวกเขาสองคนพี่น้องคงถูกนำไปขายทั้งคู่เป็นแน่

แม้ใจเตือนตัวเองว่าต้องหนักแน่นไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใดง่ายๆ ทว่าความอบอุ่นในห้องครัวกลับมีความดึงดูดจนยากจะต้านทาน จากที่เดิมแอบอยู่เพียงหน้าประตู เมื่อถูกเร่งรัดให้ถอดเสื้อ เด็กชายจึงอดที่จะก้าวเข้าไปไม่ได้

เยว่อวิ๋นสะบัดเสื้อที่เก่าจนสีซีดในมือเป็นระยะ รอจนมั่นใจว่าแห้งอุ่นดีแล้วจึงค่อยส่งให้เด็กหญิงข้างกาย ขณะเอื้อมมือไปรับเสื้อจากแฝดคนพี่

เสี่ยวอวี้รับเสื้อมาสวมใส่ อาจเป็นเพราะผ่านค่ำคืนเหน็บหนาวมาทั้งคืน ยามเสื้อคลุมอุ่นๆ กระทบถูกผิวกาย ความอบอุ่นสายหนึ่งพลันพวยพุ่งเข้าสู่หัวใจดวงน้อยๆ ทันที

เยว่อวิ๋นรับเสื้อจากมือต้าเป่ามาอังไฟ สายตาทอดไปที่ร่างเล็กสองร่างตรงหน้า หวนคิดถึงภาพร่างกายที่ไร้อาภรณ์ปกปิดเมื่อครู่ ก่อนจะขมวดคิ้วสีหน้าอึมครึม

ดูเหมือนว่าลูกเลี้ยงของนางจะไม่ใช่ซาลาเปา แต่เป็นได้แค่หัวไชเท้าน้อยเท่านั้น…
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 344

    “เสี่ยวอวี้ตัวอุ่นมากเลยนะเจ้าคะ ถ้าได้กอดตอนนอนรับรองว่าจะไม่หนาวเลย ถ้าท่านย่าไม่เชื่อก็ลองถามท่านอาคนงามดูได้เจ้าค่ะ”คำพูดไร้เดียงสาของเจ้าตัวเล็กเรียกรอยยิ้มบนใบหน้าผู้เป็นย่า ทว่ากลับทำให้หลีจวินหน้าแดงกว่าเดิม สุดท้ายเจ้าตัวจึงถูกท่านอาคนงามหิ้วออกไปก่อนจะทันได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น“ฉิงฮวน เจ

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 343

    อวิ๋นเอ๋อร์ของนางเป็นถึงฮูหยินน้อยจวนองค์หญิงแท้ๆ กลับไม่มีแม้แต่เครื่องประดับให้สวมใส่สักชิ้น อย่าว่าแต่ตระกูลขุนนางชนชั้นสูงเลย แม้แต่ตระกูลพ่อค้าชนชั้นทั่วไปก็ยังไม่อัตคัดเช่นนี้“ดูจากปิ่นทองนี่ก็รู้แล้วว่าเครื่องประดับที่ขายในตำบลห่างไกลแบบนี้ ทั้งคุณภาพและความสวยงามสู้ที่ขายในเมืองหลวงไม่ได้เล

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 342

    แม่สามีมาเยือนทั้งที แทนที่เขาจะให้สือจิ่วมาบอกนางล่วงหน้าเพื่อเตรียมตัวสักหน่อย กลับปล่อยให้นางหอบเอาสภาพดูไม่ได้มาเจอคน ดูสิคราวนี้นางเลยไม่มีหน้าจะไปเผชิญหน้ากับใครแล้ว “ท่านไม่รู้หรือไงว่าความประทับใจแรกพบมันสำคัญแค่ไหน”เซี่ยฉงอวิ๋นถูกโยนความรับผิดชอบให้อย่างไม่ทันตั้งตัว เขาไหนเลยจะรู้ได้เล่าว

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 341

    “ถึงอย่างไรคุณชายใหญ่ก็เป็นถึงทายาทของท่าน เยว่ซื่อนางเป็นเพียงหญิงในชนบทที่ไร้การศึกษา...” สตรีเช่นนี้จะคู่ควรกับผู้สืบทอดจวนองค์หญิงได้อย่างไรกันมู่หรงเซียนไม่ได้ตอบกลับประโยคของแม่นมเซียง นางครุ่นคิดถึงท่าทางของลูกสะใภ้ที่เพิ่งพบหน้าเมื่อครู่ ในดวงเนตรหงส์พลันเปล่งประกายวาววับเด็กสาวคนนั้นภายนอ

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 340

    ก่อนหน้านี้เซี่ยฉงอวิ๋นได้เคยเล่าให้เยว่อวิ๋นฟังไว้ก่อนแล้ว ถึงฐานะที่แท้จริงของบิดามารดาในชาตินี้ของเขา แน่นอนว่าผ่านชีวิตมาชาติหนึ่ง เยว่อวิ๋นผู้เคยรับพี่ชายรูปงามที่เคยช่วยเหลือเพราะถูกใจในหน้าตาของเขาย่อมไม่รู้สึกคัดค้านอะไรในตัวตนสามีเพียงแต่...เหตุการณ์นี้มันคนละกรณีกันนะ!เห็นภรรยาส่งสายตาค

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 339

    “ในเมื่อบิดากับมารดาหย่ากัน ท่านก็ต้องคืนสินเดิมให้ท่านแม่ข้าด้วยสิ” อย่างไรเสียหลิวอิงก็เป็นบุตรสาวคนเดียวของสามีภรรยาบ้านรอง ตอนที่นางแต่งงานลุงของนางจึงได้มอบสินเดิมให้ติดตัวมาจำนวนหนึ่งด้วย ซึ่งข้าวของเหล่านั้นหลังจากแม่เฒ่าเยว่รู้ก็ได้ยึดเอาไปเป็นของตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้เยว่อวิ๋นสอบถามกับหลิวอิง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status