“เด็กน้อย เจ้าดูไฟเป็นหรือไม่” หญิงสาวถามเบาๆ
เสี่ยวอวี้ประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะพยักใบหน้ารัวๆ ประดุจไก่จิกข้าวสาร
“เป็นเจ้าค่ะ ตั้งแต่เสี่ยวอวี้สี่ขวบก็มีหน้าที่คอยจุดไฟให้ท่านป้าใหญ่อยู่แล้ว” เด็กหญิงบอกน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว ขณะทรุดลงนั่งยองๆ หน้าเตาไฟ
เยว่อวิ๋นหรี่นัยน์ตามองร่างเล็กตรงหน้าอย่างพินิจ ก่อนจะถอนลมหายใจแผ่วเบา เด็กบ้านยากจนจะโตไวกว่าเด็กปกติจริงๆ
“พวกเจ้าชื่ออะไร อายุเท่าไรกันแล้ว” จากความชำนาญที่เห็น แสดงว่าเด็กคนนี้น่าจะทำหน้าที่นี้มานานแล้วจริงๆ
“ข้าชื่อเซี่ยเสี่ยวอวี้ ส่วนพี่ชายชื่อเซี่ยต้าเป่า อายุห้าปีใกล้จะหกแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวอวี้เงยหน้าขึ้นตอบ เพียงแต่ตัวนางเองก็ไม่รู้ว่าจะครบหกขวบเดือนไหน เพราะที่ผ่านมาคนในบ้านเซี่ยไม่ค่อยให้ความสำคัญกับสองพี่น้องฝาแฝดคู่นี้นัก มีเพียงปีก่อนๆ ที่บิดายังไม่ป่วย มักจะไปหาไข่นกมาต้มให้พวกเขากินเป็นพิเศษเท่านั้น
คิดถึงรสชาติของไข่นกที่ท่านพ่อเคยแอบให้กินลับหลังท่านย่า รอยยิ้มสดใสก็ปรากฎบนใบหน้าเล็ก ก่อนจะสลดลงในชั่วครู่ น่าเสียดายที่หลังๆ มาท่านพ่อล้มป่วยหนัก อย่าว่าแต่ไข่นกแสนอร่อยที่เคยกินเลย หลายเดือนมานี้ แม้แต่ข้าวต้มข้นๆ สักถ้วยก็ยังยากจะมีให้กิน
จากสภาพภายนอกที่เห็น รูปร่างสองพี่น้องคู่นี้แทบจะไม่ต่างจากเด็กอายุสามขวบด้วยซ้ำ เยว่อวิ๋นขมวดคิ้วแน่น ดูเหมือนว่าแม่สามีราคาถูกของนางใจดำอำมหิตกว่าที่คิดนะนี่
สายลมเย็นพัดกรูผ่านร่าง เยว่อวิ๋นกระชับสาปเสื้อเข้าหากัน พลางบ่นอุบอิบในความอ่อนแอของร่างกายนี้ ก่อนจะเผยแววตาประหลาดใจขึ้นมาแวบหนึ่ง เมื่อเห็นเด็กน้อยงอร่างตัวสั่นสะท้าน โดยเฉพาะต้าเป่าที่อยู่ห่างจากเตาไฟ ถึงกับเดินเบียดเข้ามาใกล้อย่างอดไม่ไหว
ไวเท่าความคิด มือเรียวขยุมไปที่เสื้อบนตัวเด็กชาย ขณะเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งครึม “ทำไมเสื้อผ้าพวกเจ้าถึงเปียกชื้นเช่นนี้”
ต้าเป่าที่กำลังจะสะบัดหนีนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะหลุบดวงตาลงต่ำเม้มปากแน่นไม่พูดอะไร เห็นดังนั้นเยว่อวิ๋นก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้มอีกครั้ง
“ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็น กลางคืนมักมีน้ำค้างลงหนา พวกเจ้าคงไม่ได้ซุกซนออกไปเล่นข้างนอกในยามค่ำคืนใช่หรือไม่”
“เกี่ยวอะไรกับท่านด้วยเล่า” เด็กชายกัดฟันเอ่ย จะบอกได้อย่างไรละ ว่าเพราะเมื่อวานเป็นวันแต่งงานของบิดา พวกท่านย่าจึงแบกร่างเขามาไว้กระท่อมนี้ ส่วนตนกับน้องสาวเพื่อไม่ให้มาวุ่นวายในพิธีจึงถูกทิ้งให้อยู่ที่บ้านเดิม
เดิมทีการอยู่บ้านเดิมก็มิใช่เรื่องแย่อะไร ใครจะรู้ว่าหลังทำงานเสร็จ เซี่ยเสี่ยวเกอจะออกอุบายหาเรื่องใช้ให้เขากับน้องสาวออกไปตัดหญ้าก่อนเวลาอาหารเย็น
เซี่ยเสี่ยวเกอเป็นหลานชายคนโตของบ้าน แม้ท่านย่าจะรักเขารองลงมาจากอาสามกับอาหญิงเล็ก ทว่าลุงใหญ่กับป้าสะใภ้ใหญ่รักและตามใจเขายิ่งเสียกว่าอะไร ต้าเป่ากับเสี่ยวอวี้ที่รู้สถานะตัวเองดีจึงไม่กล้างัดค้านคำสั่งอีกฝ่าย
สองพี่น้องแบกตระกร้าขึ้นหลังคนละใบออกตัดหญ้าจนเต็ม กว่าจะเดินมาถึงเรือนสกุลเซี่ยฟ้าก็มืดไร้แสงสว่างไปนานแล้ว เหน็ดเหนื่อยแทบขาดใจ หิวเสียจนหน้าท้องยุบติดแผ่นหลัง
ทว่าเท่านั้นยังไม่พอ คนในบ้านยังพร้อมใจกลั่นแกล้งพวกเขาด้วยการปิดประตูรั้วก่อนเวลา เขากับเสี่ยวอวี้ช่วยกันร้องเรียกจนเสียงแหบก็ไม่มีใครออกมาเปิดให้ สุดท้ายจึงต้องไปนอนซุกกอดกันที่ใต้ต้นไม้ข้างรั้วหลับไป
ดังนั้นพอตื่นลืมตาฟ้าเริ่มสางมองเห็นทาง สองพี่น้องที่อิดโรยและหิวโหยจึงตัดสินใจพากันเดินทางมายังกระท่อมเก็บของที่บิดาอยู่ทันที
ส่วนงานในบ้านเซี่ยน่ะหรือ ใครจะทำก็ทำไปสิ!
“พวกเราไม่ได้ซุกซนนะเจ้าคะ เพียงแต่…” โดนคนในบ้านกลั่นแกล้ง ประโยคนี้แม้แต่เด็กน้อยอย่างเสี่ยวอวี้ยังเข้าใจความหมาย แล้วเยว่อวิ๋นจะเดาความจริงไม่ออกได้อย่างไร
หญิงสาวผ่อนลมหายใจหดหู่ออกวูบหนึ่ง ขณะที่เอื้อมมือไปลูบศีรษะเล็กของเด็กหญิง “ช่างเถอะ พวกเจ้าถอดเสื้อออกมาก่อน ข้าจะอังไฟให้”
ไม่ต้องให้พูดซ้ำ เสี่ยวอวี้ก็รีบปลดเชือกถอดเสื้อมาส่งให้ทันที ต้าเป่ามองการกระทำอันแสนกระตือรือร้นของน้องสาว แล้วพลันเกิดความรู้สึกอันบอกไม่ถูกขึ้นมาในใจ
น้องสาวโง่งมยังไม่ถึงชั่วยามก็ถูกล่อลวงไปเสียแล้ว หากตนไม่แน่วแน่มั่นคงยืนหยัดเอาไว้ เกรงว่าพวกเขาสองคนพี่น้องคงถูกนำไปขายทั้งคู่เป็นแน่
แม้ใจเตือนตัวเองว่าต้องหนักแน่นไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใดง่ายๆ ทว่าความอบอุ่นในห้องครัวกลับมีความดึงดูดจนยากจะต้านทาน จากที่เดิมแอบอยู่เพียงหน้าประตู เมื่อถูกเร่งรัดให้ถอดเสื้อ เด็กชายจึงอดที่จะก้าวเข้าไปไม่ได้
เยว่อวิ๋นสะบัดเสื้อที่เก่าจนสีซีดในมือเป็นระยะ รอจนมั่นใจว่าแห้งอุ่นดีแล้วจึงค่อยส่งให้เด็กหญิงข้างกาย ขณะเอื้อมมือไปรับเสื้อจากแฝดคนพี่
เสี่ยวอวี้รับเสื้อมาสวมใส่ อาจเป็นเพราะผ่านค่ำคืนเหน็บหนาวมาทั้งคืน ยามเสื้อคลุมอุ่นๆ กระทบถูกผิวกาย ความอบอุ่นสายหนึ่งพลันพวยพุ่งเข้าสู่หัวใจดวงน้อยๆ ทันที
เยว่อวิ๋นรับเสื้อจากมือต้าเป่ามาอังไฟ สายตาทอดไปที่ร่างเล็กสองร่างตรงหน้า หวนคิดถึงภาพร่างกายที่ไร้อาภรณ์ปกปิดเมื่อครู่ ก่อนจะขมวดคิ้วสีหน้าอึมครึม
ดูเหมือนว่าลูกเลี้ยงของนางจะไม่ใช่ซาลาเปา แต่เป็นได้แค่หัวไชเท้าน้อยเท่านั้น…