공유

บทที่ 9

ในความคิดของเยว่อวิ๋น เด็กน้อยอายุไม่กี่ขวบเหล่านี้ หากถูกเลี้ยงดูดีๆ มีใครบ้างที่ไม่ขาวอวบนุ่มนิ่มดังเช่นซาลาเปา

ทว่าน่าเสียดายนัก ลูกเลี้ยงของนางทั้งสองคนกลับเป็นได้แค่หัวไชเท้าน้อยเปื้อนโคลน พวกเขาไม่เพียงมีร่างกายที่ผ่ายผอมแคระแกร็น ทั้งยังเต็มไปด้วยริ้วรอยบาดแผลฟกช้ำตามเนื้อตัวชนิดไม่มีที่ว่าง เยว่อวิ๋นที่ปกติเป็นคนอารมณ์ดีเห็นแล้วยังนึกสบถสาปแช่งคนสกุลเซี่ยด้วยความรังเกียจไปหลายต่อหลายรอบ

โดยเฉพาะเซี่ยซื่อแม่สามีราคาถูกของนาง

หากเป็นคนอื่น แม้จะรังแกสองพี่น้องก็ยังพอจะมองข้ามไปได้บ้าง เพียงแต่ตัวแม่เฒ่าเซี่ยนั้นเป็นมารดาของเซี่ยฉงอวิ๋น เด็กสองคนนี้ก็คือสายเลือดแท้ๆ ของนาง เหตุใดจึงปล่อยปละละเลยทิ้งขว้างได้ถึงเพียงนี้เล่า

คิดแล้วเยว่อวิ๋นก็ได้แต่ถอนลมหายใจให้กับชะตาชีวิตของเด็กน้อย เอาเถอะ นางตอนนี้มีศักดิ์ฐานะเป็นมารดาของอีกฝ่ายแล้ว ต่อไปภายหน้าก็ค่อยๆ ดูแลกันไปก็แล้วกัน

ในอดีตเยว่อวิ๋นใช้ชีวิตอยู่ในกองทัพ แม้จะไม่สันทัดในเรื่องการทำอาหาร แต่ด้านการใช้ชีวิตประจำวันนั้นไม่ถือว่าแย่ หญิงสาวพลิกเสื้อคลุมอังไฟไปมาไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย ยามส่งเสื้อคืนให้แก่เจ้าของ ข้าวต้มในหม้อก็เริ่มส่งกลิ่นหอมลอยอวล

รอจนเมล็ดข้าวสุกดี นางจึงตักข้าวต้มข้นๆ ใส่ถ้วยให้เด็กสองคน จากนั้นจึงนำไข่ที่ล้างด้วยน้ำเย็นส่งให้ทั้งคู่อีกคนละสองใบ ก่อนจะหันไปจัดการปอกของตัวเอง

“นะ… นี่” ดวงตากลมของเสี่ยวอวี้เบิกกว้าง เด็กหญิงจ้องมองไข่ในมือตัวเองด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ

“ทำไมรึ” เยว่อวิ๋นเงยหน้าจากชามข้าวต้ม พลางเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นอาการงุนงงของเจ้าตัวเล็ก

“ไข่สองใบนี้ ให้เสี่ยวอวี้กินใบหนึ่งก็พอแล้วขอรับ” ต้าเป่าดึงไข่จากมือน้องสาวมาหนึ่งฟอง ก่อนจะส่งคืนมาพร้อมกับไข่ที่อยู่ในมือตนเอง “ท่านพ่อล้มป่วยมานาน ไม่เคยได้บำรุงร่างกายดีๆ ไข่พวกนี้…”

เดิมเขาคิดว่าได้กินแค่ข้าวต้มใสๆ ก็ดีแล้ว นึกไม่ถึงว่ามารดาคนใหม่จะใจดีแบ่งไข่ให้พวกตนถึงคนละสองฟอง

“ใช่ๆ เจ้าค่ะ เสี่ยวอวี้เป็นเด็ก กินแค่ข้าวก็พอแล้วจะได้ไม่สิ้นเปลือง” เห็นพี่ชายเอ่ย เสี่ยวอวี้ก็ตัดใจส่งไข่ที่เหลือในมือคืนให้ด้วยท่าทางเสียดาย

มารดาใจดียอมแบ่งให้ แต่นางจะเห็นแก่ตัวไม่ได้ อย่างที่พี่ชายบอก ไข่เหล่านี้สามารถเก็บไว้ให้ท่านพ่อกินบำรุงร่างกายได้

เยว่อวิ๋นหลุบตามองมือเล็กที่ยื่นไข่ส่งคืนมาพลางนึกสะท้อนใจ ถึงจะอัตคัดและขัดสนจนตัวเองผ่ายผอมขนาดนี้ ทว่าเจ้าไชเท้าน้อยทั้งคู่ก็ยังคงไม่ลืมที่จะนึกถึงบิดา

นางคิดถึงชีวิตก่อนของตนในวังอ๋อง แม้มีทุกสิ่งพร้อมสรรพ ทว่ากลับไม่เคยมีผู้ใดคิดเผื่อ หรือแสดงความห่วงใยหยิบยื่นส่งให้เลยสักครั้ง ก็ให้อดนึกสะท้อนใจไม่ได้

เพื่อแลกกับความเชื่อใจฮ่องเต้ เสด็จพ่อส่งนางไปอยู่ข้างกายไทเฮาในวังหลวงที่มีแต่อุบายรอบด้าน ยามเติบโตนางเข้ากองทัพที่รอบกายเต็มไปด้วยอันตราย ทุ่มเททุกอย่างแต่ละย่างก้าวล้วนคิดคำนึงถึงบิดามารดาน้องชาย

แต่ในเวลาที่นางบาดเจ็บแทบล้มประดาตาย กลับไม่เคยได้รับคำพูดหรือการกระทำแสดงออกถึงความห่วงใยจากพวกเขาเลยสักประโยค

ที่แท้ความห่วงใยเหล่านี้คือเรื่องปกติของครอบครัวสามัญชนเท่านั้น หรืออันที่จริงเพราะนางไม่เคยใช่ครอบครัวของพวกเขากันแน่นะ

รอยยิ้มหยันผุดให้เห็นแวบหนึ่งก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว เยว่อวิ๋นไม่ได้กล่าวคำพูดอีก เพียงปอกไข่ในมือเงียบๆ

สองพี่น้องเห็นเยว่อวิ๋นรับไข่ไปแล้วไม่ตอบ ก็ได้แต่นิ่งงันมองหน้ากันไปมา จากนั้นจึงเป็นเสี่ยวอวี้ที่เริ่มลงมือกิน ต้าเป่ากลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ กลิ่นข้าวต้มอบอวลเต็มจมูก ท้องที่ว่างเปล่าก็ส่งเสียงคร่ำครวญประท้วงไม่หยุด ในที่สุดเขาก็อดใจไม่ไหวยกชามข้าวต้มขึ้นซดบ้าง

เยว่อวิ๋นเงยหน้ามองทั้งคู่ เห็นท่าทางกินรวดเร็วทว่าเรียบร้อยไม่มูมมามก็พยักหน้ายิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะวางไข่ต้มที่ถูกปอกเปลือกเรียบร้อยแล้วลงในชามข้าวของพวกเขา

มองไข่สองใบในชาม ดวงตากลมของเสี่ยวอวี้ก็เบิกกว้างกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ทว่าเด็กหญิงยังคงจดจำคำพูดเมื่อครู่ของพี่ชายได้ดี ใบหน้าเล็กจึงหันมองไปทางต้าเป่าด้วยอาการลังเล

“เจ้ากินเถอะ” เห็นสายตาหิวโหยของน้องสาว ต้าเป่าอดนึกสงสารไม่ได้ “น้องสาวยังเด็กต้องการการบำรุงให้นางกินไป ส่วนของข้าก็เก็บไว้ให้ท่านพ่อเถอะขอรับ”

ประโยคที่กล่าวมานั้นสื่อความหมายคล้ายต้องการอธิบายในเชิงปรึกษา เยว่อวิ๋นฟังแล้วเผยรอยยิ้มบาง เจ้าไชเท้าคนพี่ช่างพูดช่างจาเสียเหลือเกิน ทว่าเจ้าตัวคงลืมไปแล้วกระมัง น้องสาวที่บอกว่ายังเด็กนั้นอายุห่างกับเขาเพียงไม่ถึงชั่วยาม [1] เท่านั้น

“กินเถอะ พวกเจ้ายังเด็กร่างกายก็ต้องการการบำรุงเช่นกัน ส่วนของบิดาเจ้าย่อมมีอยู่แล้ว ข้ารับรองว่ามื้อต่อไปก็จะไม่ขาดเช่นกัน”

แม้นางจะพูดออกไปแล้ว ทว่าสีหน้าเจ้าหัวไชเท้าทั้งสองก็ยังแสดงออกถึงความลังเล เยว่อวิ๋นเม้มริมฝีปาก กล่าวต่อเรียบๆ

“ไข่ก็ปอกไปแล้ว ส่วนของบิดาเจ้าก็มีพอ เขากินไม่หมดแน่นอน ที่เหลือนี้หากไม่รีบกินให้หมด รอจนท่านย่าของพวกเจ้ามาถึง เกรงว่าถึงอยากกินก็คงไม่ได้กินแล้ว”

เดิมสองพี่น้องยังคงมีความกังวลอยู่ไม่น้อย ทว่าพอฟังคำพูดประโยคหลัง ทั้งคู่ก็หยิบไข่ใส่ปากโดยไม่ลังเลทันที ถ้าเก็บไว้แล้วต้องถูกท่านย่าเอาไป ไม่สู้พวกเขากินเองดีกว่าหรือ

เห็นพวกเขาก้มลงกินไม่คิดปฏิเสธอีก เยว่อวิ๋นพยักหน้าพึงพอใจ มองแก้มตอบที่ยามนี้โป่งพองเพราะอาหาร อารมณ์หกหู่เมื่อครู่จึงพอลดลงไปได้สักเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มกินอาหารตรงหน้าตัวเองบ้าง

ความหิวโหยจากการอดอาหารมาหนึ่งวันหนึ่งคืน ทำให้เยว่อวิ๋นแทบเป็นลมเพราะความหิว ยามนี้นางจึงมุ่งความสนใจไปที่อาหารตรงหน้าเพียงอย่างเดียว

หญิงสาวใช้เวลาไม่นานก็จัดการไข่สองใบกับข้าวต้มอีกสามชามเกลี้ยงหายวับ หลังจากนั้นจึงค่อยลุกหยิบเอาชามข้าวต้มที่ตักพักไว้กับไข่ที่ปอกเปลือกแล้วเดินออกจากห้องครัวไป

“พี่ชาย…” เสี่ยวอวี้มองตามแผ่นหลังมารดาคนใหม่ พลางกลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อย

“มีอะไรหรือ”

“ท่านแม่นางใจดีมาก และก็...กินได้รวดเร็วยิ่งนัก” อีกทั้งยังกินเก่งอีกด้วย ข้าวต้มชามใหญ่ๆ สามชามถูกนางกินจนหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือเลยสักหยด

ต้าเป่ามองปากที่อ้าเผยอของน้องสาวแล้วให้กลัดกลุ้มยิ่งนัก คำว่าเจ้ายังกล้าวิจารณ์ผู้อื่นอีกหรือติดค้างอยู่ที่ริมฝีปาก เขามองปากเล็กๆ ที่กลืนข้าวต้มเป็นชามที่สองแล้วก็คิดเป็นห่วงอนาคตขึ้นมาทันที

ใช่แล้ว มารดาเลี้ยงกินเก่งมาก แต่น้องสาวเองก็กินเก่งไม่แพ้กันเลยทีเดียว ในอนาคตเขาคงต้องพยายามทำงานให้หนักเสียแล้ว ไม่เช่นนั้นรายได้ที่ได้คงไม่เพียงพอกับค่าอาหารของพวกนางเป็นแน่

[1] ชั่วยามคือหน่วยนับเวลาของจีนสมัยโบราณ โดยหนึ่งชั่วยามเท่ากับสองชั่วโมง
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 287

    ทำอย่างไรน่ะหรือ ด้วยนิสัยของครอบครัวใหญ่ ไม่ว่าใครก็คงโกรธแค้นแม่เฒ่าเซี่ยโดยไม่ฟังเหตุผลแน่“เจ้าอาจคิดว่าทำทุกอย่างก็เพื่ออนาคตของครอบครัว ถ้าบุตรคนนั้นของเจ้ากระทำการสำเร็จตามที่หวัง ถึงยามนั้นเจ้าก็จะไปปรากฏตัวต่อหน้าเขา ขอร้องให้เขาเห็นแก่สายสัมพันธ์ ช่วยเหลือเกื้อกูลพี่น้องคนอื่นๆ แต่...มันจะ

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 286

    “จะ…เจ้ากล้าหรือ เซี่ยฉงอวิ๋น ถึงแม้ข้าจะไม่ใช่มารดาแท้ๆ ของเจ้า แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็เป็นผู้เลี้ยงดูเจ้ามาจนโตนะ ไม่ตอบแทนบุญคุณที่ช่วยเหลือก็ช่างเถอะ แต่ยังกล้าคิดร้ายอตัญญูต่อผู้มีพระคุณ เจ้าทำแบบนี้ไม่กลัวจะถูกเวรกรรมตามสนองเอาหรืิอไง”นางพ่นวาจายาวเหยียดในใจแค้นเคืองจนทรวงอกหอบสะท้าน เซี่ยฉงอวิ๋

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 285

    “ไม่มีทาง! ฝันไปเถอะ!”แม่เฒ่าเซี่ยได้ฟังแล้วใจสั่นสะท้าน ตวาดกร้าวน้ำเสียงดุดันแข็งขืน ทว่าใบหน้าชรากลับซีดขาวไร้สีเลือดสิ่งที่คนผู้นี้ต้องการจากนางก็คือความจริงเรื่องชาติกำเนิดของเขาแต่….ไม่ได้! จะบอกความจริงออกไปไม่ได้เด็ดขาด!หากพูดไปแล้วละก็…คำพูดไม่น่าฟังของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ทุกคนหน้าเปลี่ย

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 284

    “ข้าไม่กล้ารับความห่วงใยจากเจ้าหรอก” แม่เฒ่าเซี่ยตอบอย่างเย็นชา คำพูดประโยคนี้ หากได้ยินก่อนหน้าที่นางจะรู้ว่าเซี่ยฉงอวิ๋นรู้ความจริงแล้ว นางคงดีใจและเชื่อจริงๆ ว่าอีกฝ่ายมาเพราะห่วงตัวเอง “และครอบครัวของข้าก็ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาแสดงความห่วงใยเช่นกัน”คำสนทนาที่ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดระหว่างแม่เฒ

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 283

    ซึ่งหากจะกล่าวออกไปแล้ว ก็บอกได้ว่าสาเหตุการตายของเซี่ยฉงอวิ๋นคนเดิม เซี่ยหว่านหรูเองก็มีส่วนไม่น้อยเช่นกันพอย้อนคิดถึงการกระทำอันเห็นแก่ตัวของเซี่ยหว่านหรูที่มีต่อเจ้าของร่างเดิม เซี่ยฉงอวิ๋นพลันรู้สึกว่าการที่ตนไม่ได้เล่นงานนางถึงตายก็ถือว่าใจดีมากแล้วดังนั้นเซี่ยฉงอวิ๋นจึงไม่มีความรู้สึกเห็นอกเ

  • ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม   บทที่ 282

    ถูกน้องสาวที่เคยก้มศีรษะให้มาตลอดตวาดตอบโต้แข็งกร้าวใส่ เซี่ยหยวนชางที่ช่วงนี้ชีวิตมีแต่เรื่องไม่ได้ดั่งใจก็บังเกิดโทสะขึ้นมาบ้างเช่นกัน“เช่นนั้นเจ้าต้องการอนาคตแบบใดเล่า น้องสาวที่ผ่านมาตัวเจ้าสิบนิ้วไม่เคยจับต้องงานบ้าน งานในไร่ในนายิ่งไม่มีทางเคยสัมผัส มองไปทั่วทั้งหมู่บ้านบุตรสาวบ้านใดบ้างสามาร

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status