LOGINห้องรับรองหลังฉากในสตูดิโอรายการ ‘4 แซ่บบันเทิง’ แม้จะเย็นฉ่ำจากแอร์ แต่มันก็ไม่สามารถดับความประหม่าในใจฉันได้เลยสักนิด
“พี่...แน่ใจเหรอ ว่าเราควรมานั่งให้สัมภาษณ์แบบนี้ มันจะไม่โหนกระแสไปหน่อยเหรอคะ” ฉันหันไปกระซิบถามพี่แทนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พลางจับมือเขาแน่นจนชื้นเหงื่อ
“แน่ใจสิครับ ไหน ๆ ก็เปิดตัวแล้ว เราก็ควรจะไปให้สุด” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มอย่างใจเย็นใจ ฉันพ่นลมหายใจยาวใช้หลังมืออีกข้างแตะหน้าผากตัวเองเบา ๆ ได้แต่ภาวนาให้ฉันอย่าหลุดพูดอะไรแปลก ๆ เลยเถอะ
“อีกสิบนาที เตรียมตัวนะคะ” หนึ่งในทีมงานเดินเข้ามาแจ้ง ก่อนจะหันมายิ้มให้ฉันอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเกร็งนะคะคุณมิ้น แฟน ๆ ตอนนี้ยอดคนดูรอแล้วกว่าแสนคน” ฉันพยักหน้ารับ ขณะที่พี่แทนหันมากระซิบข้างหูกันเบา ๆ
“ไม่ต้องกลัวนะครับ พี่อยู่ตรงนี้ตลอด” แม้หัวใจฉันจะเต้นแรง แต่เพียงเขาพูดแค่นี้ก็ทำให้ฉันสงบลงได้ ใช่...ต่อจากนี้เราจะไม่ต้องแอบ ไม่ต้องหลบ และปิดบังอีกต่อไป
(หน้าฉากสตูดิโอ รายการ 4 แซ่บบันเทิง)
“ว้าว...ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้นั่งสัมภาษณ์สองคนนี้ในฐานะ ‘คู่รัก’ ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับความรักครั้งนี้ด้วยนะคะ คุณแทนและคุณมิ้น”
“ขอบคุณค่ะ พูดตามตรงมิ้นยังงง ๆ อยู่เลยว่าทำไมเรื่องมันถึงกลายเป็นไวรัลขนาดนี้” ฉันตอบพลางยิ้มเขิน
“ก็เพราะมิ้นเขาน่ารักด้วยครับ คนเลยอินตาม” แทนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่นพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ
“ยังไม่ทันเริ่มก็หยอดกันแล้วนะคะเนี่ย! เอาล่ะค่ะ เราจะค่อย ๆ ล้วงลึกกันแบบไม่มีบท ไม่มีสคริปต์ เพราะนี้คือเรื่องจริง เริ่มจากคำถามยอดฮิตเลยนะคะ เริ่มรักกันตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
แค่คำถามแรกมาก็ทำให้ฉันยิ้มแล้วล่ะ ยิ้มที่แปลว่าจะตอบยังไงดี จะบอกไปได้ไหมว่ารักเขาเพราะเข้าใจผิดว่าเขาเป็นเกย์
“เป็นคำถามที่ตอบยากอยู่นะคะ แต่ถ้าให้ตอบจริง ๆ หนูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนไหนกันแต่ แต่พอรู้ตัวอีกที...ก็ชอบพี่แทนไปแล้วค่ะ...” ฉันพูดตอบออกไปตามจริง พี่แทนก็หันมามองฉัน
“ส่วนผม...ชอบมิ้นตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยแล้วนะครับ”
“โอ๊ย! หวานจนเลี่ยนแล้วค่ะคุณขา... คำถามต่อไป จริงไหมคะ ที่ตอนแรกคุณมิ้นเข้าใจว่าคุณแทนเป็นเกย์?”
หลังพิธีกรถามเสร็จ ฉันชะงักเล็กน้อย แต่ก็พยายามคลี่ยิ้มออกมากลบเกลื่อน ดูท่าเรื่องนี้คงเป็นพวกบรรดาสตาฟถามมาแน่ ๆ
“จริงค่ะ คือขอบอกก่อนว่า พี่แทนกับมิ้นพอรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วค่ะ เขามีฟีลนิ่ง สุภาพ อ่อนโยน ไม่หยาบกระด้าง หนูก็เลยคิดมาตลอดว่าเขาอาจจะไม่ได้สนใจผู้หญิงค่ะ เลยวางใจเต็มที่ แต่หนูก็แอบชอบเขา แม้จะมองว่าเขาเป็นเกย์นะคะ ฮ่า...” ฉันหลุดหัวเราะออกมา และคนในห้องส่งก็หัวเราะตาม
“พอผมรู้ว่ามิ้นเขาเข้าใจผิด ผมก็ไม่กล้าพูดอะไรเลยครับ กลัวเขาจะหนี ก็เลยใช้กลยุทธ์เนียนไปก่อน” เขาหัวเราะเบา ๆ
“เนียนแบบไหนคะ?” พิธีกรถาม
“เนียนทุกอย่างเลยค่ะ ทั้งไปส่ง อยู่เป็นเพื่อนยามดึก ตอนนั้นมิ้นก็มองว่า เขาห่วงใยในฐานะรุ่นพี่ แถมบางครั้งก็ช่วยซ้อมบทด้วยค่ะ” ฉันตอบ
“ซ้อมบทฉากจูบ?” พิธีกรพุ่งประเด็น ทำเอาฉันเลิ่กลั่กไปพอสมควร
“ก็มีค่ะ” ฉันตอบไปสั้น ๆ แต่พี่แทนก็ดันโผลงตอบต่อ
“จูบจริงครับ แต่เป็นเพราะเราซ้อมบท” เขาหัวเราะออกมา ทีนี้ทั้งสตูดิโอก็ฮือฮากันใหญ่
“เอาล่ะค่ะ คำถามต่อไป แฟน ๆ ถามเข้ามากันเยอะมาก ๆ ทั้งคู่มีวางแผนอนาคตข้างหน้าไว้รึเปล่าคะ”
“สำหรับมิ้น เราเริ่มต้นคบกันได้ไม่นาน หากจะบอกว่าอนาคตเป็นยังไงก็ยังคงตอบได้ไม่แน่ชัด แต่ปัจจุบันมันดีมาก ๆ ค่ะ” ฉันตอบพลางหันไปยิ้มให้เขา
“สำหรับผมต่างจากเขาครับ ผมชอบเขามาตั้งแต่เขาเรียนมหาลัย จนตอนนี้ผ่านมาหลายปี ผมก็มีเขาในใจเสมอ ดังนั้นผมวาดฝันอนาคตไว้ตลอดครับ และผมก็รอที่เขาจะวางอนาคตที่มีผมเช่นกัน”
“โอ๊ย! คนดูจะเบาหวานขึ้นตากันแล้วนะคะ” พิธีก่อนแซวใหญ่ เสียงเฮของทีมงานและคนดูในสตูก็โถมเข้ามา
“โอเคค่ะ ก่อนจะจบรายการ มีอะไรอยากพูดกับแฟน ๆ ที่สนับสนุน หรือคนที่อาจจะยังไม่เชื่อในความรักของพวกคุณบ้างไหมคะ?”
“มิ้นขอขอบคุณทุกคนมากนะคะที่ติดตามผลงานมาตั้งแต่ต้น ไม่ว่ามิ้นจะรับบทไหน แฟนคลับที่น่ารักของมิ้นก็ซัพพอร์ตและยืนเคียงข้างเสมอมา มิ้นขอให้ทุกคนมีความสุขเหมือนที่มิ้นเป็นอย่างตอนนี้นะคะ” ฉันตอบออกมาจากใจ
“ผมเองก็ขอบคุณที่ทุกคนเข้าใจความรักของเรามากครับ พวกเราแค่อยากออกมาพูดให้ทุกคนเห็นว่า นี่คือความรักที่ไม่มีบทใด ๆ เราแค่อยากจริงใจ ซื่อสัตย์ต่อแฟนคลับและตัวเองเท่านั้น หวังว่าทุกคนจะมอบความรักให้พวกเราอย่างเคยนะครับ”
“ยิ่งฟังยิ่งรับรู้ถึงความจริงใจที่คุณแทนและคุณมิ้นพูดออกมาเลยนะคะเนี่ย ฉันเชื่อว่าทุกคนที่ได้ดูรายการ 4 แซ่บบันเทิงนี้อยู่ต้องรับรู้ได้ถึงความรักของคุณทั้งสองที่มีให้กันและแฟน ๆ แน่นอนค่ะ”
“ขอบคุณครับ” “ขอบคุณค่ะ” ฉันกับพี่แทนหันไปไหว้ตามมารยาท
“เอาล่ะค่ะ วันนี้ 4 แซ่บบันเทิงต้องขอตัวลาไปก่อน สวัสดีค่ะ”
(จบการสัมภาษณ์)
หลังจากสัมภาษณ์เสร็จ เราทั้งคู่ต่างก็กลับมานั่งอยู่ในห้องรับรองอีกครั้ง วินาทีที่เราได้สบตาแบบส่วนตัวเราก็ยิ้มและหัวเราะออกมาด้วยความโล่งใจ อย่างไม่เคยมีมาก่อน
“เหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยค่ะ พี่แทน”
“...” พี่แทนยิ้มไม่ตอบอะไรได้แต่ลูบหัวฉันเบา ๆ อย่างอ่อนโยน
“ขอถ่ายรูปคู่หน่อยค่ะ ยิ้มหน่อยพี่แทน แช๊ะ!” ฉันยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูป ซึ่งพี่แทนก็ให้ความร่วมมืออย่างดี “มิ้นเอาโพสต์ได้ไหม” ฉันหันไปถามเขา
“ได้สิครับ โพสต์ทุกวันหลังจากนี้ก็ได้...พี่ไม่ติด”
“ฮ่า...พี่ก็พูดเว่อร์ไป” ฉันหันไปยิ้มให้เขาก่อนโพสต์รูปที่เราถ่ายด้วยกันลงโซเชียล
@Mint_Nicharun
[ภาพคู่เซลฟี่ในห้องแต่งตัวหลังจบรายการ 4 แซ่บบันเทิง]
‘ขอบคุณสำหรับบทซีนแม่ในละคร สู่ซีนแฟนในชีวิตจริง ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิตและมอบบทที่มีความหมายมากกว่าบทละคร
ปล. คนเขียนบท ที่หล่อที่สุดในโลก!!!’
#บันทึกของซุปตาร์ตัวประกอบ #เปิดตัวแล้ว #มิ้นแทน
@Tan_writerrlife
[ภาพรูปขณะที่มิ้นหลับคาบทตอนอยู่ในกองถ่ายทำซีนบทแม่นางเอก]
‘คนเขียนบทอย่างผม เลือกใครเป็นนางเอกก็คงได้ แต่ผมเลือกมิ้น...ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเขียน และต่อจากนี้...บททุกบรรทัดของพี่จะมีมิ้นอยู่ในนั้นเสมอ’
#แฟนของซุปตาร์ #คนเขียนบท #แทนมิ้น
หลังจากที่เราโพสต์ไป เสียงโนติแจ้งเตือนมือถือของเราสองคนก็ดังรัวไม่หยุด จนเราต้องมองหน้ากันยิ้มหัวเราะร่าออกมา
‘โอ๊ย! ในละครว่าเขินแล้ว ชีวิตจริงของพวกเขาเขินยิ่งกว่า’
‘ในชีวิตจริงก็เขียนบทได้โรแมนติกไม่แพ้บทในละครเลยนะคะพี่แทน’
เราสองนั่งอ่านคอมเมนต์สลับหันหน้ามองกันยิ้มจนแก้มแตก เมื่อเห็นว่าคอมเมนต์พูดไปในทิศทางเดียวกันนั่นคือ...
‘แสดงความยินดีให้กับความรักครั้งนี้ของพวกเรา’
(ภาพบรรยากาศ งานแต่งงาน)
“และนี่...คือภาพบรรยากาศภายในงานแต่งงานแห่งปี ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยนะคะ สำหรับคู่รักคนบันเทิงที่ทุกคนรอคอย มิ้น ณิชารัน ซุปตาร์ตัวแม่กับ แทนคุณ ณรงค์วิทย์ นักเขียนบทสุดฮอต ค่ะ”
“งานจัดขึ้นที่รีสอร์ทริมทะเล บรรยากาศอบอุ่น ประดับด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ แขกในวงการบันเทิงร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่ง เชิญดูบรรยากาศในงานได้เลยค่ะ...”
เสียงพิธีกรภาคสนามจากสื่อชื่อดังรายงานสดบรรยากาศในงานแต่งผ่านสื่อ โดรนแพนภาพจากมุมสูง ให้ทุกคนได้เห็นถึงความหรูหราและเนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งในและนอกวงการบันเทิง
แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือภาพของเจ้าสาวในชุดลูกไม้สีขาวนวล กับเจ้าบ่าวในสูทครีมเรียบหรู ที่กำลังจูงมือกันยิ้มกว้างท่ามกลางเสียงปรบมือก้องไปทั่วพื้นที่
‘ฉันไม่เคยคิดเลยว่า ชีวิตจริง จะมีฉากแบบนี้อยู่’ ฉันพึมพำด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขตั้งแต่เช้า ทั้งที่ตากแดดต้อนรับแขกตลอดงาน ร้องไห้ช่วงพิธีการ แต่ตอนนี้ห้วใจก็ยังเต้นแรงไม่หยุด
“พี่แทน...” ฉันกระซิบเบา ๆ ขณะที่เรายืนรอคิวถ่ายภาพกับแขกอีกชุดใหญ่ “พวกเขาไม่เบื่อที่จะรอถ่ายรูปกับเราเหรอคะ” ฉันคาใจมาก เพราะตอนนี้แถวที่จะถ่ายรูปกับพวกเรายังยาวเหยียดไม่หยุด
“เจ้าสาวสวยที่สุดในประเทศ ใครก็อยากถ่ายรูปด้วยสิครับ” เขากระซิบกลับ แนบหน้าผากกับหน้าผากฉันเบา ๆ “ขนาดพี่ยังอยากจะยืนถ่ายกับหนูนาน ๆ เลย เพราะหนูสวยที่สุดในโลกแล้ว”
“เหอะ...” ฉันยิ้มอาย ๆ จนต้องเอาหน้าซุกไหล่เขา ก็ดูเขาพูดสิ อวยฉันขนาดนี้จะไม่ให้เขินได้ไงกัน
เอาเถอะ...ตอนนี้ฉันไม่ใช่ซุปตาร์ตัวประกอบอีกต่อไป เพราะวันนี้...ฉันเป็นนางเอกในชีวิตจริงของตัวเองแล้วค่ะ
The End…ของละคร
แต่เป็นแค่ตอนเริ่มต้นของ ‘สองเรา’
-จบบริบูรณ์-
ห้องรับรองหลังฉากในสตูดิโอรายการ ‘4 แซ่บบันเทิง’ แม้จะเย็นฉ่ำจากแอร์ แต่มันก็ไม่สามารถดับความประหม่าในใจฉันได้เลยสักนิด“พี่...แน่ใจเหรอ ว่าเราควรมานั่งให้สัมภาษณ์แบบนี้ มันจะไม่โหนกระแสไปหน่อยเหรอคะ” ฉันหันไปกระซิบถามพี่แทนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พลางจับมือเขาแน่นจนชื้นเหงื่อ“แน่ใจสิครับ ไหน ๆ ก็เปิดตัวแล้ว เราก็ควรจะไปให้สุด” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มอย่างใจเย็นใจ ฉันพ่นลมหายใจยาวใช้หลังมืออีกข้างแตะหน้าผากตัวเองเบา ๆ ได้แต่ภาวนาให้ฉันอย่าหลุดพูดอะไรแปลก ๆ เลยเถอะ“อีกสิบนาที เตรียมตัวนะคะ” หนึ่งในทีมงานเดินเข้ามาแจ้ง ก่อนจะหันมายิ้มให้ฉันอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเกร็งนะคะคุณมิ้น แฟน ๆ ตอนนี้ยอดคนดูรอแล้วกว่าแสนคน” ฉันพยักหน้ารับ ขณะที่พี่แทนหันมากระซิบข้างหูกันเบา ๆ“ไม่ต้องกลัวนะครับ พี่อยู่ตรงนี้ตลอด” แม้หัวใจฉันจะเต้นแรง แต่เพียงเขาพูดแค่นี้ก็ทำให้ฉันสงบลงได้ ใช่...ต่อจากนี้เราจะไม่ต้องแอบ ไม่ต้องหลบ และปิดบังอีกต่อไป(หน้าฉากสตูดิโอ รายการ 4 แซ่บบันเทิง)“ว้าว...ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้นั่งสัมภาษณ์สองคนนี้ในฐานะ ‘คู่รัก’ ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับความรักครั้งนี้ด้วยนะคะ คุณแทนและคุณมิ้น”
นาฬิกาชีวิตปลุกให้ฉันตื่นขึ้นอัตโนมัติ กิจกรรมร่วมรักบนเตียงเมื่อคืนส่งผลให้ความปวดร้าว หนักหน่วงคืบคลานไปทั่วร่างแม้จะตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ฉันก็ยังขยับตัวลำบาก เนื่องจากสองแขนแกร่งของคนนอนข้างกายยังคงรัดแน่นไม่ยอมปล่อยราวกับกลัวว่าฉันจะหนีหายไปพี่แทนยังคงหลับสนิท ฉันหันไปจ้องหน้าเขาชัด ๆ ยิ่งมองยิ่งรู้สึก...หล่อจนใจสั่น ไม่ใช่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่หัวใจที่เขามอบให้ฉันก็รับรู้ได้ทั้งหมดเขานอนตะแคงหันหน้ามาทางฉัน มือหนึ่งยังพาดอยู่บนเอวฉัน“โธ่เอ้ย...พอหลับแล้วไม่เห็นจะดูเจ้าเล่ห์เลยนะ” ฉันยิ้มพึมพำเบา ๆ ขณะใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ปรกใบหน้าหล่อเขาให้เห็นเด่นชัดฉันเอี้ยวตัวอย่างเบามือ ให้ตัวแนบชิดกับเขามากกว่าเดิม ซบหน้าลงกับอกแกร่งฟังเสียงหัวใจของเขาที่ยังเต้นแรงอยู่“เมื่อวานที่หนูบอกว่า...ไม่อยากแพ้พี่” ฉันกระซิบเบา ๆ กับตัวเอง “ไม่ใช่เพราะหนูอยากเอาชนะ” ฉันยิ้มพลางขยับใบหน้าเบา ๆ เพื่อรับไออุ่นมากขึ้น “แต่หนูอยากให้พี่เห็นว่า หนูก็พร้อมมอบความรักให้พี่เช่นกันค่ะ”เขาขยับตัวเล็กน้อย มือที่กอดฉันไว้กระชับแน่นขึ้น ทำฉันสะดุ้งจนกระตุกวูบ“แกล้งหลับอยู่ใช่ไหมคะ...” ฉันแหงนหน้ามอ
ฉันยังชันเข่าอยู่ตรงหน้าเขาแบบนั้น แต่อารมณ์ในตอนนี้ไม่ใช่แค่นั่งเฉย ๆ อีกต่อไป สองเราลูบไล้และทอดนัยน์ตายั่วยวนกันและกัน โดยไม่มีใครยอมใครมือฉันแนบอยู่บนอกแกร่ง มือเขาแนบอยู่ที่แผ่นหลังฉัน พลางไล้นิ้วไปตามสันหลังก่อนจะหยุดตรงกลางหลังแล้วพยายามเร่งโน้มตัวฉันลงไปอีก แต่ฉันไม่ยอมหรอก“จะรีบร้อนทำไมคะ” ฉันกระซิบแหบพร่า พร้อมกดมือบนอกแกร่งเขาเบา ๆ จงใจถ่วงเวลาไว้พี่แทนยิ้มแฝงด้วยจิตวิญญาณนักล่าที่รู้ว่าคนตรงข้ามอย่างฉันกำลังเล่นเกมด้วยความรู้สึกเดียวกัน“ไม่ได้รีบร้อน แค่รู้สึกว่าถ้าพี่ปล่อยให้หนูคุมเกมมากกว่านี้ พี่อาจจะหมดแรงก่อนได้เริ่มจริง”“แปลว่าเริ่มกลัวหนูแล้วสินะ”“ไม่ได้กลัว...แค่ไม่ประมาทครับ” ฉันยกยิ้มมุมปากโน้มใบหน้าเข้าใกล้ใช้เรียวลิ้นร้อนไล้เลียไปตามแนวหลังใบหู สันกรามเบา ๆ ขณะที่มือฉันเริ่มเคลื่อนไปตามอารมณ์สอดเข้าในเรือนผมของเขาพลางขยุ้มเบา ๆเขาชะงักเล็กน้อยกับสัมผัสบางเบานี้“ถ้าเล่นแรงแบบนี้ พี่คงต้องเอาจริงแล้วนะครับ” ฉันยิ้มมุมปาก ขณะใช้มืออีกข้างลูบไปตามแนวแขนแกร่งเขา“ก็รออยู่นี่ไงคะ จะเอายังไงก็เชิญ พร้อมรับแรงกระแทกเสมอ” สิ้นคำสิ่งที่เขาตอบกลับมาคือการกดจูบอีก
“โอเคครับ กล้องพร้อม! ไฟพร้อม! แอคชั่น!” เสียงผู้กำกับดังขึ้นท่ามกลางกองถ่ายบ้านหรูปลีกวิเวกที่แสนสงบ เราสวมชุดนักแสดงเต็มยศ ฉันอยู่ในชุดเดรสลูกไม้สีฟ้าอ่อน พี่แทนอยู่ในชุดเชิ้ตขาวพับแขนกับกางเกงสแล็คเข้ารูปบรรกาศโดยรอบเงียบลงอย่างรวดเร็ว ทุกคนอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ของตน...ฉากที่เรากำลังจะถ่ายกันคือ ‘ฉากจูบแรก’ ของพระเอกและนางเอกในละครเรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนของความสัมพันธ์ระหว่างสองตัวละครหลัก โดยก่อนหน้านี้มีแต่การปะทะอารมณ์และเข้าใจผิดมาโดยตลอด ‘ในการถ่ายทำชื่อตัวละครในเรื่อง คือชื่อพวกเราเลย แต่ในเมื่อคนเขียนบทอย่างพี่แทนเขียนมาแบบนั้น ฉันก็เออออไปตามนั้นแหละ’และตอนนี้ พี่แทนกำลังจะจูบฉัน“มิ้น...” เสียงเขาเรียกเบา ๆ ขณะยืนห่างฉันไม่ถึงฝ่ามือ นัยน์ตามีความลังเลปนกับความรู้สึกบางอย่าง“มิ้นรู้ไหม ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน พี่ไม่เคยหันไปมองใครอีกเลย” บทละครบอกให้ฉันต้องนิ่ง น้ำตาคลอ ตัวสั่นนิด ๆ และปล่อยให้เขาโน้มตัวเข้ามาช้า ๆ ฉันทำตามบททุกอย่างอย่างมืออาชีพ และที่สำคัญฉันใส่หัวใจตัวเองลงไปเล่นด้วยริมฝีปากของพี่แทนเคลื่อนเข้ามาใกล้ ใกล้จนฉันได้กลิ่นหอมจาง ๆ จา
หลังกลับมาจากการพักผ่อน ชีวิตนักแสดงสาวก็เข้าสู่วังวนการทำงานที่คุ้นเคย ตอนนี้ชื่อเสียงของฉันทวีคูณมากขึ้น ตั้งแต่ฉันเปิดใจว่าจะรับบท ‘นางเอก’ ก็มีผู้ผลิตละครหลายเจ้ายื่นเสนอมาให้พิจารณาบทเป็นกอง แต่...เรื่องพวกนั้นเอาไว้ทีหลังก่อน เพราะการกลับมาเล่นบทนำในครั้งนี้ ยังไงซะฉันก็ตัดสินใจจะเล่นให้กับละครที่แฟนของฉันเขียนขึ้นมาก่อนวันนี้เป็นวันแถลงข่าวเปิดตัวนักแสดงนำของละครเรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง อย่างเป็นทางการ ฉันมาในชุดเดรสสีดำ ผมชมพูฟาร่าลอนสวย ชนิดที่เดินผ่านคนไหนก็ต้องเหลียวหันมามอง อาจเป็นเพราะก่อนหน้าฉันรับแต่บทตัวประกอบเวลามีงานแถลงข่าวก็ไม่ได้ถูกเชิญขึ้น“พี่กรีน พี่พอรู้รึเปล่าว่าเรื่องนี้ ใครรับบทพระเอก” ฉันหันไปถามผู้จัดการส่วนตัว เอาจริงนะ ฉันไม่รู้อะไรเลยว่าใครแสดงบ้าง บทจริงยังไม่เห็นด้วยซ้ำ แต่เพราะมั่นใจในตัวพี่แทน ฉันเลยไม่ได้ซีเรียสอะไร“ไม่รู้สิ ผู้ผลิตเขาไม่ได้แจ้งอะไรเพิ่มเติมมาเลย ลึกลับมาก”“งั้นเหรอคะ” ฉันเลิกคิ้ว แต่สุดท้ายก็เลิกที่จะสนใจมันไปไม่นานนัก มีทีมงานเรียกให้ฉันเตรียมพร้อมรอขึ้นเวทีอยู่ด้านข้าง“เรียนสื่อมวลชนทุกท่าน กรุณาเตรียมกล้องให้พร้อมนะครับ เ
เสียงนกร้องเบา ๆ จากยอดไม้ข้างนอกดังลอดเข้ามาในเต็นท์ ทำให้เปลือกตาฉันที่หลับสนิทค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา วินาทีแรกที่ได้กลิ่นไอดินปะปนกับกลิ่นหญ้าเปียกหลังฝนจางเมื่อคืนที่ผ่านมา ความสดชื่นก็แผ่ไปทั่วร่างร่างฉันยังซุกแนบอยู่ในอ้อมกอดพี่แทน ใบหน้าแนบชิดกับอกแกร่งอย่างเคยใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ฉันรับรู้ได้ถึงลมหายใจของเขาที่รินรดบนหัว เสียงลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกได้ว่าหลับสนิทมากเพียงใดฉันขยับตัวเล็กน้อย แต่ยังไม่กล้าเปลี่ยนท่าทางมาก เพราะกลัวจะรบกวนการนอนของเขา แต่ก็ได้แค่คิด...“หนาวเหรอ?” เสียงทุ้มงัวเงียกระซิบชิดข้างหูฉัน ฉันเงียบไปอึดใจก่อนจะส่ายหน้าเล็ก ๆ แล้วตอบกลับเบา ๆ“เปล่าค่ะ...แค่ยังไม่ชินปกตินอนคนเดียวมาตลอด” พี่แทนขยับตัวเล็กน้อยสองแขนกอดรัดฉันแน่นขึ้น“ก็ทำให้ชินสิครับ” เขาขยับหัวมาแนบแก้มนุ่มฉัน ริมฝีปากแตะหน้าผากอย่างแผ่วเบาก่อนพึมพำต่อ “ถ้าเราตื่นมาแบบนี้พร้อมกันทุกวันก็ได้นะ ถ้าหนูไม่เบื่อ”ฉันยิ้มมองใบหน้าคมที่ปรือตามองฉันเพราะเพิ่งตื่นนอน“หนูไม่เบื่อหรอกค่ะ แต่กลัวว่าจะเป็นพี่มากกว่าที่เบื่อก่อนหนูก็ได้” ฉันพูดจบเขาก็ลากนิ้วไล้กรอบหน้า ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากฉัน“ทั้งที่เพิ่







