LOGINหลังกลับมาจากการพักผ่อน ชีวิตนักแสดงสาวก็เข้าสู่วังวนการทำงานที่คุ้นเคย ตอนนี้ชื่อเสียงของฉันทวีคูณมากขึ้น ตั้งแต่ฉันเปิดใจว่าจะรับบท ‘นางเอก’ ก็มีผู้ผลิตละครหลายเจ้ายื่นเสนอมาให้พิจารณาบทเป็นกอง แต่...เรื่องพวกนั้นเอาไว้ทีหลังก่อน เพราะการกลับมาเล่นบทนำในครั้งนี้ ยังไงซะฉันก็ตัดสินใจจะเล่นให้กับละครที่แฟนของฉันเขียนขึ้นมาก่อน
วันนี้เป็นวันแถลงข่าวเปิดตัวนักแสดงนำของละครเรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง อย่างเป็นทางการ ฉันมาในชุดเดรสสีดำ ผมชมพูฟาร่าลอนสวย ชนิดที่เดินผ่านคนไหนก็ต้องเหลียวหันมามอง อาจเป็นเพราะก่อนหน้าฉันรับแต่บทตัวประกอบเวลามีงานแถลงข่าวก็ไม่ได้ถูกเชิญขึ้น
“พี่กรีน พี่พอรู้รึเปล่าว่าเรื่องนี้ ใครรับบทพระเอก” ฉันหันไปถามผู้จัดการส่วนตัว เอาจริงนะ ฉันไม่รู้อะไรเลยว่าใครแสดงบ้าง บทจริงยังไม่เห็นด้วยซ้ำ แต่เพราะมั่นใจในตัวพี่แทน ฉันเลยไม่ได้ซีเรียสอะไร
“ไม่รู้สิ ผู้ผลิตเขาไม่ได้แจ้งอะไรเพิ่มเติมมาเลย ลึกลับมาก”
“งั้นเหรอคะ” ฉันเลิกคิ้ว แต่สุดท้ายก็เลิกที่จะสนใจมันไป
ไม่นานนัก มีทีมงานเรียกให้ฉันเตรียมพร้อมรอขึ้นเวทีอยู่ด้านข้าง
“เรียนสื่อมวลชนทุกท่าน กรุณาเตรียมกล้องให้พร้อมนะครับ เรากำลังจะเริ่มงานแถลงข่าว เปิดตัวละครเรื่องใหม่จาก CNE กับผลงานเรื่องล่าสุด ‘รอยยิ้มของตัวจริง’”
เสียงปรบมือดังเกรียวกราวทั่วฮอลล์ กล้องนับสิบตัว หมุนเลนส์เข้าหาเวทีที่จัดฉากสวยงาม โลโก้ละครเด่นตระหง่านสีหวานละมุน นี่ถ้าไม่บอกนะ ฉันนึกว่างานแต่งงานซะอีก แต่ที่น่าตกใจ คำบรรยายใต้ชื่อบนจอกลางเวทีกลับระบุว่า ‘บทที่เขียนจากชีวิตจริง’
“อะไรนะ!” ฉันพึมพำออกมาเบา ๆ และยังไม่ทันจะเข้าใจอะไร พิธีกรก็ก้าวขึ้นเวที และแสงไฟทุกดวงในฮอลล์ก็ค่อย ๆ ดับลง เหลือไว้เพียงสปอตไลท์ตรงกลางเวทีที่เริ่มฉายภาพโปรโมตทีเซอร์ละคร
ภาพสโลว์โมชั่นของหญิงสาวคนหนึ่งในชุดนักศึกษาที่กำลังเต้นเชียร์ลีดเดอร์ด้วยรอยยิ้ม ที่ดูยังไงมันก็คือฉัน จากนั้นประโยคในภาพก็ขึ้นว่า
‘เพราะรอยยิ้มของเธอ ทำให้เขามีความสุข’
ก่อนจะตัดภาพไปยังชายหนุ่มในชุดนักศึกษาเช่นกัน หุ่นสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลา แต่...กลับเป็นใบหน้าที่ฉันคุณเคยอย่างดี ‘พี่แทน’
“อย่าบอกนะว่า...” ฉันอุทานออกมาด้วยความตกใจ ก่อนเสียงประกาศจะดังก้องไปทั่ว
“ขอเชิญนักแสดงนำของละครเรื่อง ‘รอยยิ้มของตัวจริง’ ขึ้นเวทีครับ คุณมิ้นณิชารัน และคุณแทนคุณ ณรงค์วิทย์”
เสียงปรบมือดังสนั่น ฉันยืนนิ่งสตั้น กล้องจากนักข่าวทุกคนหมุนมาทางฉันทันที
“มิ้น...ขึ้นเวที!” พี่กรีนสะกิดฉันให้ได้สติ ฉันก้าวขาออกไปอย่างมึนงง
แต่แล้วเมื่อเห็นชายหนุ่มในชุดสูทสีเทา ที่กำลังก้าวออกจากอีกฝั่งเวทีเช่นกัน รอยยิ้มอบอุ่นมองมา และแววตาที่ฉันรู้จักดี ‘พี่แทน เป็นพระเอกจริง ๆ เหรอเนี่ย’
แสงแฟลชสาดส่องตลอดการเดินขึ้นเวที เราสองคนเดินขึ้นยืนเคียงข้างกันไม่ห่าง กล้องถ่ายภาพจากทุกมุมรัวจับภาพไม่หยุด
“ขอเสียงปรบมือให้กับพระเอกและนางเอกของเราอีกครั้งครับ!” พิธีกรเอ่ยขึ้น
“ทุกคนว่าเคมีของทั้งสองคน...ฟุ้งตั้งแต่ยังไม่เปิดกล้องกันเลยใช่ไหมครับ” เสียงหัวเราะดังทั่วห้อง แต่ฉันกลับรู้สึกเหมือนยืนอยู่ในดงพายุโหมกระหน่ำ จนต้องหันไปมองพี่แทนอย่างไม่เชื่อสายตา
“พี่...” ฉันเอียงหน้าพูดเบา ๆ ให้เราได้ยินกันสองคน
“อย่าเพิ่งพูดอะไรนะครับ...เดี๋ยวนักข่าวสงสัยได้ว่าเราเป็นแฟนกัน” เขากระซิบข้างหูพร้อมรอยยิ้มมหาเสน่ห์ พลางหันกลับไปยิ้มให้กล้องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาทำมันได้อย่างง่ายได้แต่ฉันสิ ตอนนี้มือเย็นเฉียบไปหมดเพราะกลัวถูกจับได้ถึงความสัมพันธ์
การสัมภาษณ์เริ่มขึ้นหลังจากที่ค่ายและผู้กำกับแนะนำตัว
“คำถามแรก ขอถามคุณแทนก่อนเลยนะครับ ในฐานะที่คุณเป็นทั้งผู้เขียนบทและนักแสดงนำทำไมถึงเลือกคุณมิ้น ณิชารันเป็นนางเอกครับ?” พิธีกรเอ่ยถาม พี่แทนยิ้มก่อนจะหยิบไมค์ขึ้นมาตอบ
“เธอเหมาะสมที่สุดครับ” เขาตอบเพียงสั้น ๆ
“แล้วทำไม คุณแทนถึงตัดสินใจรับบทพระเอกเรื่องนี้เองละครับ” พิธีกรเอ่ยถามต่อ
“เพราะเรื่องนี้เขียนจากประสบการณ์ของผมเองครับ จากคนที่เคยคิดว่าชีวิตไร้สีสันและขาดรอยยิ้มที่แท้จริง...จนวันหนึ่งผมได้เจอเธอ” พี่แทนหันไปคุยกับสื่อ ผู้คนในฮอลล์เงียบสนิท มีเพียงเสียงรัวแฟลชเท่านั้น ราวกับทุกคนกำลังรอฟังว่าพี่แทนกำลังจะพูดอะไรต่อ “ผมเขียนเรื่องนี้เพื่อบอกว่า มีรอยยิ้มของเขาช่วยชีวิตคนได้จริง ๆ และถ้าผมจะเล่าเรื่องนั้นออกมา มั้นก็ต้องผมรึเปล่าครับ ว่าแต่ทุกคนคิดว่าผมพอจะเป็นพระเอกได้รึเปล่าครับ” ในขณะที่พี่แทนพูดสายตาเขาจ้องมาที่ฉัน อย่างไม่เคอะเขิน ช่างภาพก็รัวกล้องไม่หยุดจะเบือนหน้าหนีก็ไม่ได้ เลยต้องใช้ทักษะการแสดงฉีกยิ้มเหมือนไม่มีอะไรทั้งที่หัวใจเต้นตึกตักจนแทบบ้า
“เหมาะสม ทุกอย่างเลยครับ!” เสียงของบรรดาสื่อตะโกนดังลั่นอย่างพร้อมเพรียง
“ขอบคุณครับ” พี่แทนยิ้มก่อนลดไมค์ลง จากนั้นพิธีกรก็เอ่ยถามต่อมายังฉัน
“แล้วคุณมิ้นล่ะครับ ทราบรึเปล่าว่าพระเอกของเรื่องคือผู้เขียนบทอย่างคุณแทน”
“ไม่ทราบเลยค่ะ เซอร์ไพรส์มาก”
“คุณมิ้นคิดว่า คุณแทนเหมาะสมกับบทพระเอกในเรื่องนี้รึเปล่าครับ” พิธีกรก็จี้ถามฉันอยู่ได้
“แน่นอนสิคะ ฉันตื่นเต้นที่จะได้ร่วมแสดงกับเขามากจริง ๆ ค่ะ” คำตอบของฉันแท้จริงมันดาษดื่นมาก แต่ไม่รู้ทำไม บรรดาสื่อถึงยิ้มชอบใจกันนัก
“ทุกคนในที่นี้เห็นด้วยไหมครับว่า พระเอกนางเอกของเรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง ในวันนี้เคมีดีมาก ๆ จนแทบรอชมไม่ไหวแล้ว”
“เห็นด้วยครับ!/ค่ะ!” บรรดาสื่อตะโกนดังลั่น แต่แทนที่เราสองคนควรจะยิ้มรับก็พอ พี่แทนกลับยกไมค์ขึ้นตอบกลับสื่อ
“ผมก็คิดว่างั้นครับ ยังไงช่วยติดตามละครเรื่อง รอยยิ้มที่จริงใจ และเอาใจช่วยให้พระเอกคนนี้จีบนางเอกให้สำเร็จด้วยนะครับ...ผมหมายถึงในละคร” เขาพูดทิ้งช่วงไปทำเอาใจฉันกระตุกวาบ เกือบทำให้เป็นข่าวดังไปแล้วสิ พี่แทนนะพี่แทน
หลังจากจบการแถลงข่าวที่จะเรียกว่าเรียบง่ายก็ไม่ใช่ ทางการก็ไม่เชิง ทั้งฉันกับพี่แทนก็ลงจากเวที ฉันเดินตรงดิ่งแบบไม่หันหลังกลับไปยังห้องพักส่วนตัว
“เฮ้อ...” ฉันยืนอึ้งนิ่งจนก้าวขาไม่ออกภายในห้อง ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก ทั้งที่เดรสที่ใส่วันนี้ก็เบาสบาย แต่จู่ ๆ เหงื่อเย็น ๆ กลับซึมกลางหลังให้รู้สึก
คนที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ได้จะมีใครนอกจากพี่แทน ฉันรู้แค่ว่าเขาเขียนบทเอง ใครจะคิดว่าเขารับบทเป็นพระเอกด้วยล่ะ เหลือจะเชื่อ!
“นึกว่าจะวิ่งหนีไปซะแล้ว” เสียงทุ้มนุ่มที่คุ้นเคยเอ่ยข้างหลัง ฉันหันขวับก่อนจะเห็นพี่แทนยืนพิงผนัง มือหนึ่งถือขวดน้ำ อีกมือล้วงกระเป๋ากางเกงทำเป็นเท่ ดูไม่สะทกสะท้ายกับสิ่งที่เขาเพิ่งทำกลางเวทีเลย
“ก็มันน่าตกใจไหมคะ” ฉันถามพลางกอดอกมอง
“น่าตกใจสิครับ และพี่ก็อยากให้หนูตกใจไง หึ...” เขาตอบยิ้ม ๆ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ฉันทีละก้าว ฉันเผลอถอยหลังไปทีละก้าวเช่นกัน สุดท้าย...หลังฉันก็ชนกับผนัง
“แล้วทำไมพี่ทำแบบนั้นล่ะ บอกฉันก่อนก็ได้นี่นาฉันจะได้เตรียมพร้อมรับมือ ทำแบบนี้เสี่ยงเป็นข่าวจะตายไป” ฉันพึมพำออกมา พยายามหลบเลี่ยงสายตาคมที่จ้องฉันอยู่
“อยากให้เป็นข่าวไง”
“พี่แทน!” ฉันสบถออกมาพลางผลักอกเขาให้ออกห่าง แต่เพราะแรงฉันมันน้อยนิด เพียงมือแกร่งสองข้างของเขาจับข้อมือ ฉันก็ขยับตัวไม่ได้แล้ว
“พี่ตั้งใจเขียนบทนี้ให้ตัวเองรับบทพระเอกตั้งแต่แรกเลยเหรอ?” ฉันถามด้วยน้ำเสียงที่เบาลง แล้วเขาก็พยักหน้า
“ใช่ครับ พี่ก็บอกแล้วไงว่าถ้าเรื่องนี้นางเอกไม่ใช่มิ้น พี่ก็ไม่สร้างเด็ดขาด แต่ในเมื่อมิ้นรับบทนำเรื่องนี้ คนที่จะเป็นพระเอกได้ก็มีแต่พี่เท่านั้น”
“ตอบจบเรื่องนี้เป็นแบบไหนคะ นางเอกกระอักเลือดตายรึเปล่า” ฉันหันไปแซว เพื่อแก้เขิน
“ตอบจบเหรอ? พี่เขียนไว้ พระเอกนางเอกอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต” ฉันกะพริบตาถี่ฟังคนตรงหน้าเปล่งวาจาคมคาย
“ถ้าหนูไม่กล้าเล่นฉากจบนี้ล่ะ”
“งั้นพี่ก็จะเล่นฉากจูบซ้ำไปซ้ำมา จนหนูกล้าที่จะเล่น”
“พี่แทน!” ฉันใช้มือตีอกเขาเบา ๆ ด้วยความเขิน พี่แทนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะพูดอีกครั้ง
“คืนนี้เราซ้อมอ่านบทกันนะ”
“ซ้อมที่กองเหรอคะ”
“ซ้อมที่ห้องพี่ก็ได้ ถ้าหนูไม่กลัว”
“กลัวสิ...” ฉันสบตาเขา พลางพูดเสียงเบา “กลัวว่าจะเอาเวลาไปทำอย่างอื่นมากกว่าซ้อมค่ะ ฮี่ฮี่...” พี่แทนยิ้มกว้างเหมือนคนได้รางวัลใหญ่
“งั้นคืนนี้พี่จะรอซ้อม(รบ)บทรักอย่างใจจดใจจ่อเลยครับ”
ห้องรับรองหลังฉากในสตูดิโอรายการ ‘4 แซ่บบันเทิง’ แม้จะเย็นฉ่ำจากแอร์ แต่มันก็ไม่สามารถดับความประหม่าในใจฉันได้เลยสักนิด“พี่...แน่ใจเหรอ ว่าเราควรมานั่งให้สัมภาษณ์แบบนี้ มันจะไม่โหนกระแสไปหน่อยเหรอคะ” ฉันหันไปกระซิบถามพี่แทนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พลางจับมือเขาแน่นจนชื้นเหงื่อ“แน่ใจสิครับ ไหน ๆ ก็เปิดตัวแล้ว เราก็ควรจะไปให้สุด” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มอย่างใจเย็นใจ ฉันพ่นลมหายใจยาวใช้หลังมืออีกข้างแตะหน้าผากตัวเองเบา ๆ ได้แต่ภาวนาให้ฉันอย่าหลุดพูดอะไรแปลก ๆ เลยเถอะ“อีกสิบนาที เตรียมตัวนะคะ” หนึ่งในทีมงานเดินเข้ามาแจ้ง ก่อนจะหันมายิ้มให้ฉันอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเกร็งนะคะคุณมิ้น แฟน ๆ ตอนนี้ยอดคนดูรอแล้วกว่าแสนคน” ฉันพยักหน้ารับ ขณะที่พี่แทนหันมากระซิบข้างหูกันเบา ๆ“ไม่ต้องกลัวนะครับ พี่อยู่ตรงนี้ตลอด” แม้หัวใจฉันจะเต้นแรง แต่เพียงเขาพูดแค่นี้ก็ทำให้ฉันสงบลงได้ ใช่...ต่อจากนี้เราจะไม่ต้องแอบ ไม่ต้องหลบ และปิดบังอีกต่อไป(หน้าฉากสตูดิโอ รายการ 4 แซ่บบันเทิง)“ว้าว...ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้นั่งสัมภาษณ์สองคนนี้ในฐานะ ‘คู่รัก’ ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับความรักครั้งนี้ด้วยนะคะ คุณแทนและคุณมิ้น”
นาฬิกาชีวิตปลุกให้ฉันตื่นขึ้นอัตโนมัติ กิจกรรมร่วมรักบนเตียงเมื่อคืนส่งผลให้ความปวดร้าว หนักหน่วงคืบคลานไปทั่วร่างแม้จะตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ฉันก็ยังขยับตัวลำบาก เนื่องจากสองแขนแกร่งของคนนอนข้างกายยังคงรัดแน่นไม่ยอมปล่อยราวกับกลัวว่าฉันจะหนีหายไปพี่แทนยังคงหลับสนิท ฉันหันไปจ้องหน้าเขาชัด ๆ ยิ่งมองยิ่งรู้สึก...หล่อจนใจสั่น ไม่ใช่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่หัวใจที่เขามอบให้ฉันก็รับรู้ได้ทั้งหมดเขานอนตะแคงหันหน้ามาทางฉัน มือหนึ่งยังพาดอยู่บนเอวฉัน“โธ่เอ้ย...พอหลับแล้วไม่เห็นจะดูเจ้าเล่ห์เลยนะ” ฉันยิ้มพึมพำเบา ๆ ขณะใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ปรกใบหน้าหล่อเขาให้เห็นเด่นชัดฉันเอี้ยวตัวอย่างเบามือ ให้ตัวแนบชิดกับเขามากกว่าเดิม ซบหน้าลงกับอกแกร่งฟังเสียงหัวใจของเขาที่ยังเต้นแรงอยู่“เมื่อวานที่หนูบอกว่า...ไม่อยากแพ้พี่” ฉันกระซิบเบา ๆ กับตัวเอง “ไม่ใช่เพราะหนูอยากเอาชนะ” ฉันยิ้มพลางขยับใบหน้าเบา ๆ เพื่อรับไออุ่นมากขึ้น “แต่หนูอยากให้พี่เห็นว่า หนูก็พร้อมมอบความรักให้พี่เช่นกันค่ะ”เขาขยับตัวเล็กน้อย มือที่กอดฉันไว้กระชับแน่นขึ้น ทำฉันสะดุ้งจนกระตุกวูบ“แกล้งหลับอยู่ใช่ไหมคะ...” ฉันแหงนหน้ามอ
ฉันยังชันเข่าอยู่ตรงหน้าเขาแบบนั้น แต่อารมณ์ในตอนนี้ไม่ใช่แค่นั่งเฉย ๆ อีกต่อไป สองเราลูบไล้และทอดนัยน์ตายั่วยวนกันและกัน โดยไม่มีใครยอมใครมือฉันแนบอยู่บนอกแกร่ง มือเขาแนบอยู่ที่แผ่นหลังฉัน พลางไล้นิ้วไปตามสันหลังก่อนจะหยุดตรงกลางหลังแล้วพยายามเร่งโน้มตัวฉันลงไปอีก แต่ฉันไม่ยอมหรอก“จะรีบร้อนทำไมคะ” ฉันกระซิบแหบพร่า พร้อมกดมือบนอกแกร่งเขาเบา ๆ จงใจถ่วงเวลาไว้พี่แทนยิ้มแฝงด้วยจิตวิญญาณนักล่าที่รู้ว่าคนตรงข้ามอย่างฉันกำลังเล่นเกมด้วยความรู้สึกเดียวกัน“ไม่ได้รีบร้อน แค่รู้สึกว่าถ้าพี่ปล่อยให้หนูคุมเกมมากกว่านี้ พี่อาจจะหมดแรงก่อนได้เริ่มจริง”“แปลว่าเริ่มกลัวหนูแล้วสินะ”“ไม่ได้กลัว...แค่ไม่ประมาทครับ” ฉันยกยิ้มมุมปากโน้มใบหน้าเข้าใกล้ใช้เรียวลิ้นร้อนไล้เลียไปตามแนวหลังใบหู สันกรามเบา ๆ ขณะที่มือฉันเริ่มเคลื่อนไปตามอารมณ์สอดเข้าในเรือนผมของเขาพลางขยุ้มเบา ๆเขาชะงักเล็กน้อยกับสัมผัสบางเบานี้“ถ้าเล่นแรงแบบนี้ พี่คงต้องเอาจริงแล้วนะครับ” ฉันยิ้มมุมปาก ขณะใช้มืออีกข้างลูบไปตามแนวแขนแกร่งเขา“ก็รออยู่นี่ไงคะ จะเอายังไงก็เชิญ พร้อมรับแรงกระแทกเสมอ” สิ้นคำสิ่งที่เขาตอบกลับมาคือการกดจูบอีก
“โอเคครับ กล้องพร้อม! ไฟพร้อม! แอคชั่น!” เสียงผู้กำกับดังขึ้นท่ามกลางกองถ่ายบ้านหรูปลีกวิเวกที่แสนสงบ เราสวมชุดนักแสดงเต็มยศ ฉันอยู่ในชุดเดรสลูกไม้สีฟ้าอ่อน พี่แทนอยู่ในชุดเชิ้ตขาวพับแขนกับกางเกงสแล็คเข้ารูปบรรกาศโดยรอบเงียบลงอย่างรวดเร็ว ทุกคนอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ของตน...ฉากที่เรากำลังจะถ่ายกันคือ ‘ฉากจูบแรก’ ของพระเอกและนางเอกในละครเรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนของความสัมพันธ์ระหว่างสองตัวละครหลัก โดยก่อนหน้านี้มีแต่การปะทะอารมณ์และเข้าใจผิดมาโดยตลอด ‘ในการถ่ายทำชื่อตัวละครในเรื่อง คือชื่อพวกเราเลย แต่ในเมื่อคนเขียนบทอย่างพี่แทนเขียนมาแบบนั้น ฉันก็เออออไปตามนั้นแหละ’และตอนนี้ พี่แทนกำลังจะจูบฉัน“มิ้น...” เสียงเขาเรียกเบา ๆ ขณะยืนห่างฉันไม่ถึงฝ่ามือ นัยน์ตามีความลังเลปนกับความรู้สึกบางอย่าง“มิ้นรู้ไหม ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน พี่ไม่เคยหันไปมองใครอีกเลย” บทละครบอกให้ฉันต้องนิ่ง น้ำตาคลอ ตัวสั่นนิด ๆ และปล่อยให้เขาโน้มตัวเข้ามาช้า ๆ ฉันทำตามบททุกอย่างอย่างมืออาชีพ และที่สำคัญฉันใส่หัวใจตัวเองลงไปเล่นด้วยริมฝีปากของพี่แทนเคลื่อนเข้ามาใกล้ ใกล้จนฉันได้กลิ่นหอมจาง ๆ จา
หลังกลับมาจากการพักผ่อน ชีวิตนักแสดงสาวก็เข้าสู่วังวนการทำงานที่คุ้นเคย ตอนนี้ชื่อเสียงของฉันทวีคูณมากขึ้น ตั้งแต่ฉันเปิดใจว่าจะรับบท ‘นางเอก’ ก็มีผู้ผลิตละครหลายเจ้ายื่นเสนอมาให้พิจารณาบทเป็นกอง แต่...เรื่องพวกนั้นเอาไว้ทีหลังก่อน เพราะการกลับมาเล่นบทนำในครั้งนี้ ยังไงซะฉันก็ตัดสินใจจะเล่นให้กับละครที่แฟนของฉันเขียนขึ้นมาก่อนวันนี้เป็นวันแถลงข่าวเปิดตัวนักแสดงนำของละครเรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง อย่างเป็นทางการ ฉันมาในชุดเดรสสีดำ ผมชมพูฟาร่าลอนสวย ชนิดที่เดินผ่านคนไหนก็ต้องเหลียวหันมามอง อาจเป็นเพราะก่อนหน้าฉันรับแต่บทตัวประกอบเวลามีงานแถลงข่าวก็ไม่ได้ถูกเชิญขึ้น“พี่กรีน พี่พอรู้รึเปล่าว่าเรื่องนี้ ใครรับบทพระเอก” ฉันหันไปถามผู้จัดการส่วนตัว เอาจริงนะ ฉันไม่รู้อะไรเลยว่าใครแสดงบ้าง บทจริงยังไม่เห็นด้วยซ้ำ แต่เพราะมั่นใจในตัวพี่แทน ฉันเลยไม่ได้ซีเรียสอะไร“ไม่รู้สิ ผู้ผลิตเขาไม่ได้แจ้งอะไรเพิ่มเติมมาเลย ลึกลับมาก”“งั้นเหรอคะ” ฉันเลิกคิ้ว แต่สุดท้ายก็เลิกที่จะสนใจมันไปไม่นานนัก มีทีมงานเรียกให้ฉันเตรียมพร้อมรอขึ้นเวทีอยู่ด้านข้าง“เรียนสื่อมวลชนทุกท่าน กรุณาเตรียมกล้องให้พร้อมนะครับ เ
เสียงนกร้องเบา ๆ จากยอดไม้ข้างนอกดังลอดเข้ามาในเต็นท์ ทำให้เปลือกตาฉันที่หลับสนิทค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา วินาทีแรกที่ได้กลิ่นไอดินปะปนกับกลิ่นหญ้าเปียกหลังฝนจางเมื่อคืนที่ผ่านมา ความสดชื่นก็แผ่ไปทั่วร่างร่างฉันยังซุกแนบอยู่ในอ้อมกอดพี่แทน ใบหน้าแนบชิดกับอกแกร่งอย่างเคยใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ฉันรับรู้ได้ถึงลมหายใจของเขาที่รินรดบนหัว เสียงลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกได้ว่าหลับสนิทมากเพียงใดฉันขยับตัวเล็กน้อย แต่ยังไม่กล้าเปลี่ยนท่าทางมาก เพราะกลัวจะรบกวนการนอนของเขา แต่ก็ได้แค่คิด...“หนาวเหรอ?” เสียงทุ้มงัวเงียกระซิบชิดข้างหูฉัน ฉันเงียบไปอึดใจก่อนจะส่ายหน้าเล็ก ๆ แล้วตอบกลับเบา ๆ“เปล่าค่ะ...แค่ยังไม่ชินปกตินอนคนเดียวมาตลอด” พี่แทนขยับตัวเล็กน้อยสองแขนกอดรัดฉันแน่นขึ้น“ก็ทำให้ชินสิครับ” เขาขยับหัวมาแนบแก้มนุ่มฉัน ริมฝีปากแตะหน้าผากอย่างแผ่วเบาก่อนพึมพำต่อ “ถ้าเราตื่นมาแบบนี้พร้อมกันทุกวันก็ได้นะ ถ้าหนูไม่เบื่อ”ฉันยิ้มมองใบหน้าคมที่ปรือตามองฉันเพราะเพิ่งตื่นนอน“หนูไม่เบื่อหรอกค่ะ แต่กลัวว่าจะเป็นพี่มากกว่าที่เบื่อก่อนหนูก็ได้” ฉันพูดจบเขาก็ลากนิ้วไล้กรอบหน้า ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากฉัน“ทั้งที่เพิ่







