25 เคมีล้นจอ

“โอเคครับ กล้องพร้อม! ไฟพร้อม! แอคชั่น!” เสียงผู้กำกับดังขึ้นท่ามกลางกองถ่ายบ้านหรูปลีกวิเวกที่แสนสงบ เราสวมชุดนักแสดงเต็มยศ ฉันอยู่ในชุดเดรสลูกไม้สีฟ้าอ่อน พี่แทนอยู่ในชุดเชิ้ตขาวพับแขนกับกางเกงสแล็คเข้ารูป

บรรกาศโดยรอบเงียบลงอย่างรวดเร็ว ทุกคนอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ของตน...

ฉากที่เรากำลังจะถ่ายกันคือ ‘ฉากจูบแรก’ ของพระเอกและนางเอกในละครเรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนของความสัมพันธ์ระหว่างสองตัวละครหลัก โดยก่อนหน้านี้มีแต่การปะทะอารมณ์และเข้าใจผิดมาโดยตลอด

‘ในการถ่ายทำชื่อตัวละครในเรื่อง คือชื่อพวกเราเลย แต่ในเมื่อคนเขียนบทอย่างพี่แทนเขียนมาแบบนั้น ฉันก็เออออไปตามนั้นแหละ’

และตอนนี้ พี่แทนกำลังจะจูบฉัน

“มิ้น...” เสียงเขาเรียกเบา ๆ ขณะยืนห่างฉันไม่ถึงฝ่ามือ นัยน์ตามีความลังเลปนกับความรู้สึกบางอย่าง

“มิ้นรู้ไหม ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน พี่ไม่เคยหันไปมองใครอีกเลย” บทละครบอกให้ฉันต้องนิ่ง น้ำตาคลอ ตัวสั่นนิด ๆ และปล่อยให้เขาโน้มตัวเข้ามาช้า ๆ ฉันทำตามบททุกอย่างอย่างมืออาชีพ และที่สำคัญฉันใส่หัวใจตัวเองลงไปเล่นด้วย

ริมฝีปากของพี่แทนเคลื่อนเข้ามาใกล้ ใกล้จนฉันได้กลิ่นหอมจาง ๆ จากตัวเขา

“คัต! ขอโทษครับ ขออีกที กล้องหลุดโฟกัสไปนิดหนึ่งครับ” เสียงผู้กำกับดังขึ้น จนฉันหายใจแรง เสียงหัวเราะดังขึ้นจากหลังกล้อง บางคนถึงกับทำหน้าเสียดายเพราะกำลังลุ้นฉากอยู่

ฉันแอบขยับถอยหนึ่งก้าว เขายิ้มให้ฉัน

“เป็นอะไรเหรอ?”

“ฉันรู้สึกว่ามุมมันไม่ได้ค่ะพี่ ความสูงเราต่างกันเกินไปนิด”

“งั้น...” เขาก้มลงต่ำกระซิบข้างหูฉัน “เราลองเปลี่ยนท่าทางตอนจูบดีไหม” ฉันจ้องตาเขา หัวใจเต้นตึกตัก แต่เพราะเชื่อในบทของเขาฉันจึงพยักหน้าตอบรับ แม้จะไม่รู้ว่าท่าทางที่เขาว่าคือแบบไหน

เทคที่สองกำลังจะเริ่มขึ้น โดยปกติแล้วฉากนี้พระเอกนางเอกต้องยืนจูบกัน แต่เพราะความเป็นจริง ความสูงของเราค่อนข้างต่าง หากยืนจูบกันองศาและภาพที่ถ่ายออกมามันจะได้มุมที่ไม่สวยเท่าไหร่

แต่สิ่งที่พี่แทนเปลี่ยนคือ สองแขนแกร่งของเขา รวบตัวฉันขึ้นจนใบหน้าเราเสมอกัน ก่อนที่ริมฝีปากเขาจะแตะลงบนริมฝีปากฉันอย่างแผ่วเบา สองมือฉันกอบกุมใบหน้าเขาก่อนจะบรรจงจูบกันจริง ไม่มีการใช้มุมกล้องใด ๆ

ไม่มีการสั่ง “คัต!”

ไม่มีเสียงตะโกนแทรกออกมา รอบข้างเงียบงันยาวนานกว่าที่คิด ดังนั้นเราสองก็ยังจูบไปเรื่อย ๆ และเมื่อเราผละออกจากกัน

“คัต! เยี่ยมมาก เยี่ยมสุด ๆ เทคนี้ผ่านครับ” เสียงผู้กำกับดังขึ้น พร้อมกับเสียงทีมงานตามมาอย่างกับสายน้ำไหล

“โอ๊ย! เคมีโคตรแรง จูบได้ถึงใจ”

“เทคนี้แหละสุดจริง สตาฟเงียบเฉียบ ทีมกล้องสั่นไปหมดแล้ว”

“ถ้าตอนนี้ออกอากาศจริง เชื่อเถอะมีคนเป็นลมแน่นอน ขนาดฉันดูตรงนี้นึกว่าดูคนรักจูบกัน ซีนอุ้มแล้วจูบไม่คิดไม่ฝัน โรแมนติกชิบ!”

เสียงสตาฟพรั่งพรูไม่หยุด จนฉันหน้าแดงก่ำ แต่พี่แทนยังยิ้มได้หน้าตาเฉย

“พี่มันจะไม่เป็นข่าวใช่ไหม ฉันเห็นทีมงานหลายคนยกมือถือถ่ายซะด้วย” ฉันทำหน้าหนักใจเล็กน้อย

“ไม่เห็นเป็นไรเลย” พี่แทนดูไม่รู้ร้อนรู้หนาวจนฉันหงุดหงิด

“พี่แทน! แต่ถ้าข่าวความสัมพันธ์ของเขาโดนแฉทั้งกองจะไม่แย่เหรอคะ”

“มิ้นครับ ทำไมถึงคิดในแง่ร้ายแบบนั้น แล้วถ้าเกิดผลตอบรับมันดีกว่าที่คาดละ”

“...” ฉันพูดไม่ออก ฉันมองโลกในแง่ร้าย เขามองโลกในแง่ดี เอาเถอะยังไงซะสุดท้ายก็ต้องพนันกับโชคชะตาที่จะเกิดขึ้นแล้วล่ะ

หลังจากเราถ่ายทำละครเรื่องนี้จบไป วันที่กำหนดฉายก็ใกล้เข้ามา วันนี้พี่แทนมาหาฉันที่คอนโดซึ่งเขาอาบน้ำอยู่ ส่วนฉันนั่งไถดูโซเชียลและพบว่าทางทีมงานปล่อยคลิปเบื้องหลังฉากจูบทางแอ็กเคานต์เบื้องหลังการถ่าย ทำความยาวเพียงสิบสองวินาที แต่ยอดวิวพุ่งทะลุล้านในคืนเดียว คอมเมนต์ใต้คลิปถล่มทลายจนระบบแทบล่ม...

[คลิป #รอยยิ้มของตัวจริง Take2 กล้องแทบละลาย เคมีแรงขนาดนี้ แสดงเก่งหรือใจตรงกัน 00.12 Sec.]

คอมเมนต์

‘มีใครดูแล้วรู้สึกเหมือนกันบ้างว่า...นี่มันไม่ใช่การแสดงแน่ ๆ จูบ(คิด)จริงรึเปล่าวะ’

‘แววตาพระเอกคือของจริง ไม่รับฟังความเห็นต่าง!’

‘ขนาดทีมงานรู้ว่าเป็นการแสดง ยังกรี๊ดกันขนาดนั้นหรือว่าจะมีซัมติงจิงกะเบล แบบนี้ต้องสืบ’

‘ฟินไม่ไหว! รีบออนแอร์ที’

เท่านั้นยังไม่พอ แอ็กเคานต์แฟนคลับหลายเพจเริ่มรวบรวมหลักฐานภาพหลุดในกอง รวมไปถึงคลิปสัมภาษณ์วันแถลงข่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงของพี่แทน จวบจนมีรูปฉันกับพี่แทนสมัยเรียนอยู่ในเฟรมเดียวกัน

“เชี่ย! พวกเขาขุดรูปมาจากไหนเนี่ย ขนาดฉันยังไม่รู้เลยว่า ตอนเป็นเชียร์ลีดเดอร์ พี่แทนอยู่ตรงนั้นด้วย”

ยิ่งไถโซเชียลยิ่งรู้สึกว่ามันลุกลาม เพจบันเทิงชื่อดังหลาย ๆ ช่อง เริ่มโพสต์ข่าวเป็นเชิงตั้งคำถามถึงความสัมพันธ์ของฉันกับพี่แทนเต็มหน้าฟีด จนตอนนี้แฮชแท็ก...#แทนมิ้น ขึ้นอันดับหนึ่งในไทย ตามมาด้วย #พระนางคู่จิ้นแห่งปี #คู่จริงคู่จิ้น รวมถึงคลิปตัดต่อจากฉากจูบนั้นยาวเป็นหางว่าว

“ดูอะไรอยู่ครับทำไมทำหน้าแบบนั้น” คนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินตรงมากอดฉันแน่น แถมยังหอมแก้มฟอดใหญ่ซ้ำไปซ้ำมา ทั้งที่ยังพันแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ผมก็ยังเปียกหมาด ๆ

“เกิดเรื่องใหญ่แล้วสิคะพี่! ทีมงานเอาเบื้องหลังตอนฉากจูบลงเรียกน้ำย่อย ตอนนี้ในโซเชียลแตกแตนพยายามเดาความสัมผัสของเราแถมยังขุดรูปสมัยเรียนของพวกเรามาเพียบเลย ทำไงดีคะ” ฉันทำหน้าตาอยากจะร้องไห้ แต่เขากลับหัวเราะยกมือลูบหัวฉันเบา ๆ ช็อตฟีลฉัน

“ฮ่า ๆ ไม่เป็นไรหรอกครับปล่อยพวกเขาเดากันไปเถอะ”

“แต่ว่ามันจะเลยเถิดนะคะ”

“แล้ว...พวกเขาเดากันยังไงบ้างละครับ”

“เขาหาว่าพวกเราแอบมีความสัมพันธ์กันจริง บ้างก็บอกว่าเราเป็นมากกว่าคู่จิ้นดูยังไงก็แฟนกันงี้อ่ะพี่”

“แล้วมันเรื่องจริงไหมครับที่พวกเขาพูดกัน” เขาแน่นย้ำคำว่า ‘เรื่องจริง’ ฉันถึงกับพูดไม่ออก เพราะมันคือเรื่องจริงนั่นแหละ

“มันก็ใช่ค่ะ...”

“ไม่สิ...พวกเขาพูดว่าเราเป็นแฟนกันงั้นเหรอครับ?”

“ค่ะ” ฉันพยักหน้าเล็ก ๆ

“พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ” ฉันทำหน้าเลิกคิ้ว ไม่เข้าใจ แล้วที่เราสองคนเป็นกันตอนนี้ไม่ใช่แฟนงั้นเหรอ หรือว่าที่ผ่านมาฉันเข้าใจผิดมาตลอด

“เราไม่ได้เป็นแฟนกันอยู่จริง ๆ เหรอคะพี่ ทำไมพี่ถึงได้...” ฉันเริ่มหน้าเสีย แต่สองแขนของเขาก็รั้งตัวฉันให้ขึ้นไปนั่งบนตักพร้อมกับคลอเคลียพรมจูบไปทั่วหน้าฉัน ก่อนจะหยุดจ่อมองฉันนิ่ง พ่นลมหายใจใส่กันเบา ๆ

“พี่ไม่เคยมองหนูเป็นแฟนนานแล้ว ทุกวันนี้พี่มองหนูเป็น ‘เมีย’ พี่มาตลอดต่างหาก”

“พี่แทน!” พอได้ยินเขาพูดเรียกคำว่าเมีย อารมณ์และร่างกายฉันก็อ่อนยวบแทบเหลวเป็นน้ำ

คนตัวโตเห็นท่าทีของฉันก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ทอดสายตายั่วกันเต็มที่ ดึงร่างฉันเข้าชิดกับแผงอกเปลือยเขา ใบหน้าแนบจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นดังตึกตัก

“พี่คะ...” ฉันเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

“ครับ?”

“ถ้าเรื่องของเรา ถูกทำให้เป็นข่าวสะพัด พี่จะทำยังไงคะ” พี่แทนผละฉันออกเล็กน้อย มองเข้ามานัยน์ตาฉัน ก่อนจะยิ้มละมุนให้ความวางใจ

“มิ้นครับ...ทุกวันนี้พี่อยากเปิดเผยความสัมพันธ์ของเรามากนะครับ พี่ไม่เคยอยากจะปิดบังเลยสักนิด พี่อยากให้คนในโลกนี้รู้ว่าพี่รักมิ้นขนาดไหน และ...พี่ก็อยากให้ทุกคนได้รู้ว่าคนนี้แหละคู่ชีวิตพี่” ความในใจของเขาพรั่งพรู ฉันรับรู้ได้ว่ามันจริงใจมากแค่ไหนสองแขนฉันรวบร่างเขา แนบชิดใบหน้าเข้ากับอกแกร่งของพี่แทนอีกครั้ง

“พี่คะ หนูรักพี่มาก ๆ เลยค่ะ” ฝามือร้อนลูบหัวฉันอย่างเบามืออีกครั้ง

“พี่ก็รักหนูมากนะครับ งั้น...” เขาพูดขาดช่วงไป จนทำให้ฉันต้องเงยหน้า

“งั้น...อะไรคะ”

“ในเมื่อเราสานสัมพันธ์ทางใจไปแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาสานสัมพันธ์ทางกายแล้วรึเปล่า” คำพูดของเขาฉันรู้ว่ามันหมายถึงอะไร ทำเอาฉันอดกลั้นยิ้มไม่ได้

“ทำไมคะ หิวเหรอ”

“ครับ ของอร่อยอยู่ตรงหน้าแบบนี้ กินทุกวันได้ไม่เบื่ออยู่แล้ว”

“ปากบอกว่าหิว...แล้วทำไมยังเอาแต่มองละคะ” ฉันถามพลางเอียงคออย่างท้าทาย พี่แทนไม่ได้ตอบทันที แต่กลับไล้นิ้วไปตามผิวฉันช้า ๆ

“พี่อยากมองให้มั่นใจก่อนว่า คืนนี้พี่จะไม่แพ้แน่นอน”

“ฮ่า...” ฉันหัวเราะออกมาพลางยืนแขนคล้องคอเขาไว้ “พูดเหมือนจะมาแข่งกันเลยนะคะ”

“ก็ใช่สิครับ หาอะไรให้ตื่นเต้นกันสักหน่อยเป็นไง” เขาขยับยิ้มมุมปาก

“ถ้าอย่างนั้น...” ฉันชันเข่าทั้งสองข้างลงขนาดกับต้นขาเขาไว้ ก่อนจะเอนตัวเข้าไปกระซิบข้างหูด้วยเสียงแหบพร่า “งั้นพยายามหน่อยนะคะ เพราะหนูเองก็ไม่คิดจะยอมแพ้เหมือนกัน” เขายิ้มอ่อน ดวงตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์ฉายแววชัด

“งั้นเริ่มกันดีไหมครับคนเก่ง”

ฉันไม่ได้ตอบด้วยคำพูดกลับไป แต่โน้มใบหน้าเข้าใกล้จนปลายจมูกแตะกัน ความร้อนในอกปะทุ มือฉันอยู่ไม่สุขไล้ไปตามต้นคอเขา ก่อนจะเลื่อนเข้าเส้นผมที่ยังเปียกหมาด ๆ นั้น

“พี่แทนขา...” ฉันเรียกชื่อเขาเบา ๆ แล้วฉวยโอกาสแนบชิดริมฝีปากลงบนมุมปากเขาเพียงเสี้ยววิ ก่อนจะผละออกอย่างจงใจ เขาชะงักเล็กน้อยเหมือนคาดไม่ถึง หึ...นี่มันคือเกม(ร้อน)รักนี่นา

“แกล้งพี่เหรอ?” เสียงเขากดต่ำลง ขณะที่มือข้างหนึ่งสอดเข้ามาใต้เสื้อกดแน่นที่แผ่นหลังฉัน ส่วนอีกข้างย้ายจากสะโพกขึ้นมาบีบเอวบางฉัน

“แค่หยอก ๆ ค่ะ” ฉันทำหน้าตาใสสื่อเอียงมองเขา

“เด็กขี้แกล้งต้องถูกทำโทษครับ” เขาไม่รอช้าให้ฉันตอบ แต่โน้มตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว คว้าท้ายทอยฉันและแนบชิดริมฝีปากลงมา ลมหายใจฉันสะดุดวาบ ความเร่าร้อนแผ่กระจายไปทั่วตัวในทันที

จูบของพี่แทน ยังคงทำให้ฉันชอบ ริมฝีปากเขามันอ่อนโยนก็จริงแต่เรียวลิ้นสากของเขาก็ดุดันทะลวงมาสำรวจในโพรงปากอย่างบ้าคลั่ง แรงดูดเม้มเกือบทำให้ฉันลืมหายใจ ฉันจิกไหล่เขาไว้แน่น ในขณะที่เขายังควบคุมจังหวะได้อย่างมั่นคง ไม่ยอมให้ฉันถอยหนี

“ยังจะกล้าท้าทายอยู่ไหม?” เขาพูดทั้งที่ริมฝีปากยังแนบชิดกัน ฉันหอบหายใจรัวแต่ก็ยิ้มตอบกลับด้วยเสียงหอบพร่าเบา ๆ “ใครจะกลัวคะ แถมยังกล้ามากกว่าเดิมค่ะ” นัยน์ตาฉันตั้งใจยั่วยวน เขาเองก็ยิ้มอย่างพอใจจนอดเลียริมฝีปากไม่ได้ และแน่นอนว่าเกม(ร้อน)รักของพวกเรามันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น