เข้าสู่ระบบเสียงนกร้องเบา ๆ จากยอดไม้ข้างนอกดังลอดเข้ามาในเต็นท์ ทำให้เปลือกตาฉันที่หลับสนิทค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา วินาทีแรกที่ได้กลิ่นไอดินปะปนกับกลิ่นหญ้าเปียกหลังฝนจางเมื่อคืนที่ผ่านมา ความสดชื่นก็แผ่ไปทั่วร่าง
ร่างฉันยังซุกแนบอยู่ในอ้อมกอดพี่แทน ใบหน้าแนบชิดกับอกแกร่งอย่างเคยใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ฉันรับรู้ได้ถึงลมหายใจของเขาที่รินรดบนหัว เสียงลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกได้ว่าหลับสนิทมากเพียงใด
ฉันขยับตัวเล็กน้อย แต่ยังไม่กล้าเปลี่ยนท่าทางมาก เพราะกลัวจะรบกวนการนอนของเขา แต่ก็ได้แค่คิด...
“หนาวเหรอ?” เสียงทุ้มงัวเงียกระซิบชิดข้างหูฉัน ฉันเงียบไปอึดใจก่อนจะส่ายหน้าเล็ก ๆ แล้วตอบกลับเบา ๆ
“เปล่าค่ะ...แค่ยังไม่ชินปกตินอนคนเดียวมาตลอด” พี่แทนขยับตัวเล็กน้อยสองแขนกอดรัดฉันแน่นขึ้น
“ก็ทำให้ชินสิครับ” เขาขยับหัวมาแนบแก้มนุ่มฉัน ริมฝีปากแตะหน้าผากอย่างแผ่วเบาก่อนพึมพำต่อ “ถ้าเราตื่นมาแบบนี้พร้อมกันทุกวันก็ได้นะ ถ้าหนูไม่เบื่อ”
ฉันยิ้มมองใบหน้าคมที่ปรือตามองฉันเพราะเพิ่งตื่นนอน
“หนูไม่เบื่อหรอกค่ะ แต่กลัวว่าจะเป็นพี่มากกว่าที่เบื่อก่อนหนูก็ได้” ฉันพูดจบเขาก็ลากนิ้วไล้กรอบหน้า ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากฉัน
“ทั้งที่เพิ่งพิสูจน์ไปแล้วว่า...อยากมีหนูทุกคืนกันขนาดนี้ ยังถามกลับพี่ได้อีกนะครับ” ฉันนิ่งอึ้ง มองเขายกยิ้มมุมปาก ก่อนที่เขาจะโน้มใบหน้าให้เข้าใกล้กันอีกนิด
“ถ้ายังไม่แน่ใจอีก” เสียงเขาเบาลง “จะให้พิสูจน์ซ้ำอีกก็ได้” แค่คำพูดนั้นฉันก็แทบจะหลับตาปี๋อยู่แล้ว ทว่าเขากลับหัวเราะร่าออกมาแล้วดึงฉันเข้าไปกอดแน่น ๆ อีกครั้ง
“ไม่ต้องพิสูจน์แล้วค่ะ หนูรู้ว่าพี่ไม่เบื่อหนูง่าย ๆ หรอก”
“แน่ใจนะ...ว่าเชื่อพี่แล้ว”
“แน่ใจค่ะ เอ่อ...พี่แทนนี่ก็เช้าแล้วออกไปสูดอากาศข้างนอกดีกว่าไหมคะ อากาศกำลังดีเลย”
“ได้สิครับ...แต่หนูลุกไหวใช่ไหม” เขาหันมาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ไหวสิคะ” ฉันยิ้ม มันจะแค่ไหนกันเชียว แม้คืนที่ผ่านมาจะหนักหนาสาหัสกว่าครั้งไหน ๆ ก็ตาม...
แต่เมื่อได้ลุกขึ้นยืนเท่านั้น ความปวดร้าวก็ประโคมทั่วตัว ฉันยังเดินไหวนะ เพียงแค่ไม่คิดว่ามันจะหนักขนาดนี้
พี่แทนออกไปด้านนอกก่อน ในขณะที่ฉันยังเอ้อระเหยลอยชายในการแต่งตัวให้เข้าที่
กลิ่นหอมของกาแฟลอยแตะจมูก จนฉันทนไม่ไหวรีบเดินออกไปด้านนอก ซึ่งพี่แทนนั่งเก้าอี้พลางจิบกาแฟอยู่
“พี่ชงกาแฟเองเหรอคะ” ฉันถามเมื่อโผล่หน้าพ้นเต็นท์มา เขาหันหน้ามองขึ้นยิ้มบาง ๆ แล้วพยักหน้า
“ใช่ครับ แล้วก็ชงให้คนพิเศษดื่มด้วย” ฉันหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะรับแก้วกาแฟแก้วหนึ่งที่เขายื่นให้ฉัน
“หอมจังเลยค่ะ...น่าดื่มมาก” ฉันยกแก้วขึ้นมาจิบ กาแฟมันขมมากจนฉันหลับตาปี๋ “ทำไมกาแฟมันถึงขมขนาดนี้คะ ไม่หวานเลย”
“ทานหวานเยอะมันไม่ดีนะครับ”
“หวานที่ไหนกันคะ นี่มันขมเพียว ๆ เลย”
“แต่เมื่อคืนเรากินกันจนหวานเลี่ยนเลยนะครับ” ใบหน้าฉันเห่อร้อนไปหมด
“พี่แทนก็...เกี่ยวอะไรกับกาแฟเนี่ย...” ฉันวางแก้วกาแฟ กอดอกหน้ามุ่ยมอง แต่สุดท้ายพอเห็นรอยยิ้มเขาฉันก็กลับมายิ้มอยู่ดี
เมื่อฉันกลั้นใจดื่มกาแฟจนหมด ฉันก็เดินไปยังลำธารเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงหน้า
“วิวสวยจัง ฟังเสียงน้ำไหลแล้วสบายใจสุด ๆ เลย” ฉันยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ เขาลุกขึ้นหยิบผ้าปูเล็ก ๆ เดินมาหาก่อนจะปูมันตรงหน้าเพื่อให้ฉันนั่ง ฉันหันไปยิ้มให้กับการเอาใจใส่ของพี่แทน และมันก็ยิ่งทำให้ฉันมั่นใจว่า คนนี้แหละที่ฉันตามหามานาน คนที่ฉันอยากมอบทั้งร่างกายและหัวใจให้เขาดูแล
“มิ้น...พี่ถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”
“คะ? ถามได้สิคะ”
“คิดยังไงหนูถึงตอบรับเล่นบทนำ เรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง เหรอครับ” เขาหันมามองฉันด้วยแววตาที่อ่อนโยน
“นั่นสิคะ...อาจเป็นเพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมา ทำให้มิ้นคิดได้ไม่ว่าจะอยู่บทบาทไหนก็ย่อมเกิดปัญหา ที่ผ่านมาปัญหาที่เกิดอาจไม่ใช่บทนำก็ได้ แต่เป็นสภาพจิตใจของมิ้นเองที่ไม่พร้อมรับกับสถานการณ์ แต่ตอนนี้มิ้นพร้อมแล้วค่ะ ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรมิ้นก็พร้อมสู้แล้ว”
“เติบโตแล้วสินะ” พี่แทนยกมือมายีหัวฉันเบา ๆ
“คิดว่านะคะ อีกอยากมีแฟนที่ดีแล้ว จะกลัวอะไรจริงไหม ฮี่ฮี่” ฉันหันไปยิ้มให้เขาจนตาหยี สองมือของเขาบีบแก้มฉันทั้งสองข้างด้วยความมันเขี้ยว
“อยากเห็นบทเต็มจังว่าเรื่องราวของบทนำในเรื่องจะเป็นยังไงกันนะ” ฉันพึมพำออกมาเบา ๆ
“จริง ๆ อย่างหนูไม่ต้องอ่านก็ได้นะ...”
“ไม่อ่านบทแล้วจะแสดงได้ไงคะ พี่ก็...”
“แสดงได้สิครับเพราะว่ามัน...”
“ว่า?” ฉันหันไปเลิกคิ้วเพราะไม่เข้าใจที่พี่แทนจะสื่อ
“ไม่บอกหรอกครับ รอให้หนูไปเจอหน้างานดีกว่า เตรียมตัวเข้ากองนะครับ”
“ก็ได้ ๆ เรื่องงานแสดงไม่มีอะไรที่ยากเกินกว่าที่มิ้นจะทำได้หรอกค่ะ”
เราสองยิ้มให้กันด้วยความอบอุ่น ก่อนที่ฉันจะนั่งทอดนัยน์ตามองไปยังต้นไม้ใบหญ้าตรงหน้าด้วยใจเลื่อนลอย ฉันมีความสุขมากเสียจนอยากหยุดเวลาไว้แบบนี้จัง
“หนูคิดอะไรอยู่ครับ” เสียงพี่แทนถามขึ้นเบา ๆ ฉันนิ่งไปครู่ ก่อนจะตอบออกไป
“หนูแค่...กลัวว่าทุกอย่างในวันนี้จะหายไปตอนเรากลับถึงกองถ่ายค่ะ” ฉันหันไปยิ้มเจื่อน ๆ เขาเงียบไป ฉันกัดริมฝีปากตัวเองนิด ๆ แล้วพึมพำออกมาอย่างไม่ปิดบัง “มันเหมือนฝันเลยค่ะ ในชีวิตนี้หนูไม่เคยมีความสุขแบบนี้เลย” เขาขยับมาใกล้ ๆ ฉัน
“ถ้าหนูกลัวว่าเป็นฝัน พี่ก็จะพยายามทำให้หนูรู้ว่ามันคือโลกแห่งความเป็นจริงครับ” ฉันหันไปจ้องนัยน์ตาที่แน่วแน่ของขา
“แต่หนูกลัว...กลัวว่าหนูจะเป็นปัญหาสำหรับพี่” ฉันก้มหน้าถอนหายใจ เมื่อนึกถึงความเป็นจริงก่อนจะพูดต่อ “พี่เป็นถึงทายาทเจ้าของสื่อ เป็นผู้อำนวยการ เป็นนักเขียนบทชื่อดัง แต่หนู...เป็นแค่...”
“อย่าพูดแบบนั้น” พี่แทนพูดตัดบททันที “มิ้นคือคนที่พี่เลือกจะเดินเข้าใกล้ หนูคือนักแสดงที่เก่งที่สุดในสายตาพี่ ที่สำคัญหนูคือนคนที่พี่อยากอยู่ด้วยหลังจากนี้” เขายิ้มบาง ๆ แล้วเบนสายตาไปมองลำธาร
“มิ้นเป็นดารา กลัวว่าพอกลับไปทุกอย่างจะวุ่นวาย กลัวคำพูดคน กลัวสายตาคนในกองมองพวกเรา กลัวว่ามันจะทำให้เราห่างกัน เพราะหนูต้องคอยปกปิดความสัมพันธ์กับพี่ทั้งที่ใจหนูไม่โอเคเลย หนูควรทำยังไงดีคะพี่”
สองแขนโอบรั้งเอวฉันให้เข้าใกล้ก่อนจะกอดฉันแน่น
“อย่าคิดมาก...แค่เดินไปด้วยกันก็พอ..พี่มีวิธีครับ”
“พี่พูดอะไร หนูก็เชื่อหมดแล้วค่ะ”
ห้องรับรองหลังฉากในสตูดิโอรายการ ‘4 แซ่บบันเทิง’ แม้จะเย็นฉ่ำจากแอร์ แต่มันก็ไม่สามารถดับความประหม่าในใจฉันได้เลยสักนิด“พี่...แน่ใจเหรอ ว่าเราควรมานั่งให้สัมภาษณ์แบบนี้ มันจะไม่โหนกระแสไปหน่อยเหรอคะ” ฉันหันไปกระซิบถามพี่แทนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พลางจับมือเขาแน่นจนชื้นเหงื่อ“แน่ใจสิครับ ไหน ๆ ก็เปิดตัวแล้ว เราก็ควรจะไปให้สุด” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มอย่างใจเย็นใจ ฉันพ่นลมหายใจยาวใช้หลังมืออีกข้างแตะหน้าผากตัวเองเบา ๆ ได้แต่ภาวนาให้ฉันอย่าหลุดพูดอะไรแปลก ๆ เลยเถอะ“อีกสิบนาที เตรียมตัวนะคะ” หนึ่งในทีมงานเดินเข้ามาแจ้ง ก่อนจะหันมายิ้มให้ฉันอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเกร็งนะคะคุณมิ้น แฟน ๆ ตอนนี้ยอดคนดูรอแล้วกว่าแสนคน” ฉันพยักหน้ารับ ขณะที่พี่แทนหันมากระซิบข้างหูกันเบา ๆ“ไม่ต้องกลัวนะครับ พี่อยู่ตรงนี้ตลอด” แม้หัวใจฉันจะเต้นแรง แต่เพียงเขาพูดแค่นี้ก็ทำให้ฉันสงบลงได้ ใช่...ต่อจากนี้เราจะไม่ต้องแอบ ไม่ต้องหลบ และปิดบังอีกต่อไป(หน้าฉากสตูดิโอ รายการ 4 แซ่บบันเทิง)“ว้าว...ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้นั่งสัมภาษณ์สองคนนี้ในฐานะ ‘คู่รัก’ ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับความรักครั้งนี้ด้วยนะคะ คุณแทนและคุณมิ้น”
นาฬิกาชีวิตปลุกให้ฉันตื่นขึ้นอัตโนมัติ กิจกรรมร่วมรักบนเตียงเมื่อคืนส่งผลให้ความปวดร้าว หนักหน่วงคืบคลานไปทั่วร่างแม้จะตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ฉันก็ยังขยับตัวลำบาก เนื่องจากสองแขนแกร่งของคนนอนข้างกายยังคงรัดแน่นไม่ยอมปล่อยราวกับกลัวว่าฉันจะหนีหายไปพี่แทนยังคงหลับสนิท ฉันหันไปจ้องหน้าเขาชัด ๆ ยิ่งมองยิ่งรู้สึก...หล่อจนใจสั่น ไม่ใช่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่หัวใจที่เขามอบให้ฉันก็รับรู้ได้ทั้งหมดเขานอนตะแคงหันหน้ามาทางฉัน มือหนึ่งยังพาดอยู่บนเอวฉัน“โธ่เอ้ย...พอหลับแล้วไม่เห็นจะดูเจ้าเล่ห์เลยนะ” ฉันยิ้มพึมพำเบา ๆ ขณะใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ปรกใบหน้าหล่อเขาให้เห็นเด่นชัดฉันเอี้ยวตัวอย่างเบามือ ให้ตัวแนบชิดกับเขามากกว่าเดิม ซบหน้าลงกับอกแกร่งฟังเสียงหัวใจของเขาที่ยังเต้นแรงอยู่“เมื่อวานที่หนูบอกว่า...ไม่อยากแพ้พี่” ฉันกระซิบเบา ๆ กับตัวเอง “ไม่ใช่เพราะหนูอยากเอาชนะ” ฉันยิ้มพลางขยับใบหน้าเบา ๆ เพื่อรับไออุ่นมากขึ้น “แต่หนูอยากให้พี่เห็นว่า หนูก็พร้อมมอบความรักให้พี่เช่นกันค่ะ”เขาขยับตัวเล็กน้อย มือที่กอดฉันไว้กระชับแน่นขึ้น ทำฉันสะดุ้งจนกระตุกวูบ“แกล้งหลับอยู่ใช่ไหมคะ...” ฉันแหงนหน้ามอ
ฉันยังชันเข่าอยู่ตรงหน้าเขาแบบนั้น แต่อารมณ์ในตอนนี้ไม่ใช่แค่นั่งเฉย ๆ อีกต่อไป สองเราลูบไล้และทอดนัยน์ตายั่วยวนกันและกัน โดยไม่มีใครยอมใครมือฉันแนบอยู่บนอกแกร่ง มือเขาแนบอยู่ที่แผ่นหลังฉัน พลางไล้นิ้วไปตามสันหลังก่อนจะหยุดตรงกลางหลังแล้วพยายามเร่งโน้มตัวฉันลงไปอีก แต่ฉันไม่ยอมหรอก“จะรีบร้อนทำไมคะ” ฉันกระซิบแหบพร่า พร้อมกดมือบนอกแกร่งเขาเบา ๆ จงใจถ่วงเวลาไว้พี่แทนยิ้มแฝงด้วยจิตวิญญาณนักล่าที่รู้ว่าคนตรงข้ามอย่างฉันกำลังเล่นเกมด้วยความรู้สึกเดียวกัน“ไม่ได้รีบร้อน แค่รู้สึกว่าถ้าพี่ปล่อยให้หนูคุมเกมมากกว่านี้ พี่อาจจะหมดแรงก่อนได้เริ่มจริง”“แปลว่าเริ่มกลัวหนูแล้วสินะ”“ไม่ได้กลัว...แค่ไม่ประมาทครับ” ฉันยกยิ้มมุมปากโน้มใบหน้าเข้าใกล้ใช้เรียวลิ้นร้อนไล้เลียไปตามแนวหลังใบหู สันกรามเบา ๆ ขณะที่มือฉันเริ่มเคลื่อนไปตามอารมณ์สอดเข้าในเรือนผมของเขาพลางขยุ้มเบา ๆเขาชะงักเล็กน้อยกับสัมผัสบางเบานี้“ถ้าเล่นแรงแบบนี้ พี่คงต้องเอาจริงแล้วนะครับ” ฉันยิ้มมุมปาก ขณะใช้มืออีกข้างลูบไปตามแนวแขนแกร่งเขา“ก็รออยู่นี่ไงคะ จะเอายังไงก็เชิญ พร้อมรับแรงกระแทกเสมอ” สิ้นคำสิ่งที่เขาตอบกลับมาคือการกดจูบอีก
“โอเคครับ กล้องพร้อม! ไฟพร้อม! แอคชั่น!” เสียงผู้กำกับดังขึ้นท่ามกลางกองถ่ายบ้านหรูปลีกวิเวกที่แสนสงบ เราสวมชุดนักแสดงเต็มยศ ฉันอยู่ในชุดเดรสลูกไม้สีฟ้าอ่อน พี่แทนอยู่ในชุดเชิ้ตขาวพับแขนกับกางเกงสแล็คเข้ารูปบรรกาศโดยรอบเงียบลงอย่างรวดเร็ว ทุกคนอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ของตน...ฉากที่เรากำลังจะถ่ายกันคือ ‘ฉากจูบแรก’ ของพระเอกและนางเอกในละครเรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนของความสัมพันธ์ระหว่างสองตัวละครหลัก โดยก่อนหน้านี้มีแต่การปะทะอารมณ์และเข้าใจผิดมาโดยตลอด ‘ในการถ่ายทำชื่อตัวละครในเรื่อง คือชื่อพวกเราเลย แต่ในเมื่อคนเขียนบทอย่างพี่แทนเขียนมาแบบนั้น ฉันก็เออออไปตามนั้นแหละ’และตอนนี้ พี่แทนกำลังจะจูบฉัน“มิ้น...” เสียงเขาเรียกเบา ๆ ขณะยืนห่างฉันไม่ถึงฝ่ามือ นัยน์ตามีความลังเลปนกับความรู้สึกบางอย่าง“มิ้นรู้ไหม ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน พี่ไม่เคยหันไปมองใครอีกเลย” บทละครบอกให้ฉันต้องนิ่ง น้ำตาคลอ ตัวสั่นนิด ๆ และปล่อยให้เขาโน้มตัวเข้ามาช้า ๆ ฉันทำตามบททุกอย่างอย่างมืออาชีพ และที่สำคัญฉันใส่หัวใจตัวเองลงไปเล่นด้วยริมฝีปากของพี่แทนเคลื่อนเข้ามาใกล้ ใกล้จนฉันได้กลิ่นหอมจาง ๆ จา
หลังกลับมาจากการพักผ่อน ชีวิตนักแสดงสาวก็เข้าสู่วังวนการทำงานที่คุ้นเคย ตอนนี้ชื่อเสียงของฉันทวีคูณมากขึ้น ตั้งแต่ฉันเปิดใจว่าจะรับบท ‘นางเอก’ ก็มีผู้ผลิตละครหลายเจ้ายื่นเสนอมาให้พิจารณาบทเป็นกอง แต่...เรื่องพวกนั้นเอาไว้ทีหลังก่อน เพราะการกลับมาเล่นบทนำในครั้งนี้ ยังไงซะฉันก็ตัดสินใจจะเล่นให้กับละครที่แฟนของฉันเขียนขึ้นมาก่อนวันนี้เป็นวันแถลงข่าวเปิดตัวนักแสดงนำของละครเรื่อง รอยยิ้มของตัวจริง อย่างเป็นทางการ ฉันมาในชุดเดรสสีดำ ผมชมพูฟาร่าลอนสวย ชนิดที่เดินผ่านคนไหนก็ต้องเหลียวหันมามอง อาจเป็นเพราะก่อนหน้าฉันรับแต่บทตัวประกอบเวลามีงานแถลงข่าวก็ไม่ได้ถูกเชิญขึ้น“พี่กรีน พี่พอรู้รึเปล่าว่าเรื่องนี้ ใครรับบทพระเอก” ฉันหันไปถามผู้จัดการส่วนตัว เอาจริงนะ ฉันไม่รู้อะไรเลยว่าใครแสดงบ้าง บทจริงยังไม่เห็นด้วยซ้ำ แต่เพราะมั่นใจในตัวพี่แทน ฉันเลยไม่ได้ซีเรียสอะไร“ไม่รู้สิ ผู้ผลิตเขาไม่ได้แจ้งอะไรเพิ่มเติมมาเลย ลึกลับมาก”“งั้นเหรอคะ” ฉันเลิกคิ้ว แต่สุดท้ายก็เลิกที่จะสนใจมันไปไม่นานนัก มีทีมงานเรียกให้ฉันเตรียมพร้อมรอขึ้นเวทีอยู่ด้านข้าง“เรียนสื่อมวลชนทุกท่าน กรุณาเตรียมกล้องให้พร้อมนะครับ เ
เสียงนกร้องเบา ๆ จากยอดไม้ข้างนอกดังลอดเข้ามาในเต็นท์ ทำให้เปลือกตาฉันที่หลับสนิทค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา วินาทีแรกที่ได้กลิ่นไอดินปะปนกับกลิ่นหญ้าเปียกหลังฝนจางเมื่อคืนที่ผ่านมา ความสดชื่นก็แผ่ไปทั่วร่างร่างฉันยังซุกแนบอยู่ในอ้อมกอดพี่แทน ใบหน้าแนบชิดกับอกแกร่งอย่างเคยใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ฉันรับรู้ได้ถึงลมหายใจของเขาที่รินรดบนหัว เสียงลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกได้ว่าหลับสนิทมากเพียงใดฉันขยับตัวเล็กน้อย แต่ยังไม่กล้าเปลี่ยนท่าทางมาก เพราะกลัวจะรบกวนการนอนของเขา แต่ก็ได้แค่คิด...“หนาวเหรอ?” เสียงทุ้มงัวเงียกระซิบชิดข้างหูฉัน ฉันเงียบไปอึดใจก่อนจะส่ายหน้าเล็ก ๆ แล้วตอบกลับเบา ๆ“เปล่าค่ะ...แค่ยังไม่ชินปกตินอนคนเดียวมาตลอด” พี่แทนขยับตัวเล็กน้อยสองแขนกอดรัดฉันแน่นขึ้น“ก็ทำให้ชินสิครับ” เขาขยับหัวมาแนบแก้มนุ่มฉัน ริมฝีปากแตะหน้าผากอย่างแผ่วเบาก่อนพึมพำต่อ “ถ้าเราตื่นมาแบบนี้พร้อมกันทุกวันก็ได้นะ ถ้าหนูไม่เบื่อ”ฉันยิ้มมองใบหน้าคมที่ปรือตามองฉันเพราะเพิ่งตื่นนอน“หนูไม่เบื่อหรอกค่ะ แต่กลัวว่าจะเป็นพี่มากกว่าที่เบื่อก่อนหนูก็ได้” ฉันพูดจบเขาก็ลากนิ้วไล้กรอบหน้า ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากฉัน“ทั้งที่เพิ่







