ตอนที่ 13
สินสมรสของพี่สาว
ซูเหิงเยว่หลงใหลไปกับสุรานารีที่หอสุราแดงจนลืมวันลืมคืน ด้วยไม่เคยพบเจออะไรเช่นนี้มาก่อน ตำลึงที่พกมาไม่พอก็ให้คนกลับไปเอาที่อนุฟาง
กว่าจะกลับจวนมาได้ก็ผ่านไปสามวันแล้ว เพราะบิดาเรียกหาตัว ตนจึงจำใจกลับมา
“เหิงเยว่เจ้าไปอยู่ที่ใดมา เหตุใดจึงไม่กลับจวนตั้งหลายวัน รู้หรือไม่บิดาเจ้าเรียกหาเจ้าสองรอบแล้ว” เมื่อเห็นหน้าบุตรชายอนุฟางก็ต่อว่าทันที
“ข้าก็ไปหาประสบการณ์พบปะเพื่อนฝูงบ้างสิขอรับ อนาคตข้าจะได้เป็นผู้สืบทอดตระกูลซูแทนบิดานะ จะไม่ให้มีสหายได้อย่างไร” เขาตอบอย่างปัดรำคาญ
“ช่างเถอะ ๆ เจ้ารีบไปอาบน้ำแล้วตามแม่ไปที่ห้องโถงเรือนใหญ่เสีย วันนี้แม่จะขอร้องให้บิดายกการจัดการในเรือนให้แม่ เจ้าต้องพูดช่วยแม่ด้วย เข้าใจหรือไม่” ผู้เป็นมารดาเอ่ย
เขาพยักหน้ารับอย่างขอไปที ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำตามที่มารดาสั่ง ในหัวเขามีแต่ภาพสาวงามที่ได้กกกอดมาตลอดสามวัน
วันนี้เจ้าบ้านอย่างจางลู่เหวินเรียกทุกคนในจวนมาพบ เพราะมีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทราบ ตอนนี้ทุกคนก็ได้มากันครบแล้ว ยกเว้นคุณชายของบ้าน
ทำให้เขาหงุดหงิดเล็กน้อย ที่บุตรชายเป็นคนไม่ตรงต่อเวลาเช่นนี้ อนาคตจะปกครองคนได้อย่างไร
“อนุฟางเจ้าไม่ได้บอกบุตรชายเจ้าหรือ เหตุใดจึงให้ผู้ใหญ่รอนานเช่นนี้” เขาเอ่ยถามอนุตนเองเสียงเข้ม
“เหิงเยว่คงกำลังมาเจ้าค่ะ ท่านพี่อย่างเพิ่งร้อนใจเลยนะเจ้าคะ” ฟางเจียวเหมยเอ่ย ในใจก็เริ่มร้อนรนแล้ว
“ท่านพี่มาโน้นแล้วเจ้าค่ะ” ซูเยว่ซินเอ่ยพลางชี้ไปทางนอกเรือน จึงเห็นว่าบุรุษใบหน้าอิดโรยกำลังเดินเข้ามา
“ท่านพี่เหิงเยว่ไปทำอะไรมาหรือเจ้าคะ ใบหน้าราวกับคนไม่ได้นอนมาหลายวันเลย” ซูฮุ่ยฉินเอ่ยถามอย่างสงสัย ทำให้บิดามองหน้าบุตรชายอีกครั้ง
“เหิงเยว่เจ้าไปทำอะไรมา เหตุใดจึงมีสภาพเช่นนี้” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามอย่างสงสัยอีกคน
“อะ เออ หลายวันมานี้ข้าฝึกอ่านบัญชีจนนอนดึกทุกวัน ใบหน้าข้าเลยเป็นเช่นนี้ขอรับ” เขาหาข้อแก้ตัวได้ทัน
“อื้ม...ซินซินมาบอกว่าเห็นพี่ชายแถวตรอกโคมแดง เช่นนั้นนางคงตาฝาดไปแล้ว ข้าต้องไปสั่งสอนสาวใช้ข้าเสียหน่อยที่ปากมากพูดจาพล่อย ๆ เช่นนี้” นางเอ่ยพึมพำเบา ๆ แต่ได้ยินกันทั้งห้อง
ซูเหิงเยว่นั้นหน้าเสียไปเล็กน้อย ฟางเจียวเหมยจึงรีบเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง
“ท่านพี่เรียกพวกเรามาวันนี้ มีเรื่องสำคัญจะแจ้งไม่ใช่หรือเจ้าคะ เรื่องอะไรงั้นหรือ” ฟางเจียวเหมยเอ่ยเสียงหวาน
“ช่างเถอะ ๆ ที่ข้าเรียกมาวันนี้เพราะจะแจ้งว่าจะยกร้านผ้าที่ตรอกฝั่งตะวันตกให้ซูเยว่ซินเป็นสินสมรส พร้อมกับเครื่องประดับ และตำลึงทองอีกสองหีบ”
บิดาเอ่ยราวกับเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ซูฮุ่ยฉินนั้นเค่นหัวเราะในใจ เมื่อชาติที่แล้วก็เป็นเช่นนี้ บิดายกสินสมรสให้พี่สาวคนนี้มากมาย แต่ละอย่างล้วนเป็นของมารดานางทั้งนั้น
แต่ตัวนางกลับไม่ได้อะไรสักอย่าง แถมยังถูกส่งไปอยู่อารามมีความเป็นอยู่ทุกข์ยากแสนสาหัส
“ขอบคุณท่านพ่อมากเจ้าค่ะ” น้ำเสียงดีใจของซูเยว่ซินเรียกสติของนางกลับคืนมา
“ท่านพ่อลูกเกรงว่าร้านผ้าแห่งนั้นจะยกให้พี่สาวไม่ได้เจ้าค่ะ เพราะเดิมนั่นเป็นหนึ่งในรายการสินเดิมของมารดาข้า ท่านพ่อเลือกร้านอื่นดีหรือไม่ อย่างร้านผ้าฝั่งตะวันออกก็กำไรดีไม่แพ้กันนะเจ้าคะ”
นางเอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน แม้บิดาจะแต่งเข้าแต่รายการสินเดิมของมารดาก็ยังมีอยู่ตามธรรมเนียม
และร้านค้าส่วนใหญ่ทุกร้านก็อยู่ในรายชื่อสินเดิมของมารดานาง จะมีเพียงไม่กี่ร้านเท่านั้นที่ไม่ได้อยู่ในรายการ
“รายการสินเดิมของมารดาเจ้ามีมากมาย จะยกให้พี่สาวเจ้าสักร้านจะเป็นไรไป เจ้าอย่าใจแคบไปหน่อยเลยฮุ่ยฉิน”
ผู้เป็นบิดาเอ่ยพลางขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจเล็กน้อย ที่บุตรสาวคนรองขัดขวางการตัดสินใจตนเช่นนี้
“ใช่แล้วน้องฮุ่ยฉิน อย่างไรร้านค้าทุกร้านของตระกูลซูก็มีบิดาคอยดูแล ยกร้านผ้านั่นให้พี่สาวเจ้าสักร้านคงไม่เป็นไรหรอก” ซูเหิงเยว่เอ่ยขึ้นบ้าง
“ไม่ใช่ลูกใจคอคับแคบหรอกเจ้าค่ะ ลูกเพียงเป็นห่วงพี่หญิงกลัวจะถูกชาวบ้านเอาไปนินทาเท่านั้น”
“น้องสาวหมายความว่าอย่างไร”
ซูเยว่ซินเอ่ยถามอย่างไม่พอใจ ในใจอยากจะตบสั่งสอนน้องสาวผู้นี้สักครั้ง นางคงอิจฉาที่ตนได้ร้านผ้าที่กำไรดีที่สุดของตระกูลไป
ร้านนั้นลูกค้าส่วนใหญ่มีแต่คนชั้นกลางขึ้นไปที่เข้าไปซื้อหา ราคาผ้าก็ใช่ว่าลูกตาสีตาสาจะจับต้องได้
“พี่หญิงอาจจะยังไม่รู้ เพราะธรรมเนียมเมืองหลวงสินเดิมของมารดาต้องตกเป็นของบุตรสาวเท่านั้น” นางเอ่ยพลางมองหน้าสามแม่ลูกไปด้วย
“......”
“หากผู้อื่นเอาสินสมรสนี้ไป คงถูกเอาไปนินทาจนไม่มีที่ยืนในสังคมแน่ ยามออกงานก็จะไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาพูดคุย หากคบค้าสมาคมกับผู้ใดก็จะถูกกีดกันออกจากสังคมชั้นสูงไปด้วย”
“......”
“ข้าเป็นห่วงพี่หญิงจึงได้เอ่ยเตือน หากท่านพ่อยังเห็นควรว่าจะยกร้านผ้าของมารดาข้าให้พี่สาว...ก็แล้วแต่ท่านพ่อจะไตร่ตรองเถิดเจ้าค่ะ”
นางเอ่ยเช่นนี้ทำให้บิดามีใบหน้าเคร่งเครียดขึ้น ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยออกมา
“จริงอย่างเจ้าว่า เช่นนั้นยกร้านผ้าฝั่งตะวันออกให้พี่สาวเจ้าเป็นสินสมรสแล้วกัน เยว่ซินไว้พ่อจะเพิ่มตำลึงทองในหีบเจ้าแทนแล้วกันนะ”
บิดาเอ่ยปลอบใจบุตรสาวคนโต ที่ตอนนี้มีใบหน้าบูดบึ้งเพราะไม่พอใจ
“พี่หญิงอย่าโกรธท่านพ่อเลยนะเจ้าคะ ที่ท่านพ่อทำไปเพราะไม่อยากให้พี่หญิงต้องลำบากในวันหน้าทั้งนั้น” ซูฮุ่ยฉินเอ่ยพลางยิ้มกว้างให้สตรีตรงหน้า
ทำให้ซูเยว่ซินถลึงตามองนาง หากสายตานั้นเป็นมีดนางคงถูกสับจนละเอียดเป็นพัน ๆ ชิ้นแล้ว
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วงั้นก็แยกย้ายเถอะ ข้าจะไปตรวจบัญชีร้านต่อ” จางลู่เหวินเอ่ยพลางจะลุกเดินไปห้องทำงาน
“เออ...เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะท่านพ่อ” ซูเยว่ซินเอ่ยเรียกบิดาเอาไว้ก่อน
“หื้ม มีเรื่องอะไรงั้นหรือซินเอ๋อร์” บิดาหันมาถามอย่างสงสัย
“คือว่า...การจัดการในจวนตอนนี้อยู่ในความดูแลของน้องรองใช่มั้ยเจ้าคะ” ซูเยว่ซินเอ่ยถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว ทำให้จางลู่เหวินขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ใช่! ทำไมงั้นหรือ”
“ท่านพ่อลองคิดดู หากคนนอกมองมาอาจจะไม่ค่อยเหมาะสมนัก อย่างไรท่านพ่อก็มีท่านแม่อยู่ จะดีกว่าหรือไม่หากจะให้ท่านแม่ช่วยดูแลจัดการในจวนแทน...ท่านพ่อเห็นควรว่าอย่างไรเจ้าคะ”
ซูเยว่ซินเอ่ยร่ายยาว โดยมีซูเหิงเยว่พยักหน้ารับเห็นด้วยอยู่ข้าง ๆ ทำให้ผู้เป็นบิดาหันมามองบุตรสาวคนรองเล็กน้อย
“ข้าเห็นด้วยกับเยว่ซินนะขอรับท่านพ่อ อีกอย่างที่ผ่านมาท่านแม่ก็จัดการดูแลจวนที่เมืองชิงได้ดี ไม่เคยเกิดปัญหาอะไรด้วย จวนนี้ก็คงไม่ต่างกันมากนัก” ซูเหิงเยว่เอ่ยขึ้น เมื่อเห็นบิดานิ่งไปไม่ยอมตอบ
“ท่านพ่อจะตัดสินใจอย่างไรลูกไม่ขัดข้องเจ้าค่ะ หากท่านพ่อเห็นควรว่าอนุฟางสามารถดูแลจวนได้ดี ลูกก็พร้อมจะยกบัญชีจวนให้เจ้าค่ะ” ซูฮุ่ยฉินเอ่ยราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
จางลู่เหวินมองหน้าบุตรสาวคนรองอย่างชื่นชมเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจบางอย่างได้
“เช่นนั้นให้อนุฟางดูแลเรื่องจัดการใจจวน แต่ยามเบิกของหรือเงินเบี้ยหวัดต้องผ่านพ่อบ้านกับข้าก่อน” จางลู่เหวินเอ่ย
“ขอบคุณท่านพี่ที่ไว้ใจข้าเจ้าค่ะ ข้าสัญญาว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด” ฟางเจียวเหมยรีบตอบรับ ไม่คิดว่าเรื่องจะง่ายดายเช่นนี้
จากนี้คอยดูเถอะ นางจะทำให้นังลูกเลี้ยงไม่กล้าออกไปเจอหน้าผู้ใดได้อีก คนที่จะเป็นหน้าเป็นตาให้แก่จวนนี้มีเพียงบุตรสาวและบุตรชายของนางเท่านั้น
ตอนที่ 16พบกันในที่ไม่คาดคิดซูฮุ่ยฉินนั่งมองความวุ่นวายตรงข้ามโรงเตี๊ยมด้วยใบหน้าเรียบเฉย จนเห็นว่าคนถูกพาตัวขึ้นรถม้าไปแล้ว จึงได้หันมาสนใจถ้วยชาตรงหน้าแทน“พี่ชายข้ายามนี้อยู่ที่ใด” นางเอ่ยถามขึ้นเบา ๆ“ก่อนออกมาชิงชิงได้เข้าไปหาคุณชายที่เรือนเจ้าค่ะ”“ยาที่ข้าให้เมื่อวันก่อนได้ผสมให้ชิงชิงกินหรือไม่” นางเอ่ยถามอีกครั้ง“ยาช่วยให้ตั้งครรภ์หรือเจ้าคะ ยานั่นข้าแอบผสมให้นางกินทุกวันเจ้าค่ะ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดอีกไม่เกินสองเดือนนางน่าจะตั้งครรภ์เจ้าค่ะ” ซินซินรายงาน“ดี เรากลับจวนกันเถอะ ข้ายังต้องไปทำหน้าที่บุตรสาวที่ดีของท่านพ่อต่อ เห้อ!! เป็นบุตรสาวที่เพียบพร้อมก็ไม่ง่ายเลยจริง ๆ ” นางเอ่ยคล้ายตัดพ้อต่อโชคชะตาแต่น้ำเสียงกลับเย้ยหยันโชคชะตานี้ต่างหาก โชคชะตาอันใดกันเป็นข้าที่เลือกเดินเองทั้งนั้น ช่างน่าขันสิ้นดีนางคิดพลางเดินออกจากห้องส่วนตัวของโรงเตี๊ยม แต่กลับชนเข้ากับคนผู้หนึ่งเข้าเสียก่อน
ตอนที่ 15บุรุษกับสตรีไร้ยางอายวันที่ซูเยว่ซินต้องออกไปพบคู่หมั้นมาถึงอย่างรวดเร็ว หญิงสาวตื่นมาแต่งตัวแต่เช้าอย่างตื่นเต้นซูฮุ่ยฉินเองก็เช่นกัน นางอยากไปชมงิ้วด้วยตนเองจึงได้ให้คนเตรียมรถม้าไว้รอก่อนหน้านี้สองแม่ลูกนั่นวางแผนกลั่นแกล้งนางเช่นกัน แต่ไม่ได้มากมายอะไร เป็นเพียงการลดปริมาณอาหาร หรือไม่ก็งดของว่างของนางนางถือว่าเป็นการเล่นสนุกของเด็ก ๆ จึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เพียงให้พ่อบ้านรายงานท่านพ่อเท่านั้นสองวันแรกท่านพ่อปล่อยผ่าน แต่เมื่อมีวันที่สามนางจึงได้ยินว่าท่านพ่อเรียกอนุฟางไปต่อว่า ตั้งแต่วันนั้นอาหารหรือของว่างนางจึงไม่ถูกงดอีก“รถม้าพร้อมแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่เองก็เพิ่งออกไปเมื่อครู่นี่เจ้าค่ะ” ซินซินเข้ามารายงาน“จองโรงเตี๊ยมตรงข้ามโรงน้ำชาที่เยว่ซินนัดเจอคุณชายกู่หรือยัง” นางเอ่ยถามขณะจัดปิ่นไม้บนหัวให้เข้าที่“เรียบร้อยเจ้าค่ะ เครื่องประดับที่คุณหนูใหญ่ใส่วันนี้เป็นเครื่องประดับไข่มุกเจ้าค่ะ”“ข้ารู้อยู่แล้ว” นางตอบรับเบา ๆ แต่สาวใช้นั้นแปลกใจว่านายสาวรู้ได้อย่างไรทั้งที่ตนเพิ่งเอาเรื่องนี้มาบอกแต่ก็เก็บความสงสัยนั้นไว้ ก่อนจะเดินตามนายสาวไปขึ้นรถม้า และตรงไปยังโรงเ
ตอนที่ 14ขอยืมหรือแย่งชิงเมื่อตกลงทุกอย่างได้แล้วทุกคนจึงแยกย้ายกลับเรือนตัวเอง เมื่อกลับถึงเรือนซินซินจึงเอ่ยถามนายสาวอย่างสงสัย“คุณหนูยกการจัดการในจวนให้อนุฟางเช่นนี้จะดีหรือเจ้าคะ นางคงใช้โอกาสนี้เล่นงานคุณหนูเป็นแน่”“ข้าก็ต้องการให้เป็นเช่นนั้นอยู่แล้วนี่ เจ้าไม่ต้องหวงไปหรอก บอกคนของเราจับตาดูสามแม่ลูกนั่นให้ดี เมื่อข้าบอกให้ปล่อยข่าวลือเมื่อไหร่ให้พวกเขาทำงานให้เต็มที่พอ”นางทำเช่นนี้เพราะต้องการให้สามแม่ลูกนั้นคิดว่าตนมีอำนาจในมือ เมื่อพวกมันลงมือนางจะใช้ข่าวลือพร้อมหลักฐานทำให้พวกมันพ่ายแพ้ด้วยตัวมันเองส่วนพี่ชายผู้นั้นนางจะให้เขามีความสุขไปก่อน ยิ่งเขาร่วมรักกับสตรีมากเท่าไหร่ จุดจบของเขาก็ใกล้เข้ามาเร็วเท่านั้น“เจ้าค่ะคุณหนู แล้วชิงชิงเราจะทำอย่างไรกับนางเจ้าคะ เมื่อวันก่อนคนของเราบอกว่านางเข้าไปหาคุณหนูใหญ่ ก่อนจะออกมาพร้อมห่อกระดาษบางอย่างเจ้าค่ะ”“แล้วรู้หรือไม่ว่าห่อกระดาษนั้นคืออะไร”“เป็นเสื้อใหม่กับปิ่นปักผมเจ้าค่ะ และยังมียานอนหลับซ่อนอยู่ในช่องเก็บของบนหัวนอนของนางด้วย แต่คนของเราเปลี่ยนเป็นผงสีธรรมดาแล้วเจ้าค่ะ” ซินซินรายงาน“ผงยานอนหลับนางได้มาจากใคร”“ได้มา
ตอนที่ 13สินสมรสของพี่สาวซูเหิงเยว่หลงใหลไปกับสุรานารีที่หอสุราแดงจนลืมวันลืมคืน ด้วยไม่เคยพบเจออะไรเช่นนี้มาก่อน ตำลึงที่พกมาไม่พอก็ให้คนกลับไปเอาที่อนุฟางกว่าจะกลับจวนมาได้ก็ผ่านไปสามวันแล้ว เพราะบิดาเรียกหาตัว ตนจึงจำใจกลับมา“เหิงเยว่เจ้าไปอยู่ที่ใดมา เหตุใดจึงไม่กลับจวนตั้งหลายวัน รู้หรือไม่บิดาเจ้าเรียกหาเจ้าสองรอบแล้ว” เมื่อเห็นหน้าบุตรชายอนุฟางก็ต่อว่าทันที“ข้าก็ไปหาประสบการณ์พบปะเพื่อนฝูงบ้างสิขอรับ อนาคตข้าจะได้เป็นผู้สืบทอดตระกูลซูแทนบิดานะ จะไม่ให้มีสหายได้อย่างไร” เขาตอบอย่างปัดรำคาญ“ช่างเถอะ ๆ เจ้ารีบไปอาบน้ำแล้วตามแม่ไปที่ห้องโถงเรือนใหญ่เสีย วันนี้แม่จะขอร้องให้บิดายกการจัดการในเรือนให้แม่ เจ้าต้องพูดช่วยแม่ด้วย เข้าใจหรือไม่” ผู้เป็นมารดาเอ่ยเขาพยักหน้ารับอย่างขอไปที ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำตามที่มารดาสั่ง ในหัวเขามีแต่ภาพสาวงามที่ได้กกกอดมาตลอดสามวันวันนี้เจ้าบ้านอย่างจางลู่เหวินเรียกทุกคนในจวนมาพบ เพราะมีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทราบ ตอนนี้ทุกคนก็ได้มากันครบแล้ว ยกเว้นคุณชายของบ้านทำให้เขาหงุดหงิดเล็กน้อย ที่บุตรชายเป็นคนไม่ตรงต่อเวลาเช่นนี้ อนาคตจะปกครองคนได้อย่างไร“
ตอนที่ 12บุตรอนุที่เหนือกว่าข่าวลือรวมทั้งแม่สื่อที่มาปรากฏตัวหน้าจวน ทำให้ผู้เป็นบิดาภาคภูมิใจในตัวบุตรสาวจนยิ้มแก้มปริ“ซินเอ๋อร์เจ้าช่างมากความสามารถนัก เข้าร่วมงานเลี้ยงครั้งเดียวก็มีคนส่งแม่สื่อมาสู่ขอถึงหน้าจวนตั้งหลายคน”ฟางเจียวเหมยเอ่ยชมบุตรสาวตนเองกลางโต๊ะกินข้าว พร้อมใบหน้ามีความสุข อีกนัยหนึ่งก็เหมือนอวดว่าบุตรสาวนางงดงามกว่าซูฮุ่ยฉิน“พวกเขาอาจมาหาน้องรองก็ได้เจ้าค่ะ” ซูเยว่ซินเอ่ยตอบอย่างเอียงอาย“พี่สาวถ่อมตัวเกินไปแล้ว พวกเขาระบุชัดเจนว่าคนผู้นั้นคือคุณหนูซูผู้เล่นพิณได้เก่งกาจ จะเป็นข้าไปได้อย่างไร” ซูฮุ่ยฉินเอ่ยพลางส่งยิ้มให้หญิงสาว“น้องรองพูดถูกแล้วอีกอย่างพี่สาวยังไม่ออกเรือน น้องสาวจะออกเรือนได้อย่างไร” ซูเหิงเยว่เอ่ยพลางส่งสายตามองน้องสาวต่างแม่อย่างมีเลศนัย“แต่จากแม่สื่อที่มา มีเพียงจวนตระกูลกู่เท่านั้นที่ดูเข้าท่า เพราะบุตรชายคนโตของบ้านเพิ่งสอบจอหงวนได้เมื่อปีล่าสุด” ผู้เป็นบิดาเอ่ยขึ้นบ้าง“คุณชายกู่คนที่เข้าไปคุยกับพี่หญิงเมื่อวานหรือไม่เจ้าคะ ข้าจะเข้าไปหาพี่หญิงเลยเห็นพอดี แต่ฮูหยินเซี่ยเรียกเอาไว้ก่อน หันมาอีกทีก็ไม่พบพี่หญิงแล้ว” นางแสร้งเอ่ยถามอย่าง
ตอนที่ 10พี่หญิงผิดต่อเจ้าข่าวลือด้านนอกเกี่ยวกับอนุของนายท่านซู ยังคงเป็นที่พูดถึงอย่างต่อเนื่อง ราวกับมีคนคอยใส่ไฟตลอดเวลา แม้จะผ่านมาถึงห้าวันแล้วก็ตาม“คุณหนูเจ้าคะ มีเทียบเชิญจากจวนท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายมาเจ้าค่ะ” ชิงชิงเดินเข้ามาพร้อมยื่นเทียบเชิญให้นางทำให้นางนึกบางอยากออก ในชาติที่แล้วคนที่ได้เทียบเชิญเป็นอนุฟางไม่ใช่นางยามนั้นท่านพ่อแต่งตั้งฟางเจียวเหมยเป็นฮูหยินเอก พวกนางแม่ลูกจึงได้รับเทียบเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชานี้ ความจริงในเทียบเชิญมีชื่อนางด้วยแต่สองแม่ลูกนั่นหาเรื่องให้นางถูกท่านพ่อสั่งกักบริเวณ นางจึงไม่ได้ไปร่วมงานเลี้ยงในครั้งนั้นและเพราะงานเลี้ยงนี่แหละ ที่ซูเยว่ซินได้พบกับคุณชายกู่ จอหงวนคนใหม่ของแคว้นจ้าวนางรับเทียบเชิญมาเปิดอ่าน ในนั้นมีชื่อนางเพียงคนเดียว แต่ในเทียบเชิญยังเขียนไว้ว่า สามารถมีคนติดตามเข้างานเลี้ยงได้สองคน“ขอบใจเจ้ามาก เจ้าหายป่วยแล้วแน่หรือหน้าเจ้ายังซีดอยู่เลยนะ เจ้าไปพักอีกสักสองสามวันเถอะ ข้าไม่ว่าเจ้าหรอก” นางเอ่ยกับชิงชิงอย่างเป็นห่วง“บ่าวดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ แค่ยังอ่อนเพลียเล็กน้อยเท่านั้น แต่ให้บ่าวได้รับใช้คุณหนูเถอะเจ้าค่ะ บ่าวไม