ตอนที่ 9
เกินหน้าเกินตา
จางลู่เหวินยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธจนเผลอตะคอกใส่คนทั้งสาม ทำให้คนใจห้องโถงนั้นเงียบไปด้วยความตกใจ
ต่างจากซูฮุ่ยฉินที่นั่งอมยิ้มพลางมองหายนะของสามแม่ลูกอย่างอารมณ์ดี
“ท่านพ่อใจเย็นก่อนเถิดเจ้าค่ะ เรื่องก็เกิดขึ้นแล้วดีที่ท่านพ่อแก้ได้ทัน ไม่เช่นนั้นตระกูลซูของเราเดือดร้อนแน่”
“.....”
“เรื่องนี้คงเป็นเพราะท่านแม่กับพี่หญิงใหญ่เพิ่งเข้ามาอยู่เมืองหลวง จึงไม่ชินกับธรรมเนียมมากนัก เลยไปเผลอล่วงเกิน ฮูหยินเซี่ยเข้า”
นางคล้ายจะเอ่ยช่วย แต่กลับยิ่งตอกย้ำว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะพวกนาง
“เจ้าไม่ต้องเรียกนางว่าท่านแม่แล้ว เรียกนางว่าอี๋เหนียงเถอะ ฝากเจ้าหาครูสอนธรรมเนียมและกฎของสตรีมาสอน พวกนางด้วย” ผู้เป็นบิดาเอ่ย พร้อมกับนวดขมับตัวเอง
นั่นทำให้ซูเยว่ซินยิ่งโกรธแค้นน้องต่างแม่ผู้นี้มากกว่าเดิม เรื่องนี้นางต้องหาทางเอาคืนให้ได้
“ฮึก!! ท่านพ่อข้ากับท่านแม่ผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ลูกไม่รู้ว่าสตรีนางนั้นคือผู้ใด ลูกเพียงจะเข้าร้านเครื่องประดับเท่านั้น”
“....”
“แต่ถูกนางเอ่ยไล่พร้อมกับต่อว่าเสีย ๆ หาย ๆ ท่านแม่ ไม่อาจยอมได้จึงเอ่ยวาจาออกไปสอง สามประโยค ไม่คิดว่าจะ เป็นการไปล่วงเกินนางเข้า”
ซูเยว่ซินเอ่ยพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น เพราะเคยทำเช่นนี้แล้วบิดามักจะใจอ่อนให้ตนเสมอ แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป
“เจ้ารู้ตัวว่าทำผิดก็ดี พรุ่งนี้พวกเจ้าแม่ลูกเตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะพาพวกเจ้าไปจวนท่านเสนาบดี เมื่อกลับมาพวกเจ้าแม่ลูกต้องคัดกฎของกุลสตรีไปให้ฮุ่ยฉินคนละหนึ่งร้อยจบ”
คำพูดนั้นของบิดาทำให้ซูเยว่ซินหยุดร้องไห้ทันที บิดาก็รู้ว่าตนไม่ชอบคัดอักษรมากเพียงใด แต่กลับเอาเรื่องนี้มาลงโทษนาง
“ท่านพี่ก็รู้ว่าซินเอ๋อร์ไม่ชอบคัดอักษร เปลี่ยนเป็นลงโทษนางอย่างอื่นได้หรือไม่เจ้าคะ” ฟางเจียวเหมยสงสารบุตรสาวจึงได้เอ่ยขอร้องสามี
“ข้ารู้ว่านางไม่ชอบจึงได้ลงโทษเช่นนี้ ต่อไปนางจะได้ไม่ไปก่อเรื่องเช่นนี้อีก เจ้าก็เช่นกันเป็นมารดานางแทนที่จะห้าม เห้อ!”
“ท่านพ่อแล้วพวกเครื่องประดับที่ลูกส่งไปเรือนอี๋เหนียงก่อนหน้านี้จะทำเช่นไรเจ้าคะ” นางเอ่ยถามบิดา
“ให้คนเอากลับคืนมา แล้วส่งของที่สมฐานะไปให้นางใหม่ ต้องลำบากเจ้าแล้วหลายรอบแล้ว” บิดาหันมาตอบซูฮุ่ยฉินด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“เช่นนั้นลูกจะรีบไปจัดการ ท่านพ่อก็อยู่ทานข้าวกับอี๋เหนียงและพี่ชายพี่หญิงเถอะเจ้าค่ะ” นางเอ่ยพลางทำท่าจะเดินออกจากเรือนใหญ่
“เจ้าอยู่กินข้าวกับพ่อเถอะ ส่วนพวกเจ้ากลับเรือนตนเองไปเสีย พรุ่งนี้เช้าห้ามสายเล่า” จางลู่เหวินเอ่ยไล่
ซูฮุ่ยฉินเดินตามบิดาไปที่ห้องอาหาร ก่อนหน้านี้ท่านพ่อให้คนมาขนของฟางเจียวเหมยไปไว้ที่อีกเรือน เพราะนางเป็นอนุ ไม่อาจอยู่เรือนใหญ่เช่นฮูหยินเอกได้
หากคนนอกรู้จะเป็นเรื่องให้เอาไปนินทาได้ ว่านายท่านซูให้อนุอยู่เรือนใหญ่ราวกับเป็นฮูหยินเอก
“ช่วงนี้พ่อต้องลำบากเจ้าหลายเรื่องแล้ว พ่อขอโทษเจ้าด้วยที่เป็นต้นเหตุของเรื่องวุ่นวายเหล่านี้” บิดาเอ่ยราวกับคนรู้สึกผิดจากใจจริง
“ลูกเข้าใจเจ้าค่ะ เรื่องที่มันผ่านมาแล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะ ท่านพ่ออย่าเก็บมาคิดอีกเลยเจ้าค่ะ” นางเอ่ยพลางยิ้มให้บิดาเล็กน้อย
“พ่อผิดต่อเจ้า ผิดต่อแม่เจ้ามากจริง ๆ นางเลี้ยงลูกมาได้อย่างดี จนพ่อละอายใจที่ทำเรื่องเช่นนี้ลงไป”
“ท่านพ่อ ไม่เป็นไรเลยเจ้าค่ะ หากท่านแม่รู้ท่านแม่คงเอ่ยเช่นเดียวกับลูก จากนี้เรามาเริ่มกันใหม่นะเจ้าคะ” ซูฮุ่ยฉินเอ่ยพลางบีบมือให้กำลังใจบิดา
ค่ำนั้นสองพ่อลูกทานข้าวด้วยกันอย่างมีความสุขเช่น กาลก่อน แถมยังให้บุตรสาวช่วยออกความเห็นเรื่องของขวัญ ขอขมาฮูหยินท่านเสนาบดีวันพรุ่งนี้ด้วย
ต่างกับสามแม่ลูกที่นอนแทบไม่หลับ โดยเฉพาะฟางเจียวเหมย ที่ตนอดได้ตำแหน่งฮูหยินเอกของจวน
รุ่งเช้าซูฮุ่ยฉินออกมาส่งบิดากับสองแม่ลูกขึ้นรถม้าแต่เช้า ก่อนจะใช้ให้ชิงชิงเอาเสื้อผ้าที่สั่งตัดไปให้ซูเหิงเยว่ที่เรือน
สาวใช้ของนางหายไปนานกว่าสองชั่วยาม ก่อนจะกลับมาด้วยท่าทีอ่อนแรง
“ชิงชิงเจ้าไม่สบายหรือ เหตุใดจึงมีใบหน้าแดงก่ำเช่นนั้น แถมยังเดินแปลก ๆ อีก หรือเจ้าหกล้มมา” นางแสร้งเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“บ่าวสะดุดล้มระหว่างกลับจากเรือนคุณชายเจ้าค่ะ แต่บ่าวไม่ได้ป่วยนะเจ้าคะ” ชิงชิงเอ่ยแย้ง
“ไม่ป่วยอะไรตัวเจ้าร้อนอย่างกับไฟ หากเจ้าป่วยแล้วเอามาติดคุณหนูจะทำอย่างไร!”
ซินซินที่เดินเข้ามาพร้อมกาน้ำชาเอ่ยขึ้น เมื่อเอามือไปแตะหน้าผากชิงชิง
“หากเจ้าป่วยก็บอกข้าดี ๆ จะปิดบังไปเพื่ออะไร เช่นนั้นเจ้าไปพักให้หายดีเถอะ ไว้หายแล้วค่อยกลับมารับใช้ข้าก็ได้” นางเอ่ยไล่ชิงชิงไปพักผ่อน
“แผนการสำเร็จเจ้าค่ะ” ซินซินเอ่ยรายงานทันที เมื่อแน่ใจว่าชิงชิงเดินห่างออกไปแล้ว
“ระหว่างนี้ก็เก็บความลับช่วยนางไปก่อน รอให้แน่ใจว่านางท้องเราค่อยมาแสดงงิ้วด้วยกัน”
ด้านจางลู่เหวิน เขาพาอนุกับบุตรสาวคนโตมาขอขมาฮูหยินท่านเสนาบดีที่จวนตั้งแต่ยามเหม่า แต่ตอนนี้ยามซื่อแล้วเขายังไม่ได้เข้าพบคนที่จะขอขมาเลย
“ท่านพ่อวันนี้เรากลับกันก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ” ซูเยว่ซินเอ่ยเพราะเริ่มหิวข้าวมากแล้ว
“ไม่! อย่างไรวันนี้เราก็ต้องพบฮูหยินเซี่ยให้ได้” จางลู่เหวินเอ่ยอย่างแน่วแน่
“แต่ท่านพี่ เรารอมาตั้งแต่ยามเหม่าจนตอนนี้ยามซื่อแล้วนะเจ้าคะ” ฟางเจียวเหมยเอ่ยแย้ง
“ก็ไม่ใช่พวกเจ้าหรือ เราถึงต้องมานั่งรอกันเช่นนี้”
ผู้เป็นสามีหันมาเอ่ยเสียงดุ แต่ยังไม่ทันได้เถียงอะไรกันต่อก็มีบ่าวเดินออกมาบอกพวกเขาก่อน
“ฮูหยินให้พวกท่านเข้าพบได้แล้วเจ้าค่ะ” เอ่ยจบก็เดินนำเข้าไปก่อนราวกับพวกเขาเป็นเพียงมดปลวก สร้างความไม่พอใจให้จางลู่เหวินเล็กน้อย แต่ก็รีบตามเข้าไปอยู่ดี
เมื่อเข้ามาในห้องโถงก็เห็นสตรีวัยกลางคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว พวกเขาจึงเอ่ยทักทายเจ้าบ้าน
“เซี่ยฮูหยินวันนี้ข้าพาอนุกับบุตรสาวมาขอขมาท่าน นี่ถือเป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ หวังว่าฮูหยินจะให้อภัยพวกนางสักครั้ง” เขาเอ่ยพลางยื่นกล่องไม่ใหญ่นักให้สาวใช้ของเรือน
เซี่ยฮูหยินรับไปเปิดดูเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ อย่างพึงพอใจ
“ถือว่าเลือกของขวัญได้ดีทีเดียว ข้ากับเลี่ยงลี่ก็นับเป็นสหายกัน เรื่องที่แล้วมาแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ จากนี้หวังว่านายท่านซูจะดูแลคนของตัวเองให้ดี”
เซี่ยฮูหยินเอ่ยอย่างใจกว้าง เพราะของขวัญที่ตนได้นั้นนับว่ามีค่าชนิดที่ว่าไทเฮายังอยากได้ไปครอบครอง
“ขอบคุณฮูหยินท่านเสนาบดีเจ้าค่ะ” สองแม่ลูกรีบลงไปคุกเข่าพร้อมกัน เมื่อถูกสายตาของจางลู่เหวินตำหนิ
“เอาเถอะ ๆ ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าใครเป็นผู้เลือกของชิ้นนี้มามอบให้ข้า” นางเอ่ยถามเพราะสงสัยจริง ๆ
“เป็นบุตรสาวคนรองของข้าน้อยขอรับ” จางลู่เหวินเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ ไม่ผิดหวังที่เขาให้บุตรสาวช่วยเลือก
“อืม...สมกับเป็นบุตรสาวของเลี่ยงลี่” คำพูดของเซี่ยฮูหยินทำให้สองแม่ลูกกำหมัดอย่างเจ็บแค้นในใจ
ทั้งสามออกจากจวนท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกัน จางลู่เหวินนั้นดีใจปนภาคภูมิใจที่บุตรสาวคนรอง ดูเหมือนจะไปเข้าตาฮูหยินเซี่ยเข้า
ส่วนสองแม่ลูกนั้นอับอายและคับแค้นใจที่ตนต้องมาก้มหัวให้ผู้อื่นเช่นนี้ แถมนังฮูหยินตาต่ำนั่นยังบอกว่าจะส่งเทียบเชิญร่วมงานเลี้ยงน้ำชาให้นังฮุ่ยฉินอีก
เมื่อกลับถึงจวนพวกนางก็ไปที่เรือนฟางเจียวเหมยทันที เมื่อไล่บ่าวในเรือนออกไปหมดแล้ว ซูเยว่ซินก็เริ่มอาละวาดกับมารดาราวกับคนละคน
“กรี้ด!!! ท่านแม่ข้าไม่ยอมนะเจ้าคะ นังฮุ่ยฉินจะได้ไปร่วมงานเลี้ยงน้ำชาแต่ลูกกลับไม่ได้ไปด้วย นังฮูหยินเซี่ยนั่นตาต่ำจริง ๆ ท่านแม่ทำอย่างไรดีลูกอยากไปร่วมงานเลี้ยงน้ำชาเจ้าค่ะ”
ซูเยว่ซินเอ่ยอย่างเอาแต่ใจ จนมารดาได้แต่นวดขมับอย่างปวดหัว
“เจ้าหยุดโวยวายก่อนได้หรือไม่ หากเจ้าฟังที่แม่สอนมีหรือจะแพ้นังฮุ่ยฉินราบคาบตั้งแต่เข้าจวนมาเช่นนี้ ไม่คิดว่าเด็กสาวอายุสิบห้าจะมีเล่ห์เหลี่ยมมากมายเช่นนี้ เราพลาดไปมากจริง ๆ”
“เราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะท่านแม่ ท่านพ่อก็ดูเหมือนจะภาคภูมิใจนังฮุ่ยฉินมากกว่าเดิมเสียอีก” ซูเยว่ซินเอ่ย
“เราต้องเปลี่ยนแผนใหม่ เจ้าต้องทำดีกับมันต่อหน้าบิดาเจ้ามาก ๆ แต่ก่อนอื่นต้องทำให้มันไม่กล้าปากโป้งก่อน” สองแม่ลูกมองหน้ากันก่อนยิ้มอย่างชั่วร้าย
ตอนที่ 16พบกันในที่ไม่คาดคิดซูฮุ่ยฉินนั่งมองความวุ่นวายตรงข้ามโรงเตี๊ยมด้วยใบหน้าเรียบเฉย จนเห็นว่าคนถูกพาตัวขึ้นรถม้าไปแล้ว จึงได้หันมาสนใจถ้วยชาตรงหน้าแทน“พี่ชายข้ายามนี้อยู่ที่ใด” นางเอ่ยถามขึ้นเบา ๆ“ก่อนออกมาชิงชิงได้เข้าไปหาคุณชายที่เรือนเจ้าค่ะ”“ยาที่ข้าให้เมื่อวันก่อนได้ผสมให้ชิงชิงกินหรือไม่” นางเอ่ยถามอีกครั้ง“ยาช่วยให้ตั้งครรภ์หรือเจ้าคะ ยานั่นข้าแอบผสมให้นางกินทุกวันเจ้าค่ะ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดอีกไม่เกินสองเดือนนางน่าจะตั้งครรภ์เจ้าค่ะ” ซินซินรายงาน“ดี เรากลับจวนกันเถอะ ข้ายังต้องไปทำหน้าที่บุตรสาวที่ดีของท่านพ่อต่อ เห้อ!! เป็นบุตรสาวที่เพียบพร้อมก็ไม่ง่ายเลยจริง ๆ ” นางเอ่ยคล้ายตัดพ้อต่อโชคชะตาแต่น้ำเสียงกลับเย้ยหยันโชคชะตานี้ต่างหาก โชคชะตาอันใดกันเป็นข้าที่เลือกเดินเองทั้งนั้น ช่างน่าขันสิ้นดีนางคิดพลางเดินออกจากห้องส่วนตัวของโรงเตี๊ยม แต่กลับชนเข้ากับคนผู้หนึ่งเข้าเสียก่อน
ตอนที่ 15บุรุษกับสตรีไร้ยางอายวันที่ซูเยว่ซินต้องออกไปพบคู่หมั้นมาถึงอย่างรวดเร็ว หญิงสาวตื่นมาแต่งตัวแต่เช้าอย่างตื่นเต้นซูฮุ่ยฉินเองก็เช่นกัน นางอยากไปชมงิ้วด้วยตนเองจึงได้ให้คนเตรียมรถม้าไว้รอก่อนหน้านี้สองแม่ลูกนั่นวางแผนกลั่นแกล้งนางเช่นกัน แต่ไม่ได้มากมายอะไร เป็นเพียงการลดปริมาณอาหาร หรือไม่ก็งดของว่างของนางนางถือว่าเป็นการเล่นสนุกของเด็ก ๆ จึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เพียงให้พ่อบ้านรายงานท่านพ่อเท่านั้นสองวันแรกท่านพ่อปล่อยผ่าน แต่เมื่อมีวันที่สามนางจึงได้ยินว่าท่านพ่อเรียกอนุฟางไปต่อว่า ตั้งแต่วันนั้นอาหารหรือของว่างนางจึงไม่ถูกงดอีก“รถม้าพร้อมแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่เองก็เพิ่งออกไปเมื่อครู่นี่เจ้าค่ะ” ซินซินเข้ามารายงาน“จองโรงเตี๊ยมตรงข้ามโรงน้ำชาที่เยว่ซินนัดเจอคุณชายกู่หรือยัง” นางเอ่ยถามขณะจัดปิ่นไม้บนหัวให้เข้าที่“เรียบร้อยเจ้าค่ะ เครื่องประดับที่คุณหนูใหญ่ใส่วันนี้เป็นเครื่องประดับไข่มุกเจ้าค่ะ”“ข้ารู้อยู่แล้ว” นางตอบรับเบา ๆ แต่สาวใช้นั้นแปลกใจว่านายสาวรู้ได้อย่างไรทั้งที่ตนเพิ่งเอาเรื่องนี้มาบอกแต่ก็เก็บความสงสัยนั้นไว้ ก่อนจะเดินตามนายสาวไปขึ้นรถม้า และตรงไปยังโรงเ
ตอนที่ 14ขอยืมหรือแย่งชิงเมื่อตกลงทุกอย่างได้แล้วทุกคนจึงแยกย้ายกลับเรือนตัวเอง เมื่อกลับถึงเรือนซินซินจึงเอ่ยถามนายสาวอย่างสงสัย“คุณหนูยกการจัดการในจวนให้อนุฟางเช่นนี้จะดีหรือเจ้าคะ นางคงใช้โอกาสนี้เล่นงานคุณหนูเป็นแน่”“ข้าก็ต้องการให้เป็นเช่นนั้นอยู่แล้วนี่ เจ้าไม่ต้องหวงไปหรอก บอกคนของเราจับตาดูสามแม่ลูกนั่นให้ดี เมื่อข้าบอกให้ปล่อยข่าวลือเมื่อไหร่ให้พวกเขาทำงานให้เต็มที่พอ”นางทำเช่นนี้เพราะต้องการให้สามแม่ลูกนั้นคิดว่าตนมีอำนาจในมือ เมื่อพวกมันลงมือนางจะใช้ข่าวลือพร้อมหลักฐานทำให้พวกมันพ่ายแพ้ด้วยตัวมันเองส่วนพี่ชายผู้นั้นนางจะให้เขามีความสุขไปก่อน ยิ่งเขาร่วมรักกับสตรีมากเท่าไหร่ จุดจบของเขาก็ใกล้เข้ามาเร็วเท่านั้น“เจ้าค่ะคุณหนู แล้วชิงชิงเราจะทำอย่างไรกับนางเจ้าคะ เมื่อวันก่อนคนของเราบอกว่านางเข้าไปหาคุณหนูใหญ่ ก่อนจะออกมาพร้อมห่อกระดาษบางอย่างเจ้าค่ะ”“แล้วรู้หรือไม่ว่าห่อกระดาษนั้นคืออะไร”“เป็นเสื้อใหม่กับปิ่นปักผมเจ้าค่ะ และยังมียานอนหลับซ่อนอยู่ในช่องเก็บของบนหัวนอนของนางด้วย แต่คนของเราเปลี่ยนเป็นผงสีธรรมดาแล้วเจ้าค่ะ” ซินซินรายงาน“ผงยานอนหลับนางได้มาจากใคร”“ได้มา
ตอนที่ 13สินสมรสของพี่สาวซูเหิงเยว่หลงใหลไปกับสุรานารีที่หอสุราแดงจนลืมวันลืมคืน ด้วยไม่เคยพบเจออะไรเช่นนี้มาก่อน ตำลึงที่พกมาไม่พอก็ให้คนกลับไปเอาที่อนุฟางกว่าจะกลับจวนมาได้ก็ผ่านไปสามวันแล้ว เพราะบิดาเรียกหาตัว ตนจึงจำใจกลับมา“เหิงเยว่เจ้าไปอยู่ที่ใดมา เหตุใดจึงไม่กลับจวนตั้งหลายวัน รู้หรือไม่บิดาเจ้าเรียกหาเจ้าสองรอบแล้ว” เมื่อเห็นหน้าบุตรชายอนุฟางก็ต่อว่าทันที“ข้าก็ไปหาประสบการณ์พบปะเพื่อนฝูงบ้างสิขอรับ อนาคตข้าจะได้เป็นผู้สืบทอดตระกูลซูแทนบิดานะ จะไม่ให้มีสหายได้อย่างไร” เขาตอบอย่างปัดรำคาญ“ช่างเถอะ ๆ เจ้ารีบไปอาบน้ำแล้วตามแม่ไปที่ห้องโถงเรือนใหญ่เสีย วันนี้แม่จะขอร้องให้บิดายกการจัดการในเรือนให้แม่ เจ้าต้องพูดช่วยแม่ด้วย เข้าใจหรือไม่” ผู้เป็นมารดาเอ่ยเขาพยักหน้ารับอย่างขอไปที ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำตามที่มารดาสั่ง ในหัวเขามีแต่ภาพสาวงามที่ได้กกกอดมาตลอดสามวันวันนี้เจ้าบ้านอย่างจางลู่เหวินเรียกทุกคนในจวนมาพบ เพราะมีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทราบ ตอนนี้ทุกคนก็ได้มากันครบแล้ว ยกเว้นคุณชายของบ้านทำให้เขาหงุดหงิดเล็กน้อย ที่บุตรชายเป็นคนไม่ตรงต่อเวลาเช่นนี้ อนาคตจะปกครองคนได้อย่างไร“
ตอนที่ 12บุตรอนุที่เหนือกว่าข่าวลือรวมทั้งแม่สื่อที่มาปรากฏตัวหน้าจวน ทำให้ผู้เป็นบิดาภาคภูมิใจในตัวบุตรสาวจนยิ้มแก้มปริ“ซินเอ๋อร์เจ้าช่างมากความสามารถนัก เข้าร่วมงานเลี้ยงครั้งเดียวก็มีคนส่งแม่สื่อมาสู่ขอถึงหน้าจวนตั้งหลายคน”ฟางเจียวเหมยเอ่ยชมบุตรสาวตนเองกลางโต๊ะกินข้าว พร้อมใบหน้ามีความสุข อีกนัยหนึ่งก็เหมือนอวดว่าบุตรสาวนางงดงามกว่าซูฮุ่ยฉิน“พวกเขาอาจมาหาน้องรองก็ได้เจ้าค่ะ” ซูเยว่ซินเอ่ยตอบอย่างเอียงอาย“พี่สาวถ่อมตัวเกินไปแล้ว พวกเขาระบุชัดเจนว่าคนผู้นั้นคือคุณหนูซูผู้เล่นพิณได้เก่งกาจ จะเป็นข้าไปได้อย่างไร” ซูฮุ่ยฉินเอ่ยพลางส่งยิ้มให้หญิงสาว“น้องรองพูดถูกแล้วอีกอย่างพี่สาวยังไม่ออกเรือน น้องสาวจะออกเรือนได้อย่างไร” ซูเหิงเยว่เอ่ยพลางส่งสายตามองน้องสาวต่างแม่อย่างมีเลศนัย“แต่จากแม่สื่อที่มา มีเพียงจวนตระกูลกู่เท่านั้นที่ดูเข้าท่า เพราะบุตรชายคนโตของบ้านเพิ่งสอบจอหงวนได้เมื่อปีล่าสุด” ผู้เป็นบิดาเอ่ยขึ้นบ้าง“คุณชายกู่คนที่เข้าไปคุยกับพี่หญิงเมื่อวานหรือไม่เจ้าคะ ข้าจะเข้าไปหาพี่หญิงเลยเห็นพอดี แต่ฮูหยินเซี่ยเรียกเอาไว้ก่อน หันมาอีกทีก็ไม่พบพี่หญิงแล้ว” นางแสร้งเอ่ยถามอย่าง
ตอนที่ 10พี่หญิงผิดต่อเจ้าข่าวลือด้านนอกเกี่ยวกับอนุของนายท่านซู ยังคงเป็นที่พูดถึงอย่างต่อเนื่อง ราวกับมีคนคอยใส่ไฟตลอดเวลา แม้จะผ่านมาถึงห้าวันแล้วก็ตาม“คุณหนูเจ้าคะ มีเทียบเชิญจากจวนท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายมาเจ้าค่ะ” ชิงชิงเดินเข้ามาพร้อมยื่นเทียบเชิญให้นางทำให้นางนึกบางอยากออก ในชาติที่แล้วคนที่ได้เทียบเชิญเป็นอนุฟางไม่ใช่นางยามนั้นท่านพ่อแต่งตั้งฟางเจียวเหมยเป็นฮูหยินเอก พวกนางแม่ลูกจึงได้รับเทียบเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชานี้ ความจริงในเทียบเชิญมีชื่อนางด้วยแต่สองแม่ลูกนั่นหาเรื่องให้นางถูกท่านพ่อสั่งกักบริเวณ นางจึงไม่ได้ไปร่วมงานเลี้ยงในครั้งนั้นและเพราะงานเลี้ยงนี่แหละ ที่ซูเยว่ซินได้พบกับคุณชายกู่ จอหงวนคนใหม่ของแคว้นจ้าวนางรับเทียบเชิญมาเปิดอ่าน ในนั้นมีชื่อนางเพียงคนเดียว แต่ในเทียบเชิญยังเขียนไว้ว่า สามารถมีคนติดตามเข้างานเลี้ยงได้สองคน“ขอบใจเจ้ามาก เจ้าหายป่วยแล้วแน่หรือหน้าเจ้ายังซีดอยู่เลยนะ เจ้าไปพักอีกสักสองสามวันเถอะ ข้าไม่ว่าเจ้าหรอก” นางเอ่ยกับชิงชิงอย่างเป็นห่วง“บ่าวดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ แค่ยังอ่อนเพลียเล็กน้อยเท่านั้น แต่ให้บ่าวได้รับใช้คุณหนูเถอะเจ้าค่ะ บ่าวไม