Masukฉางเล่ยกับพ่อที่ยกตู้เย็นไปไว้ในครัว พวกเขาลองเสียบปลั๊กดูก็พบว่าตู้เย็นนี้ดีจริง ๆ ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่มีบ่อน้ำแช่อาหารเหมือนบ้านเก่า แต่พอมีตู้เย็นเครื่องนี้แล้ว การเก็บอาหารสดก็ไม่มีปัญหาอีกต่อไป
“ลูกสะใภ้ดีกับบ้านเราจริง ๆ นะอาเล่ย ต่อไปแกต้องดูแลเธอให้ดี ๆ ล่ะ” พ่อฉางบอกลูกชาย เขากลัวว่าฉางเล่ยจะไม่รู้วิธีดูแลภรรยา
“ผมทราบครับพ่อ เธอดีกับพวกเรามาก ผมจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจแน่ครับ” ฉางเล่ยรับปากพ่อของเขาอย่างหนักแน่น
“ลูกคิดได้ก็ดีแล้ว ไปดูทีวีที่เมี่ยวจินซื้อมากันเถอะ พ่อไม่รู้ว่าจะยกไปไว้ที่ไหน”
“ผมว่าเราไปถามเมี่ยวจินก่อนดีกว่าไหมครับพ่อ เผื่อว่าเราต้องทำโต๊ะวางขึ้นมาสักตัวหนึ่งจะได้รีบทำกัน ไม้ยังเหลืออีกมาก” ฉางเล่ยบอก
“ก็ดีเหมือนกันนะ ไปกันเถอะ” ฉางชิงหยูพยักหน้ารับคำลูกชาย
สองพ่อลูกออกจากห้องครัวพร้อมกันเพื่อสอบถามซูเมี่ยวจินซึ่งกำลังติดราคาเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ซื้อมาอยู่ในร้าน
ฉางเซียงจูกลับมาถึงบ้านก็เห็นหลังพ่อกับพี่ชายกำลังเดินเข้าร้าน เธอรีบจอดจักรยานและนำกระเป๋าเข้าร้านไปด้วยทันที เมื่อเห็นว่าในร้านมีเครื่องใช้ไฟฟ้าวางอยู่บนชั้นวางหลายอย่าง ฉางเซียงจูก็อดที่จะนึกชื่นชมพี่สะใภ้คนเก่งของเธอไม่ได้ ครอบครัวที่เคยยากจนของเธอ ไม่คิดว่าจะมีวันหนึ่งที่สามารถเปิดร้านค้าได้
“ภรรยา ทีวีจะให้ตั้งไว้ที่ไหนครับ” ฉางเล่ยเดินไปถามซูเมี่ยวจิน
“เรามีเก้าอี้ว่างอยู่หรือเปล่าคะ” ซูเมี่ยวจินนึกถึงเก้าอี้ที่สามีทำให้ลูกค้านั่งรอ
“มีอยู่หลายตัวครับ คุณจะให้วางบนเก้าอี้เลยเหรอ” ฉางเล่ยอยากทำโต๊ะใหม่มากกว่า
“หรือคุณจะให้หาโต๊ะมาวางล่ะคะ ฉันยังไงก็ได้ค่ะ อ้อ! กล่องที่วางอยู่นั่นเป็นเสาสัญญาณกับสายต่อระหว่างเสากับทีวีนะคะ คุณแกะออกมาจากกล่องแล้วเอาเสาไปตั้งไว้ที่สูง ๆ หน่อย ทีวีจะได้รับสัญญาณที่ส่งมาชัดเจนขึ้น” ซูเมี่ยวจินไม่ลืมที่จะบอกวิธีการติดตั้งทีวีให้ฉางเล่ยฟัง
“ตกลงครับ ผมกับพ่อจะทำโต๊ะวางทีวีสักตัว เสร็จแล้วพวกเราค่อยติดตั้งทีวีทีหลังนะครับ” ฉางเล่ยคิดว่าทำโต๊ะใหม่จะดีกว่า
“ได้ค่ะ เอาตามที่คุณว่าก็ได้ รบกวนคุณกับพ่อเหนื่อยสักหน่อยนะคะ” ซูเมี่ยวจินยิ้มตอบฉางเล่ย เธอกำลังวุ่นกับการติดราคาเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ เลยไม่อยากจู้จี้เรื่องการติดตั้งและวางทีวีที่ซื้อมานัก
“ไม่เหนื่อยครับ คุณทำงานต่อเถอะ ผมกับพ่อจะไปทำโต๊ะไม่นานก็เสร็จ” ฉางเล่ยเห็นภรรยายุ่งอยู่จึงชวนพ่อออกไปทำโต๊ะวางทีวีสักตัวที่ลานหลังบ้าน
ฉางเซียงจูที่เพิ่งเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้องเปลี่ยนรองเท้าและลงมาช่วยแม่ขายของที่หน้าร้าน ตอนนี้นักเรียนจากโรงเรียนมัธยมของเธอมาออกันอยู่ที่ตู้ขายนาฬิกาเต็มไปหมด ฉางเซียงจูไม่คิดว่าจะมีคนสนใจนาฬิกาในร้านของเธอมากขนาดนี้ คงเพราะรูปแบบนาฬิกาที่น่ารักและราคาถูก ถึงได้ทำให้ทุกคนอยากได้ไปใส่อวดกันบ้าง
“เซียงจูช่วยแม่เอานาฬิกาใส่กล่องให้ลูกค้าด้วยนะลูก” หลิวเอ้อหลิงเห็นลูกสาวเดินมาหาก็เรียกให้มาช่วยทันที ตอนนี้เธอกำลังทอนเงินให้ลูกค้าอยู่
“ได้ค่ะแม่” ฉางเซียงจูรีบเข้าไปช่วยแม่ทำงานพร้อมรอยยิ้ม
ซูเมี่ยวจินเห็นเด็ก ๆ มาซื้อนาฬิกาที่ร้านหลายคนก็พยักหน้าอย่างพอใจ ดีที่วันนี้เธอเลือกนาฬิกาสำหรับเด็กมัธยมมาทั้งหมด ถ้านาฬิกาพวกนี้ขายหมดในวันสองวันข้างหน้า กำไรที่เธอจะได้ก็ไม่ต่ำกว่า 500 หยวนแล้ว นับว่าการลงทุนครั้งนี้ไม่เสียเปล่าเลยทีเดียว ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าพวกนี้คงต้องรอให้เธอติดราคาเสร็จก่อน ตอนนี้ซูเมี่ยวจินติดราคาไปเกือบหมดแล้ว มีเด็กบางคนมาเดินดูวิทยุสีสดใสหลายคน พวกเขาเห็นราคาที่เธอติดอยู่ที่ 60 หยวนจากราคาต้นทุนที่ซื้อมา 30 หยวน จึงเกิดความสนใจไม่น้อย
“พี่สาวคะ วิทยุนี่ใช้งานยังไงเหรอคะ” เด็กสาวคนหนึ่งเห็นซูเมี่ยวจินอยู่ไม่ไกลจึงถามขึ้นอย่างสนอกสนใจ
“วิทยุเครื่องนี้ใช้ถ่านจ๊ะ น้องเปิดตรงนี้นะ แล้วเอาเสายืดออกมา หมุนหาคลื่นตรงนี้”
ซูเมี่ยวจินสาธิตวิธีการใช้งานวิทยุ จากนั้นไม่นาน เสียงละครในวิทยุก็ดังออกมาให้ทุกคนในร้านได้ยิน ซูเมี่ยวจินยังบอกวิธีปรับเสียงดังเบาให้ลูกค้าทราบ เมื่อคนอื่น ๆ ได้ยินเสียงละครในวิทยุ พวกเขารีบมามุงดูกันอย่างตื่นเต้น พอเห็นว่าราคาวิทยุเท่ากับราคานาฬิกา หลายคนก็คุยกันว่าจะขอเงินพ่อแม่มาซื้อสักเครื่องเอาไว้ฟังข่าวและละครในวิทยุ ซูเมี่ยวจินได้ยินลูกค้าพูดแบบนี้ก็ยิ้มบางออกมา เธอไม่คิดว่าเด็ก ๆ จะชอบฟังวิทยุขนาดนี้ เสียดายที่เธอซื้อมาน้อยไปหน่อย
“พี่สาว หนูเอาวิทยุเครื่องนี้ค่ะ รบกวนพี่สาวคิดเงินให้ด้วยนะคะ” เด็กสาวตรงหน้าเปลี่ยนใจจากนาฬิกามาซื้อวิทยุกลับไปให้ทุกคนที่บ้านฟัง
“ได้ค่ะ น้องรอพี่เอาวิทยุไปใส่กล่องให้สักครู่นะ” ซูเมี่ยวจินรับเงินมา 60 หยวน ดีที่เด็กคนนี้ไม่ได้ต่อรองราคา คงเพราะราคาที่เธอตั้งไว้ไม่สูง จึงทำให้เด็ก ๆ ไม่กล้าต่อรองราคาเหมือนตอนซื้อนาฬิกา
ซูเมี่ยวจินใช้เวลาไม่นานก็นำวิทยุที่ใส่กล่องแล้วใส่ถุงออกมาให้ลูกค้าที่ยืนรออยู่พร้อมรอยยิ้มตื่นเต้น
“ขอบคุณที่มาอุดหนุนที่ร้านนะคะ โอกาสหน้าเชิญพ่อแม่มาดูของที่ร้านได้ค่ะ พี่จะหาซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นอย่างอื่นมาเพิ่มอีก” ซูเมี่ยวจินบอกลูกค้าสาวน้อย
“ได้ค่ะพี่สาว หนูจะบอกพ่อกับแม่ว่าที่อำเภอเรามีร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าราคาถูก”
ซูเมี่ยวจินพยักหน้ายิ้มรับคำ ก่อนที่ลูกค้าจะออกจากร้านไปพร้อมวิทยุเครื่องใหม่ของเธอด้วยความดีใจ บ้านของเด็กคนนี้อยู่ไม่ไกลจากร้านสักเท่าไหร่ เธอจึงเดินกลับไปพร้อมเพื่อนที่มาด้วยกันอีกสองคน เพื่อนสองคนของเธอยังเก็บเงินได้ไม่พอที่จะซื้อของในร้าน แต่พวกเขามาดูก่อนเพื่อจะได้เก็บเงินมาซื้อทีหลัง
ฉางเล่ยกับฉางชิงหยูใช้เวลาไม่นานก็ทำโต๊ะวางทีวีเสร็จ พวกเขาช่วยกันยกเข้าไปตั้งในร้านใกล้กับห้องน้ำ จากนั้นจึงนำทีวีเครื่องใหม่มาตั้งเอาไว้บนโต๊ะ สองพ่อลูกคุยกันว่าจะเอาเสาไปตั้งบนชั้นสองเพื่อที่จะได้รับสัญญาณดีกว่าวางเอาไว้ชั้นล่าง ฉางเล่ยมองดูสายต่อระหว่างเสาสัญญาณกับทีวีซึ่งยาวพอที่เขาจะลากขึ้นไปติดบนชั้นสองพอดีก็บอกให้พ่อเขาจับสายเอาไว้ใกล้กับทีวี ส่วนตัวเองก็เดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองพร้อมกับอุปกรณ์ติดตั้งเสาเข้ากับผนังนอกหน้าต่างชั้นสอง
ด้วยความชำนาญของฉางเล่ย เขาใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีก็ติดตั้งเสาสัญญาณเสร็จและเดินลงมาด้านล่าง
“พ่อครับ ลองเสียบสายเข้ากับด้านหลังทีวีดูสิครับ” ฉางเล่ยบอกพ่อที่ยังยืนจับสายอยู่
“ตกลง” ฉางชิงหยูพยักหน้ารับคำลูกชาย จากนั้นจึงเสียบปลายสายเข้ากับรูด้านหลัง
ฉางเล่ยเห็นว่าพ่อเสียบเสร็จแล้ว เขาจึงนำปลั๊กไฟไปเสียบเข้ากับเต้าซึ่งอยู่หน้าห้องน้ำเพื่อทดลองเปิดดูว่าทีวีเครื่องนี้ใช้งานได้หรือเปล่า ซูเมี่ยวจินกลัวว่าสามีจะไม่รู้วิธีการหาคลื่นทีวี เธอจึงเดินมาช่วยจัดการให้พวกเขา
“ค่อย ๆ หมุนตรงนี้หาสัญญาณนะคะ ถ้าภาพฉายแล้วก็หยุดได้ ตรงนี้เป็นที่ปรับเสียงให้ดังเบา คุณลองปรับหาคลื่นหลาย ๆ ช่องดูก็ได้ค่ะ ที่ร้านบอกว่าตอนนี้สัญญาณทีวีมีช่องข่าว ช่องละครและช่องอื่น ๆ ประมาณ 7 ช่องได้” ซูเมี่ยวจินที่ถามเจ้าของร้านในมณฑลมาก่อนบอกสามีกับพ่อสามีที่กำลังมองทีวีอย่างสนใจ
“ตกลงครับ ถ้าอย่างนั้นผมหาช่องละครเอาไว้ให้ทุกคนดูก่อนดีกว่า” ฉางเล่ยเข้าไปลองหมุนหาสัญญาณช่องตามที่ภรรยาทำให้ดู
“ได้ค่ะ พวกคุณลองดูเถอะ ฉันจะไปดูลูกค้าช่วยแม่กับน้องสาวสักหน่อย ตอนนี้คนในโรงงานคงกำลังเลิกงานแล้ว น่าจะมีลูกค้าเข้าร้านอีกเยอะเลย” ซูเมี่ยวจินมองนาฬิกาบนผนังก็เห็นว่าถึงเวลาเลิกงาน หลายคนอาจอยากได้พัดลมเพื่อนอนหลับสบายในช่วงกลางคืนก็เป็นได้ ถึงราคาจะดูสูงสักหน่อย แต่เทียบกับการซื้อนาฬิกาที่ราคาใกล้เคียงกัน เธอคิดว่าพวกเขาน่าจะซื้อพัดลมมากกว่า
ฉางเล่ยกับฉางชิงหยูพยักหน้ารับคำซูเมี่ยวจิน พวกเขากำลังสนุกกับการหาช่องละครให้ทุกคนในครอบครัวได้ดู นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขามีทีวี จะไม่ให้ทั้งสองตื่นเต้นก็คงเป็นไปไม่ได้
“สวัสดีค่ะ รบกวนสอบถามเรื่องขั้นตอนการทำใบขับขี่หน่อยค่ะ” ซูเมี่ยวจินเดินเข้าไปสอบถามประชาสัมพันธ์ที่นั่งอยู่ด้านหน้า“คุณไปติดต่อเจ้าหน้าที่ช่องหนึ่งได้เลยค่ะ อย่าลืมนำบัตรประจำตัวส่งให้เจ้าหน้าที่ด้วยนะคะ เขาจะได้เตรียมเอกสารการสอบให้พวกคุณ” เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์บอก“ขอบคุณมากค่ะ” ซูเมี่ยวจินที่ยังไม่ปล่อยมือสามี เธอพาเขาไปยังช่องหนึ่งที่มีป้ายเขียนเอาไว้แล้วนำบัตรประจำตัวของเธอกับฉางเล่ยส่งให้เจ้าหน้าที่“พวกคุณมาจากหน่วยงานไหนครับ” เจ้าหน้าที่ดูบัตรประจำตัวแล้วสอบถามเพื่อใส่ข้อมูลลงในเอกสารการทำใบขับขี่“พวกเราไม่ได้ทำงานในหน่วยงานค่ะ แต่เปิดร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าตรงข้ามโรงงานจึงต้องใช้รถยนต์ในการไปซื้อสินค้ากลับมาขายที่ร้านค่ะ” ซูเมี่ยวจินบอกตามตรง“อ้อ! ถ้าอย่างนั้นพวกคุณรอกันสักครู่นะครับ ระหว่างที่ผมกำลังลงทะเบียนให้ พวกคุณไปอ่านป้ายด้านโน้นได้เลยนะครับ
ฉางเล่ยกับซูเมี่ยวจินช่วยกันยกของลงจากท้ายรถยนต์เข้าไปในร้าน พวกเขายังต้องติดชื่อเจ้าของสินค้าแต่ละอย่างเพื่อไม่ให้สับสนเวลาที่ลูกค้ามารับของและจ่ายเงินส่วนที่เหลือด้วย ทั้งสองจึงเร่งขนของลงให้หมดซูเมี่ยวจินส่งถุงนาฬิกาให้แม่สามีนำไปวางบนชั้นวางเพิ่ม เธอบอกราคาต้นทุนให้หลิวเอ้อหลิงแล้วและราคาขายยังคงขายที่ราคา 60 หยวนเท่าเดิม“ขอบใจมากนะลูก แม่จะรีบเอาใส่ตู้ไว้แล้วจะไปช่วยเตรียมของให้ลูกค้ากับลูกนะ”“ไม่เป็นไรค่ะแม่ แม่ดูร้านเถอะค่ะ อีกสักครู่เด็ก ๆ คงเลิกเรียนแล้ว หนูมีฉางเล่ยคอยช่วยอยู่ค่ะ” ซูเมี่ยวจินบอกแม่สามี“ตกลงจ๊ะ แม่จะไปดูหน้าร้านก็แล้วกัน” หลิวเอ้อหลิงบอกลูกสะใภ้แล้วเดินไปที่ตู้ขายนาฬิกาด้านหน้าร้านซูเมี่ยวจินพยักหน้ารับคำแม่สามี เธอกับฉางเล่ยวางของที่เหลือจากลูกค้าสั่งบนชั้นวางอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงพากันมานั่งแยกของและเขียนชื่อลูกค้าติดไว้กับถุงใส่สินค้าที่จะมอบให้ลูกค้าแต่ละ
เมื่อพวกเขาไปถึงตลาดค้าส่ง ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยก็ตรงไปที่ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าและซื้อของตามที่คุยกันไว้ก่อนหน้านี้อย่างรวดเร็ว ฉางเล่ยพาคนของร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเอาของไปเก็บที่รถก่อน ส่วนซูเมี่ยวจินตรงไปที่ร้านขายนาฬิกาเพื่อซื้อของไปเพิ่มให้แม่ฉางฉางเล่ยหลังจากดูคนของร้านเครื่องใช้ไฟฟ้านำสิ่งของขึ้นรถหมดแล้ว เขาก็เดินไปหาซูเมี่ยวจินที่ร้านนาฬิกาตามที่เธอบอกเอาไว้ พอดีกับที่ซูเมี่ยวจินกำลังจ่ายเงินค่านาฬิกาอยู่พอดี ฉางเล่ยจึงรับถุงสินค้าทั้งหมดมาถือไว้เอง“เราไปกินข้าวกันก่อนดีกว่าค่ะ จะได้ไปที่ที่ว่าการเพื่อทำใบขับขี่ต่อ” ซูเมี่ยวจินบอกฉางเล่ยระหว่างที่พวกเขากำลังจะออกจากร้านนาฬิกา“ตกลงครับ เอาตามที่คุณว่าก็ได้” ฉางเล่ยไม่เคยปฏิเสธเรื่องที่ซูเมี่ยวจินต้องการทำทั้งคู่ไปที่ร้านบะหมี่ไม่ไกลนักเพื่อความรวดเร็ว เมื่อเช้าพวกเขากินข้าวกันมาแล้วทำให้ไม่ค่อยหิวสักเท่าไหร่“ภรรยา คุณคิดว่าการสอบใบขับขี
ห้าโมงสิบนาที คนเริ่มเข้าร้านเยอะขึ้นเรื่อย ๆ หลายคนสนใจวิทยุกับพัดลมของร้านที่ราคาไม่แพงอย่างที่พวกเขากังวล ฉางเล่ยที่หาสัญญาณช่องละครเจอแล้วจึงปลีกตัวมาช่วยซูเมี่ยวจินขายของและนำสินค้าใส่กล่องให้ลูกค้าที่ซื้อแล้วลูกค้าหลายคนมานั่งดูละครพร้อมกับพ่อฉางที่นำเก้าอี้มาวางเอาไว้ให้ลูกค้าใกล้ ๆ กับหน้าโต๊ะทีวี ฉางชิงหยูยังชวนหนุ่มสาวโรงงานพูดคุยไปด้วยอย่างไม่ถือตัว ทำให้หลายคนกล้าที่จะนั่งดูละครสนุก ๆ ที่พวกเขาไม่เคยดูมาก่อนลูกค้าที่ซื้อวิทยุไม่สนใจจะนั่งดูละครกับคนอื่น ๆ พวกเขารีบกลับบ้านไปเปิดวิทยุของตัวเองฟังแทนจะสะดวกกว่า ไม่นานนัก พัดลมและวิทยุก็ขายหมด ทำให้ลูกค้าหลายคนต้องสั่งจองและวางมัดจำสั่งสินค้าเอาไว้ก่อน ส่วนทีวีใช่ว่าจะไม่มีคนสนใจ เพียงแต่ราคาของมันสูงเกินไป คนส่วนใหญ่จึงสั่งจองวิทยุแทนซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยช่วยกันทำงาน โดยซูเมี่ยวจินจดชื่อและเงินมัดจำที่ลูกค้าจ่ายไว้ ส่วนฉางเล่ยก็เก็บเงินมัดจำให้ภรรยา กว่าทั้งสองคนจะรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าเสร็จ ฟ้าก็มืดลงพร้อมกับที่ละครจ
ฉางเล่ยกับพ่อที่ยกตู้เย็นไปไว้ในครัว พวกเขาลองเสียบปลั๊กดูก็พบว่าตู้เย็นนี้ดีจริง ๆ ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่มีบ่อน้ำแช่อาหารเหมือนบ้านเก่า แต่พอมีตู้เย็นเครื่องนี้แล้ว การเก็บอาหารสดก็ไม่มีปัญหาอีกต่อไป“ลูกสะใภ้ดีกับบ้านเราจริง ๆ นะอาเล่ย ต่อไปแกต้องดูแลเธอให้ดี ๆ ล่ะ” พ่อฉางบอกลูกชาย เขากลัวว่าฉางเล่ยจะไม่รู้วิธีดูแลภรรยา“ผมทราบครับพ่อ เธอดีกับพวกเรามาก ผมจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจแน่ครับ” ฉางเล่ยรับปากพ่อของเขาอย่างหนักแน่น“ลูกคิดได้ก็ดีแล้ว ไปดูทีวีที่เมี่ยวจินซื้อมากันเถอะ พ่อไม่รู้ว่าจะยกไปไว้ที่ไหน”“ผมว่าเราไปถามเมี่ยวจินก่อนดีกว่าไหมครับพ่อ เผื่อว่าเราต้องทำโต๊ะวางขึ้นมาสักตัวหนึ่งจะได้รีบทำกัน ไม้ยังเหลืออีกมาก” ฉางเล่ยบอก“ก็ดีเหมือนกันนะ ไปกันเถอะ” ฉางชิงหยูพยักหน้ารับคำลูกชายสองพ่อลูกออกจากห้องครัวพร้อมกันเพื่อสอบถามซูเมี่ยวจินซึ่
ซูเมี่ยวจินปิดท้ายกระบะอย่างแน่นหนา จากนั้นจึงเดินไปหาร้านอาหารกินก่อนจะไปเดินเลือกซื้อเครื่องครัวให้แม่สามี ระหว่างกินอาหารเธอก็สอบถามพนักงานในร้านว่าร้านขายเครื่องครัวไปทางไหนเพื่อไม่ให้เสียเวลา ใครใช้ให้ตลาดค้าส่งแห่งนี้กว้างมากจนเธอไม่อยากเดินหาเองซูเมี่ยวจินกินข้าวเที่ยงเสร็จในเวลาไม่นาน เธอจ่ายค่าอาหารและเดินออกจากร้านไปทางทิศตะวันออกซึ่งเพิ่งถามมาอย่างรวดเร็ว ไม่นานซูเมี่ยวจินก็มองเห็นร้านค้าหลายร้านที่มีเครื่องครัวหลากหลายอย่างขายอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเตาแก๊ส ถังแก๊ส ตู้เก็บอาหารและถ้วยชาม ซูเมี่ยวจินคิดถึงห้องครัวที่อยู่ติดโกดังก็อยากซื้อตู้เก็บของในครัวให้แม่สามีด้วย เพราะตู้หลังหนึ่งราคาแค่ 150 หยวน และขนาดของมันก็ยังสามารถใส่ท้ายรถที่มีพื้นที่เหลืออยู่ได้ซูเมี่ยวจินเลือกเดินดูอีกสองสามร้าน เธอเห็นว่าราคาไม่ได้ต่างกันมาก ซูเมี่ยวจินจึงเดินกลับไปยังร้านใหญ่ก่อนหน้านี้ เธอเรียกพนักงานขายมานำเตาแก๊สสองหัว ถังแก๊สและตู้เก็บของหลังหนึ่งมาใส่รถเข็นไว้ให้ก่อน ส่วนพวกหม้อ กระทะและเครื่องครัวอื่น ๆ เธอก็เลือก






