Masukห้าโมงสิบนาที คนเริ่มเข้าร้านเยอะขึ้นเรื่อย ๆ หลายคนสนใจวิทยุกับพัดลมของร้านที่ราคาไม่แพงอย่างที่พวกเขากังวล ฉางเล่ยที่หาสัญญาณช่องละครเจอแล้วจึงปลีกตัวมาช่วยซูเมี่ยวจินขายของและนำสินค้าใส่กล่องให้ลูกค้าที่ซื้อแล้ว
ลูกค้าหลายคนมานั่งดูละครพร้อมกับพ่อฉางที่นำเก้าอี้มาวางเอาไว้ให้ลูกค้าใกล้ ๆ กับหน้าโต๊ะทีวี ฉางชิงหยูยังชวนหนุ่มสาวโรงงานพูดคุยไปด้วยอย่างไม่ถือตัว ทำให้หลายคนกล้าที่จะนั่งดูละครสนุก ๆ ที่พวกเขาไม่เคยดูมาก่อน
ลูกค้าที่ซื้อวิทยุไม่สนใจจะนั่งดูละครกับคนอื่น ๆ พวกเขารีบกลับบ้านไปเปิดวิทยุของตัวเองฟังแทนจะสะดวกกว่า ไม่นานนัก พัดลมและวิทยุก็ขายหมด ทำให้ลูกค้าหลายคนต้องสั่งจองและวางมัดจำสั่งสินค้าเอาไว้ก่อน ส่วนทีวีใช่ว่าจะไม่มีคนสนใจ เพียงแต่ราคาของมันสูงเกินไป คนส่วนใหญ่จึงสั่งจองวิทยุแทน
ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยช่วยกันทำงาน โดยซูเมี่ยวจินจดชื่อและเงินมัดจำที่ลูกค้าจ่ายไว้ ส่วนฉางเล่ยก็เก็บเงินมัดจำให้ภรรยา กว่าทั้งสองคนจะรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าเสร็จ ฟ้าก็มืดลงพร้อมกับที่ละครจบลงพอดี
ฉางชิงหยูจึงบอกให้ทุกคนปิดร้านเพื่อพักผ่อน เพราะตอนนี้ยังไม่มีใครกินข้าวเย็นกันเลยสักคน ลูกค้าส่วนใหญ่ที่สั่งจองสินค้าแล้วก็กลับบ้านอย่างสบายใจ พรุ่งนี้พวกเขาเลิกงานแล้วจึงจะมารับสินค้าตามที่ซูเมี่ยวจินบอกว่าเธอจะนำสินค้ามาให้ในวันพรุ่งนี้ช่วงเย็น
หลิวเอ้อหลิงกับฉางเซียงจูที่ปิดร้านนาฬิกาก่อนหน้านี้ครึ่งชั่วโมง พวกเธอกำลังช่วยกันทำอาหาร ฉางเซียงจูกับแม่ออกไปซื้อของสดมาก่อนหน้านี้เพราะเห็นว่าลูกค้าไม่มีใครสนใจนาฬิกาแล้วจึงปิดตู้ก่อน ทั้งสองเห็นว่าฉางเล่ยกับซูเมี่ยวจินกำลังจดรายชื่อและรับมัดจำเพื่อไปซื้อของในวันพรุ่งนี้อยู่จึงรีบปั่นจักรยานออกไปเพียงสองคนแม่ลูก
ฉางชิงหยูที่ส่งลูกค้าออกจากร้านแล้วก็ปิดหน้าร้านทันที เขาเห็นลูกสะใภ้กับลูกชายกำลังช่วยดูราคาของที่จะต้องไปซื้อในมณฑลพรุ่งนี้อยู่
“พวกลูกดูเสร็จก็ไปกินข้าวกันได้แล้วนะ แม่กับน้องน่าจะใกล้ทำอาหารเสร็จแล้ว”
“ค่ะ/ครับ พ่อ” ทั้งสองรับคำพร้อมกัน
ฉางชิงหยูที่เข้าครัวไปเห็นสองแม่ลูกกำลังทำอาหารก็รีบเข้าไปช่วยอีกแรงหนึ่ง ดีที่ฉางเซียงจูรู้วิธีการใช้เตาแก๊สจากเพื่อนในโรงเรียนซึ่งมีเตาแก๊สเคยเล่าให้ฟัง เธอกับแม่จึงไม่ต้องไปถามพี่สะใภ้ให้เสียเวลา
“เป็นยังไงบ้างแม่ เตาของลูกสะใภ้ใช้ดีไหม” ฉางชิงหยูถามภรรยาพร้อมรอยยิ้ม เมื่อก่อนพวกเขากว่าจะทำกับข้าวได้ก็ต้องก่อไฟและคอยเติมฟืนบ่อย ๆ ตอนนี้สบายกว่าเมื่อก่อนมากนัก เขาจึงถามภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก
“ดีมากเลยพ่อ ไฟยังปรับได้ง่ายด้วยนะ แม่ไม่คิดว่าการใช้เตาแก๊สจะสะดวกแบบนี้”
“ต้องขอบคุณลูกสะใภ้ของเราที่ซื้อแต่ของดี ๆ มาให้พวกเราใช้กัน” ฉางชิงหยูไม่ลืมที่จะอวยลูกสะใภ้ของเขา
“ใช่แล้วค่ะ พ่อกับแม่เห็นตู้เย็นนั่นไหม เพื่อนที่โรงเรียนหนูมีไม่กี่คนที่มีนะคะ พอเรามีตู้เย็นนี้แล้ว หลังจากนี้ก็แช่เนื้อกับผักได้สบายเลย น้ำเย็นก็นำมาแช่ได้นะคะ เวลาอากาศร้อน ๆ กินน้ำเย็นแล้วสดชื่นมากเลยนะคะ” ฉางเซียงจูชี้ไปยังตู้เย็นเครื่องใหม่ที่ตั้งอยู่ใกล้ประตูโกดัง
“จ้า ๆ แม่รู้แล้วว่าพี่สะใภ้ลูกดีที่สุด” หลิวเอ้อหลิงอดที่จะหยอกล้อลูกสาวไม่ได้
สามพ่อแม่ลูกใช้เวลาไม่นานก็ตั้งโต๊ะอาหารเสร็จ ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยที่เพิ่งเอาสมุดบัญชีที่ลูกค้าสั่งสินค้าไปเก็บก็มาถึงพอดี
“พวกลูกรีบมานั่งเร็วเข้า เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว” ฉางชิงหยูกวักมือเรียก
ฉางเล่ยกับซูเมี่ยวจินพยักหน้าตอบแล้วเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ข้างกัน พวกเขาบอกพ่อกับแม่ว่าลูกค้าสั่งของเยอะทีเดียว
“แบบนี้ก็ดีนะลูก เราจะได้ไม่ต้องกังวลว่าซื้อของมาตั้งไว้แล้วจะขายไม่ออก” หลิวเอ้อหลิงบอกลูก ๆ เธอเห็นด้วยที่ให้ลูกค้าใช้วิธีสั่งจองและจ่ายมัดจำ
“หนูคิดว่าจะซื้อมาเผื่อลูกค้าคนอื่นด้วยสักเล็กน้อยค่ะ เราจะได้ไม่ต้องไปมณฑลบ่อยมากนัก ใบขับขี่พวกเรายังไม่มีเวลาไปทำกันเลย” ซูเมี่ยวจินนึกได้ว่าพวกเขายังไม่ได้ทำใบขับขี่รถยนต์
“ถ้าพรุ่งนี้ลูกซื้อของเสร็จเร็วก็แวะทำที่มณฑลเลยดีไหม จะได้ไม่เสียเที่ยว” พ่อฉางออกความเห็นขึ้นบ้าง เขาไม่อยากให้ลูก ๆ ปล่อยเวลาไปนานจนลืมอีก
“ตกลงค่ะ หนูกับฉางเล่ยจะเอาเอกสารส่วนตัวไปด้วย”
วันนี้ซูเมี่ยวจินยังไม่ได้สรุปยอดกำไรการขาย เธอมัวแต่ยุ่งกับการสรุปรายการซื้อของในวันพรุ่งนี้อยู่ แต่ทุกคนในครอบครัวก็ไม่มีใครพูดเรื่องนี้ พวกเขารู้ดีว่าซูเมี่ยวจินยุ่งมากแค่ไหน
คืนนั้นซูเมี่ยวจินนำสมุดบัญชีมาลงรายได้ที่ขายวันนี้ซึ่งแม่สามีของเธอจดไว้ให้ในสมุดว่าขายนาฬิการาคาเท่าไหร่บ้าง ซูเมี่ยวจินคำนวณดูแล้วเห็นว่ากำไรจากการขายนาฬิกาที่ซื้อมาใหม่วันนี้ได้พอ ๆ กับเมื่อวาน ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ขายไปนั้นก็มีกำไรมากกว่าถึงสองเท่าเลยทีเดียว นี่ยังไม่รวมกำไรที่พวกเธอจะได้หลังจากส่งมอบและรับเงินจากลูกค้าที่สั่งของในวันพรุ่งนี้อีก
“ภรรยา เสร็จหรือยังครับ พรุ่งนี้เรายังต้องไปมณฑลอีกนะ คุณอย่านอนดึกนัก”
ฉางเล่ยเห็นซูเมี่ยวจินง่วนอยู่กับการเขียนสมุดบัญชี เขาจึงเตือนเธอเมื่อเห็นว่าตอนนี้เกือบจะห้าทุ่มเข้าไปแล้ว
“เสร็จแล้วค่ะ ๆ พรุ่งนี้คุณอย่าลืมเตือนให้ฉันเอาสมุดจดรายการซื้อของไปด้วยนะคะ ฉันกลัวว่าจะลืมน่ะ” ซูเมี่ยวจินบอกสามี
“ตกลงครับ มานอนกันเถอะ” ฉางเล่ยชวนภรรยานอนอีกครั้ง เขาเองก็ง่วงไม่น้อย
ซูเมี่ยวจินปิดสมุดบัญชีและพยักหน้ารับคำ เธอลุกไปปิดไฟแล้วเข้าไปนอนในอ้อมแขนของฉางเล่ยเหมือนเช่นทุกวัน ถึงแม้พวกเขาจะไม่มีเวลาแสดงความรักกันหลังจากแต่งงานมาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่เพียงแค่ได้นอนกอดกันและรับไออุ่น เท่านี้พวกเขาสองคนก็รู้สึกดีมากเช่นกัน
หลังอาหารมื้อเช้าวันรุ่งขึ้น ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยเตรียมทุกอย่างที่จำเป็นขึ้นรถและบอกลาพ่อกับแม่เพื่อไปซื้อของในมณฑล
“พวกลูกขับรถระวังกันด้วยนะ พ่อกับแม่จะช่วยกันดูร้านเอง” ฉางชิงหยูเตือน
“ทราบแล้วค่ะ ขากลับหนูจะให้อาเล่ยขับให้นะคะ” ซูเมี่ยวจินรู้ดีว่าฉางเล่ยยังไม่เคยขับรถระยะทางไกลมาก่อน หากว่าพวกเธอซื้อของเสร็จเร็วก็จะได้ไปทำใบขับขี่และปล่อยให้ฉางเล่ยทดลองขับดู
“ดีแล้วลูก ให้อาเล่ยขับแทนบ้างก็ได้ เมี่ยวจินจะได้ไม่เหนื่อย” หลิวเอ้อหลิงบอก
ซูเมี่ยวจินพยักหน้ารับคำและค่อย ๆ เคลื่อนรถออกจากประตูหลังร้านที่พ่อแม่รอปิดประตูให้อยู่พร้อมรอยยิ้มบาง เธอเห็นสายตาห่วงใยที่ส่งออกมาก็เข้าใจดีว่าพ่อแม่สามีไม่อยากให้เธอเหนื่อยมากนัก ดีที่วันนี้ฉางเล่ยไปกับเธอด้วย ทำให้การเดินทางครั้งนี้ไม่เงียบเหงาเหมือนเมื่อวาน อย่างน้อยเธอก็ยังมีคนคอยคุยด้วย
“ภรรยา วันนี้คุณจะซื้ออะไรกลับไปขายบ้างครับ” ฉางเล่ยถาม
“ฉันคิดจะซื้อวิทยุมากสักหน่อยค่ะ ลูกค้าจองเอาไว้ 12 เครื่อง ฉันจะซื้อมาสัก 20 เครื่องดีไหมคะ ส่วนพัดลมลูกค้าจองเอาไว้ 8 เครื่อง ฉันจะซื้อมา 15 เครื่อง คุณคิดว่ายังไงคะ อ้อ! นาฬิการาคาถูกเราซื้อมาสัก 10 เรือนดีไหมคะ ไหน ๆ ก็ได้ไปตลาดค้าส่งแล้ว จะได้ไม่ต้องคอยให้ของหมดแล้วค่อยมาซื้อ” ซูเมี่ยวจินปรึกษาสามี
“ตกลงครับ เอาตามที่คุณว่าก็ดี ไม่รู้ว่าถ้าเราซื้อของเสร็จเร็วจะทันสอบใบขับขี่หรือเปล่านะครับ” ฉางเล่ยเป็นห่วงว่าพวกเขาจะกลับบ้านช้าจนลูกค้าต้องรอคอยสินค้า
“ไม่ต้องกังวลนะคะ ร้านค้าที่ฉันไปซื้อของมาเมื่อวานคิดเงินเร็วมาก ของทั้งหมดน่าจะซื้อเสร็จก่อนเที่ยงวัน เรากินมื้อเที่ยงกันที่ตลาดแล้วค่อยไปที่ว่าการเพื่อทำใบขับขี่ก็น่าจะทันค่ะ” ซูเมี่ยวจินคาดว่าการทำใบขับขี่ในยุคนี้ไม่น่ายากเท่ายุคใหม่
ฉางเล่ยพยักหน้ารับคำภรรยา เขาเองก็ไม่เคยทำใบขับขี่มาก่อนจึงไม่รู้ว่าการสอบต้องทำอย่างไร แต่เขาเชื่อว่าตัวเองจะต้องสอบผ่านได้ไม่ยาก เพราะการสอนของภรรยาคนเก่งของเขาทำให้เขาเข้าใจถึงกฎเกณฑ์ในการขับขี่บนถนน
“สวัสดีค่ะ รบกวนสอบถามเรื่องขั้นตอนการทำใบขับขี่หน่อยค่ะ” ซูเมี่ยวจินเดินเข้าไปสอบถามประชาสัมพันธ์ที่นั่งอยู่ด้านหน้า“คุณไปติดต่อเจ้าหน้าที่ช่องหนึ่งได้เลยค่ะ อย่าลืมนำบัตรประจำตัวส่งให้เจ้าหน้าที่ด้วยนะคะ เขาจะได้เตรียมเอกสารการสอบให้พวกคุณ” เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์บอก“ขอบคุณมากค่ะ” ซูเมี่ยวจินที่ยังไม่ปล่อยมือสามี เธอพาเขาไปยังช่องหนึ่งที่มีป้ายเขียนเอาไว้แล้วนำบัตรประจำตัวของเธอกับฉางเล่ยส่งให้เจ้าหน้าที่“พวกคุณมาจากหน่วยงานไหนครับ” เจ้าหน้าที่ดูบัตรประจำตัวแล้วสอบถามเพื่อใส่ข้อมูลลงในเอกสารการทำใบขับขี่“พวกเราไม่ได้ทำงานในหน่วยงานค่ะ แต่เปิดร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าตรงข้ามโรงงานจึงต้องใช้รถยนต์ในการไปซื้อสินค้ากลับมาขายที่ร้านค่ะ” ซูเมี่ยวจินบอกตามตรง“อ้อ! ถ้าอย่างนั้นพวกคุณรอกันสักครู่นะครับ ระหว่างที่ผมกำลังลงทะเบียนให้ พวกคุณไปอ่านป้ายด้านโน้นได้เลยนะครับ
ฉางเล่ยกับซูเมี่ยวจินช่วยกันยกของลงจากท้ายรถยนต์เข้าไปในร้าน พวกเขายังต้องติดชื่อเจ้าของสินค้าแต่ละอย่างเพื่อไม่ให้สับสนเวลาที่ลูกค้ามารับของและจ่ายเงินส่วนที่เหลือด้วย ทั้งสองจึงเร่งขนของลงให้หมดซูเมี่ยวจินส่งถุงนาฬิกาให้แม่สามีนำไปวางบนชั้นวางเพิ่ม เธอบอกราคาต้นทุนให้หลิวเอ้อหลิงแล้วและราคาขายยังคงขายที่ราคา 60 หยวนเท่าเดิม“ขอบใจมากนะลูก แม่จะรีบเอาใส่ตู้ไว้แล้วจะไปช่วยเตรียมของให้ลูกค้ากับลูกนะ”“ไม่เป็นไรค่ะแม่ แม่ดูร้านเถอะค่ะ อีกสักครู่เด็ก ๆ คงเลิกเรียนแล้ว หนูมีฉางเล่ยคอยช่วยอยู่ค่ะ” ซูเมี่ยวจินบอกแม่สามี“ตกลงจ๊ะ แม่จะไปดูหน้าร้านก็แล้วกัน” หลิวเอ้อหลิงบอกลูกสะใภ้แล้วเดินไปที่ตู้ขายนาฬิกาด้านหน้าร้านซูเมี่ยวจินพยักหน้ารับคำแม่สามี เธอกับฉางเล่ยวางของที่เหลือจากลูกค้าสั่งบนชั้นวางอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงพากันมานั่งแยกของและเขียนชื่อลูกค้าติดไว้กับถุงใส่สินค้าที่จะมอบให้ลูกค้าแต่ละ
เมื่อพวกเขาไปถึงตลาดค้าส่ง ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยก็ตรงไปที่ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าและซื้อของตามที่คุยกันไว้ก่อนหน้านี้อย่างรวดเร็ว ฉางเล่ยพาคนของร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเอาของไปเก็บที่รถก่อน ส่วนซูเมี่ยวจินตรงไปที่ร้านขายนาฬิกาเพื่อซื้อของไปเพิ่มให้แม่ฉางฉางเล่ยหลังจากดูคนของร้านเครื่องใช้ไฟฟ้านำสิ่งของขึ้นรถหมดแล้ว เขาก็เดินไปหาซูเมี่ยวจินที่ร้านนาฬิกาตามที่เธอบอกเอาไว้ พอดีกับที่ซูเมี่ยวจินกำลังจ่ายเงินค่านาฬิกาอยู่พอดี ฉางเล่ยจึงรับถุงสินค้าทั้งหมดมาถือไว้เอง“เราไปกินข้าวกันก่อนดีกว่าค่ะ จะได้ไปที่ที่ว่าการเพื่อทำใบขับขี่ต่อ” ซูเมี่ยวจินบอกฉางเล่ยระหว่างที่พวกเขากำลังจะออกจากร้านนาฬิกา“ตกลงครับ เอาตามที่คุณว่าก็ได้” ฉางเล่ยไม่เคยปฏิเสธเรื่องที่ซูเมี่ยวจินต้องการทำทั้งคู่ไปที่ร้านบะหมี่ไม่ไกลนักเพื่อความรวดเร็ว เมื่อเช้าพวกเขากินข้าวกันมาแล้วทำให้ไม่ค่อยหิวสักเท่าไหร่“ภรรยา คุณคิดว่าการสอบใบขับขี
ห้าโมงสิบนาที คนเริ่มเข้าร้านเยอะขึ้นเรื่อย ๆ หลายคนสนใจวิทยุกับพัดลมของร้านที่ราคาไม่แพงอย่างที่พวกเขากังวล ฉางเล่ยที่หาสัญญาณช่องละครเจอแล้วจึงปลีกตัวมาช่วยซูเมี่ยวจินขายของและนำสินค้าใส่กล่องให้ลูกค้าที่ซื้อแล้วลูกค้าหลายคนมานั่งดูละครพร้อมกับพ่อฉางที่นำเก้าอี้มาวางเอาไว้ให้ลูกค้าใกล้ ๆ กับหน้าโต๊ะทีวี ฉางชิงหยูยังชวนหนุ่มสาวโรงงานพูดคุยไปด้วยอย่างไม่ถือตัว ทำให้หลายคนกล้าที่จะนั่งดูละครสนุก ๆ ที่พวกเขาไม่เคยดูมาก่อนลูกค้าที่ซื้อวิทยุไม่สนใจจะนั่งดูละครกับคนอื่น ๆ พวกเขารีบกลับบ้านไปเปิดวิทยุของตัวเองฟังแทนจะสะดวกกว่า ไม่นานนัก พัดลมและวิทยุก็ขายหมด ทำให้ลูกค้าหลายคนต้องสั่งจองและวางมัดจำสั่งสินค้าเอาไว้ก่อน ส่วนทีวีใช่ว่าจะไม่มีคนสนใจ เพียงแต่ราคาของมันสูงเกินไป คนส่วนใหญ่จึงสั่งจองวิทยุแทนซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยช่วยกันทำงาน โดยซูเมี่ยวจินจดชื่อและเงินมัดจำที่ลูกค้าจ่ายไว้ ส่วนฉางเล่ยก็เก็บเงินมัดจำให้ภรรยา กว่าทั้งสองคนจะรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าเสร็จ ฟ้าก็มืดลงพร้อมกับที่ละครจ
ฉางเล่ยกับพ่อที่ยกตู้เย็นไปไว้ในครัว พวกเขาลองเสียบปลั๊กดูก็พบว่าตู้เย็นนี้ดีจริง ๆ ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่มีบ่อน้ำแช่อาหารเหมือนบ้านเก่า แต่พอมีตู้เย็นเครื่องนี้แล้ว การเก็บอาหารสดก็ไม่มีปัญหาอีกต่อไป“ลูกสะใภ้ดีกับบ้านเราจริง ๆ นะอาเล่ย ต่อไปแกต้องดูแลเธอให้ดี ๆ ล่ะ” พ่อฉางบอกลูกชาย เขากลัวว่าฉางเล่ยจะไม่รู้วิธีดูแลภรรยา“ผมทราบครับพ่อ เธอดีกับพวกเรามาก ผมจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจแน่ครับ” ฉางเล่ยรับปากพ่อของเขาอย่างหนักแน่น“ลูกคิดได้ก็ดีแล้ว ไปดูทีวีที่เมี่ยวจินซื้อมากันเถอะ พ่อไม่รู้ว่าจะยกไปไว้ที่ไหน”“ผมว่าเราไปถามเมี่ยวจินก่อนดีกว่าไหมครับพ่อ เผื่อว่าเราต้องทำโต๊ะวางขึ้นมาสักตัวหนึ่งจะได้รีบทำกัน ไม้ยังเหลืออีกมาก” ฉางเล่ยบอก“ก็ดีเหมือนกันนะ ไปกันเถอะ” ฉางชิงหยูพยักหน้ารับคำลูกชายสองพ่อลูกออกจากห้องครัวพร้อมกันเพื่อสอบถามซูเมี่ยวจินซึ่
ซูเมี่ยวจินปิดท้ายกระบะอย่างแน่นหนา จากนั้นจึงเดินไปหาร้านอาหารกินก่อนจะไปเดินเลือกซื้อเครื่องครัวให้แม่สามี ระหว่างกินอาหารเธอก็สอบถามพนักงานในร้านว่าร้านขายเครื่องครัวไปทางไหนเพื่อไม่ให้เสียเวลา ใครใช้ให้ตลาดค้าส่งแห่งนี้กว้างมากจนเธอไม่อยากเดินหาเองซูเมี่ยวจินกินข้าวเที่ยงเสร็จในเวลาไม่นาน เธอจ่ายค่าอาหารและเดินออกจากร้านไปทางทิศตะวันออกซึ่งเพิ่งถามมาอย่างรวดเร็ว ไม่นานซูเมี่ยวจินก็มองเห็นร้านค้าหลายร้านที่มีเครื่องครัวหลากหลายอย่างขายอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเตาแก๊ส ถังแก๊ส ตู้เก็บอาหารและถ้วยชาม ซูเมี่ยวจินคิดถึงห้องครัวที่อยู่ติดโกดังก็อยากซื้อตู้เก็บของในครัวให้แม่สามีด้วย เพราะตู้หลังหนึ่งราคาแค่ 150 หยวน และขนาดของมันก็ยังสามารถใส่ท้ายรถที่มีพื้นที่เหลืออยู่ได้ซูเมี่ยวจินเลือกเดินดูอีกสองสามร้าน เธอเห็นว่าราคาไม่ได้ต่างกันมาก ซูเมี่ยวจินจึงเดินกลับไปยังร้านใหญ่ก่อนหน้านี้ เธอเรียกพนักงานขายมานำเตาแก๊สสองหัว ถังแก๊สและตู้เก็บของหลังหนึ่งมาใส่รถเข็นไว้ให้ก่อน ส่วนพวกหม้อ กระทะและเครื่องครัวอื่น ๆ เธอก็เลือก






