เสียงสะอื้นแผ่วเบาเจือปนกับลมหายใจสั่นเทา ก้องอยู่ภายในห้องนอนเก่าโทรมของบ้านเช่าเล็กๆ กลางชุมชนแออัด
“ทำไมต้องเป็นอิงทำไมแม่ถึงทำกับอิงแบบนี้...” เสียงของหมอนอิงรำพึงเบาๆ ดวงตาบวมแดงจากหยาดน้ำตาที่ไม่มีท่าทีจะหยุดไหล
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เธอถูกเจ้าหนี้บุกมาถึงหน้าบ้าน ทวงเงินก้อนโตพร้อมเสียงตะโกนประจานให้คนทั้งซอย
“แม่คุณติดหนี้นายผมเป็นแสนจะใช้คืนเมื่อไหร่!”
ขณะที่เพื่อนบ้านยืนมุงมองบางคนก็ส่ายหน้า บางคนก็ซุบซิบเพราะเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก หมอนอิงทำได้เพียงยืนตัวแข็ง สะอึกสะอื้นกลางแสงแดดจ้า หัวใจเหมือนถูกบีบจนแทบขาด
หลังเหตุการณ์อัปยศ แม่ของเธอกลับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับเรื่องทั้งหมดไม่ใช่เรื่องใหญ่ เหมือนจะขายลูกกินเสียมากกว่า
“ถ้ามึงยังรักครอบครัวอยากให้อิงฟ้ามันได้เรียนสูงๆ มึงก็ไปเป็นเมียเก็บพวกมาเฟีย” พรทิพย์ไม่สงสารลูกสาวคนโตเพราะเกลียดที่ลูกคนนี้เพราะไม่ได้รู้สึกรักในตัวของพ่อหมอนอิงเลย
ราชันนักธุรกิจหนุ่มผู้มีอิทธิพล เขาคือเจ้าหนี้คนใหม่ ของครอบครัว และเขาไม่ได้ต้องการเงินคืนสิ่งที่เขาต้องการคือเธอ
“ไปอยู่เป็นเด็กในบำเรอเขาแค่ไม่กี่ปีหนี้หมด น้องก็ได้เรียนต่อหรือจะปล่อยให้ทุกอย่างพัง?” ประโยคนั้นคือคำตัดสิน
“ทำไมต้องเป็นอิง” เพราะเธอต้องเสียสละให้น้องทุกอย่าง จนแทบไม่มีชีวิตเป็นของตัวเองแม่ส่งน้องเรียน แต่เธอต้องทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียน
“อีนี่กูบอกว่ามึงต้องไปก็ต้องปิน้องมึงอายุยังน้อยๆ อยู่เลย”
อิงฟ้าอายุห่างจากเธอแต่ปีเดียวเพราะแม่เลิกกับพ่อ แม่แต่งงานใหม่ทันที เรียกว่ายังไม่เลิกกันดีด้วยซ้ำแม่รักอิงฟ้ามากกว่าเธอมาตลอด
หัวใจหมอนอิงร่วงลงเหวลึก มืดมิดและไร้ทางหนี
เธออยากกรีดร้องอยากขัดขืน แต่เสียงในใจของเธอชัดเจนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ไม่มีทางเลือกอื่นเลยเพราะแม่ติดการพนันจนหนี้สินพันตัวรถแท็กซี่แล่นเข้ามาจอดสนิทตรงหน้าประตูทางเข้าใหญ่ หมอนอิงยกมือกำกระเป๋าแน่น หัวใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่อยู่
เธอไม่รู้ว่ากำลังจะเผชิญกับอะไร แค่รู้ว่าเธอไม่ได้มาในฐานะแขก พรทิพย์ลากลูกสาวตนโตเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกัน
ชายวัยกลางคนในชุดลำลองสีอ่อนยืนรออยู่ก่อนแล้ว ใบหน้ายิ้มละไม ดวงตาเปี่ยมเมตตา
“หมอนอิงใช่ไหม? มาเหนื่อยๆ ฉันให้แม่บ้านเตรียมห้องไว้ให้แล้ว” เสียงทุ้มอบอุ่นเกินกว่าที่เธอจินตนาการไว้
นี่คือคนที่ควรจะมองเธอด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม ที่ควรจะแสดงท่าทีเหมือนเธอคือเด็กที่ถูกส่งมาแลกหนี้
แต่เปล่าเลยเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ยื่นมือมาแตะแขนเธอเบาๆ
“ไม่ต้องเกร็งนะบ้านนี้ไม่ใช่คุกถ้ามีอะไรไม่สบายใจ บอกฉันได้เสมอ”
“ขอบคุณผู้ใหญ่เข้าสิเขาจะได้รักเอ็นดู” พระทิพย์ตะคอกลูกเสียงดังจนหมอนอิงสะดุ้งรีบยกมือไหวเจ้าของบ้านทันที
“ขอบคุณค่ะ” เธอพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้
“ฉันพามันมาส่งแต่ขอค่าบุญคุณที่เลี้ยงมันมาจนโตหน่อย”
“ลูกนะไม่ใช่สิ่งของ” ราชันมองสาววัยกลางคนที่ตอนนี้เป็นลูกหนี้ของเขา
“โอ๊ยยย คุณราชันตอนมันเกิดมาฉันไม่เอาขี้เถ้ายัดปากมันก็ดีแค่ไหนแล้ว” พรทิพย์ไม่สนใจว่าลูกสาวจะเสียใจแค่ไหน หากได้ยินคำนี้
“5 ล้าน!” ราชันเสนอเงินให้
“คะ ค่าอะไรจ๊ะตั้ง 5 ล้าน” พรทิพย์กลัวว่าเขาจะเก็บดอกเบี้ยเพิ่ม ใบหน้าเริ่มซีดเผือด
“ถือว่าขายขาดกันฉันจะให้เงินเธอไป 5 ล้านและอย่ามาวุ่นวายกับลูกสาวอีก” ราชันสั่งให้ลูกน้องคนสนิทนำเช็คเงินสดมาให้ เขาเขียนจำนวนเงินตามที่บอก
พรทิพย์รีบหยิบมาทันทีมองดูตัวเลขอย่างพอใจ ก่อนจะเดินหันหลังออกไปไม่ร่ำลาลูกสาวสักคำ
หมอนอิงเช็ดน้ำตาด้วยความขมขืนที่แม่ทำกับเธอแบบนี้ ในเมื่อโชคชะตามันโหดร้ายแบบนี้เธอก็จะยอมรับมัน
.
พันไมล์ เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉยเขาเพิ่งกลับจากมหาลัยยังเหนื่อยล้าแต่ยังแวะมานั่งกินข้าวตามที่ผู้ใหญ่นัดไว้
ตรงข้ามกับเขาหญิงวัยกลางคนที่แต่งตัวหรูหราดูแพง กำลังยกไวน์ขึ้นจิบอย่าง เขาไม่รู้สึกผูกพันเพราะแม่ไม่ได้เลี้ยงดูเขา อีกฝ่ายแต่งงานมีครอบครัวใหม่แล้ว
“ลูกมานั่งเลยเดี๋ยวจะเย็นหมด” ราชันเรียกลูกรู้ว่าสองแม่ลูกเขาไม่ค่อยร่องรอยกันเท่าไร เพราะเรื่องในอดีต
“มาที่นี่สามีใหม่ไม่ว่าเอาเหรอ ไหนจะลูกอีกแปลกนะคนเราลูกตัวเองไม่อยากจะเลี้ยง!” พันไมล์รับสั้นๆ มองผู้หญิงคนนั้น แม่ของเขาที่นั่งอยู่ด้วยสายตาไร้อารมณ์
“ไนท์ลูก...” ฐิตารีพูดไม่ออก บรรยากาศกำลังนิ่งสงบจนราชันวางช้อน
“หมอนอิงเข้ามาสิ”
พันไมล์เงยหน้าขึ้นทันที พร้อมกับผู้หญิงอีกคนตรงข้าม ร่างบางของหมอนอิงก้าวเข้ามาช้าๆ ท่ามกลางสายตาของคนทั้งโต๊ะชุดเรียบง่ายผมถูกรวบไว้หลวมๆ ดวงตาทอแววระวังตัว
“นี่หมอนอิงเธอจะมาอยู่ที่บ้านเราสักพัก” เสียงราชันพูดเรียบง่าย แต่ทุกคำเหมือนระเบิดที่หย่อนลงกลางโต๊ะ
“อะไรนะครับหมายความว่ายังไง” พันไมล์ เลิกคิ้วทันทีเด็กคนนี้อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเขา ไม่รู้ว่าเข้ามาในบ้านของเขาเพื่อหวังอะไร
“ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ทำไมถึงได้เข้ามาอยู่ในบ้านนี้?” ฐิตารีไม่พอใจเช่นกัน กลัวว่าสมบัติของราชันจะถูกหารไปให้ผู้หญิงคนนี้ น้ำเสียงเปื้อนความรังเกียจ
หมอนอิงยืนนิ่ง ขาแข็งเหมือนหิน เธอไม่รู้ควรจะพูดอะไร
“คุณพ่อคิดอะไรอยู่ครับเอาคนแปลกหน้าเข้าบ้านโดยไม่บอกกันสักคำ?” พันไมล์หันไปสบตาพ่อ สีหน้าเริ่มไม่พอใจ
“หนูหมอนอิงเป็นแขกของพ่อ พ่อรับรองเองไม่มีอะไรต้องกังวล”
“หน้าด้านไร้ยางอาย” เสียงของฐิตารีดังขึ้น
“คุณหยุดพูดจะดีกว่านี้มันเรื่องในครอบครัวของผม” คำพูดแทงใจ ทำให้บรรยากาศเริ่มหม่นหมอง
“นี่คุณราชัน!” เธอจึงเงียบเพราะกลัวว่าจะถูกเขาจับโยนออกจากบ้าน
พันไมล์ลุกขึ้นยืนช้าๆ มองหมอนอิงตั้งแต่หัวจรดเท้า แววตาไม่ใช่รังเกียจ แต่คือการปิดกั้นเขาตั้งกำแพงทันทีโดยไม่ต้องรู้จักกัน
“กล้าดียังไงมานั่งโต๊ะเดียวกับฉัน คิดว่าตัวเองเป็นใคร?” ฐิตารีตวาด แล้วเงื้อมือจะฟาดเข้าที่หน้าหมอนอิงเต็มแรง
หมับ
เสียงมือถูกจับกลางอากาศก่อนที่มันจะถึงแก้มหมอนอิง พันไมล์คว้ามือแม่ไว้ทันเวลาพอดี
“พอเถอะ” น้ำเสียงเขานิ่งเย็น แต่น้ำเสียงนั้นกลับทำให้แม่ของเขาชะงัก
“ตาคุณกลับไปได้แล้ว อย่ามาสร้างปัญหาที่นี่คุณอยากเจอลูกผมก็ยอมแล้ว”
“หลงมันล่ะสิ ฉันกลับก็ได้แต่ระวังจะถูกมันหลอกเอา”
“ผมขึ้นไปข้างบนแล้วไม่อยากคุยกับใคร เชิญคุณพ่อกินกับคนของคุณพ่อให้อร่อย” พันไมล์เดินออกไปจากห้องอาหาร และมุ่งตรงไปที่ห้องนอนของเขา
.
ตกดึกหมอนอิงหิวน้ำจึงเดินลงมา ในระหว่างที่กำลังล้างแก้วดันมีเสียงของเขาดังขึ้น จนเธอสะดุ้ง
“คิดยังไงถึงเอาคนแก่คราวพ่อมาทำผัว!”
“คุณ” เธอมองเขาแบบประหม่า
เขาก้าวเข้ามาใกล้เธอ มากพอจนได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน แล้วโน้มตัวลงมากระซิบชิดใบหูเธอด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น แต่แฝงไปด้วยการเสียดสี
“เธอมีดีอะไรนักหนาถึงได้ให้พ่อฉันคลุมหัวเหมือนลูกสาวดีๆ แบบนี้?”
หมอนอิงกลืนน้ำลายไม่ลงดวงตาสั่นระริกเธอไม่ตอบ ราวกับกลัวว่าถ้าเอ่ยปาก เสียงของเธอจะสั่นเกินควบคุม น้ำตาเม็ดหนึ่งไหลลงอาบแก้มขาว
เขาขยับใบหน้าเข้ามาใกล้อีกนิด แล้วพูดต่อด้วยเสียงเย็นยะเยือก
“ฉันชักอยากรู้แล้วสิว่าเธอมีของดีตรงไหนบ้าง” มือหนาเอื้อมมาเชยคางเธอขึ้นเบาๆ สายตาไม่ใช่ความหลงใหลแต่เป็นการท้าทาย
“หรือเธอเองก็คงเต็มใจให้ตรวจสอบอยู่แล้วล่ะมั้ง?”
“ปล่อย!” หมอนอิงหลับตาแน่นพยายามกลั้นเสียงสะอื้นที่จุกอยู่ในลำคอ
“ถ้าเธอจะอยู่ที่นี่ เธอก็ต้องทำตัวให้เหมือนคนอาศัย อย่าทำตัวเป็นเจ้าของ” เสียงเย็นชาเอ่ยขึ้น ก่อนเขาจะเดินออกจากโต๊ะโดยไม่หันกลับมา
หมอนอิงกลืนก้อนสะอื้นลงคอเธอไม่คาดหวังว่าจะถูกรับขวัญ แต่เธอก็ไม่คิดว่ามันจะเจ็บขนาดนี้
ลิฟต์หรูเปิดออกสู่เพนท์เฮ้าส์ชั้นบนสุดของตึกสูงใจกลางเมือง หมอนอิงเดินตามหลังเขาเข้ามาเงียบๆ ด้วยกล่องกระดาษใบเดียวในมือกล่องที่บรรจุของส่วนตัวทั้งหมดที่เธอมีมันไม่ได้มีค่าในสายตาใคร แต่สำหรับเธอมันคือเศษเสี้ยวของชีวิตที่ยังเหลืออยู่พันไมล์เดินนำหน้า ไม่หันกลับมามองแม้แต่นิด และก่อนที่เธอจะก้าวพ้นประตูกระจกเข้ามาเต็มตัว เสียงเย็นชาของเขาก็กระแทกเข้าหู“เพราะเธอคนเดียว! ทำให้ชีวิตฉันต้องเป็นแบบนี้”เธอสะดุ้งก้มหน้ารับความผิดเงียบๆ ก่อนจะเดินต่อไปอย่างไม่กล้าสบตา “กะอีแค่เสียตัวแม่งทำเป็นร้องไห้จะเป็นจะตาย”ทันใดนั้นกล่องในมือเธอก็ถูกปัดกระเด็นด้วยแรงที่ไม่ออมมือพรึ่บ!ข้าวของในกระจายเกลื่อนพื้นหินอ่อน ตกกระแทกพื้นจนกระจัดกระจาย“ฮึก” เธอตกใจจนเผลอกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ร้องไห้จนตัวสั่น ทำให้เขายิ่งขัดหูขัดตา“โว้ยยย ร้องหาแม่เธออะไรนักหนา!” เสียงคำรามดังลั่นภายในเพนท์เฮ้าส์หรูสะท้อนก้องไปทั่วผนังกระจกเขายกเท้าเหยียบกรอบรูปของเธอซ้ำราวกับเป็นของไร้ค่า เสียงแตกเป๊าะของกระจกเล็กๆ ดังขึ้นพร้อมกับเสียงสะอื้นในลำคอของหญิงสาว“อย่าทำนะ” เธอมองรูปถ่ายของพ่อที่ถูกเขาเหยียบ ห้ามเขาก็แล้ว
“ไอ้ไนท์ไอ้ลูกเลว!” เสียงนั้นแผดลั่นจนสะเทือนผนัง ราวกับพายุกำลังถาโถมเข้ามากลางห้องนอนพันไมล์สะดุ้งเฮือก ลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือสมองยังพร่ามัวจากฤทธิ์เหล้าที่ดื่มเข้าไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้น“อะ พ่อ” เขาขมวดคิ้ว เสียงแหบพร่าพูดออกมาเบาๆ แต่คำต่อไปของเขากลับถูก ฝ่ามือของผู้เป็นพ่อฟาดลงบนแก้มซ้ายเต็มแรง!เพียะ!!เสียงตบดังสนั่น ร่างของพันไมล์เซหัวไปตามแรงกระแทก“สติกลับมายัง! หรือจะให้ฉันตบซ้ำอีก!” เสียงของผู้เป็นพ่อดุดัน เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธและผิดหวังพันไมล์ยกมือขึ้นแตะแก้มตัวเอง รอยแดงฉาดเริ่มขึ้นทันตา ความเจ็บแปลบทะลุเข้าถึงเบื้องลึกของสติที่เคยขุ่นมัวเขาส่างเมาทันที ราวกับทุกอย่างถูกราดด้วยน้ำเย็นจัดในพริบตาเดียว“คุณพ่อมาตบผมทำไม” เขาพูดเสียงเบา ดวงตายังสับสน“ยังจะมีหน้ามาถามอีกเมื่อคืนแกทำอะไรหนูอิง ห๊ะ!?” ราชันจ้องหน้าเขาเขม็ง ดวงตาเต็มไปด้วยความคุกรุ่นที่ไม่ใช่แค่โกรธ แต่ปนผิดหวังอย่างรุนแรงเขารีบหันไปมองข้างกายแต่ทุกอย่างกลับว่างเปล่า ไม่รู้ว่าหมอนอิงออกไปจากห้องเขาตั้งแต่ตอนไหน พอหันกลับมาจะตอบพ่อกลับถูกตบซ้ำอีกรอบเพียะ“ฉันไม่เคยสั่งสอนแกให้เป็นคนแบบนี้ไอ
“อื้อ อ๊า พี่ไนท์” เสียงครางกระเส่าของหญิงสาวดังขึ้นท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม รวมถึงเสียงพูดคุยของหนุ่มๆ ในห้องวีวีไอพี “อร้ายย พี่ไนท์อย่าทำแรง” “อ่าส์ เธอนี่ครางเสียงดังทำอย่างกับสาวบริสุทธิ์ความจริงหลวมยิ่งกว่าอะไร” พันไมล์รีบกระแทกเอ็นร้อนเข้าออกในโพรงนุ่ม ไม่สนว่าในห้องนี้ไม่ได้มีพวกเขาแค่สองคนแต่ยังมีเพื่อนๆ ของเขาอีก พร้อมกับลูกน้องของพวกเขาอีกสามคน ตอนนี้เขากำลังแสดงหนังสดให้พวกมันดูซึ่งไม่ใช่ครั้งแรก “เนยจุกจริงของพี่ใหญ่ อื้ออ” เนยหวานยังครางไม่หยุด ไม่สนใจว่าใครจะหันมามอง แค่ได้ขึ้นสวรรค์กับหนุ่มในฝันก็พอ แอมป์กับต้นกล้าเหลือบไปมองเล็กน้อยและหันมาดื่มเหล้าต่อ พวกเขาทำเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติ เผลอๆ ใช้ผู้หญิงคนเดียวกันก็มี “อื้ออ พี่ไนท์เนยจะเสร็จ อ๊ะ อร้ายย” พรืบ จากเสียงหวานกลายเป็นเสียงร้องโอดโอย เมื่อพันไมล์ดึงเอ็นร้อนออกจากโพรงนุ่มและผลักเธอล้มลงไปที่พื้น ต่อหน้าเพื่อนๆ ของเขา “อะไรกันคะพี่ไนท์” สาวสวยงุนงงว่าเธอทำอะไรไม่พอใจหรือเปล่า เขารูดเครื่องป้องกันออกจากเอ็นร้อนและโยนลง
หลังจากที่ก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ชีวิตของหมอนอิงยิ่งทุกข์ไปกว่าเดิม ทุกคนในบ้านต่างรังเกียจเธอแต่เพราะเกรงใจเจ้าของบ้านจึงแกล้งทำดีกับเธอต่อหน้าเขา ราชันที่เอ็นดูเธอมักซื้อข้าวของมาให้จนคนในบ้านพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอเป็นเมียลับของเขา “เห็นไหมเด็กสมัยนี้รักความสบายจะตาย ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงิน”“อายุก็ห่างกันตั้งเท่าไร เขาคงเอ็นดูจนกลายเป็นเอ็น...” เสียงหัวเราะเบาๆ ตามมาก่อนจะกลายเป็นความเงียบเมื่อเห็นเงาใครบางคนเดินผ่านแม้ไม่มีใครพูดตรงๆ ต่อหน้าหมอนอิง แต่คำพูดเหล่านั้นก็เดินมาถึงเธอจนได้ ไม่ว่าจะผ่านน้ำเสียงหัวเราะแผ่วๆ ในครัว หรือแววตาที่ยากจะตีความผิด “หนูอิงจะเอาอะไรจ๊ะ” “อิงจะมาเอาน้ำค่ะ” “ป้าหยิบให้นะ” ป้านีรีบไปหยิบขวดน้ำให้ทันที และส่งยิ้มให้สาวรุ่นลูก หมอนอิงรู้ว่ารอยยิ้มนั้นเป็นการสมเพชเวทนามากกว่าเธอจึงไม่เหลือทางเลือกนอกจากหลบซ่อนเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ราวกับโลกภายนอกเป็นสนามรบ ที่มีแต่คำพูดอาบยาพิษกับสายตาเย็นชาเป็นอาวุธเธอออกมาเพียงเมื่อคุณอธิปเรียกให้ไปทานข้าวเย็นและนั่นก็เป็นช่วงเวลาที่เธอรู้สึกโดดเดี่ย
เสียงสะอื้นแผ่วเบาเจือปนกับลมหายใจสั่นเทา ก้องอยู่ภายในห้องนอนเก่าโทรมของบ้านเช่าเล็กๆ กลางชุมชนแออัด“ทำไมต้องเป็นอิงทำไมแม่ถึงทำกับอิงแบบนี้...” เสียงของหมอนอิงรำพึงเบาๆ ดวงตาบวมแดงจากหยาดน้ำตาที่ไม่มีท่าทีจะหยุดไหลเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เธอถูกเจ้าหนี้บุกมาถึงหน้าบ้าน ทวงเงินก้อนโตพร้อมเสียงตะโกนประจานให้คนทั้งซอย“แม่คุณติดหนี้นายผมเป็นแสนจะใช้คืนเมื่อไหร่!”ขณะที่เพื่อนบ้านยืนมุงมองบางคนก็ส่ายหน้า บางคนก็ซุบซิบเพราะเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก หมอนอิงทำได้เพียงยืนตัวแข็ง สะอึกสะอื้นกลางแสงแดดจ้า หัวใจเหมือนถูกบีบจนแทบขาดหลังเหตุการณ์อัปยศ แม่ของเธอกลับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับเรื่องทั้งหมดไม่ใช่เรื่องใหญ่ เหมือนจะขายลูกกินเสียมากกว่า“ถ้ามึงยังรักครอบครัวอยากให้อิงฟ้ามันได้เรียนสูงๆ มึงก็ไปเป็นเมียเก็บพวกมาเฟีย” พรทิพย์ไม่สงสารลูกสาวคนโตเพราะเกลียดที่ลูกคนนี้เพราะไม่ได้รู้สึกรักในตัวของพ่อหมอนอิงเลยราชันนักธุรกิจหนุ่มผู้มีอิทธิพล เขาคือเจ้าหนี้คนใหม่ ของครอบครัว และเขาไม่ได้ต้องการเงินคืนสิ่งที่เขาต้องการคือเธอ“ไปอยู่เป็นเด็กในบำเรอเขาแค่ไม่กี่ปีหนี้หมด น้องก็ได้เรี