เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นพร้อมกับเปิดประตูที่เปิดออกในเวลา 11.00 น. ผู้ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งคนหนึ่งก้าวเข้ามาในร้าน เขาสวมเสื้อเชิ้ตไม่ติดกระดุมแขนยาวสีเข้มม้วนแขนขึ้นถึงข้อศอกด้านในเป็นเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนและรองเท้าบูตหนังราวกับหลุดมาจากภาพยนตร์คาวบอยยุคเก่าใบหน้าคมสันรับกับจมูกโด่ง ดวงตาคมกริบสีน้ำตาลเข้มแฝงไว้ด้วยความเย็นชาบางเขาเดินตรงมาเข้ามานั่งโต๊ะริมหน้าต่างอย่างคุ้นเคย
เนสิตายืนอยู่หลังเคาน์เตอร์คิดเงิน ดวงตากลมโตกำลังจ้องลูกค้าที่เธอเพิ่งเคยเห็นว่ามาที่นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เธอมาช่วยงานในร้านของมารดาเมื่อสองอาทิตย์ก่อน
ด้วยรูปร่างหน้าตารวมถึงใบหน้าหล่อเหลาที่แสนเย็นชานั้นทำให้เธอรู้สึกใจเต้นแรง เธอสนใจเขาอยากรู้จักลูกค้าคนนี้ให้มากขึ้น หญิงสาวรีบหยิบเมนูอาหารแล้วตรงไปยังโต๊ะของเขาทันที
“สวัสดีค่ะร้านทรีเอ็นสเต๊กเฮ้าส์ยินดีต้อนรับค่ะ เชิญเลือกอาหารได้เลยนะคะสักครู่ทางร้านจะกลับมารับออเดอร์ค่ะ”
“สเต๊กเนื้อซอสเกรวี่หนึ่งที่” เขาถามทั้งที่ยังไม่เปิดเมนูดูเลยด้วยซ้ำ
“สุกประมาณไหนคะ”
“มีเดียมแรร์” เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วยิ้มที่มุมปาก ฐากูรไม่เคยเจอกับเนสิตามาก่อนเขาคิดว่าเธอน่าจะเป็นเด็กเสิร์ฟคนใหม่ของทางร้านแต่ก็อดแปลกใจไม่ได้เพราะดูแล้วเธอน่าจะเป็นลูกครึ่ง
“รับเครื่องดื่มอะไรดีคะ”
“ขอน้ำเปล่าก็พอ”
“รอสักครู่ค่ะ”
เนสิตาเดินกลับเข้ามาในครัวส่งออเดอร์ให้กับน้าเหมียวจากนั้นก็เอาน้ำเปล่ากับน้ำแข็งไปเสิร์ฟให้เขา
“ขอบคุณครับ”
หญิงสาวยิ้มให้เขาก่อนจะเดินกลับมาหลังเคาน์เตอร์อีกครั้ง
“พี่มาลีคะผู้ชายคนนั้นเป็นใครคะ” เนสิตากระซิบขณะที่สายตาก็จับจ้องไปที่ผู้ชายใบหน้าคมคนนั้นอยู่ตลอด
“เขาชื่อคุณฐากูร เป็นเจ้าของไร่องุ่นฐากูรแอนด์ไวน์เนอรี่”
“ไร่ที่น้าพลไปทำงานเหรอคะ” เธอหมายถึงนวพลน้าชายที่ไปทำงานเป็นผู้จัดการไร่
“ใช่ค่ะ ไร่นั่นแหละ เนสยังไม่เคยไปใช่ไหมล่ะ มันกว้างมากเลยนะในนั้นมีทั้งร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่มแล้วก็มีรถเอทีวีให้เช่าขับเที่ยวในไร่ด้วยนะ” มาลีเล่าถึงไร่องุ่นขนาดใหญ่ที่มีเจ้าของไร่หล่อที่สุดในละแวกนี้
“พี่มาลีเคยไปเหรอคะ”
“เปล่าหรอกแต่เพื่อนพี่ทำงานที่นั่น ถ้าเนสอยากไปก็ให้น้าพลพาไปสิ”
“น่าสนใจดีนะคะเอาไว้ถ้าพี่ลูกปลามาทำงานเนสจะขอให้น้าพลพาไป”
เสียงกริ่งดังมาจากห้องครัวทำให้มาลีจะเดินเข้าไปนำอาหารออกมาเสิร์ฟให้ลูกค้า
“เนสไปเสิร์ฟเองค่ะ” หญิงสาวรับเดินเข้าไปเอาสเต๊กในห้องครัวมาให้กับชายหนุ่ม
ตลอดเวลาที่ฐากูรนั่งอยู่ในร้านเนสิตาแอบมองเขาเป็นระยะๆ ชายหนุ่มทานสเต๊กไปสลับกับจ้องหน้าจอโทรศัพท์ด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างมากนัก นั่นยิ่งทำให้เนสิตาอยากรู้เรื่องราวของเขามากขึ้นไปอีก เธอรู้สึกเหมือนถูกชะตากับเขาตั้งแต่แรกเห็นเหมือนมีแรงดึงดูดทำให้เธอไม่อาจละสายตาได้เลย
“จ้องตาไม่กะพริบเลยนะ ปิ๊งเขาใช่ไหมล่ะ”
“ก็เขาหล่อ ดูเย็นชาแต่แฝงไว้ด้วยความอบอุ่นตรงสเปกของเนสเลยค่ะ แต่อย่าบอกแม่นะคะ” หญิงสาวกระซิบ
“เจอเขาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงชอบเขาแล้วเหรอ”
“ไม่ใช่แค่ชอบนะพี่มาลีแต่เนสตกหลุมรักเลยแหละ” หญิงสาวตอบพร้อมกับรอยยิ้มและนัยน์ตาเป็นประกาย
แม้ฐากูรจะชำระเงินและเดินออกจากร้านไปแล้ว แต่เนสิตาก็ยังคงมองตามหลังเขาไปจนสุดสายตา
“พี่มาลีรู้อะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง”
“เนสอยากรู้อะไร พี่จะตอบเท่าที่พี่รู้”
“เนสอยากรู้แค่ขอเดียวแค่นั้นแหละ”
“อะไร”
“เขาโสดใช่ไหม”
“เท่าที่รู้ก็คือเขายังโสดนะ เพราะเวลามาที่นี่ก็มาคนเดียวตลอดแต่ที่ไร่พี่ก็ไม่รู้ว่าเขามีใครหรือเปล่า เนสลองถามน้าชายสิ”
“ถ้าเนสถามน้าพลก็ต้องรู้ว่าเนสสนใจเขา พี่มาลีถามเพื่อนให้เนสหน่อยได้ไหมนะคะ”
“ได้สิ พี่จะถามให้นะ”
“ขอบคุณค่ะพี่มาลี” หญิงสาวหวังว่าคำตอบที่ได้จะเป็นคำตอบที่เธอพอใจ
เนสิตาช่วยงานในร้านจนถึงเวลาปิดร้านในช่วงบ่ายสองโมง หลังจากทานอาหารกลางวันพร้อมกับคนอื่นแล้วหญิงสาวก็ดึงตัวมาลีมาแอบคุยกันที่ห้องเล็กที่ให้มีไว้นั่งพักผ่อนทางด้านหลัง
“ใจร้อนจังนะ”
“ก็เนสอยากรู้นี่คะ เพื่อนพี่มาลีบอกว่ายังไงบ้าง”
“เพื่อนพี่บอกว่าคุณฐากูรเขาโสดสนิทเลยนะ ไม่มีแฟน ไม่ได้แอบคบใครและไม่เคยพาใครมาที่ไร่เลย”
คำว่าโสดสนิททำเนสิตายิ้มกว้างอย่างมีความหวัง ในเมื่อเขาโสดและเธอก็โสดมันก็ไม่ยากเลยที่เธอจะเข้าไปตีสนิทกับเขา
“คิดอะไรอยู่”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” หญิงสาวรีบปฏิเสธเพราะถ้าบอกมาลีไปว่าจะเป็นคนเริ่มจับผู้ชายก่อนก็กลัวเหลือเกินว่าพี่มาลีจะเอาเรื่องนี้ไปบอกมารดา
หญิงสาวเริ่มวางแผนแล้วว่าจะเข้าไปสนิทกับเขายังไง เธอเดินออกจากห้องพักของพนักงานไปหามารดาที่อยู่อีกห้อง
“เหนื่อยไหมเนส”
“วันนี้สบายๆ ค่ะ หนูว่าหนูเริ่มปรับตัวได้แล้วค่ะ วันนี้หนูไม่พลาดเลย”
“เก่งมาจ้ะลูกสาวแม่”
“แม่ค่ะแม่รู้จักไร่ฐากูรไหมคะ”
“รู้จักสิ ก็ไร่ที่น้าของหนูไปทำงานไงล่ะ”
“เมื่อกี้เจ้าของไร่เขามาทานอาหารที่ร้านเราด้วยค่ะ”
“คุณฐากูรน่ะเหรอ”
“ค่ะ พี่มาลีบอกที่ไร่เขาก็มีร้านอาหารแต่แปลกที่เขามาทานที่นี่”
“เขาไม่คงมาอยากวุ่นวายน่ะ เขามักจะมาที่นี่อยู่บ่อยๆ บางครั้งก็แค่มาทานอาหารแต่บางครั้งก็เอาไวน์มาส่งเอง”
“เราสั่งไวน์จากไร่ของเขาเหรอคะ”
“ใช่จะนอกจากอร่อยแล้วยังราคาดีด้วยเพราะน้าพลทำงานที่นั่นก็เลยได้ส่วนลด”
“หนูอยากไปดูไร่ของเขาจังค่ะแม่”
“เอาไว้ลูกปลากลับมาทำงานก่อนนะลูกแล้วแม่จะบอกน้าพลให้ว่าหนูอยากไปที่นั่นแต่หนูต้องสัญญาว่าจะไม่ไปกวนน้าเขาเวลาทำงานนะ”
“สัญญาเลยค่ะว่าหนูจะไม่กวนน้าพลอย่างเด็ดขาด” เนสิตาสัญญาอย่างหนักแน่นเพราะคนที่เธอจะกวนนั้นเป็นเจ้าของไร่ต่างหาก
สามวันแล้วที่เนสิตาไม่ติดต่อมาหาหลังจากวันที่เขาจูบกับเธอที่น้ำตกท้ายไร่ ฐากูรรู้สึกผิดที่ทำแบบนั้นกับเธอแต่ในตอนนั้นบรรยากาศและอารมณ์มันพาไป เขาอยากจะเจอเนสิตาและขอโทษเธอแต่จะโทรศัพท์ไปหาแต่ก็ละอายใจเกินกว่าจะทำแบบนั้นเขาคิดว่าบางทีตอนนี้เนสิตาอาจจะโกรธเขาจนไม่อยากจะคุยกับเขาแล้วก็ได้เพราะปกติเธอมักจะโทรศัพท์หาเขาในเวลาหัวค่ำทุกวัน แต่นี่มันก็ผ่านมาสามวันแล้วที่เขาไม่ได้ยินเสียงของเธอเลยจากที่เป็นคนชอบความสันโดษชอบอยู่คนเดียวเงียบๆ แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อเนสิตาเข้ามาในชีวิต เขารู้สึกชอบในความสดใสชอบเสียงคุยเจื้อยแจ้วที่คุยอยู่ข้างหูมันทำให้ความรู้สึกเหงาหายไปจนหมดสิ้นฐากูรต้องคุยเรื่องที่เกิดขึ้นกับเนสิตาให้รู้เรื่องเขาต้องขอโทษเธออย่างจริงจังต่อหน้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เขาจัดการเคลียร์งานทุกอย่างในไร่จนเสร็จจากนั้นก็ขับรถมาอย่างร้านอาหารของคุณนีรนุชเพื่อหวังว่าจะได้เจอกับเนสิตาอีกครั้งแต่ก็ไม่เป็นอย่างที่คิดเพราะวันนี้หญิงสาวไม่ได้มาทำงานฐากูรนั่งทานอาหารอย่างเงียบๆ ลูกค้าในร้านค่อนข้างเยอะทำให้เขาไม่มีโอกาสถามถึงเนสิตาเลย เมื่อมื้ออาหารจบลงเขาก็เดินออกจากร้านมาด้วยความผ
ทั้งสองเหมือนตกอยู่ในภวังค์เนิ่นนานกว่าจะผละออกจากกัน“ผมขอโทษ” เขาพูดอย่างสำนึกผิดก่อนจะประคองหญิงสาวกลับมาที่รถเนสิตานั่งเงียบมาตลอดทางเพราะกำลังสับสนกับความรู้สึกของตนเอง“จะกลับเลยเหรอ”“ค่ะเนสต้องรีบกลับไปอาบน้ำ”“เจ็บอยู่ไหมขับรถไหวหรือเปล่า” เขาถามอย่างห่วงใย“ไม่ค่ะ ไปก่อนนะคะ”“ขับรถดีๆ นะ” เขามองตามหลังรถคันเล็กของเธอไปจนสุดสายตาเนสิตาขับรถออกมาจากไร่ของฐากูรพอพ้นเขตรั้วได้ไม่นานหญิงสาวก็จอดรถข้างทาง ตอนนี้เธอแทบไม่มีสมาธิขับรถเลยเพราะสมองคิดถึงแต่จูบของฐากูรเมื่อครู่จูบแรกในชีวิตของเธอมันเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งกับผู้ชายที่เธอรู้จักมาได้ไม่นานนัก แต่กลับรู้สึกผูกพันอย่างประหลาด ความรู้สึกที่เพิ่งได้รับนั้นไม่ใช่แค่การแตะต้องกันของริมฝีปาก แต่มันคือการเปิดโลกใบใหม่ที่ไม่เคยรู้จักเป็นประตูสู่ความรู้สึกที่ซับซ้อนและลึกซึ้งยิ่งกว่าที่เคยเข้าใจตอนนี้ในใจของเนสิตาเต็มไปด้วยคำถามมากมาย แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีความสุขที่เอ่อล้นจนอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนั้น ความกลัวที่อาจจะเกิดขึ้นกับการถูกรุกรานไม่มีอยู่เลย มีแต่ความรู้สึกปลอดภัยและอ่อนโยนที่แผ่ซ่านมาจากสัมผัสของเขา ความรู้สึกว่าโลกทั
วันนี้เนสิตาตื่นเต้นและดีใจมากที่จะได้ไปเที่ยวที่ไร่องุ่นของฐากูร เธอขับรถเก๋งคันเก่าของมารดาเข้าสู่ถนนสายเล็กที่มุ่งหน้าสู่ไร่องุ่นของฐากูรอีกครั้ง กลิ่นหอมจางๆ ของดินและองุ่นที่คุ้นเคยลอยมาปะทะจมูกตั้งแต่ก่อนจะเห็นรั้วไร่เธอไม่ได้ติดรถเขามาอย่างเคย แต่การได้ขับรถมาด้วยตัวเองแบบนี้กลับให้อิสระและรู้สึกเหมือนตัวเองโตขึ้นกว่าเดิมเมื่อรถจอดสนิทที่หน้าออฟฟิศทางด้านหลังของร้านอาหารนวพลก็เดินออกมาต้อนรับหลาน“น้านึกว่าเนสจะหลงไปที่อื่นแล้ว ทำไมถึงช้าจัง”“ก็สองข้างทางวิวดีมากนี่คะหนูเลยขับช้า วันนี้น้าพลยุ่งไหมคะ”“ไม่เท่าไหร่ อยากดูเขาทำไวน์ใช่ไหม”“ใช่ค่ะแต่หนูไม่รบกวนน้าพลหรอกค่ะหนูนัดกับคุณฐาไว้แล้ว” เนสิตาบอกกับน้าชายเพราะเมื่อวานเธอโทรศัพท์มานัดกับฐากูรไว้แล้ว“แน่ใจนะว่านัดไว้แล้ว”“แน่ค่ะ แล้วตอนนี้คุณฐาอยู่ที่ไหนคะ”“อยู่ในห้องทำงาน ห้องนั้นไง” นวพลชี้ไปยังห้องหนึ่งที่อยู่อีกด้านของออฟฟิศ“หนูขอตัวก่อนนะคะ”“อย่าไปกวนเขามากล่ะ” เขากำชับหลานสาวแต่ก็ไม่รู้ว่าเธอจะฟังคำเตือนของเขาหรือเปล่าหญิงสาวเคาะประตูพอเขาอนุญาตก็รีบเปิดเข้าไป เธอยิ้มทักทายเจ้าของห้องที่นั่งทำงานเอกสารกองโตอยู
เช้าวันใหม่เนสิตาตื่นตั้งแต่เช้า เธอเลือกสวมชุดที่เน้นความสบายคล่องตัวแต่ยังคงความน่ารักอย่างที่ชอบ เสื้อกล้ามคอกลมผ้าคอตตอนสีขาวซึ่งเป็นสีโปรดจากนั้นสวมทับคาร์ดิแกนสีเบจตัวบางเหมาะสำหรับอากาศที่ร้อนอบอ้าว ท่อนล่างกางเกงผ้าลินินสีเบจขาสั้นเหนือเข่าเผยให้เห็นเรียวขาสวยรับกับรองเท้าผ้าใบสีขาวคู่โปรดที่เธอสวมอยู่เป็นประจำผมสีน้ำตาลเข้มถูกรวบขึ้นเป็นหางม้าสูงปล่อยปอยผมบางส่วนหลุดลุ่ยลงมาข้างแก้มอย่างเป็นธรรมชาติ วันนี้เธอแต่งหน้าอ่อนๆ เผยผิวหน้าใสรับริมฝีปากที่เจือสีระเรื่อจากลิปออยด์สีหวานทำให้เธอดูมีเสน่ห์ตามวัยอย่างน่ามอง หญิงสาวหมุนตัวหน้ากระจกจนมั่นใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยก็ออกมาช่วยมารดาเอาแซนด์วิชลงกล่อง“ถึงแล้วโทรบอกแม่ด้วยนะลูก”“ได้ค่ะแม่หนูรู้ว่าแม่เป็นห่วง”เมื่อรถของฐากูรเล่นเข้ามาหน้าบ้านสองแม่ลูกก็จัดแซนด์วิชลงกล่องเสร็จพอดีฐากูรดับเครื่องและเดินลงมาจากรถวันนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนขึ้นถึงข้อศอกกับกางเกงยีนสบายๆ เหมือนกับทุกวันจะต่างก็ตรงรองเท้าเพราะวันนี้เขาสวมรองเท้าผ้าใบแทนที่จะเป็นรองเท้าบูตเหมือนตอนที่อยู่ในไร่ชายหนุ่มยังไม่ทันได้กดออดที่หน้าบ้านคุณนีรนุชและลูกส
แม้ตอนนี้เนสิตาจะหายจากอาการไข้แล้วแต่มารดาของเธอก็ยังไม่ให้ไปช่วยงานที่ร้านด้วยเหตุผลที่ว่าอยากให้เธอได้พักผ่อน แต่ดูเหมือนเนสิตาจะไม่ได้คิดแบบนั้นเลย สองวันมานี้เธออยู่บ้านและรู้สึกเหงามากแม้ตอนกลางวันจะโทรศัพท์ไปคุยกับเพื่อนและดูซีรี่ส์เรื่องโปรดแต่มันก็ไม่สนุกเลยเมื่อเทียบกับการออกไปที่ไร่องุ่นของฐากูรเมื่อวานหญิงสาวโทรศัพท์ไปชวนเขาคุยในเวลาหัวค่ำแต่ก็คุยได้ไม่นานเพราะฐากูรขอตัวไปทำงานก่อนหญิงสาวไม่รู้ว่าทำไมเขายังจะต้องทำงานอะไรกลางคืนอีกแต่ถ้าเจอกันครั้งหน้าเธอจะต้องถามเขาให้ได้ว่าที่เขาชอบพูดว่าขอตัวไปทำงานนั้นเพราะเขาไม่อยากจะคุยกับเธอหรือเพราะเขามีงานที่จะต้องทำจริงๆเหตุผลที่ไม่ถามทางโทรศัพท์ก็เพราะอยากจะเห็นสีหน้าและท่าทางของเขาขณะตอบคำถามของเธอด้วยว่ามันมีความจริงใจหรือกำลังโกหกถึงกันแน่เนสิตานอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงจนกระทั่งได้ยินเสียงรถของมารดาที่ขับเข้ามาในบริเวณบ้านในเวลาเกือบจะสี่ทุ่มหญิงสาวรีบเปิดประตูต้อนรับทันที“เหนื่อยไหมคะแม่วันนี้ลูกค้าเยอะไหม”“เยอะจ้ะลูกค้าเต็มทุกโต๊ะเลย”“กินน้ำเย็นๆ ก่อนนะคะแม่ กินข้าวมาหรือยังคะ” เนสิตารีบเอาน้ำในตู้เย็นมาให้มารดาแล้
หลังจากจัดการงานทุกอย่างที่ไร่เสร็จแล้วฐากูรก็ยกลังไวน์ขึ้นหลังรถกระบะก่อนจะขับรถเข้ามาในเมืองวันนี้เขาต้องส่งไวน์ให้กับร้านอาหารของคุณนีรนุชลูกค้าประจำ“สวัสดีค่ะคุณฐา คุณวันนี้มาส่งเองเหรอคะ”“สวัสดีครับคุณนุช ผมจะเข้ามาทานข้าวที่นี่อยู่แล้วก็เลยเอาไวน์มาส่งเองจะได้ไม่เสียเที่ยวครับ” เขาพูดขณะยกกล่องไวน์เข้าทางหลังร้าน“ขอบคุณนะคะที่เอาไวน์มาส่งก่อนเวลา ช่วงนี้ลูกค้าสั่งไวน์กันเยอะก็เลยต้องสั่งด่วน”“ไม่เป็นไรครับ ลูกค้าคุณนุชเยอะผมเองก็ขายไวน์ได้เยอะ” เขายิ้มก่อนจะยกไวน์ลังสุดท้ายเข้าไปวางในห้องครัวจากนั้นก็เดินออกมาด้านหน้าเลือกโต๊ะนั่งประจำของตนเองก่อนจะสั่งเมนูคุ้นเคยมาทานระหว่างรออาหารนีรนุชก็มาชวนคุย“เมื่อวานลูกสาวฉันไปกวนอะไรคุณฐาหรือเปล่าคะ”“ไม่หรอกครับเธอก็เหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป”“ถ้าลูกสาวของฉันไปกวนคุณฐาบอกมาได้เลยนะคะ เนสยังเด็กไม่ค่อยรู้กาลเทศะเท่าไหร่บางครั้งก็ติดจะพูดมากไปหน่อย ฉันกลัวคุณฐาจะรำคาญค่ะ”“ไม่เป็นไรหรอกครับแล้วนี่เจ้าตัวไปไหนล่ะ ปกติผมจะเห็นมาคอยรับออเดอร์”“ไม่สบายค่ะ”“อ้าวเป็นอะไรล่ะครับ”“ก็คงตากแดดทั้งวันน่ะค่ะก็เลยเป็นไข้”“ผมขอโทษนะครับที่พาล