“มึงก็รีบมีเมีย อย่างมึงหายากที่ไหน พวกน้องๆ หนูๆ ต่อแถวรอมึงให้พรึบ” อันนี้เรื่องจริงไม่ได้พูดไปเอง ภาคย์เป็นผู้ชายที่หล่อและมีเสน่ห์ในแบบที่สาวๆ หลายคนมองหา ถ้าให้พูดตามตรง ตัวมันเองยังมีสาวๆ เข้าหามากกว่าหมออย่างเขาด้วยซ้ำ เพียงแต่มันขยันกินไม่เลือก แล้วก็จบความสัมพันธ์ไปเรื่อยๆ ไม่คิดจะหาใครจริงจังเสียที
“ถ้ากูเจอรักแท้ในคืนหลอกลวงแบบมึงก็ดีสิครับ” ภาคย์จำได้ดีว่าทั้งสองคนนี้เจอกันในวัน April Fool’s Day จะว่าไปก็เหมือนนิยายอยู่เหมือนกัน
แต่ก็นะ...ความรักมันก็เป็นเช่นนี้เสมอ นอกจากจะไม่มีเหตุผลแล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่ไม่ไขว่คว้ามันก็จะเข้ามาหาแบบตั้งตัวไม่ทันเลย
“เมษ์มั่นใจค่ะว่าคนดีๆ อย่างพี่ภาคย์จะต้องเจอผู้หญิงที่น่ารักมากแน่ๆ”
“คนดี? พี่ให้พูดอีกทีครับที่รัก”
“ไอ้หมอหมามึงเงียบไปเลย ขอบคุณนะครับน้องเมษ์” ชายหนุ่มส่งยิ้มให้เมียเพื่อนด้วยความเป็นมิตร ก่อนจะเดินเข้างานเพื่อให้เพื่อนได้ต้อนรับแขกคนอื่นๆ ต่อไป
“เฮ้อ” พอมองดูรอบ ๆ งานแต่งของเพื่อนสนิท มันอดทำให้ภาคย์คิดไม่ได้ว่า...ชีวิตเขามันจะมีโอกาสได้เจอรักแท้แบบนี้บ้างหรือไม่ หรือจริงๆ แล้วเขาเกิดมาเพื่อหล่อแล้วตายไปให้ผู้หญิงเสียดายเล่นกัน!
งานแต่งที่ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายได้ผ่านพ้นไปแล้ว และเวลาต่อมาก็คือช่วงเวลาที่บ่าวสาวรอคอย ส่วนแขกน่ะเหรอ...ถ้าบอกว่าไม่รอก็คงไม่ใช่ เพราะเวลานี้หลายคนต่างลุกขึ้นยืนเตรียมพร้อมที่จะสนุกไปกับช่วง After Party แล้ว
แน่นอนว่าบรรดาแขกเหรื่ออาจรู้ว่าขวัญเมษาไม่ได้เป็นเพียงแค่นักเทคนิคการแพทย์เท่านั้น แต่เธอยังเป็นนักร้องสาวมืออาชีพ ส่วนเมธากรน่ะเหรอ น้อยคนนักที่จะรู้ว่าหมอหนุ่มใหญ่เองก็เป็นนักร้องมากความสามารถ ถ้าไม่ได้คบกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ก็อาจจะไม่เคยได้ยินเขาร้องเพลง
เมธากร…อดีตนักร้องนำของวงมหาลัยขึ้นเวทีแล้ว…
“สุด!!!” งานนี้เล่นเอาทุกคนแตกตื่นมองเขาด้วยสายตาลุกวาวอย่างไม่อยากจะเชื่อหู
งานแต่งแสนหวานเมื่อครู่ แปรเปลี่ยนเป็นธีมร็อกในเวลาเพียงไม่กี่นาที พร้อมกับป้ายโชว์ ‘มินิคอนเสิร์ต เมธ-เมษ์’ ด้านบ่าวสาวสะบัดชุดแต่งงานสีขาวมินิมอลออก และสวมใส่ชุดหนังสีดำสุดเท่ควงไมค์กันอย่างไม่มีใครยอมใคร เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากคนในงานได้อย่างล้นหลาม
“ขอต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกท่านเข้าสู่ช่วงมินิคอนเสิร์ตจากเราสองคนนะคะ” แต่งเอง ร้องเอง เป็นพิธีกรเอง นักเลงพอ
“เชื่อว่าทุกคนในที่นี้ต้องรู้จักแนวเพลงเก่า ๆ อยู่แล้ว โดยเฉพาะเพื่อนเจ้าบ่าว ยังไงก็ช่วยกันร้องตามด้วยนะครับ” เมธากรผู้ไม่ค่อยจะเขินอายกับอะไร บอกตามตรงว่าตอนนี้เขากำลังเขินมาก ยิ่งได้ร้องคู่กับขวัญเมษาในคืนงานแต่งของสองเรา มันยิ่งเป็นภาพที่เหนือจินตนาการของหมอหนุ่มใหญ่สุดๆ
“เมษ์กับพี่หมอเมธเราเจอกันครั้งแรกในผับที่เมษ์เป็นนักร้องนำอยู่ค่ะ ทุกคนเชื่อไหมคะว่าตอนนั้นที่เมษ์อยู่บนเวทีแล้วมองลงมาเห็นคุณลุงคนหนึ่งกำลังเต้นเบาๆ ถือแก้วเหล้าในมือ มันแทบจะทำให้เมษ์ร้องเพลงเพี้ยนเลยล่ะค่ะ พี่หมอเมธเอาใจเมษ์ไปครองตั้งแต่คืนนั้นเลย แถมพี่หมอเมธยังไม่ธรรมดาด้วยนะคะ โดนเรียกลุงเข้าหน่อยก็รีบเดินขึ้นมาโชว์สเต็ปแดนซ์กับเมษ์บนเวทีเลย”
เสียงปรบมือกู่ร้องแซวดังขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความที่หลายคนอาจนึกภาพอาจารย์หมอผู้แสนเงียบขรึมในโมเมนท์นั้นไม่ออก
“ว่าแต่ทำไมจารย์หมอถึงขึ้นไปร้องเพลงกับน้องเมษ์คืนนั้นล่ะครับ”
คำถามชงแบบนี้ไม่ได้มาจากใครที่ไหน แต่มาจากภาคย์เพื่อนสนิทที่อยู่ในเหตุการณ์คืนนั้นนั่นเอง
“ตอนแรกก็แค่รู้สึกอยากทำให้เด็กนี่เห็นว่าถึงจะแก่แต่ก็มีน้ำยา ผมเลยต้องขอโชว์ของให้เด็กมันดู”
“อูยยยยย”
‘น้ำยา และ โชว์ของ’ ที่เขาว่า มันทำให้ทุกคนพากันคิดไกลจนเขินหน้าแดงไปหมดแล้ว โดยเฉพาะเจ้าสาวบนเวทีอย่างขวัญเมษาที่แทบจะจำบทพูดต่อไปไม่ได้ “ผมหมายถึงรุ่นใหญ่เล่นให้เด็กมันดูน่ะครับอย่าคิดลึก”
ฮือ…เมธากรเล่นเธอแรงมาก ก็เธอดันเรียกเขาว่าลุงก่อนนี่นา!
“อันที่จริงเรื่องของผมกับเมษ์มันค่อนข้างที่จะแปลกหน่อย เราสองคนเจอกันในวัน April Fool’s Day แน่นอนว่าผมก็เต็มที่เลย หลอกเธอเต็มที่ แต่ใครจะคิดล่ะครับว่าเราสองคนจะบังเอิญมาเจอกันอีกครั้งที่เกาะเสม็ดแห่งนี้ ตอนนั้นที่ผมเจอเมษ์อีกครั้ง ผมก็รู้ได้ทันทีเลยว่าผมปล่อยเธอคนนี้ไปไม่ได้แน่”
“พี่เมธ...เมษ์เขินหมดแล้วนะ” เจ้าสาวถึงกับกระซิบกระซาบเบาๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน หากแต่สามีไม่ฟังและยังคงเย้าแหย่เธอต่อไป
“เป็นไงครับ สรุปว่าลุงคนนั้นทำให้น้องเมษ์ถูกใจได้หรือเปล่า” ยังไม่หยุด ยิ่งเห็นเธอเขินเมธากรก็ยิ่งอยากไล่ต้อน ปกติเขาไม่ใช่คนชอบโชว์ความหวานต่อหน้าใครนัก หากแต่ค่ำคืนนี้มันคือคืนของเขากับเธอ เพราะฉะนั้นชายหนุ่มอยากเป็นตัวของตัวเองและทำให้เจ้าสาวมีความสุขที่สุด
“ไม่ถูกใจแล้วจะยอมเป็นเจ้าสาวเหรอคะ” คนตัวเล็กตอบกลับน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น จนเสียงกรี๊ดจากแขกเหรื่อในงานได้ดังไปทั่วทั้งหาด
“เอาล่ะครับ เจ้าสาวผมเขินตัวบิดหมดแล้ว ยังไงผมขอเป็นตัวแทนของเจ้าภาพกราบขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมเป็นพยานรักของเราในค่ำคืนนี้ ผมขอให้คำมั่นด้วยเกียรติของผม ว่าผมจะรักและดูแลเมษ์...รวมถึงลูกของเราให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ครับ” หมอหนุ่มบีบมือเธอแน่น หันไปสบตาเพื่อยืนยันคำรักจากใจ
“ซึ้งกันมาเยอะแล้ว ยังไงก็อย่าเพิ่งกลับนะครับอยู่สนุกกับมินิคอนเสิร์ตจากพวกเราสองคนเสียก่อน และเพลงแรกที่เราสองคนจะร้องให้ทุกคนได้ฟัง ก็คือเพลงแรกที่ผมกับเมษ์เคยร้องด้วยกันมาแล้วในคืน April Fool’s Day ครับ”
เสียงดนตรีบรรเลงเพลง ‘ขี้หึง’ ของวง Silly Fool ดังขึ้น ก่อนจะเริ่มร้องนำด้วยเสียงใส ๆ ของขวัญเมษา ทุกอย่างเหมือนค่ำคืนนั้นวนกลับมาอีกครั้งไม่มีผิด…
“ยิ้มให้กับฉันหน่อย แค่หึงเล็กน้อยแค่คอยรัก ได้โปรดอย่าโกรธฉันขนาดนั้น อีกนานคงขาดใจ…”
และไม่ใช่ไม่ไว้ใจ ใจฉันร้อนหากใครมองนัก ก็เธอดันน่ารักขนาดนั้น ให้มองอยู่ได้ไง…”
บ่าวสาวต่างจูงมือกันร้องเพลงประสานเสียง และสบตากันอย่างลึกซึ้งท่ามกลางแขกทุกคนที่เริ่มออกมาโชว์ลวดลายลีลาด้านหน้าเวที
โดยเฉพาะภาคย์ที่ยิ้มไม่ยอมหุบ
“ที่เป็นไปน่ะเป็นไปด้วยรัก แต่อาจจะขี้หึงเกินไปแต่ใจทั้งใจมีแต่เธอคนเดียว รักเธอคนเดียว ไม่ยอมให้ใครมาเปลี่ยนไป…”
ขอบคุณโชคชะตาที่ส่ง ‘คุณลุง’ สุดฮอตในคืนนั้นให้มาเป็นสามีของเธอในคืนนี้...และขอขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามเรื่องราวของเราสองคนมาจนจบค่ะ
ตอนต่อไปจะเป็นเรื่องของพี่ภาคย์ เพื่อนพระเอกนะคะ
ครอบครัวเขมาภิวัฒน์มีกันสามคนพี่น้อง เรื่องราวความรักของคุณหมอณัฐกร คุณหมอกระดูกและข้อรูปหล่อก็คือ อ้อนรักพี่หมอรสกลมกล่อม ส่วนคุณหมอเขมกร หมอสูติน้องชายคนเล็กของบ้านนั้นคือเรื่อง คืนข้ามปีของซานตี้แป้ง จะลงให้ติดตามต่อค่ะ
รอยสักแบบนี้เธอจำได้ดี มันไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน และเธอก็ชอบมันมาก ลวดลายมันยังคงติดตาเธอมาถึงตอนนี้“เอ่อ รอยสักของพี่ลายนี้ สวยจังเลยนะคะ” หญิงสาวเริ่มตะกุกตะกักเมื่อพบว่าเธอเคยเห็นรอยสักลวดลายแบบนี้มาก่อน“อืม พี่ออกแบบคิดค้นขึ้นมาเอง มีที่เดียวในโลก หนูไม่มีทางไปเจอมันบนตัวของผู้ชายคนไหนอีกอย่างแน่นอน” ภาคย์อมยิ้ม เขาอ่านประกายสายตาของเธอออก ต้องมนตร์ดูตกใจ เหมือนกำลังนึกบางอย่างขึ้นมาได้“ใช่…ใช่คนเดียวกันแน่ๆ” ทั้งดวงตาและใบหน้าที่เธอเคยประทับใจ ทั้งน้ำเสียงนุ่มๆ ทั้งความรู้สึกคุ้นเคยตอนเจอกันต้องมนตร์อยากจะเขกหัวตัวเองหนัก ๆ อีกรอบก็แล้วใครมันจะไปคาดคิดกันละว่าจะเป็นเขาคนนั้น ตอนที่เจอกันครั้งแรกเขาเป็นพระ ส่วนครั้งต่อมาเขาดันไปปรากฏตัวบนเวทีในบาร์โฮส“หลวงพี่ แล้วทำไมหลวงพี่ถึง…”“พี่ไม่ได้เป็นพระแล้ว เรียกพี่ภาคย์ก็พอ”เธอจ้องหน้าเขาแล้วยิ้มกว้าง รู้สึกดีใจเหลือเกินที่ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นพระเหมือนกับตอนนั้น ความอบอุ่นวาบหวามแผ่ซ่านขึ้นมาอย่างประหลาด“หลวงพี่เคยบอกหนูว่า…คนเราพอมีรักก็ย่อมมีทุกข์ แต่ว่าตอนนี้หนูมีความรักอีกแล้ว…. หนูควรจะทำตามหัวใจของตัวเองใช่ไหมคะ หลว
“ใจเย็นก่อนหนู” ภาคย์เอ่ยพลางอมยิ้ม เมื่อคนตัวเล็กเข้ามานั่งข้าง ๆ ในรถแล้วสวมกอดเขาในทันที….ใครจะไปใจเย็นไหว คิดถึงจะแย่แล้วเนี่ย ต้องมนตร์เพียงแค่คิดแต่ไม่ได้พูด เธอยื่นสองมือไปโอบประคองสองข้างแก้มของเขาในท่วงท่ามันเขี้ยว ก่อนจะขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ ๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า “จูบหนูหน่อย จูบหนูหน่อยนะคะ…นะคะ”ต้องมนตร์นอนไม่หลับมาตั้งสามคืนเพราะเขา และเขาก็ต้องรับผิดชอบ“อื้อ” คนจูบเก่งรีบจัดให้โดยไม่อิดออด ทั้งขยับดูดเน้นย้ำ ๆ ทั้งสอดใส่ปลายลิ้นเข้าไปปั่นป่วนในโพรงปากเธออย่างซุกซน“หนูคิดถึงพี่มาก ๆ เลย” หญิงสาวรีบสารภาพ“แล้วพี่ล่ะ คิดถึงหนูบ้างไหมคะ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังเงียบอยู่ต้องมนตร์ก็ยิงคำถามต่อไปใส่ทันที“คืนนี้ให้พี่ดูแลหนูอีกนะ” สำหรับต้องมนตร์แล้วทั้งน้ำเสียงออดอ้อนและสายตาที่ดูโหยหาเธอนั้นใช้แทนคำตอบได้เป็นอย่างดี “ไปบ้านพี่ไหม….”“ไปค่ะ…ถ้า….” แววตาของเธอมีความลังเลปะปนอยู่ในนั้น “ถ้าอะไร”“ถ้าพี่ยังโสด…”ภาคย์คลี่ยิ้มลุ่มลึกก่อนจะออกรถ ในขณะที่หญิงสาวก็คิดว่าความลึกลับที่ซุกซ่อนอยู่ในความเปิดเผยจริงใจของเขานี่แหละคือเสน่ห์เฉพาะตัวของชายหนุ่ม “หนูชอบพี่ สองสามวั
ตัดภาพไปที่ต้องมนตร์ เธอโมโหตัวเองจริงๆ เธอบอกหมายเลขห้องให้เขาไปอย่างละเอียด แต่ดันไม่ขอเบอร์ติดต่อของเขาหรือแลกไลน์กันเนี่ยนะ! จะบ้าตาย!เอาน่า…. ถึงยังไงก็ต้องทำใจ มันก็แค่การอ๊อฟหนุ่มโฮสมาเดทแค่ชั่วคราว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่คิดค่าตัวแล้วก็ออกเงินเลี้ยงเธอทุกอย่างก็ตามเถอะ!พรุ่งนี้พอตื่นเช้ามาทุกอย่างก็กลับสู่โลกของความเป็นจริงแล้ว หากวันหลังเกิดเหงาขึ้นมาก็ค่อยไปเที่ยวที่บาร์โฮสแห่งนั้นอีกครั้งก็ได้คิดแล้วเธอก็อาบน้ำนอน กอดหมอนข้างฝันหวานถึงรสจูบอันหวานซึ้งของเขาอย่างพร่ำเพ้อ…งือ….ถ้ามีเขาคอยนอนกอดทั้งคืนก็คงจะดีหลังจากสองคืนที่เธอคิดถึงเขาแทบบ้าผ่านพ้นไป ต้องมนตร์ก็พบว่าตัวเองมายืนอยู่ตรงหน้าบาร์โฮสแห่งนี้อีกครั้ง และครั้งนี้เธอก็มาคนเดียวหัวใจดวงน้อยเรียกร้องให้หญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปข้างใน และถึงแม้ว่าจะมีหนุ่มหล่อเดินผ่านตาไปมา ทว่าหญิงสาวก็ไม่ว่อกแว่ก เพราะคนที่เธอต้องการมาพบในคืนนี้นั้นคือเขาแค่คนเดียว“วันนี้จะรับกี่ดื่มดีครับ” เสียงทุ้มนุ่มของพีอาร์หนุ่มลอยมาเข้าหูหญิงสาวทันทีที่เธอหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟา ทว่าแววตาของเธอกลับล่องลอยเหม่อมองไปบนเวทีพี่เขาไม่อยู่ที่นั่น ไม่มีแม้แ
บนที่นั่งที่ดีที่สุดในโรงภาพยนตร์วีไอพี หนังรอบดึกเริ่มฉาย และหลายคู่รักก็เริ่มพลอดรักกันอย่างสวีทหวานชื่น บางคู่ก็เริ่มลูบหัวกันอย่างรักใคร่เอ็นดู บางคู่ก็เริ่มล้วงควักกอดจูบกันนัวเนียต้องมนตร์เองก็เริ่มเอนกายซบหนุ่มโฮสต์รุ่นใหญ่ที่ตัวเองอ๊อฟมา หญิงสาวเลือกดูหนังรักโรแมนติกที่มีฉากเลิฟซีนค่อนข้างเยอะ และวินาทีนี้….สำหรับต้องมนตร์แล้ว พระเอกฮอลลีวูดรุ่นใหญ่ขวัญใจสาว ๆ ทั่วโลกที่กำลังยิ้มกว้างอยู่บนจอก็ไม่น่าดึงดูดใจเท่ากับเจ้าของบ่าอุ่นที่นั่งอยู่ข้าง ๆ“ชอบรุ่นใหญ่เหรอเราน่ะ” ภาคย์เหลือบมองคนตัวเล็กที่ยิ้มพริ้มซบบ่าเขาอยู่ เธอดื่มไวน์จนพวงแก้มกลายเป็นสีชมพูระเรื่อ แถมยังหาวยาว ๆ เพราะง่วงนอน พอมองไปมองมาภาพที่เธอเคยนอนหมดเรี่ยวหมดแรงอยู่ในศาลาวัดก็ย้อนกลับเข้ามาในหัวจนเขาต้องกลั้นขำ“จะรุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่ อายุก็เป็นเพียงตัวเลขทั้งนั้นแหละค่ะ” ต้องมนตร์เอ่ยพร้อมกับช้อนสายตาหวานเยิ้มขึ้นมองเขา“ไหนบอกจะดูหนัง แล้วทำไมถึงเอาแต่จ้องหน้าพี่” ภาคย์ดูหนังไม่รู้เรื่อง เพราะหน้าหล่อ ๆ โดนสาวสวยที่ควงมาจ้องเอา ๆ“เอ่อ….” ต้องมนตร์ที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังตกหลุมรัก พยายามดึงตัวเองให้หลุดออกมาจา
“พอ ๆ พอได้แล้ว รีบไปกันเถอะ” ภาคย์ตัดสินใจดับบุหรี่ ส่วนต้องมนตร์ก็ควงแขนเขาเดินไปยังรถยนต์คันเล็กๆ ของเธอ และพอไปถึงภาคย์ก็ดึงกุญแจรถจากมือเธอมาไว้ในมือตัวเองทันที“เดี๋ยวพี่ขับให้เอง หนูกินเหล้าไปตั้งขนาดนั้น นั่งฟังเพลงในรถเฉย ๆ ก็พอ จะเริ่มจากชอปปิง กินข้าวแล้วก็ดูหนังรอบดึกใช่ไหม”“ค่ะ” ต้องมนตร์อมยิ้มพร้อมพยักหน้าหงึกหงัก พอภาคย์เปิดประตูรถให้เธอก็รีบเข้าไปนั่งพร้อมรัดเข็มขัดนิรภัยอย่างรวดเร็ว หลังจากขยับเลื่อนเบาะตรงที่นั่งคนขับให้พอดีตัวแล้ว ภาคย์ก็ออกรถอย่างช้าๆ ไม่ลืมดึงมือเธอมากุมไว้ในแบบที่หนุ่มโฮสเขาชอบทำกันต้องมนตร์รู้สึกอบอุ่นหัวใจจนหน้าแดง พอนึกแล้วก็อยากจะรวยมากๆ เพราะหากซื้อตัวเขามาเป็นเพื่อนเที่ยวได้ทุกคืนแบบนี้ก็คงจะดภาคย์ขับรถไปยังห้างหรูที่มีทำเลตั้งอยู่ใกล้บาร์โฮสของเขามากที่สุด เพราะจะได้ชอปปิง กินข้าวและดูหนังเสร็จสรรพจบครบในที่เดียวต้องมนตร์ควงแขนภาคย์เดินเล่นในห้าง และอาการเมาไม่สร่างก็ทำให้หญิงสาวอารมณ์ดีและกล้าหาญชาญชัยในการเต๊าะผู้ชาย พอเห็นเงาสะท้อนจากบานกระจกหญิงสาวก็นึกขำ ผู้ชายที่เธอออฟมาดูไม่เหมือนหนุ่มโฮสเลยสักนิด เขาดูรวย ดูเหมือนกับป๋า ที่ควงเ
“เอา!!! คืนนี้ฉันจะออฟด้วย แกก็ไปหาผู้ชายของแก ส่วนฉันก็ไปหาผู้ชายของฉัน พอได้ผู้ชายแล้วก็แยกย้ายเลยละกัน” ต้องมนตร์หันไปกระซิบเพื่อน ในขณะที่สายตายังคงวนเวียนอยู่ที่หนุ่มใหญ่บนเวทีนี่เธอก็เข้าใจผิดมาตลอดว่างานนี้เขาจำกัดอายุ ไม่นึกเลยว่าเขาจะรับทุกรุ่น แล้วเธอก็ดันชอบรุ่นใหญ่เนี่ยนะ…“ถูกใจคนไหนก็รีบเลยนะแก ก่อนที่จะโดนแย่ง” เพื่อนรีบเอียงคอมากระซิบบอก“เอา…เอาคนนี้แหละ” ต้องมนตร์ยิ้มเขิน ชูมือขึ้นทำเป็นปืนแล้วเล็งไปทางเขา จากนั้นก็ยกแก้วเหล้าขึ้นซดอย่างครึกครื้น“ไหน…ไหนแกเล็งคนไหนเอาไว้”“ก็คนนั้นไง คนแก่ ๆ นั่นน่ะ” ดูเหมือนว่าคนที่อยู่บนเวทีนั้นจะยังไม่รู้ตัว ว่ามีสาวน้อยน่ารักหมายตาอยากได้เขามาเอาอกเอาใจตัวเองในคืนนี้ภาคย์ที่ตอนแรกกะจะมาตรวจงาน ตอนนี้กลับแฝงตัวเป็นหนุ่มโฮสรุ่นใหญ่ที่เต้นอย่างสนุกสนานอยู่บนเวที พอมาเห็นบรรยากาศแล้วก็พอใจ เดี๋ยวพอลงจากเวทีแล้วกะว่าจะไปนั่งจิบไวน์ชิลล์ ๆ ที่ผับอีกแห่งต่อ….แต่ทว่า พอลงจากเวทีก็มีสาวตัวเล็ก ๆ หน้าตาน่ารักมายืนดักทางเอาไว้ในทันที“คืนนี้หนูออฟพี่นะคะ”ภาคย์ตกใจ ใบหน้าคมคายชะงักงันไปชั่วครู่ วินาทีแรกก็ตกใจด้วยไม่นึกว่าจะมีสาวน้อยมาสน
ต้องมนตร์นั่งจิบกาแฟยามบ่ายอยู่ที่ร้านกาแฟของเพื่อนสนิท เพื่อนเปิดร้านกาแฟข้างทางชื่อร้านว่า ‘พ่อไม่รู้ว่าหนูเป็นตุ๊ด’ และตอนนี้สภาพจิตใจของคนเคยอกหักก็ดีขึ้นมาก มากจนเรียกว่าหายเป็นปกติแล้วก็ว่าได้“คืนนี้ว่างไหม ไปกินเหล้ากัน” หญิงสาวเอ่ยเจื้อยแจ้ว ตั้งแต่เมาแล้วเลี้ยวรถเข้าวัดในวันนั้น ต้องมนตร์ก็ไม่ได้แตะเหล้าอีกเลย “แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงนึกอยากกินเหล้า” เพื่อนสาวสองที่ชงกาแฟให้ลูกค้าหนุ่มหล่ออยู่หันมาถาม “ก็ฉลองที่ตัดใจได้ ไม่เหลือความเศร้าอะไรแล้วไง” ดวงตาทอประกายมีความสุขก่อนจะพุ่งเข้าไปกอดเพื่อนแล้วบอกว่า “นะ นะ แกคืนนี้พาไปเที่ยวหน่อย”“ไม่ว่าง นัดผู้ชายเอาไว้”“หูย! ทำไมตอบกันแบบไม่มีเยื่อใยอย่างนี้” หญิงสาวย่นจมูกให้เพื่อน ก่อนจะพุ่งเข้าไปโอบกอดเขาอย่างออดอ้อนอีกครั้ง “ไปด้วยกันนะแก ถ้าฉันเมาแล้วใครจะดูแล”“หล่อนน่ะกระเป๋าหนักหรือเปล่า”“ถ้าหมายถึงมีเงินเยอะไหมล่ะก็…เยอะมาก นี่แหละสวยและรวยมากของแท้” ฐานะทางการเงินของต้องมนตร์จัดได้ว่าอยู่ในระดับมหาเศรษฐี ครอบครัวของหญิงสาวเป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โอมากาเสะ หญิงสาวเป็นลูกคนเล็กของบ้าน มีนิสัยไม่ชอบอยู่ในกรอบ แตกต่า
“เดี๋ยวนี้หนุ่ม ๆ ไม่ค่อยมาบวชกันหรอก หลวงพี่นี่แหละเป็นพระที่อายุน้อยที่สุดในวัด ที่เหลือก็หลวงตาอีกสี่ห้ารูป” พระหนุ่มใหญ่ใจนักเลงหันไปพูดเสียงเข้ม ส่วนหญิงสาวที่กำลังยืนกวาดใบไม้อยู่ห่างๆ ก็คลี่ยิ้มน้อยๆ“หลวงพี่มาบวชนานเหรอยังคะ อกหักเหมือนหนูแล้วมาบวชหรือเปล่า” คนตัวเล็กหันมาส่งเสียงเจื้อยแจ้วถามด้วยความสงสัย “หึ!” พระภาคย์เอาแต่อมยิ้ม หากจะให้บอกไปว่าแม่สั่งให้มาบวชเพราะพระอาจารย์ทักว่าถ้าบวชแล้วจะเจอเนื้อคู่ก็กลัวว่าเธอจะมองเป็นเรื่องไร้สาระ“อาตมาไม่ได้อกหัก อาตมามาบวชเพราะอยากจะอยู่แบบสงบ ๆ สักพัก ส่วนโยมก็….รีบ ๆ ตัดใจแล้วหาแฟนใหม่ซะ” พระภาคย์ไม่ถนัดปลอบใจใคร ก็เลยแนะนำให้โยมสาวสวยมีรักใหม่ไปเสียให้มันจบๆ“จริงด้วยสิคะ! หนูคงต้องรีบหาแฟนใหม่ แต่หลวงพี่ก็พูดเหมือนกับว่ามันหาได้ง่าย ๆ อย่างนั้นแหละ”“แฟนใหม่หาไม่ยาก แต่ที่หายากคือแฟนดีต่างหากล่ะโยม”“แล้วหลวงพี่มีเพื่อนดี ๆ แนะนำให้หนูรู้จักมั้ยคะ แบบที่ไม่ได้เป็นพระเหมือนกับหลวงพี่น่ะค่ะ”พระภาคย์กระตุกยิ้ม รุ่นนี้แล้ว… ส่วนใหญ่ถ้าไม่แต่งงานมีลูกมีเมียกันไปหมดก็เป็นเกย์“แล้วแฟนเก่าเขาทำไว้กับโยมยังไงบ้างเหรอ” ที่ถามนั้นไม่ได
“หนูชื่อต้องมนตร์ค่ะหลวงพี่ เมื่อคืนนี้ถ้าไม่ได้หลวงพี่ช่วยไว้ล่ะก็หนูแย่เลย”ต้องมนตร์ในสภาพเมาค้างคลี่ยิ้มให้พระภาคย์พร้อมยกมือขึ้นพนมไหว้ ดวงตายังคงเยิ้มและฉ่ำปรือ เมื่อคืนเมาแล้วร้องไห้จนตาบวม แถมยังลุกขึ้นส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายจนทางร้านรีบไล่ให้กลับเพราะรบกวนลูกค้าคนอื่น“ไม่เป็นไรหรอกโยม แล้วเมื่อคืนโยมนอนที่ศาลาวัดหลับสบายดีไหม”“ก็…มีตื่นขึ้นมาแล้วปวดหลังนิดนึงค่ะหลวงพี่”เมื่อคืนนี้พระภาคย์บอกให้เด็กวัดเอาหมอน เสื่อและผ้าห่มมาให้ต้องมนตร์ที่ศาลาวัด ตามด้วยพัดลมกับยากันยุง“เมื่อคืนนี้โยมเมามาก อาตมาเห็นโยมทะเลาะอยู่กับหมาวัดตั้งนานกว่าจะนอน โยมส่งเสียงดังโวยวาย อาตมาคิดว่าโยมน่าจะโกรธแค้นใครมาสักคนแล้วเอาอารมณ์มาลงที่หมาวัดของอาตมา”พระภาคย์กลั้นขำตอนพูด ส่วนอีกฝ่ายได้แต่ทำหน้าตาเลิ่กลั่ก“เอ่อ…” ต้องมนตร์พูดอะไรไม่ออก ได้แต่คิดว่าเมื่อคืนไม่น่ากินเหล้าเข้าไปมากขนาดนั้นเลย“ว่าแต่ชื่อเพราะดีนะโยม ต้องมนตร์หรือว่าต้องคุณไสยกันแน่” พระหนุ่มอมยิ้ม ก่อนจะพยายามปั้นสายตาเปี่ยมเมตตามองหญิงสาว“ต้องมนตร์สิคะ ต้องคุณไสยอะไรกันคะหลวงพี่!” ต้องมนตร์ไม่อยากต่อปากต่อคำกับพระ เลยเบนสายตาไป