Beranda / รักโบราณ / ดรุณีกลางใจอ๋อง / บทที่ 6 ท่ามกลางหิมะ

Share

บทที่ 6 ท่ามกลางหิมะ

last update Terakhir Diperbarui: 2025-10-22 10:39:43

            รุ่งเช้า หิมะเริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้ง อวี้หนิงหนาวเหน็บไปทั่วทั้งร่าง ดวงตาที่จดจ้องไปตามเส้นทางของตำหนักอ๋องตลอดทั้งคืนแดงก่ำด้วยความสิ้นหวัง

                “เสี่ยวเหม่ย อาหารพวกนี้เย็นหมดแล้ว เจ้าเร่งไปที่ครัวอุ่นอาหารสักหน่อยเถิด” เสียงอ่อนแรงเอ่ยกับสาวใช้ที่เพิ่งปรือตาตื่น

                “คุณหนู แต่ว่าท่านอ๋อง...”

                “ข้าจะไปขอพบท่านตาเอง”

                “แล้วทหารจะให้พบหรือเจ้าคะ”

                “เมื่อขบวนนักโทษออกจากเมืองแล้ว บางทีการใช้ตำลึงมากหน่อยอาจทำให้ทหารพวกนั้นยอมผ่อนปรนสักครู่ก็ได้”

            แม้ไม่แน่ใจในความคิดนี้นัก แต่อวี้หนิงก็อยากลองดูสักครั้ง นางมิอาจปล่อยให้สองผู้เฒ่าตระกูลเหรินต้องตกระกำลำบากโดยที่ตัวเองนิ่งดูดายได้

                “เช่นนั้นข้าจะรีบไปอุ่นอาหาร คุณหนูรอครู่เดียวนะเจ้าคะ” สาวใช้ข้างกายที่อยู่กับนางตั้งแต่เล็กทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย

            อวี้หนิงยังคงนั่งรอเยว่ซิงด้วยความหวังว่าเขายังจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับนาง ทว่าจนแล้วจนรอดกลับไร้วี่แววคนของจวนฉู่อ๋อง หญิงสาวจึงทำได้เพียงตรงไปดักรอขบวนนักโทษนอกประตูเมืองแทน

            แต่กระนั้นกลับสายไป เมื่อทหารเฝ้าประตูบอกว่าขบวนนักโทษออกนอกเมืองไปราวหนึ่งเค่อ อวี้หนิงจึงจำต้องสั่งให้คนบังคับรถม้าเร่งม้าตามไป แต่รถม้ากลับไม่ยอมขยับ

                “คุณหนู ตอนนี้หิมะตกหนัก ม้ารู้สึกหวาดกลัว พวกมันไม่ยอมออกเดินขอรับ” เสียงคนบังคับม้าดังออกมาจากภายนอก

                “เช่นนั้นข้าจะเดินไปเอง” อวี้หนิงลงจากรถม้าโดยไม่สนใจคำทัดทานของเสี่ยวเหม่ย

            หญิงสาวที่มีผ้าคลุมหนากรอมถึงข้อเท้า เดินฝ่าพายุหิมะด้วยความเด็ดเดี่ยว ราวห้าลี้จากนี้มีศาลาพักม้า นางได้แต่หวังว่าขบวนนักโทษจะติดหิมะแล้วหยุดพักที่นั่น ทว่ายิ่งเดินห่างออกไป พายุหิมะกลับยิ่งรุนแรงจนร่างบางไม่อาจฝ่าไปได้อีก นางทรุดตัวนั่งกลางหิมะด้วยร่างกายที่อ่อนแรง

            ภายใต้ท้องฟ้าที่ขาวโพลน อาชาแกร่งสามตัวกลับตะบึงฝ่าพายุโดยไม่หวาดกลัว ดวงตาสีนิลเข้มที่โผล่พ้นผ้าปิดหน้าเห็นร่างบางที่นั่งอยู่กลางหิมะไม่ไกลจากวิถีที่ม้ามุ่งไป

            เขาไม่ต้องเดาก็รู้ได้ว่าสตรีกลางหิมะนางนี้ต้องเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลซู เพราะที่หน้าประตูเมืองยังพบรถม้าของตระกูลซูและสาวใช้รั้งรออยู่ กระนั้น หยางเฉิงก็ไม่คิดที่จะหยุดช่วยเหลือ ความเร็วของอาชาไม่ได้น้อยลง ก่อนที่ม้าทั้งสามตัวจะตะบึงผ่านอวี้หนิงไป

            หญิงสาวที่ได้ยินเสียงอาชาได้แต่มองตามหลังม้าทั้งสามที่วิ่งผ่านนางไป หญิงสาวลุกขึ้นหวังร้องขอความช่วยเหลือ ทว่าไม่นาน ม้าพวกนั้นก็หายไปจากสายตาของนางเสียแล้ว

            หยางเฉิงควบม้าออกห่างหญิงสาวราวหนึ่งลี้ ก่อนมโนธรรมจะเอาชนะความเย็นชาในหัวใจ ร่างสูงบนหลังม้าได้แต่ก่นด่าตัวเองในใจ

                “หยุด!”

            เพียงคำสั่งครั้งเดียว อาชาทั้งสามตัวก็หยุดฝีเท้าอย่างเชื่อฟัง

                “องค์ชาย” หลี่เจี๋ยบังคับม้าเข้ามาใกล้

                “ท่านกับเจียงเฟิงไปรอข้าที่ศาลาพักม้าก่อน” น้ำเสียงนิ่งเรียบเอ่ยขึ้น ก่อนหันม้าวิ่งกลับไปทางเดิม

            อวี้หนิงที่กำลังเร่งฝีเท้าฝ่าพายุหิมะอีกครั้งหยุดชะงักทันที เมื่อเห็นม้ากำลังวิ่งมาทางตน

                “หยุด!” เสียงทุ้มต่ำสั่งอาชาคู่กาย

            อวี้หนิงเงยหน้าขึ้นมองบุรุษบนหลังอาชาที่เคยจ้องนางอยู่ก่อนแล้ว ทำให้ทั้งสองสบตากันโดยไม่ตั้งใจ

            แม้หิมะยังคงโปรยปราย ทว่า หยางเฉิงกลับมองเห็นดวงตาคู่งามนั้นได้ชัดเจน ความเด็ดเดี่ยวในสายตาของสตรีเช่นนี้ทำให้เขานับถืออยู่ไม่น้อย

                “พายุหนักเช่นนี้ สตรีอย่างเจ้าไม่อาจเดินฝ่าไปได้ เจ้าควรห่วงชีวิตแล้วหันกลับไปจะดีกว่า”

            อวี้หนิงที่ได้ฟังเช่นนั้นกลับไม่ได้นึกกลัว ดวงตาของนางเลื่อนมาจับจ้องที่อาชาสีนิลด้วยความหวัง

                “คุณชาย หากท่านกำลังจะออกนอกเมือง ท่านพาข้าไปด้วยได้หรือไม่”

                “ข้ากับเจ้าไม่รู้จักกัน เหตุใดข้าต้องหาเรื่องใส่ตัวเล่า” หยางเฉิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่างเหิน

            อวี้หนิงเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง นางพึงสังเกตว่าดวงตาคู่นั้นเยือกเย็นเพียงใด ร่างบางคุกเข่าลงกับพื้น พลางเอ่ยขอร้อง

                “คุณชาย ข้าขอร้องท่าน เพียงส่งข้าถึงศาลาพักม้าเบื้องหน้า ข้าก็จะไม่รบกวนท่านอีก ภายหน้าหากคุณชายมีเรื่องอยากให้ช่วย สตรีเช่นข้าจะไม่เกี่ยงงอนเด็ดขาดเจ้าค่ะ” ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความหวัง

            หยางเฉิงมองสตรีที่คุกเข่าบนหิมะ พลันนึกถึงตัวเองเมื่อสิบสองปีก่อน ที่คุกเข่ารอความหวังจากฮ่องเต้ไม่ต่างกัน

                “ได้! ข้าจะถือว่าทำกุศลแล้วกัน” เอ่ยจบ มือแกร่งก็รั้งตัวนางขึ้นมาบนหลังม้าได้อย่างง่ายดาย ก่อนอาชาสีดำจะตะบึงด้วยความเร็วอีกครั้ง

            อวี้หนิงได้แต่ตะลึงงันอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะรู้สึกตัวอีกครั้ง ม้าก็วิ่งมาได้ไกลมากแล้ว

                “ขอบคุณคุณชาย” นางเงยหน้ามองใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมนั้น โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ตอบสิ่งใด อวี้หนิงจึงนั่งเงียบ ไม่รบกวนการบังคับม้าของเขาอีก

            ราวครึ่งชั่วยาม อาชาสีนิลก็หยุดหน้าศาลาพักม้า เป็นดั่งที่อวี้หนิงคาด ขบวนนักโทษพักหลบหิมะที่นี่จริง ทว่าพวกเขาไม่ได้ถูกปฏิบัติอย่างดีนัก หิมะที่ตกหนักเช่นนี้ ผู้คนหลายสิบชีวิตกลับได้แต่เบียดเสียดกันในเพิงเลี้ยงม้า โรงเตี๊ยมกลับปิดประตูไม่ให้เหล่านักโทษเข้าพัก

            หยางเฉิงมองตามสายตาของนาง เขาพอจะเข้าใจความรู้สึกของนางในครานี้ ทว่าเขาใจกว้างมากพอแล้ว เมื่อถึงที่หมาย ต่างคนก็ต่างแยกย้าย

                “ถึงแล้ว” เสียงเย็นเอ่ยขึ้น ทำให้อวี้หนิงที่นั่งอยู่บนหลังม้าด้านหน้ากลับมาได้สติอีกครั้ง

                “ขอบคุณคุณชายเจ้าค่ะ” นางเอ่ยจบก็พยายามหาทางลงจากหลังม้าที่ตัวสูงพอควร

            หยางเฉิงที่นั่งมองอยู่นานจึงยอมช่วยเหลือ เขาพลิกตัวลงจากม้า ก่อนยื่นสองมือไปรับนาง

            อวี้หนิงเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธ ยอมรับการช่วยเหลือจากเขา เมื่อเท้าของนางแตะพื้นอีกครั้ง ทว่ากลับยืนได้ไม่มั่นคง ร่างบางจึงเซไปชนกับแผงอกของบุรุษตรงหน้า ก่อนจะรีบถอยออกมา แล้วยอบกายขอบคุณ ก่อนดึงปิ่นปักผมยื่นให้กับอีกฝ่าย

“ขอบคุณคุณชายที่ช่วยเหลือ นี่คือปิ่นที่มารดาข้าปักให้ หากวันหนึ่งท่านต้องการให้ข้าตอบแทน เมื่อเห็นปิ่นนี้ ข้าซูอวี้หนิงต้องช่วยเหลือท่านแน่”

            หยางเฉิงมองปิ่นบนมือเรียวก่อนจะเลิกคิ้ว จ้องมองสตรีตรงหน้า ดวงตาคู่งามจ้องเขาอย่างเปิดเผย แม้ตัวเขาไม่รู้ว่าสตรีร่างบางเช่นนี้จะทำประโยชน์อันใดให้เขาได้ แต่เมื่อมีคนต้องการติดหนี้บุญคุณตน เหตุใดคนอย่างเขาจะไม่รับไว้เล่า

                “ได้! คุณหนูซูช่างเป็นคนเปิดเผย” หยางเฉิงเอ่ยก่อนรับปิ่นจากนาง

            อวี้หนิงยอบกายลาอีกฝ่าย ก่อนจากไป ทิ้งให้ร่างสูงที่ไม่เคยถูกสตรีใดแตะต้องกายมานานสิบสองปี รู้สึกแปลก ๆ สายตาคมกริบยังมองตามหลังดรุณีน้อยไป

            เมื่อถึงเพิงเลี้ยงม้าที่ผู้คนหลายสิบชีวิตนั่งหนาวสั่น ดวงตานางจับอยู่ที่หญิงชรา ท่านยายของนางอายุมากแล้ว แม้ขบวนนักโทษครั้งนี้ ฝ่าบาทจะเมตตาให้เหล่าผู้เฒ่านั่งบนรถลากได้ ทว่าท่ามกลางหิมะเช่นนี้ ผู้อาวุโสทั้งสองก็ยังคงทนหนาวเช่นเดิม

                “หนิงเอ๋อร์คารวะท่านตา ท่านยาย” เสียงไร้กำลังปนสั่นเครือดังขึ้น ดึงความสนใจของสองผู้อาวุโสและขบวนนักโทษให้หันมามอง

                “หนิงเอ๋อร์~” เสียงฮูหยินเหรินดังขึ้น ก่อนค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นเดินมาหานาง

            อวี้หนิงเห็นมือที่หนาวสั่นของท่านยาย ก็อดกลั้นความทุกข์ไว้ไม่ได้อีกต่อไป หญิงสาวปล่อยให้น้ำตาแห่งความโศกเศร้าพรั่งพรูออกมาจากตาคู่งาม

                “ท่านยาย...” หญิงสาวโผเข้าหาหญิงชราที่ร้องไห้สะอื้นไม่ต่างกับหลานสาว

                “มารดาเจ้า...หลิงเอ๋อร์ของข้า~” ฮูหยินเหรินกอดอวี้หนิงไว้แน่น

                “คนต่ำช้าผู้นั้น กล้าปล่อยให้เยว่หลิงตายโดยไม่เหลียวแล เป็นข้าที่ไว้ใจคนผิด คิดว่าซูจิ้งซวนจะรักและทะนุถนอมเยว่หลิงจนแก่เฒ่า เจ็บใจนัก! แค้นใจยิ่งนัก!” หญิงชรายังคงร้องไห้พรั่งพรูความในใจไม่อายผู้ใด

            อวี้หนิงแม้เสียใจ แต่ก็ห่วงสุขภาพของท่านยาย ยิ่งในยามนี้ที่ตระกูลเหรินล่มสลาย การจะหาหมอมารักษายามเจ็บป่วย ยิ่งเป็นไปไม่ได้

                “ท่านยาย รักษาสุขภาพด้วย คนที่ทำร้ายท่านแม่ เวรกรรมย่อมตามทันแน่ ตอนนี้สวมเสื้อคลุมก่อนเถิดเจ้าค่ะ” นางวางห่อผ้าที่เตรียมมา ก่อนยื่นเสื้อคลุมให้ทุกคน

            เหรินซิงหยูที่ยืนมองหลานสาวอยู่นาน จึงได้โอกาสเอ่ยถาม

                “หนิงเอ๋อร์ เจ้ามาได้อย่างไร” ชายชราขมวดคิ้วแน่น หิมะตกหนักเช่นนี้ แม้ระยะทางไม่ห่างจากเมืองหลวง แต่หลานสาวของเขาเป็นเพียงสตรี จะฝ่าพายุหิมะมาได้อย่างไร

                “หลานขออาศัยขี่ม้ามากับคุณชายท่านนั้น...” นางหันกลับไปยังทางที่ตนจากมา แต่เห็นเพียงด้านหลังของเขาที่เดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมเสียแล้ว

                “เจ้ารู้จักเขาหรือ”

            อวี้หนิงส่ายหน้า

                “หลานไม่รู้จักเจ้าค่ะ เห็นเขาจะออกนอกเมืองเช่นกัน หลานจึงขออาศัยมาด้วย”

            ชายชรามองไปยังโรงเตี๊ยม เขาอยากจะเอ่ยขอบคุณที่ช่วยเหลือหลานสาวตน ทว่าฐานะของตนในตอนนี้ จะเหยียบเข้าไปในโรงเตี๊ยมก็ไม่ได้ด้วยซ้ำ

            อวี้หนิงมองดูทุกคนที่กำลังหิวโหย ดูแล้วในคุกหลวงคงไม่ได้กินให้อิ่มเช่นอยู่ที่จวน ยังดีที่เหล่าสตรีและเด็ก ฝ่าบาทยังเมตตาส่งไปกักขังในจวนที่บ้านเกิดท่านตาแทน มีเพียงท่านยายของนางที่ขอตายร่วมกับท่านตา ฝ่าบาทจึงยอมให้นางติดตามสามี

                “พวกท่านรอที่นี่ ข้าจะเข้าไปเจรจากับเจ้าของโรงเตี๊ยม ให้พวกท่านได้หลบพายุด้านใน”

                “อย่าเลย เจ้าจะถูกคนพวกนั้นรังแกเสียเปล่า ๆ” เหรินหมิงฮ่าวรีบเอ่ยเตือนหลานสาว เขาเป็นแม่ทัพ รู้ดีว่าเหล่าทหารพวกนี้มีนิสัยหยาบกร้านเพียงใด และหากนางต้องร้องขอความเมตตา เหล่าชายฉกรรจ์พวกนั้นต้องคิดเอาเปรียบนางแน่

                “ท่านลุงอย่าได้กังวล หลานจะระวังตัว อีกอย่างท่านยายอายุมาก ให้ทนหนาวเช่นนี้ไม่ดีแน่”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 14 ทูลขอราชโองการ

    รุ่งเช้า ซูจิ้งซวนแต่งกายด้วยชุดขุนนาง ยืนรอบุตรสาวอยู่หน้าจวน วันนี้อวี้หนิงสวมเสื้อคลุมยาวแขนกว้างสีอ่อน ปักลายดอกเหมยด้วยไหมทอง ทับด้วยกระโปรงจีบยาวสีเขียวหยกที่พริ้วไหวไปตามแรงลมในฤดูเหมันต์ โดยมีเสื้อคลุมขนจิ้งจอกตัวยาวสวมทับกรอมถึงข้อเท้า ผมยาวสีนิลถูกรวบเป็นมวย ปิ่นหยกสีขาวถูกปักไว้บนมวยผม ปรอยผมบางส่วนถูกปล่อยลงข้างแก้ม ขับให้ใบหน้างามดูละมุนละไม นางหยุดยืนอยู่ต่อหน้าบิดาด้วยท่าทีสงบนิ่ง “มาแล้วก็ขึ้นรถม้าเถิด” ซูจิ้งซวนเอ่ยเสียงแผ่ว ไม่กล้าสบตาบุตรี แม้เขาจะมิใช่ผู้บีบบังคับนาง หากแต่ก็ไม่เคยขัดขวางหลินอี้เหนียงเลยสักครั้ง ตลอดเส้นทางภายในรถม้า มีเพียงความเงียบงัน ทั้งบิดาและบุตรีต่างมิได้ปริปาก เมื่อถึงตำหนักเฉวียนชิง ซูจิ้งซวนแจ้งองครักษ์หน้าตำหนักว่าขอนำบุตรสาวเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ไม่นาน เจากงกงก็เดินออกมา “ใต้เท้าซู คุณหนูซู” เจากงกงเอ่ยทัก “เจากงกง” ซูจิ้งซวนค้อมกายทักทาย โดยมีอวี้หนิงยอบกายตามด้วยท่าทีสำรวม “ฝ่าบาทยังทรงหารือราชกิจอยู่ ท่านทั้งสองโปรดนั่งรอสักครู่” เจากงกงผายมือให้

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 13 บีบบังคับ

    เสี่ยวเหม่ยที่เห็นคุณหนูของตนกลับมา ทว่าใบหน้ากลับไม่สู้ดีนัก จึงรีบเข้าไปประคอง “คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ ท่านอ๋องจะมารับเข้าจวนเมื่อใด” “กุ้ยเฟยไม่ยินดีให้ข้าแต่งเข้าจวนอ๋อง วาสนาข้ากับเขาคงมีเพียงเท่านี้” น้ำเสียงของอวี้หนิงสั่นเครืออย่างชัดเจน ดวงตาคู่งามไม่อาจกักเก็บความเสียใจได้อีก ก่อนที่หยดน้ำอุ่นจะพรั่งพรูไหลอาบแก้มนวล “คุณหนู~” เสี่ยวเหม่ยที่เสียใจแทนคุณหนูของตนได้แต่กอดนางร้องไห้ไปพร้อมกัน เรื่องของหลี่เยว่ซิงทำให้ทั้งวันอวี้หนิงไม่มีแรงทำสิ่งใดได้ นางเอาแต่นั่งเหม่อลอยนึกถึงช่วงเวลาในอดีต ตอนที่ตาของนางยังเป็นจวิ้นอ๋องต่างแซ่ ตระกูลเหรินยังเรืองอำนาจ แม้แต่ตระกูลหลินก็อยากเกี่ยวดองด้วย กุ้ยเฟยมักให้คนส่งขนมหวานมาให้นางอยู่บ่อยครั้ง ตอนเข้าวังพร้อมมารดา หลินกุ้ยเฟยยังให้นางกำนัลใกล้ชิดมาเชิญนางไปนั่งเล่นเป็นเพื่อนอยู่หลายครา นางและฉู่อ๋องแทบจะตัวติดกันทุกครั้ง แม้ไม่เคยเอ่ยความในใจกันทั้งสองฝ่าย ทว่าผู้ใหญ่ต่างรับรู้ได้ หลี่เยว่ซิงเองก็ตามใจนางเสียทุกอย่าง เขาทำให้นางรู้สึกถึงการถูกปกป้อง การให้เกียร

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 12 สู่ขอซูอวี้หนิง

    ภายในเรือนหอมบุปผา อวี้หนิงที่กำลังอ่านคำร้องที่ท่านน้าของตนให้มาในครานั้น กลับต้องถูกขัดจังหวะจากเสี่ยวเหม่ยที่เข้ามาในห้องอุ่นด้วยท่าทีร้อนรน “คุณหนู เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ เจ้ากรมคลังบีบบังคับนายท่านให้ส่งคุณหนูแต่งเข้าจวนฉินอ๋องแทน” อวี้หนิงที่ได้ยินเช่นนั้นกลับไม่ได้แปลกใจมากนัก นางเพียงปรายตามองสาวใช้เบื้องหน้าที่ใทั้งตื่นกลัว ทั้งแค้นเคืองในเวลาเดียวกัน “ท่านพ่อจะกล้าขัดราชโองการหรือ” “ไม่ใช่นายท่านเจ้าค่ะ แต่จะเป็นคุณหนูต่างหากเล่า” เสี่ยวเหม่ยรีบเอ่ยด้วยความร้อนใจ อวี้หนิงรู้สึกแปลกใจ ก่อนจะนึกถึงคำพูดของหลินซือเหยียนในครานั้น “หรือพวกเขาจะให้ข้าทูลขอต่อฮ่องเต้ให้ได้เป็นพระชายาฉินอ๋องแทนเช่นนั้นหรือ” คิ้วเรียวขมวดแน่น เสี่ยวเหม่ยรีบพยักหน้าแทนคำตอบ “ครานี้หลินอี้เหนียงคงลงแรงไปไม่น้อยเลย” ตั้งแต่วันที่เจินหยูรับราชโองการ นางเองคาดคิดไว้อยู่แล้วว่าหลินซือเหยียนต้องคิดใช้นางให้แต่งแทนบุตรีของตนแน่ แต่บิดาของนางไม่เห็นด้วย เช่นนั้นแล้วที่พึ่งเดียวของ

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 11 ราชโองการ

    ภายในเรือนหอมบุปผา อวี้หนิงที่เอาแต่ตรวจบัญชีสินเดิมของมารดาอยู่ในห้องโดยไม่ออกไปพบผู้ใดมาหลายวัน กลับถูกดึงความสนใจจากความโกลาหลภายนอกเรือน “เสี่ยวเหม่ย เกิดอันใดขึ้น” เสี่ยวเหม่ยผู้ทำหน้าที่สอดส่องความเคลื่อนไหวภายในจวน รีบเข้ามารายงาน “ฮูหยินใหญ่เป็นลมหมดสติเจ้าค่ะ ส่วนอนุหลินกับคุณหนูรองก็อาละวาดเรื่องที่ต้องแต่งเข้าจวนฉินอ๋อง นายท่านถึงขั้นตบหน้าอนุหลินเพราะบันดาลโทสะเลยนะเจ้าคะ” เสี่ยวเหม่ยอธิบายตาโต อวี้หนิงก็ตกใจไม่ต่างกัน แต่ไหนแต่ไรบิดาของตนไม่กล้าขัดใจตระกูลหลินด้วยซ้ำ ครั้งนี้ถึงขั้นตบหน้าหลินซือเหยียน คงไม่ใช่เรื่องเล็กแล้ว “ไปดูกัน” อวี้หนิงเอ่ย พลางลุกขึ้นเดิน โดยมีเสี่ยวเหม่ยนำเสื้อคลุมมาสวมทับให้ ภายในจวนยังไม่ทันที่ซูจิ้งซวนจะจัดการกับปัญหา เจากงกงก็อัญเชิญราชโองการมาเสียแล้ว ขันทีเฒ่าหยุดอยู่หน้าลาน มองเห็นความโกลาหลที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก่อนจะเรียกให้ซูจิ้งซวนออกมารับราชโองการ “กระหม่อมรับราชโองการ” จิ้งซวนคุกเข่าลงกับพื้น ด้านหลังเป็นหลินซือเหยียน พร้อมทั้ง

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 10 พระชายาฉินอ๋อง

    หยางเฉิงปรายตามองปิ่นหยกที่ได้มาพร้อมกับตราตระกูลเหริน ก่อนจะนึกถึงเจ้าของปิ่นขึ้นมา “ซูอวี้หนิงเล่า ยังปลอดภัยดีหรือไม่” ร่างสูงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก “พ่ะย่ะค่ะ คุณหนูใหญ่ซูดูเหมือนว่าจะถูกอนุหลินบังคับให้แต่งออกไปเป็นอนุของคหบดีจง” “โอ้! นี่ใต้เท้าซูอยากจะมีบุตรเขยที่อายุมากกว่าตนหรอกหรือ” หยางเฉิงเห็นเป็นเรื่องขบขัน เจียงเฟิงที่เห็นท่าทีท่านอ๋องเช่นนี้ก็อดสงสารคุณหนูซูไม่ได้ ครั้งที่ฮูหยินซูและหวงกุ้ยเฟยยังมีพระชนม์อยู่ ทั้งสองสนิทสนมกันมาก คุณหนูซูในวัยเด็กยังเคยตามมารดามาเข้าเฝ้าหวงกุ้ยเฟย ใบหน้ากลมเล็กนั้นยิ้มแย้มกับทุกผู้ที่เดินผ่าน อีกทั้งยังใจดีนำขนมจากนอกวังมาให้เขา ที่ครั้งนั้นยังเป็นเด็กยากจนได้ลองชิมอยู่บ่อยครั้ง “ท่านอ๋องไม่คิดจะช่วยเหลือคุณหนูซูหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ อย่างน้อยก็ให้นางได้แต่งกับบัณฑิตหนุ่มสักคน” ขันทีหนุ่มเสี่ยงตายเอ่ยขอร้องแทนอวี้หนิง ทว่า หยางเฉิงที่ได้ยินเช่นนั้นกลับตวัดตามามองขันทีข้างกาย “เจ้าลืมแล้วหรือไร ตอนนี้ข้าเป็นเพียงคนบ้า จะช่วยอันใ

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 9 ถึงทางตัน

    เมื่อคนก่อเรื่องจากไป อวี้หนิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เสี่ยวเหม่ยรีบเข้ามาประคองเจ้านายในทันที “เมื่อครู่นี้คุณหนูทำได้ดีมากเจ้าค่ะ ข้าไม่เคยเห็นคุณหนูรองทำหน้าคล้ายคนปลดทุกข์ไม่ออกเช่นนี้มาก่อนเลยเจ้าค่ะ” เสี่ยวเหม่ยยิ้มภูมิใจในตัวเจ้านาย “จริงหรือ? แต่ตอนนี้ข้าไม่มีแม้แต่แรงที่จะยืนแล้ว” อวี้หนิงผินใบหน้าซีดเซียวมามองสาวใช้ข้างกาย “เอ๋! ทำไมเป็นเช่นนี้เล่าเจ้าคะ นั่งก่อนเจ้าค่ะ” เสี่ยวเหม่ยเห็นใบหน้าไร้เลือดฝาดของเจ้านายก็แปลกใจ รีบประคองนางนั่งลง อวี้หนิงนั่งสูดลมหายใจอยู่นาน กว่าความตื่นตระหนกจะจางหายไปตั้งแต่เล็กจนโต นางไม่ต้องแย่งชิงหรือปกป้องตัวเองจากผู้ใดด้วยซ้ำ นางมีตระกูลเหรินและมารดาคอยปกป้อง แม้แต่ท่านย่าจะทำสิ่งใด ยังต้องคอยดูสีหน้านางก่อน บัดนี้กลับตาลปัตร นางตัวคนเดียวแล้ว จากนี้ต้องคอยปกป้องตัวเอง “คุณหนู จากนี้เราจะทำอย่างไรกันดีเจ้าคะ” นางไม่ได้ตอบคำถามของเสี่ยวเหม่ย เพียงแต่บอกให้สาวใช้ข้างกายจัดเก็บข้าวของให้เข้าที่เดิม นับจากนี้ชีวิตของนางคงไม่สงบสุขอีกต่อไป นางต้

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status