Home / รักโบราณ / ดรุณีกลางใจอ๋อง / บทที่ 7 สิ้นไร้หนทาง

Share

บทที่ 7 สิ้นไร้หนทาง

last update Last Updated: 2025-10-22 10:40:22

            อวี้หนิงก้าวเข้ามาภายในโรงเตี๊ยม สายตาของนางหยุดลงที่บุรุษในชุดคลุมสีดำ ถึงแม้บัดนี้จะอยู่ภายในอาคาร ทว่าเขายังไม่ยอมถอดผ้าปิดหน้าออก เห็นได้ชัดว่าไม่อยากให้ผู้ใดล่วงรู้ตัวตน ข้างกายยังมีบุรุษที่มีผ้าปิดหน้านั่งอยู่ด้วยอีกสองคน

            ก่อนที่เขาจะปรายตามองนางครู่หนึ่งแล้วหันไปพูดคุยกับสหายร่วมโต๊ะอีกสองคนเช่นเดิม อีกมุมหนึ่งของห้องเป็นโต๊ะของผู้คุมนักโทษที่เข้ามาดื่มน้ำชาหลบหิมะ ทิ้งให้เหล่านักโทษทนหนาวอยู่ภายนอกอย่างไร้ปราณี

            นางกวาดสายตามองรอบโถงโรงเตี๊ยม วันนี้ไม่มีแขกเข้ามาพักดื่มชา อาจจะเป็นเพราะอากาศข้างนอกที่เลวร้าย ไม่อาจสัญจรไปมาได้ แต่นี่ก็ถือเป็นเรื่องดีสำหรับอวี้หนิง ก่อนที่นางจะเดินตรงไปยังเถ้าแก่ที่กำลังตรวจนับบัญชีอยู่

                “เถ้าแก่ ข้าอยากได้ห้องพักหลายห้องหน่อย จะได้หรือไม่”

            ชายวัยกลางคนที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดจากบัญชีของร้านที่กำไรลดน้อยลงทุกเดือน ยิ้มกว้างในทันที

                “ได้ ๆ คุณหนูจะพักเลยหรือไม่ ข้าจะให้เสี่ยวเอ้อร์พาขึ้นไป” เถ้าแก่ร้านเอ่ยพลางมองหากลุ่มคนที่จะเข้าพัก ทว่ากลับไม่พบใครนอกจากสตรีตรงหน้าเพียงผู้เดียว

                “แล้ว...คนที่จะเข้าพักเล่า?”

                “อยู่ด้านนอก” อวี้หนิงเอ่ยพลางมองไปยังทหารกลุ่มใหญ่

            เถ้าแก่รู้สึกไม่ถูกต้อง รีบจ้ำอ้าวไปยังหน้าประตูทันที ก่อนจะผลักประตูเปิดต้อนรับแขกกลุ่มใหญ่ ทว่าหน้าประตูกลับว่างเปล่า เมื่อมองไปยังเพิงพักม้าก็มีเพียงกลุ่มนักโทษหลายสิบคนเท่านั้น

                “อย่าบอกนะว่าแขกที่จะเข้าพักคือนักโทษพวกนั้น!” เถ้าแก่ร้านหันมาต่อว่าอวี้หนิงที่เดินตามหลังมาทันที

                “ใช่! ไม่มีกฎว่าห้ามนักโทษเข้าพักไม่ใช่หรือ” อวี้หนิงโต้แย้งทันที

                “นี่แม่นาง ถึงไม่มีกฎแต่ไม่มีใครจะให้นักโทษเข้ามาพักในโรงเตี๊ยมหรอกนะ หากแขกแตกตื่นจะทำอย่างไรกัน”

                “วันนี้ท่านไม่มีแขกนี่ มีก็เพียงบุรุษที่คล้ายชาวยุทธสามคนนั้น พวกเขาคงไม่กลัวนักโทษที่ถูกล่ามโซ่เช่นนี้กระมัง อีกอย่างข้างนอกนั่นก็มีคนแก่ด้วย เถ้าแก่ร้านเมตตาหน่อยได้หรือไม่”

                “ข้าก็อยากจะเมตตาหรอกนะแม่นาง แต่นั่นนักโทษเชียวนะ...” เถ้าแก่มีท่าทีจนปัญญา เสียงของทั้งสองดังพอควรจนดึงดูดความสนใจของทหารคุมตัวนักโทษได้

                “มีเรื่องอันใดกัน” ทหารท่าทางดุดันที่แต่งกายต่างจากคนอื่น เดินเข้ามาหาคนทั้งสอง

                “ท่านนายกอง แม่นางผู้นี้กำลังบีบบังคับข้าเปิดห้องพักให้นักโทษที่พวกท่านคุมตัวมา” เถ้าแก่ร้านเกรงความผิด รีบอธิบายในทันที

            นายกองใบหน้าบึ้งตึง มองอวี้หนิงด้วยสายตาดูแคลน

                “หากจำไม่ผิด ท่านคือคุณหนูใหญ่ซู บุตรีรองเจ้ากรมโยธา ใช่หรือไม่”

                “เจ้าค่ะ ข้าเอง” อวี้หนิงเอ่ยตอบ พลางถอยห่างจากบุรุษตรงหน้าที่ก้าวเข้าหานาง

            นายกองผู้นั้นเปลี่ยนสีหน้าทันทีเมื่อรู้ว่านางเป็นผู้ใด แววตาหยาบโลนมองนางตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ขายาวย่างเข้าหานางไม่ยอมหยุด

                “ข้าเห็นใจคุณหนูที่ห่วงคนตระกูลเหริน ทว่าข้าเป็นทหารต้องทำตามกฎ แต่ว่า...” นายกองผู้นั้นหยุดเอ่ย ทว่าสายตายังจ้องนางไม่วางตา ก่อนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

                “หากคุณหนูยอมมาร่วมดื่มชากับข้า ข้าอาจจะผ่อนปรนให้ผู้เฒ่าเหรินทั้งสองได้หลบหนาวในโรงเตี๊ยมก็ได้”

            อวี้หนิงจ้องเขม็งไปยังบุรุษตรงหน้า แววตาหยาบโลนนั้นนางชิงชังเป็นที่สุด ทว่าตอนนี้นางไร้ซึ่งกำลัง และหากทำให้คนผู้นี้ขุ่นเคือง เกรงว่าการไปชายแดนของคนตระกูลเหรินคงลำบากแน่

                “ขอบคุณนายกองที่ใจกว้างเชิญข้าร่วมโต๊ะ แต่ข้ายังมีธุระอื่น ท่านพ่อคงรอแล้ว ขอตัวก่อน”

            อวี้หนิงรีบออกมาจากโรงเตี๊ยม นางยังได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของทหารกลุ่มนั้นแว่วตามหลัง

            ผู้เฒ่าเหรินที่เห็นหลานสาวเดินออกมาด้วยท่าทีหวาดกลัว ก็เดาเรื่องราวออกในทันที ก่อนจะรีบเอ่ยถาม

                “คนพวกนั้นทำอันใดเจ้าหรือไม่”

            อวี้หนิงข่มความกลัวก่อนส่ายหน้าตอบผู้เป็นตา

                “ไม่เจ้าค่ะ เพียงพูดให้หวาดกลัว แต่พวกเขาไม่ยอมให้พวกท่านเข้าพัก”

                “ช่างเถิด ยายทนไหว หลานไม่ต้องกังวล” ฮูหยินเฒ่าเอ่ยปลอบใจหลานสาว

            ไม่นาน หน้าศาลาพักม้าจะมีทหารอีกกลุ่มเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยม แลไม่นานนายกองผู้นั้นพร้อมกับทหารชุดแรกจะรีบร้อนควบม้าฝ่าหิมะออกไป

                “ท่านพ่อ เกิดอันใดขึ้นกันขอรับ” เหรินหมิ่งฮ่าวมองตามทางที่ทหารจากไป พลางเอ่ยถามบิดา

                “ข้าก็ไม่รู้ แต่พวกเจ้าระวังตัวไว้ให้มาก เกรงว่าการไปชายแดนครั้งนี้คงไม่ราบรื่นนัก” เหรินซิงหยูอยู่ในราชสำนักมานาน ย่อมรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของเหล่าขุนนางอยู่มาก

            เพียงไม่นาน ทหารในโรงเตี๊ยมก็ออกมาพร้อมยื่นตรามังกรให้กับผู้เฒ่าเหรินดู เหล่าขุนนางต่างรู้ดีว่าตรามังกรเป็นตราของกองกำลังส่วนพระองค์ของฮ่องเต้

                “ใต้เท้าเหริน ฮ่องเต้มีรับสั่งให้พวกข้าส่งพวกท่านให้ถึงชายแดน ตอนนี้หิมะตกหนัก เข้าไปพักด้านในก่อนเถิด”

            คนตระกูลเหรินหันมองผู้นำตระกูล ก่อนที่เหรินซิงหยูจะพยักหน้าให้ทำตาม

            นายทหารผู้นั้นจึงหันมาหาอวี้หนิง

                “คุณหนูซู ข้าจะให้คนส่งท่านกลับไป หากมีคนเห็นท่านอยู่ที่นี่ เกรงว่าตระกูลซูคงหนีไม่พ้นความผิดช่วยเหลือนักโทษแน่”

            อวี้หนิงอยากจะต่อรอง ทว่าถูกสายตาของซิงหยูปรามไว้เสียก่อน

                “หนิงเอ๋อร์ เจ้ากลับไปเถิด ส่งตาเท่านี้ก็พอ จงรักษาตัวให้ดี วันใดที่ความจริงกระจ่าง ตาจะกลับมาคิดบัญชีแค้นให้เจ้า”

            อวี้หนิงหันมองทุกคน ดวงตาคู่งามแดงก่ำ ก่อนจะรีบกุมมือฮูหยินเฒ่าไว้แน่น

                “หนิงเอ๋อร์ส่งทุกคนได้เท่านี้ โปรดรักษาตัวด้วย” หญิงสาวโผเข้ากอดหญิงชราไว้แน่น

                “ท่านยายรักษาตัวด้วย หนิงเอ๋อร์จะรอท่านกลับมา ฮึก...”

            เสียงสั่นเครือของนางทำให้ฮูหยินเฒ่ายากจะปล่อยหลานสาวไว้เพียงลำพัง

                “หนิงเอ๋อร์ ยายผิดต่อเจ้าแล้ว ผิดต่อแม่เจ้า เข้มแข็งไว้อย่าให้ผู้ใดรู้จุดอ่อนเจ้า”

                “เจ้าค่ะ หลานจะจำไว้”

            อวี้หนิงยืดตัวตรง ปาดน้ำตาให้สองผู้เฒ่าเบาใจ ก่อนที่ทั้งสองผู้เฒ่าจะออกเดินนำหน้าทุกคนไป

                “หนิงเอ๋อร์ น้ารู้ว่าสิ่งนี้จะทำให้เจ้าต้องลำบาก แต่นี่อาจเป็นหนทางช่วยตระกูลเราได้”

            เหรินซือเฉิงที่ยืนเงียบอยู่นาน รีบยัดกระดาษแผ่นหนึ่งใส่มืออวี้หนิง

                “ซือเฉิง!” หมิ่งฮ่าวรีบปรามน้องชาย เขารู้ดีว่าเรื่องนี้ยากที่จะให้อิสตรีบอบบางเช่นนี้ทำการสำเร็จ

                “พี่ใหญ่! อวี้หนิงเป็นทางรอดเดียวของเราแล้ว”

            อวี้หนิงแม้ยังไม่เข้าใจ ทว่าเมื่อได้ยินท่านน้าของตนบอกว่าเป็นหนทางรอดของตระกูลเหริน นางก็ตอบรับทันที

                “ท่านน้า ท่านลุง โปรดวางใจ แม้หนิงเอ๋อร์ยังไม่รู้ว่านี่คืออะไร แต่หากเป็นหนทางช่วยทุกคน หนิงเอ๋อร์ยอมเอาชีวิตเข้าแลก”

            หมิ่งฮ่าวเมื่อเห็นความมุ่งมั่นจากดวงตาของหลานสาว ตัวเขาที่หวังให้ตระกูลเหรินพ้นมลทิน ก็ไม่คิดขัดอีกต่อไป

                “เช่นนั้นก็ฝากเจ้าแล้ว” อวี้หนิงพยักหน้ารับ ก่อนจะมองส่งทุกคนเข้าไปยังเขตโรงเตี๊ยม

            ชั้นสองของโรงเตี๊ยม หยางเฉิงที่ยืนจ้องมองเหตุการณ์เบื้องล่างจากขอบหน้าต่างตั้งแต่ต้นจนจบ ก็เอ่ยถามขันทีข้างกายเสียงเย็น

                “จัดการเรียบร้อยหรือยัง”

                “พ่ะย่ะค่ะ มือสังหารที่ถูกส่งมาถูกเก็บกวาดแล้ว” เจียงเฟิงรายงาน

                “องค์ชายจะทำเช่นไรต่อ” หานหลี่เจี๋ยที่เห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เอ่ยถาม

                “เช่นนั้นก็ไปพบเหรินซิงหยูเสียหน่อย อย่างไรก็เคยมีคุณงามความดีต่อบ้านเมือง ข้าก็ควรไปส่งเสียหน่อย”

                “องค์ชายจะเปิดเผยตัวหรือพ่ะย่ะค่ะ” หลี่เจี๋ยเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล ไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้นัก

                “ท่านไม่ต้องกังวลไป ตระกูลเหรินเหลือเพียงอิสตรี อย่างไรก็ต้องการคนปกป้อง ตราตระกูลเหรินยังมีค่าอยู่”

                “ตรานั่นจะมีค่าก็ต่อเมื่อคุณหนูใหญ่ซูผู้นั้นทวงความเป็นธรรมให้ตระกูลเหรินได้ หรือว่า…องค์ชายจะช่วยนางสืบหาความจริงกัน”

            หยางเฉิงมองแผ่นหลังสตรีเบื้องล่างที่เพิ่งขึ้นรถม้าไป ใบหน้าคมยิ้มเย็น ก่อนเอ่ยกับอาจารย์ของตน

                “เหตุใดต้องช่วยนาง? ถึงตระกูลเหรินจะไม่อาจทวงคืนความบริสุทธิ์ได้ เราก็มีหนทางอื่นที่จะทวงความบริสุทธิ์ให้ท่านแม่ ใยต้องเปลืองแรงช่วยผู้อื่นด้วยเล่า” ร่างสูงเอ่ยจบก็ผละออกจากขอบหน้าต่างไป

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทพิเศษ

    หลี่หยางเฉิงพาชายาของตนและบุตรชายกลับจวนแม่ทัพ ตอนนี้เขาไม่คิดรีบร้อนกลับฉางเล่อแล้ว เพียงแค่ซูอวี้หนิงและลูกชายอยู่ที่ใด เขาย่อมเลือกที่นั่น หลี่หยางอี้ที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางสิบวันผล็อยหลับในอ้อมกอดของบิดา หยางเฉิงจ้องมองใบหน้าน้อย ๆ นั้นอย่างรักใคร่ เช่นเดียวกับซูอวี้หนิงที่นั่งจ้องมองสองพ่อลูกด้วยแววตาอ่อนโยน รถม้าหยุดลงหน้าจวน หยางเฉิงอุ้มเด็กน้อยวางลงบนเตียงในเรือนรับรองอย่างแผ่วเบา ก่อนจะนั่งมองลูกชายอยู่พักใหญ่ “ฮูหยินช่างใจร้ายนัก ปิดบังข้าได้ตั้งสามปี ไม่สงสารข้าบ้างเลยหรือ” บุรุษตัวสูงเงยหน้าขึ้นมองชายาด้วยแววตาเสียใจ อวี้หนิงเห็นแล้วก็เสียใจไม่น้อย “หม่อมฉันผิดต่อท่านอ๋องเองเพคะ เพราะเกรงท่านอ๋องจะละทิ้งทุกอย่างแล้วกลับมาหาหม่อมฉันและลูก หากเป็นเช่นนั้นชาวต้าหยางอีกสักเท่าไหร่จะต้องทนทุกข์” หยางเฉิงลุกขึ้นกอดร่างบางไว้แน่น ก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้น “รู้หรือไม่ข้ากลัวมากเพียงใด กลัวเจ้าจะไม่รอข้า กลัวข้าจะไม่ได้กลับไปพบเจ้า กลัวจะทิ้งเจ้าไว้เพียงผู้เดียว”

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 82 คัดค้านงานอภิเษก

    หยางเฉิงรีบส่ายหน้าปฏิเสธโดยเร็ว ในใจเขายินดียิ่งกว่าอะไร เหตุใดจะกล้าตำหนินางได้เล่า “ไม่เลย ข้าดีใจที่ฮูหยินขัดคำสั่งข้าครั้งนี้” หยางเฉิงเอ่ยพลางจุมพิตบนหน้าผากบาง “ท่านแม่” เสียงเด็กน้อยที่งัวเงียตื่นดังขึ้นภายในรถม้า ทำให้หลี่หยางเฉิงชะงักงัน นี่เขาหูฝาดหรือ “เสียงเด็กที่ไหนกัน” หยางเฉิงคลายอ้อมกอด พลางหันไปทางรถม้า อวี้หนิงยิ้มบาง ก่อนเรียกคนที่อยู่ในรถม้าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อี้เอ๋อร์ ลงมาหาแม่เร็วเข้า” ฉินอ๋องยิ่งตกใจเมื่อนางแทนตัวเองว่าแม่ ทว่ายังไม่ทันให้เขาถามอันใด เด็กน้อยตัวขาว ใบหน้าหล่อเหลาตั้งแต่เด็กก็ปรากฏตัวขึ้น ก่อนที่จะเป็นอวี้หนิงจะอุ้มเขาลงจากรถม้า “ท่านอ๋อง เป็นอันใดหรือไม่เพคะ” นางมั่นใจว่าบัดนี้ฉินอ๋องตัวแข็งทื่อและไม่ได้หายใจด้วยซ้ำ “นี่คือใครกัน” มือของหยางเฉิงสั่นเทา ชี้มายังเด็กชายตรงหน้า น้ำเสียงนั้นก็หาความมั่นคงไม่ได้ “ลูกอย่างไรเล่าเพคะ” “ลูกหรือ! นี่หนิงเอ๋อร์เจ้า… เจ้าแต่งงานใหม่หรือ เหตุใ

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 81 รอคอย

    หลังหลี่หยางเฉิงจากไป เหรินฮูหยินที่รู้จากเสี่ยวเหม่ยว่าหลานสาวตั้งครรภ์ จึงรีบมารับตัวไปอยู่ด้วยกันที่ตระกูลเหริน ฮูหยินเฒ่าทั้งร้องไห้ทั้งตำหนิหลานสาวที่ไม่ยอมบอกเรื่องตั้งครรภ์กับฉินอ๋อง แต่เก็บซ่อนไว้เพียงผู้เดียว แม้นางมีเหตุผลเพราะเกรงฉินอ๋องจะห่วงหน้าพะวงหลัง แต่กระนั้นควรให้เขาได้ดีใจไม่ใช่หรือ ทว่าซูอวี้หนิงก็ยืนกรานอย่างเด็ดขาด ว่าหากสงครามยังไม่จบสิ้นห้ามบอกเรื่องนี้กับท่านอ๋อง แม้แต่คนของเขาอู่ถงเองก็ไม่อาจขัดคำสั่งนางได้ เรื่องนี้จึงถูกเก็บเงียบไม่ให้คนอยู่ไกลได้เป็นห่วง วันเวลาค่อย ๆ เคลื่อนผ่านไป พร้อมกับความห่วงหาของอวี้หนิงที่มีต่อสามีที่ก่อตัวขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนนางแทบทนรอไม่ได้ แม้ข่าวของเขาจะถูกเจียงเฟิงควบม้าเร็วมาบอกทุกเดือน ด้วยหลี่หยางเฉิงไม่ไว้ใจผู้ใด หากข่าวนั้นไม่ได้ส่งต่อจากเจียงเฟิงก็ห้ามให้นางเชื่อเป็นอันขาด เช่นนั้นนางจึงเฝ้ารอเจียงเฟิงอยู่ทุกเดือน แม้จะมีกู้เผยอี้เทียวพาพี่สะใภ้ของตนแวะเวียนมาพูดคุยอยู่แทบทุกวัน กระนั้นก็ไม่อาจคลายเหงาให้นางลงได้ “พระชายา ยายว่าเจ้าบอกท่านอ๋องดีหรือไม่ บัดนี้อี้เอ๋อร์ก็ครบหนึ่งป

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 80 ศึกนี้เพื่อฮูหยิน

    ซูอวี้หนิงแม้แปลกใจในคำพูดของคนเบื้องหน้า แต่กระนั้นนางยังพยักหน้าเห็นด้วย “ดีเพคะ แต่ท่านอ๋องทำได้หรือ” หลี่หยางเฉิงยิ้มอบอุ่นให้กับนาง “เพียงเจ้าต้องการ ข้าทำได้ทั้งสิ้น” เอ่ยจบก็จุมพิตลงบนหน้าผากเนียน โดยไม่สนสายตาบุรุษทั้งสามที่จับจ้องอยู่ จนคนแอบรักอย่างหย่งเฉินจำต้องหันมองไปทางอื่น ก่อนที่ฉินอ๋องจะจูงมือชายาของตนกลับมา “ข้าจะกลับฉางเล่อไปพร้อมท่าน” คำพูดของหลี่หยางทำให้อวี้หนิงประหลาดใจ แต่ไม่ใช่กับหลี่หวงหยูและเว่ยหย่งเฉินที่คาดเดาคำตอบเอาไว้แล้ว “หึ! เป็นแผนของเจ้าสินะ” เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของคู่แข่งหัวใจ หลี่หยางเฉิงก็เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “กระหม่อมเพียงอยากให้ต้าหยางสงบสุข เฉกเช่นพระชายาฉินอ๋องต้องการพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยหย่งเฉินไม่ปฏิเสธ เป็นเขาที่ต้องการให้เหล่าสตรีพวกนี้มาพบซูอวี้หนิง เพราะคนจิตใจบริสุทธิ์เช่นนางย่อมไม่ปรารถนาให้เกิดสงคราม และคนที่ตามใจภรรยาแทบจะถวายชีวิตให้อย่างฉินอ๋องย่อมไม่มีวันปล่อยให้นางทุกข์ใจเป็นแน่ จากนั้นเขากับไท่จื่อก็เพียงนำค

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 79 คนที่ไม่ต้องการพบ

    หลี่หยางเฉิงมีหรือจะไม่รู้ว่าตอนนี้นางกลัวสิ่งใด จึงรีบกุมมือนางไว้แน่น “ฮูหยิน ข้าไม่ได้คิดจะหลอกเจ้า เพียงแต่การที่ตัวข้าต้องอยู่อย่างหวาดกลัวมาสิบสองปี ต้องระวังไม่ให้ถูกสังหารอยู่ทุกวัน ทำให้ข้าไม่อาจเชื่อใจผู้ใดได้ หากเรื่องเกิดกับข้าก็แล้วไป แต่หากเกี่ยวกับเจ้าเล่า เรื่องนี้ข้าทนไม่ได้ เขาชิงหนิงนี้จึงมีคนของข้าคอยคุ้มอยู่นับพัน เจ้าอย่าเคืองข้าได้หรือไม่” หยางเฉิงเอ่ยด้วยสายตาอ้อนวอน เมื่อรู้เช่นนี้นางถึงเข้าใจอย่างกระจ่างว่าเหตุใดคนที่นี่จึงดูสุภาพกับนางนัก ทั้งพ่อค้า แม่ค้า ชาวเมือง บางทีก็ลอบสังเกตนางอยู่หลายครั้ง “กระนั้นท่านอ๋องก็คิดปิดบังหม่อมฉันไม่ใช่หรือ” “ข้า...” หยางเฉิงอยากจะอธิบายทว่ากลับคิดคำอธิบายไม่ได้ ที่นางเอ่ยมาไม่ผิด จะด้วยเหตุผลใดเขาก็คิดปิดบังนางจริง “หนิงเอ๋อร์ ข้าทำผิดอีกแล้ว ช่วยอภัยให้ข้าได้หรือไม่” บุรุษที่องอาจบัดนี้มีท่าทีราวกับเจ้า ชิงชิง แมวขาวขนปุยที่กำลังขอความเมตตาจากเจ้านาย อวี้หนิงไม่ได้ขุ่นเคืองเขา เพียงแต่นางไม่เห็นความจำเป็นใดที่ต้องปิดบังนาง

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 78 เขาชิงหนิง

    เวลาเพียงหนึ่งเดือน ทัพตระกูลเหรินต้องเร่งเดินทางไปสมทบกับแม่ทัพเหิงหมิงฮ่าว แม้ครั้งนี้แม่ทัพใหญ่จะให้กองทัพตระกูลมู่โยกทหารในมือที่ปกป้องแคว้นฝั่งเทียนไห่ ที่บัดนี้สงบมาหลายปี ช่วยตระกูลเหรินทำศึกกับต้าเหลียง ถือเป็นการเลือกหนุนไท่จื่อองค์ใหม่อย่างชัดเจน ทว่าครั้งนี้อ๋องต้าเหลียงที่ซุ่มศึกษาต้าหยางนานหลายปี ไม่คิดจะรามือโดยง่าย การศึกยืดเยื้อและมีทีท่าว่าจะขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ราษฎรไม่น้อยต้องพลัดที่นาคาที่อยู่ หนีตายเดินทางเข้าเมืองหลวง ทุกย่อมหญ้าบัดนี้มีแต่ความระทมทุกข์ ทว่ากลับไม่ใช่ที่เขาชิงหนิง ที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ไม่น้อย ทว่าที่นี่กลับสงบสุขไร้ความวุ่นวาย เรือนหลังใหญ่ที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่บัดนี้อบอวลไปด้วยความรัก หลี่หยางเฉิงถือโอกาสที่ราชสำนักวุ่นวาย กังวลเรื่องการศึก พาซูอวี้หนิงย้ายออกมาอยู่ตามลำพัง อย่างที่นางปรารถนามาช้านาน ในที่นี้พวกเขากลับเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ไม่มีผู้รู้ที่มาของพวกเขา ชาวบ้านต่างคาดเดาว่าเป็นคหบดีในเมือง อยากใช้ชีวิตเรียบง่ายตามป่าเขาก็เท่านั้น ซูอวี้หนิงแม้เป็นห่วงคนตระกูลเหริน ทว่าก็ไม่อาจขัดใจฉิ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status