Share

บทที่ 5

ทิวทัศน์ยามราตรีของหมู่บ้านเต็มไปด้วยความเงียบสงบ ถนนภายใต้แสงจันทร์ไร้เงาผู้คน เพียงเงาของต้นไม้ ลมเอื่อย ๆ พัดโชย ใบไม้โบกไหว เงาบนพื้นเปลี่ยนเป็นรูปร่างต่าง ๆ มองไกล ๆ สามารถมองเห็นแสงไฟสลัวเลือนรางวับ ๆ แวม ๆ เพิ่มความลึกลับให้มากขึ้นหลายส่วน

จี้เสี่ยวชุ่ยนั่งอยู่ที่ขอบเตียง จิตใจไม่สงบสุข สายตามองไปที่ประตูห้องอยู่เนือง ๆ เมื่อนานเข้าก็มีเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเสียง ‘แอ๊ด’ ดังขึ้น ประตูถูกเปิดออก เป็นโจวเฉิงจวินที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครา ในมือถืออ่างไม้เดินเข้ามา

จี้เสี่ยวชุ่ยลุกขึ้นยืนโดยไม่รู้ตัว มือเท้าไม่รู้ควรจะวางไว้ตรงไหน ทำอย่างไรดี? ทั้งสองคนแต่งงานกันแล้ว จะต้องร่วมหอหลับนอนกันอย่างนั้นหรือ? จี้เสี่ยวชุ่ยรับไม่ไหวนะ สำหรับเธอแล้วเขายังเป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่งเท่านั้น

“มาเถอะ ล้างหน้าล้างตาก่อน”

“อื้ม!”

เธอล้างหน้าอย่างแข็งทื่อ โจวเฉิงจวินหยิบอ่างไม้อีกอ่างขึ้นมาแล้วเทน้ำลงไปให้เธอล้างเท้า เสร็จแล้วจึงนำน้ำไปเททิ้งแล้วกลับเข้ามา เห็นจี้เสี่ยวชุ่ยนั่งเหม่ออยู่ที่ขอบเตียง

“เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เหตุใดเจ้าจึงยังไม่ขึ้นเตียงนอน?”

ประโยคนี้เป็นราวกับระเบิดลูกหนึ่ง ทำให้จี้เสี่ยวชุ่ยเด้งตัวขึ้นมาในทันที เธอรีบโบกมือ “ข้าไม่เหนื่อย ๆ ”

โจวเฉิงจวินเงียบ เมื่อนึกขึ้นมาได้จึงได้หัวเราะออกมา ท่าทีเช่นนี้นับว่ามีเสน่ห์อยู่หลายส่วน

“วางใจเถอะ ข้าไม่แตะต้องเจ้าหรอก ตอนที่เจ้ายังไม่ยอมรับข้าด้วยความเต็มใจ ข้าจะนอนที่พื้นเอง” โจวเฉิงจวินกล่าวแล้วชี้ไปที่ไม้กระดานบนกำแพงที่ทำจากไม้ไผ่ ด้านข้างมีชุดเครื่องนอนอยู่ ตอนนี้เองจี้เสี่ยวชุ่ยจึงนึกขึ้นได้ว่าคืนแต่งงานเมื่อคืน โจวเฉิงจวินไม่ได้นอนเช่นนี้หรอกหรือ? ทันใดนั้นเธอก็เก้อเขินขึ้นมา

“เอ่อ... ท่าน... เช่นนั้นราตรีสวัสดิ์” พูดจบจี้เสี่ยวชุ่ยก็ม้วนตัวเข้าไปในผ้าห่มทันที

โจวเฉิงจวินมองนางแล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ เขาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อเห็นนางมีทีท่าเช่นนั้นเขาก็รู้สึกชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง? ชอบอย่างนั้นหรือ?

เดิมทีจี้เสี่ยวชุ่ยหลับตาแกล้งทำเป็นนอนหลับ จนกระทั่งภายหลังเนื่องจากเหนื่อยเกินไป จึงทนไม่ไหวผล็อยหลับไปจริง ๆ แต่รู้สึกว่าเพิ่งจะหลับไปได้ไม่นานก็สัมผัสได้ว่ามีคนมาเขย่าตัวเธอ

“อย่าซนสิเสี่ยวไป๋”

โจวเฉิงจวินสีหน้าอึมครึม “ผู้ใดคือเสี่ยวไป๋?”

พอได้ยินคำพูดของโจวเฉิงจวินแล้ว จี้เสี่ยวชุ่ยก็ลืมตาขึ้นมาตามปฏิกิริยาตอบสนอง พบคุณลงหนวดเคราดกเฟิ้มยืนอยู่ตรงหน้าเธอ จึงนึกขึ้นได้ว่าเธอไม่ได้อยู่ในยุคปัจจุบันแล้ว

“ท่านทำอะไร! ไม่รู้หรือว่าคนเราตกใจจนตายได้น่ะ!”

“ไม่ใช่ว่าเจ้าพูดว่าจะไปในเมืองกับข้าหรอกหรือ?”

จริงสิ! เธอเกือบจะลืมไปแล้ว แต่ดูสภาพอากาศด้านนอกแล้ว ฟ้ายังไม่ทันสว่างเต็มที่เลยนะ!

“ผู้ใดคือเสี่ยวไป๋?”

ช่วยไม่ได้ คนที่กำลังหลับอยู่คนหนึ่งเรียกชื่ออีกคนออกมาตามจิตใต้สำนึก คนผู้นั้นจะต้องสำคัญมากสินะ! คิดมาถึงตรงนี้แล้วสีหน้าของโจวเฉิงจวินก็อึมครึมยิ่งขึ้นไปอีก

“แค่สุนัขตัวหนึ่งในบ้านข้าเท่านั้น” จี้เสี่ยวชุ่ยไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าเป็นทุกข์ของเขา

“รีบลุกเถอะ พวกเรายังต้องรีบเดินทางนะ!”

คำว่าอารมณ์แปรปรวนจะต้องเอาไว้ใช้อธิบายท่าทีของโจวเฉิงจวินในตอนนี้เป็นแน่ โจวเฉิงจวินบอกว่าเขาจะออกไปเตรียมข้าวของที่ด้านนอก

จี้เสี่ยวชุ่ยตบหน้าตัวเอง ให้ตนเองกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาหน่อย หลังจากที่เธอจัดการตัวเองเสร็จแล้วก็เดินออกมา พบว่าตอนนี้โจวเฉิงจวินกำลังกินโจ๊กที่ยังร้อนอยู่ชามหนึ่ง ที่แท้ก็โจ๊กเกาลัดมันเทศนี่เอง!

ล้างหน้าเสร็จก็กินโจ๊กไปหนึ่งชามอย่างรวดเร็ว จากนั้นทั้งสองคนก็หอบหิ้วข้าวของเริ่มออกเดินทางไปในเมือง

ยามรุ่งสางหมอกและน้ำค้างลงหนักมาก ยังดีที่โจวเฉิงจวินเข้าใจสถานการณ์ ตอนที่ออกมายังสวมหมวกใบหนึ่งให้เธออย่างรู้ใจ แม้ว่ามันจะไม่ได้สวยมาก แต่ก็สามารถป้องกันหมอกในยามเช้าให้กับเธอได้

“จากที่นี่ถึงในเมืองใช้เวลาเท่าใดหรือ!”

ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม นอกจากตอนเด็กที่นางเคยไปในเมืองครั้งหนึ่งแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปที่นั่นอีกเลย ดังนั้นความทรงจำจึงค่อนข้างเลือนราง

“หนึ่งชั่วยามกว่า”

หนึ่งชั่วยามคือสองชั่วโมงในยุคปัจจุบัน ลำพังแค่เดินไปต้องใช้เวลามากถึงเพียงนั้นเลยหรือ? สวรรค์ ในตอนนี้เสี่ยวชุ่ยคิดถึงการเดินทางขนส่งในยุคปัจจุบันเหลือเกิน

“ปกติแล้วท่านไปขายอาหารป่าเหล่านี้ในเมืองผู้เดียวหรือ?”

โจวเฉิงจวินพยักหน้า แม้ว่าบางครั้งโจวเฉิงเจี๋ยจะตามไปด้วย แต่ส่วนใหญ่เขาจะไปเพียงลำพัง พอนานวันเข้าเขาก็ชินเสียแล้ว

จี้เสี่ยวชุ่ยมองบุรุษที่อยู่ตรงหน้า อายุเพียงยี่สิบกว่า ๆ กลับต้องแบกรับภาระทั้งครอบครัวเอาไว้เสียแล้ว แบบนี้คงจะเหนื่อยมากเป็นแน่!

เดินทางไปบนถนนเส้นเล็ก ๆ ระหว่างเขตตำบล เทือกเขาที่อยู่ไกล ๆ เป็นราวกับฉากกำบังสีเขียวที่กั้นความอึกทึกครึกโครมจากในตัวเมืองเอาไว้ อากาศที่สดชื่นและทิวทัศน์ที่งดงามนั้นทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะชื่นชม

แต่จี้เสี่ยวชุ่ยในตอนนี้กลับไม่มีกะจิตกะใจจะไปคิดสิ่งใด เธอรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน เท้าของเธอหนักราวกับโดนก้อนหินถ่วงเอาไว้ ทันใดนั้น ไหล่ของเธอก็เบาลง รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันที

มองไปก็พบว่าที่แท้เป็นโจวเฉิงจวินที่ดึงตะกร้าสะพายหลังของเธอออกไป อันที่จริงบนตัวของโจวเฉิงจวินก็หอบหิ้วสิ่งของเอาไว้จนเต็มตัวอยู่แล้ว ของในตะกร้าสะพายหลังนั่นก็ไม่ได้หนักมาก เพียงแต่จี้เสี่ยวชุ่ยไม่เคยลำบากมากขนาดนี้มาก่อนเท่านั้นเอง

ดวงตาของจี้เสี่ยวชุ่ยปรากฏความซาบซึ้งใจ มองไปยังบุรุษที่เดินไปข้างหน้าที่ไม่พูดไม่จา ความประทับใจเพิ่มขึ้นในทันที มนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ ดีต่อนางมากหน่อยนางก็สามารถจดจำได้เป็นอย่างดี

จี้เสี่ยวชุ่ยไม่ฝืนใจตัวเอง จังหวะที่ก้าวเท้าตามโจวเฉิงจวินเร็วขึ้นเรื่อย ๆ

จนกระทั่งตอนที่ไปถึงในเมือง พระอาทิตย์ในยามนี้ลอยสูงขึ้น ส่องแสงสว่างโชติช่วง จี้เสี่ยวชุ่ยมองกลุ่มคนที่สัญจรไปมาบนถนนโบราณ ตอนนี้เธอกำลังยืนอยู่บนถนนเส้นหนึ่ง พื้นถนนที่กว้างขวางถูกปูด้วยหินชนวน ทั้งสองฟากฝั่งมีโรงน้ำชา โรงสุรา โรงรับจำนำ ร้านงานหัตถกรรม พื้นที่ว่างด้านข้าง รวมถึงร้านหาบเร่แผงลอยที่กางร่มคันใหญ่จำนวนไม่น้อย

“เสี่ยวชุ่ย?”

“หืม?”

เมื่อตั้งสติได้ก็เห็นสีหน้าเป็นกังวลของโจวเฉิงจวิน

“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม!” เมื่อครู่นี้จี้เสี่ยวชุ่ยนิ่งไม่ขยับเขยื้อนราวกับเป็นรูปปั้น ต้องเรียกนางอยู่หลายครั้ง นางจึงฟื้นสติขึ้นมา

จี้เสี่ยวชุ่ยส่ายศีรษะ “ไม่ใช่พูดว่าจะรีบเอาไก่ป่าพวกนี้ไปส่งที่ภัตตาคารหรือ? พวกเรารีบไปกันเถอะ!” จี้เสี่ยวชุ่ยปิดบังความหดหู่ของตัวเองเอาไว้ ตอนที่เธอมองเห็นทิวทัศน์บนถนน เธอจึงรู้สึกได้ถึงความสับสนอย่างแท้จริง ราวกับว่าเธอจะกลับไปไม่ได้แล้ว

โจวเฉิงจวินหิ้วของเอาไว้มากเกินไป เขาจนปัญญา ทำได้เพียงจัดการข้าวของให้เรียบร้อยเสียก่อน

คิดแล้วก็พาจี้เสี่ยวชุ่ยไปที่ประตูด้านหลังของ ‘ภัตตาคารตงไท่’ ประตูหลังในยามนี้ยังมีอีกหลายคนที่มาส่งเนื้อสัตว์ ผัก ข้าว แป้งต่าง ๆ เมื่อผู้รับผิดชอบที่เป็นหัวหน้าคนนั้นเห็นโจวเฉิงจวินแล้วก็เดินเข้ามาหาด้วยความกระตือรือร้น

“สหายเฉิงจวินเจ้ามาแล้ว”

“เถ้าแก่อู๋”

“โอ้ แม่นางผู้นี้คือน้องสะใภ้สินะ!”

โจวเฉิงจวินพยักหน้า สีหน้าอ่อนโยนลงมาก

“เสี่ยวชุ่ย ท่านนี้คือเถ้าแก่อู๋จากภัตตาคารตงไท่ ปกติท่านดูแลพวกเราอยู่มาก”

จี้เสี่ยวชุ่ยพยักหน้าแล้วกล่าวขอบคุณเถ้าแก่อู๋ตามแบบสมัยโบราณ “ขอบคุณเถ้าแก่อู๋”

“เกรงใจเกินไปแล้ว” เถ้าแก่อู๋ยิ้ม “ข้าบอกให้เจ้าหนุ่มนี้แต่งงานตั้งนานแล้ว ยังมาบอกข้าว่าไม่รีบอยู่เลย ตอนนี้เป็นอย่างไร มีภรรยางดงามถึงเพียงนี้!”

จี้เสี่ยวชุ่ยใบหน้าร้อนผ่าว โจวเฉิงจวินกับเถ้าแก่อู๋จะต้องคบค้ากันมานานหลายปีแล้วเป็นแน่!

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status