"ไม่ค่ะ หมี่ไม่แต่ง คุณพ่อจะให้หมี่แต่งงานกับใครก็ไม่รู้ หมี่ไม่เอาด้วยหรอกนะคะ" หญิงสาวยืนกรานหนักแน่นที่จะไม่แต่งงานกับคนที่พ่อแม่เลือกไว้ให้
"แต่ฉันสัญญากับเขาไว้แล้ว ฉันจะไม่มีวันผิดคำพูดกับคนใกล้ตายหรอกนะ" ผู้เป็นบิดาบังเกิดเกล้าของเธอได้ทำสัญญาใจไว้กับเพื่อนรัก ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมามากกว่าสี่สิบปี "ในชีวิตฉันไม่เคยขออะไรแกเลย ครั้งนี้แกทำเพื่อฉันสักครั้งเถอะยัยหมี่" นี่หรือคนเป็นพ่อ บังคับลูกให้ไปแต่งงานกับชายแก่ที่ไหนก็ไม่รู้
"ฮือออ.....มะ หมี่ หมี่เกลียดคุณพ่อ!" หญิงสาวสาดพ่นคำน้อยอกน้อยใจที่พ่อแม่แท้ๆ บังคับให้เธอต้องแต่งงานกับคนแก่กว่า เธอรู้เพียงแค่นั้น หน้าตาเขาเป็นยังไง อาชีพการงานอะไรเธอไม่อาจรู้ได้
ครั้งนึกถึงเมื่อวัยเยาว์พ่อแม่ก็ประคบประหงมเธอมาเป็นอย่างดี จนเธอเรียนจบได้เป็นอาจารย์ระดับแนวหน้าของทวีป หรือว่ามันถึงเวลาแล้วที่เธอควรจะตอบแทนบุญคุณพ่อ แม่ สักครั้ง
[ตอนเย็น]
"คุณพ่อคะ มะ หมี่ยอมแล้ว หมี่จะแต่งงานค่ะ" น้ำตาใสเออล้นออกมานอกดวงตากลมโต หัวใจดวงน้อยสั่นไหวด้วยความเสียใจ ก่อนเดินไปกอดพ่อแม่แท้ๆ ของเธอด้วยความรู้สึกห่วงหา
"ขอบใจลูก พ่อขอบใจมาก" ชายสูงวัยก้มลงกอดลูกสาวด้วยความโล่งอก หากไม่ใช่เพราะสัญญาใจ เขาคงไม่มีวันทำให้ลูกสาวสุดที่รักเสียน้ำตาแม้แต่หยดเดียว
[โรงพยาบาลเอกชน]
[บะหมี่]
ฉันรอพ่อมาเยี่ยมเพื่อนรักของท่าน แต่ฉันไม่ได้เข้าไปด้วยหรอกนะ เพราะอะไรหนะหรอ เพราะฉันยังไม่อยากเจอกับผู้ชายคนที่ฉันจะแต่งงานด้วยหน่ะซิ ฉันรู้แค่เพียงว่า เขาชื่อ มอร์แกน
พลั่ก!!!
"อะ .... มะ ... หมี่ขอโทษค่ะ" หญิงสาวเอ่ยขึ้นเมื่อเดินชนกับใครบางคนที่ดูน่าเกรงขาม ใบหน้าหล่อเหลาตามแบบฉบับของชาวยุโรป แลดูเหมือนผู้มีอิทธิพล
ดวงตากลมโตของหญิงสาวจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างลืมตัว พลันต้องตื่นจากภวังค์เมื่อมีเสียงหนึ่งดังเข้ามาปลุกจากฝันกลางวัน "นี่หรอ บะหมี่ ก็ไม่เลวนิ" น้ำเสียงดุดันเอ่ยขึ้นทักทาย
"เอ๋ .... เออคุณรู้จักหมี่ด้วยหรอคะ"
" ... "
"เออ สวัสดีค่ะ ฉันชื่อบะหมี่ คุณชื่ออะไรคะ" หญิงสาวยื่นมือเล็กเข้าทักทายชายหนุ่มตรงหน้า หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบเมื่อถูกชายหนุ่มที่เพิ่งรู้จักกระชากแขนเรียวเล็กเข้าหาลำตัว ทำให้หน้าผากมนชนกับแผงอกแกร่งพอดี
หัวใจแกร่งเต้นแรงไม่เป็นสำเมื่อเห็นว่าที่เจ้าสาว จะว่ารักแรกพบก็ได้ เธอช่างสวยถูกใจจริงๆ "เออ คือ หมี่ว่าคุณไม่ควรทำแบบนี้กับคนที่เพิ่งรู้จักนะคะ มันเสียมารยาท ปล่อยหมี่ด้วยค่ะ" หญิงสาวพยายามสะบัดท่อนแขนเรียวเล็กแต่ยิ่งสะบัดมันยิ่งแน่นขึ้น
ชายหนุ่มรั้งเอวบางด้วยมือแกร่งเพียงข้างเดียว อีกมือจับปลายคางว่าที่เจ้าสาวให้เชิดขึ้น ริมฝีปากหนาฉกจูบริมฝีปากอวบอิ่มอย่างอุกอาจ ดวงตากลมโตเบิกโพรงด้วยความตกใจ
พลั่ก!!!
เพี้ยะ!!!
หญิงสาวสะบัดแขนผลักชายหนุ่มเซถอยหลังไปสองสามก้าวก่อนใช้มือบางตวัดแรงตบใบหน้าคมคายเต็มแรง "ไอ้ทุเรส สกปรก"
หญิงสาวต้องตกใจอีกครั้งเมื่อถูกมือหยาบฉุดกระชากอีกครั้ง ดวงตากลมโตสั่นระริก จมูกโด่งค่อยๆ บรรจงฝังลงซอกคอระหงเพื่อสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายเธอ
"อ้าว ยัยหมี่ รู้จักกันแล้วหรอ"
"รู้จักอะไรคะ คุณพ่อ" หญิงสาวรีบผลักชายหนุ่มให้ออกห่างก่อนจัดแจงสติของตัวเองให้คงที่
"มอร์แกน ว่าที่เจ้าบ่าวแกไง" ชายสูงวัยยื่นมือชี้ไปทางผู้ชายตรงหน้าเธอ หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบจนแทบจะหยุดเต้น นี่ฉันต้องแต่งงานกับผู้ช่ายป่าเถื่อนคนนี้หรอเนี่ย
"มะ หมี่ ขอตัวก่อนนะคะ หมี่ลืมไปว่าต้องไปเตรียมการสอน เดี๋ยวหมี่ค่อยกลับมารับนะคะคุณพ่อ" ทันทีที่ตั้งสติได้หญิงสาวรีบเอ่ยขึ้นก่อนขอเลี่ยงออกมา เพราะรู้สึกอึดอัด
ทันทีที่เดินออกมาหญิงสาวไม่รู้เลยว่าถูกใครบางคนเดินตามออกมา มือหยาบคว้าท่อนแขนเรียวเล็กรั้งเข้าหาตัว "เธอยังไม่เคลียกับฉันเรื่องสกปรกเลยนะ" ใบหน้าคมคายก้มลงเกือบจะแนบชิด "ฉันก็ไม่ได้อยากจะนอนกับเธอนักหรอกนะ แต่ฉันก็ต้องทำหน้าที่ผัวที่ดีไม่ใช่หรอ"
"คุณพูดอะไรของคุณ หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว เราก็แค่แต่งงานกัน ไม่เห็นจำเป็นว่าจะต้องนอนด้วยกัน หรือว่าคุณแอบพิศวาสฉัน ในหัวถึงคิดแต่เรื่องบนเตียง!!"
"การที่ฉันนอนกับเธอ ไม่ใช่เพราะฉันพิศวาสเธอหรอกนะ แต่ฉันต้องใช้ฐานะผัวของเธอให้มันคุ้มค่าสักหน่อย"
"ปะ ปล่อยฉันนะคุณมอร์แกน คุณไม่ได้พิศวาสฉันก็อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!! "
"ปากเก่งให้สุด ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ตอนที่เธอนอนใต้ร่างฉันเธอจะครางเก่งเหมือนตอนนี้ไหม"
"ปล่อยฉันนะ" หญิงสาวพยายามดีดดิ้นให้หลุดออกจากพันธนาการมาเฟียร้าย
"อืออออ......." ดวงตากลมโตเบิกโพรงเมื่อถูกชายหนุ่มตรงหน้ากระชากแขนเข้าหาตัวเขาอย่างแรงริมฝีปากหนาฉกจูบริมฝีปากอวบอิ่มอย่างอุกอาจ
เพี้ยะ!!!
ใบหน้าคมคายหันไปตามแรงตบของหญิงสาว "อย่า-มา-ยุ่ง-กับ-ฉัน" หญิงสาวสะบัดแขนเรียวเล็กเต็มแรงแต่ก็ยังไม่หลุดจากพันธนาการ
"ฉันคิดว่าถ้าฉันล่อเธอตรงนี้คงจะดีไม่น้อย"
"คุณนี่มันหยาบคายจริงๆ รู้จักผู้หญิงครั้งแรกก็ขโมยจูบเขาอย่างน่ารังเกลียด"
"สาวน้อยฉันขอเตือนอะไรเธออย่าง คนอย่างฉัน จะได้ทุกอย่างที่ฉันต้องการแน่นอน ต่อให้แย่งชิงมาฉันก็จะทำ ไม่เว้นแม้แต่ความบริสุทธิ์ของเธอ"
น่ากลัวเหลือเกิน ผู้ชายคนนี้ช่างหน้ากลัวเหลือเกิน ฉันต้องแต่งกับเขาจริงๆ หรอ จริงซิ ฉันหนีไปก็สิ้นเรื่อง
"ถ้าเธอคิดหนี ฉันจะพลิกแผ่นดินตามหาเธอ และถ้าฉันเจอเธอ เธอจะไม่มีวันได้รู้จักคำว่าอิสระอีกเลย ถ้าเธอฉลาดพอ เธอจะไม่ทำมัน" ว่าจบพ่อมาเฟียใหญ่ก็เดินหายไปพร้อมกับลูกน้องนับสิบ
เสร็จสิ้นพิธีฝังศพของคุณแด๊ด พวกเราก็กลับเข้ามายังเพนท์เฮาส์ที่เมื่อก่อนครึกครื้น มีคุณแด๊ดคอยวิ่งเล่นกับมาร์ติน มาร์แชล อย่างมีความสุขบัดนี้มันไม่มีอีกแล้ว ฉันจับมือแดดดี้ไว้เพื่อให้กำลังใจสามีของตัวเอง อดไม่ได้ที่เห็นสามีต้องเศร้าแดดดี้บีบมือฉันแน่นตอนนี้ภายในจิตใจของเขาคงจะกำลังแตกสลายไม่มีชิ้นดี “แดดดี้ไปพักเถอะค่ะ เดี๋ยวหมี่ทำอะไรให้ทานนะคะ”มอร์แกนรั้งตัวหญิงสาวเอาไว้ เขากอดเธอไว้แน่นราวกับต้องการที่พักใจให้หายเหนื่อยเพียงเท่านั้น ร่างกายไม่เท่าไหร่ แต่จิตใจอ่อนล้าเหลือเกิน “ไม่เป็นไรนะคะ เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้นเองค่ะ”[ห้าปีต่อมา]“ยินดีที่ได้ร่วมทำธุรกิจกับคุณนะครับคุณมอร์แกน” บาสเตียนเอ่ยขึ้นเมื่อได้ตกลงทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ร่วมกันกับมอร์แกน ผู้ที่เป็นทั้งมาเฟียและนักธุรกิจที่ไม่มีใครยำเกรง รวมถึงตัวเขาผู้ที่มีอำนาจทั้งบนดินและได้ดิน“ผมก็ยินดีที่ได้ทำธุรกิจร่วมกับคุณครับคุณบาสเตียน” สองหนุ่มยื่นมือจับแสดงความยินดีกับธุรกิจของทั้งคู่ที่ร่วมลงทุนด้วยกันจนได้ผลกำไรเป็นกอบเป็น
“จัดการเรียบร้อยไหม” ทันทีที่ประตูห้องทำงานเปิดออกมามอร์แกนถามเพื่อนรักทั้งสองด้วยความเป็นกังวน กังวนว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันจะผิดไหม กังวนว่า สิ่งที่เขาทำมันรุนแรงไปหรือเปล่า แต่เขาก็มีคำตอบให้ตัวเองในใจแล้ว ใครที่แตะต้องลูกเมียเขา ใครที่คิดร้าย เขาคงปล่อยให้มีชีวิตต่อไปไม่ได้จริงๆ“อืม ... เรียบร้อยไม่ต้องกังวนให้ลูกน้องเก็บกวาดอยู่” คอสโม่เป็นคนตอบคำถามนั้น ขณะที่วิคเตอร์กำลังจุดบุหรี่เดินไปนั่งตรงโซฟา “ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก มึงทำถูกต้องแล้ว” วิคเตอร์เอ่ยขึ้นเพื่อให้มอร์แกนสบายใจ ถึงแม้ว่าตัวเองจะรู้สึกไม่ต่างกันเลยก็ตาม“อย่าคิดมาก ทุกคนรู้สึกเหมือนกันหมดนั่นแหละ” คอสโม่เองก็รู้สึกไม่ต่างกัน เมื่อเพื่อนต้องมาดับชีวิตลงด้วยน้ำมือของเพื่อน ใครกันเล่าจะทนรับไหว แม้แต่หัวใจมาเฟียที่แข็งแกร่งดังหินผาเฉกเช่น มอร์แกน วอคเตอร์ และตัวเขาเอง ก็เจ็บปวดไม่น้อย อีกทั้งเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทันเป็นเพราะดีออนเองที่ทำมันพัง
[หลายสัปดาห์ต่อมา]"ตัวเล็กค้าบบบ ผลเป็นไงบ้าง" ช่วงเช้าของหลายสัปดาห์ต่อมามอร์แกนมักจะให้บะหมี่ตรวจครรภ์เพื่อหวังว่าจะมีนางฟ้าตัวน้อยๆ มาวิ่งเล่นเป็นเพื่อมาร์ติน กับมาร์แชล และเช้านี้ก็เช่นกันบะหมี่ส่ายหน้าเบาๆ สายตาแอบผิดหวังนิดๆ ที่ทำให้สามีผิดหวัง เธอเองก็หวังให้สามีสมหวังกับการมีลูกสาวเช่นกัน"ไม่เป็นไรครับ แด๊ดโอเค" ถึงจะว่าอย่างนั้นแต่มอร์แกนกลับมีสายตาผิดหวังนิดๆ แต่หากบะหมี่ไม่สามารถมีตัวเล็กๆ ได้อีก เขาก็ไม่ว่าอะไรมอร์แกนดึงคนรักเขามาสวมกอดด้วยความรักใคร่เพื่อหวังปลอบใจให้เธอไม่ต้องกังวนใดๆแกร่ก~!!!เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้มอร์แกน และบะหมี่ต้องหันไปมองตามเสียงที่ดังขึ้น เมื่อเห็นเป็นวิคเตอร์กับคอสโม่ มอร์แกนยิ่งกอดบะหมี่แน่นขึ้นเพื่อแสดงความหวงแหน"หวงเป็นหมาหวงกระดูกเลยนะมึง" วิคเตอร์เอ่ยขึ้นอย่างนึกหมั่นไส้เมื่อเห็นอาการของมอร์แกนที่หวงภรรยาสาว"พวกมึงเคาะประตูเป็นป่ะ ไอ้ห่ากูว่ากูก็สร้างประตูไว้นะ" วิคเตอร์ไม่สนใจคำกระแหนะกระแหนของมอร์แกนเลยสักนิด แถมยังยักไหล่ให้เขาเป็นเชิงไม่สนใจอีกต่างหาก
[หนึ่งสัปดาห์ต่อมา]"มาทานข้าวด้วยกันซิคะ คอสโม่ วิคเตอร์" บะหมี่เอ่ยชวนเพื่อนสามีที่ตอนนี้ย้ายมาอยู่ด้วยกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเหตุเพราะความหน้ามึนของเพื่อนสามีทั้งสองคนอยากจะอยู่ใกล้มาร์ติน กับ มาร์แชล ตลอดเวลา ทำให้อยู่ก็กลายเป็นครอบครัวเดียวกันไปโดยปริยาย"มีอะไรกินบ้าง บะหมี่ทำเองหรอ" คอสโม่เดินตรงไปยังโต๊ะรับประทานอาหารขณะที่วิคเตอร์ก็ตามมาติดๆ"มาร์ติน มาร์แชล ไปไหน" ดูท่าแล้วคนที่ติดเด็กแฝดจะไม่ใช่แค่มอร์แกน คนเดียว ทุกครั้งที่วิคเตอร์ กับ คอสโม่ กลับมาจากทำงาน ไม่ว่าจะดึก จะเหนื่อยแค่ไหน เขาต้องเข้ามาขุดเอาสองแฝดไปนอนด้วยทุกครั้ง"แดดดี้พาไปเดินเล่นที่สวนหลังบ้านคะ" คอสโม่นั่งลงที่โต๊ะอาหารมองหน้าบะหมี่ อย่างนึกอาลัยอาวรณ์ แต่เมื่อนึกถึงหน้าสองแฝดขึ้นมาเขาลุกพรวดขึ้นในทันทีเดินตรงไปยังสวนหลังบ้าน"เออ ... อย่าบอกนะว่าจะไปแย่งมาร์ติน กับมาร์แชลมาน่ะ" วิคเตอร์พยักหน้าพลางเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามบะหมี่"มีอีกสักสองคนซิ ถ้ามอร์แกนมันไม่มีน้ำยาแล้วเดี๋ยวฉันทำเอง""ไม่ได้!!"พูดไม่ทันขาดคำน้ำเสียงท
เวลาล่วงเลยมาร่วมสิบเดือนเศษแล้วนอกจากมอร์แกนที่ทำหน้าที่หลักคือเลี้ยงสองจอมมาร เป็นทาสเมีย แล้วยังต้องคอยกันพวกพ่อบุญธรรมมโนอีกเห้อชีวิตมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ใครมาเห็นเข้าเขาจะว่ายังไงเนี่ย มอร์แกนได้แค่บ่นในใจถึงอย่างไร เขาก็เต็มใจที่จะทำหน้าที่นี้"แอ๊ะ~ / แอ๊ะ~" ลูกรัก ตื่นทีก็ตื่นพร้อมกันเลยหรอเนี่ย ถึงจะเป็นแฝดแต่ก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันขนาดนี้ก็ได้ เขาแอบคิดในใจก่อนหยัดกายลุกขึ้นอุ้มมาร์ติน กับ มาร์แชล ลงไปนั่งเล่นที่ห้องรับแขกข้างล่าง"วันนี้อย่าดื้อกับแด๊ดนะครับ มัม ไม่อยู่ไปสอนหนังสือ" เขาวางมาร์ติน กับ มาร์แชล ลงบนเบาะสำหรับเด็กเล็กขนาดใหญ่ที่สั่งทำพิเศษเพื่อลูกชายที่รักด้วยความระมัดระวัง"ทีวันนี้ต้องการความช่วยเหลือ ไอ้สองพ่อบุญธรรมจอมมโนก็หายเข้ากลีบเมฆไปเลย" มอร์แกนทิ้งตัวลงนอนมองสองแฝดที่กำลังไล่งับหูกันอยู่อย่างอารมย์ดี"มาร์ติน อย่าอมหูน้องซิลูก โอ้ยยย มาร์แชล คลานมานี่ ไปให้พี่อมหูเล่นทำไมลูก" โอ้ยย กูจะบ้าตายลูกไล่อมหูกันสงสัยคิดว่าเป็นนมละมังทันทีที่แยกสองแฝดออกจากกันได้ โดยให้มาร์ตินอยู่ฝั่งซ้าย มาร์แชล อยู่ฝั่งขวา แล้วมอร
ทันทีที่ได้ยินเสียงเด็กร้องระงมห้องคลอดความเจ็บปวดที่มีเมื่อครู่กลับหายไปฉับพลันราวกับว่ามันไม่เคยเจ็บปวดเลยสักนิด และทันทีที่เห็นใบหน้าจิ้มลิ้มของลูกรัก น้ำตากลับไหลออกมาอย่างต่อเนื่องด้วยความยินดี ก่อนที่ทุกอย่างที่มองเห็นจะพร่ามัวและดับวูบลงไปทันทีมอร์แกนยังคงมองเด็กแฝดด้วยดวงตาพร่ามัวเช่นกัน เพราะน้ำตาที่เออรื้นออกมามันบังม่านตาจนพร่ามัว เขาได้สัมผัสกับคำว่าครอบครัวแล้วจริงๆ จมูกโด่งคมเป็นสันสัมผัสกับพวงแก้มนุ่มนิ่มของลูกรักทั้งสองอย่างหวงแหนเวลาผ่านไปราวสามชั่วโมงที่บะหมี่หลับไปภายในห้องพักฝื้นผู้ป่วย เธอลืมตาตื่นขึ้นมากวาดตามองไปรอบๆ พลันเห็นคนรักของตัวเล่นกำลังจ้องมองเด็กแฝดที่เพิ่งออกมาลืมตาดูโลกไมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ข่าวการคลอดลูกของบะหมี่ถูกส่งถึงคอสโม่ และวิคเตอร์ อัตโนมัติด้วยฝีมือของทั้งสองเอง ปม้พ่อเด็กจะไม่ได้ส่งข่าวใดๆ ไปเลยก็ตาม“ตื่นแล้วเหรอครับ ตัวเล็ก ค่อยๆ นั่งเดี๋ยวแด