สภาพของไอ้ทองอิน ที่โดนซ้อมจนใบหน้าปูดบวมบิดเบี้ยว กว่ามันจะลุกขึ้นมาได้ก็เล่นเอาช้ำใน เจ็บตัวไป 3-4 วัน เงินที่เหลือติดตัวอยู่ยี่สิบบาทบาทสุดท้ายในสมัยนั้นเป็นเงินที่มากอยู่พอจะให้ตั้งตัวได้เลย
แต่สุดท้ายไอ้ทองอินก็ยังหอบสภาพสังขารด้วยใบหน้าที่ปูดบวมไปเล่นการพนันในบ่อนท้ายหมู่บ้านจนสิ้นเนื้อประดาตัว ไอ้อินที่โดนเอามาทิ้งใกล้ ๆ กับโรงหมอ ก็ได้หมอใจดีช่วยรักษาจนหาย แต่คนอย่างไอ้ทองอินก็เปรียบเสมือนงูพิษมันพร้อมจะชกกัดกับทุกคน "หมอข้าขอยาแก้ปวดหน่อยสิ ข้าปวดเนื้อปวดตัวไปหมด"ใบหน้าที่ปูดบวมเขียวช้ำ ของไอ้ทองอินก็ยังไม่ดีขึ้น มันก็เริ่มจะแผลงฤทธิ์ได้อีกแล้ว "ข้าก็เพิ่งจะให้เอ็งกินไปไม่ถึงชั่วยาม เอ็งก็ต้องรอหน่อยสิวะ มันก็ต้องปวดเป็นธรรมดาสมุนไพรยังไม่ออกฤทธิ์"คนเป็นหมอถึงกับส่ายหัว กับคนไข้อย่าง ไอ้ทองอิน แม้แต่เงินสตางค์แดงเดียวไอ้ทองอินก็ไม่จ่าย "โธ่เว้ย..! ทำไมข้าต้องมาทนเจ็บปวดด้วยวะ หมอยังเองนี่มันไม่ได้เรื่อง"ไอ้ทองอินลุกขึ้น โซซัดโซเซ สีหน้าชี้หนาด่าทอหมอที่ช่วยชีวิตมันเอาไว้ "ถ้าเอ็งพูดอย่างนี้ เอ็งก็ออกไปจากโรงหมอของข้าเสีย แล้วอย่าย้อนกลับมาอีก"คนเป็นหมอถึงกับโมโหเลือดขึ้นหน้าเช่นกัน "เออกูไปก็ได้วะ กูไม่อยู่หรอกไอ้ลงหมอกระจอกๆอย่างนี้"พูดจบไอ้ทองอินก็เดินโซซัดโซเซออกมา ที่สุดท้ายที่มันอยากจะไป มันอยากรู้ว่าลูกสาวของมันโดนใครรับซื้อไป มันอยากจะไปขอความช่วยเหลือและไถเงินเพิ่มเพื่อเอาไปเล่นการพนัน มันกลับไปที่โรงพนัน เพื่อสอบถามว่าลูกสาวของมันถูกใครซื้อไปกันแน่ ไอ้เด็กเฝ้าบ่อนคนนั้นถึงได้บอกความจริงทุกอย่างให้กับไอ้ทองอินได้ฟัง ไอ้ทองอินที่ได้ฟังดังนั้น ก็ยกยิ้มมุมปาก มันคิดว่ามีเหยื่ออันโอชะมาให้มันได้รีดไถเงินได้ใช้สบาย ๆ อีกแล้ว มันไม่รู้ว่ากำลังเล่นกับสิงโตขี้โมโหตัวนึงอยู่ มันจึงเดินถามชาวบ้านว่าบ้านของพ่อคุ้มอินทรีย์ไปทางไหน มันเดินเป๋มาตามทางเรื่อย ๆ ด้วยสภาพที่ยับเยิน มันสอบถามชาวบ้านตลอดทาง ชาวบ้านก็ชี้ทางมาจนมันใกล้จะถึงบ้านของพ่อคุ้ม วันนี้ยายปริกสอนให้อัญชันพับดอกบัวสำหรับไหว้พระ เพราะทุกวันเจะมีพระเดินบิณฑบาตรที่เรือนของพ่อคุ้มอินทรีย์ หมู่บ้านที่มีรั้วรอบขอบชิดมีกุฏิพระและวัดป่าใคร ๆ ก็อยากจะเข้ามาที่หมู่บ้านปิดตายแห่งนี้ "ยายปริกดูนี่สิจ๊ะ อัญชันพับสวยเหมือนยายปริกแล้วจ้ะ" "แม่หนูอัญชันนี้หัวไวดีเสียจริง เก่งมากลูก"ยายปริกชื่นชมอัญชันที่พัฒนาฝีมือได้อย่างรวดเร็ว หมู่บ้านที่มีผู้นำที่แข็งแกร่งอย่างอินทรีย์ ไม่ว่าจะเป็นเวทมนต์ คาถาอาคม ปืนผาหน้าไม้ หมัดมวยต่างๆอินทรีย์ได้ถูกถ่ายทอดวิชามาจากครูผู้เลื่องชื่อเกจิอาจารย์มากมาย ใคร ๆ ก็อยากได้อินทรีย์มาเป็นผู้นำรวมถึงผัวในอนาคต "วันนี้เอ็งทำอะไรหรืออัญชัน ขอข้าดูหน่อยได้หรือไม่"อินทรีย์ที่เพิ่งกลับจากลานอาวุธ ก็รีบปรี่มาหาอัญชันทันที "วันนี้อัญชันพับดอกบัวสำหรับไหว้พระกับยายปริกพรุ่งนี้จ้ะอัญชันหันไปพร้อมกับยิ้มหวาน "ไหนขอข้าดูหน่อย ซิ ว่าฝีมือสู้ยาวปริกได้หรือเปล่า"อินทรีย์จึงหยิบผลงานดอกบัวของอัญชันขึ้นมาดู "เก่งเหมือนกันนะเนี่ย พับได้สวยเชียว"อินทรีย์เอ่ยปากชมอัญชันไม่หยุดปาก 'ยายปริกบ่าวผู้ชายในเรือนของเราไอ้ทองกับไอ้พงษ์มันหายหัวไปไหน" วันนี้บ่าวผู้ชายที่อินทรีย์เอาไว้ให้ยายปริกได้เรียกใช้สอยเวลาที่ เขาไม่อยู่ที่เรือนยังได้ช่วยเบาผู้หญิงคนอื่นอีก 4-5 คนตักน้ำตักท่าได้บ้าง "วันนี้ไอ้สองคนนั้นไปหาไม้ ที่นอกหมู่บ้านเอามาซ่อมกระไดเรือนกระได 4-5 ขั้น มันเริ่มผุพังเดี๋ยวตอนที่พ่อคุ้มเดินลงเรือน มันจะล้มหัวฟาดพื้นเอาเสีย"ยายปริกนั่งพับดอกบัวไปก็พูดไปด้วย ความสงบสุขผ่านไปเพียงไม่นาน คนที่นำพาความเดือดเนื้อร้อนใจก็มาถึง ไม่ต้องเดาเลยว่านั่นคือใคร ไอ้ทองอินนั่นเอง ที่เดินมาจนถึงหน้าบ้านหลังใหญ่โตเรือนไทยไม้สักทั้งหลังบ้านของพ่อคุ้มอินทรีย์ "โอ้โหหลังใหญ่โตขนาดนี้ ต้องรวยมากแน่ๆ" ไอ้ทองอินเดินเข้าไปอย่างถือวิสาสะก็พลันไปเห็นร่างสูงใหญ่ของชายที่ซื้อลูกสาวมัน และลูกสาวของมันที่ใบหน้าดูสดใสและเปล่งประกายความสวยจนมันจำแทบไม่ได้ "ลูกสาวพ่อใช่ไหมนั่น.!"ไอ้ทองอินเดินเข้ามาทำท่าทางเหมือนตีสนิทแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ยังไม่ทันที่จะได้เข้ามาถึงตัวของอัญชัน อัญชันรีบวิ่งไปหลบหลังอินทรีย์อย่างไม่คิดชีวิต "เอ็งมาทำอะไรที่นี่ ใครให้เอ็งมาบ้านของข้า"อินทรีย์ที่ใช้ร่างกายใหญ่บังร่างเล็กของอัญชันจนมิด "ข้าก็แค่แวะมาเยี่ยมลูกสาว ข้าอยากรู้ว่าอยู่ดีกินดีกว่าพ่อของมันหรือเปล่า"ไอ้ทองอินที่พูดโดยไม่รู้สึกผิดสภาพ สะบักสะบอมก็พอจะมองออกว่ามันคงผ่านตีนมาหลายคนอยู่ "รีบออกไปจากเรือนของกูเสีย ก่อนที่กูจะหมดความอดทน กูเคยบอกมึงแล้วว่าอย่ามายุ่งกับคนของกูอีก..!"อินทรีย์ที่ยังคงไม่อยากทำร้ายจิตใจของอัญชันเพราะยังไงก็เป็นพ่อ "ข้าก็แค่อยากจะมาดูว่าอีทั้งลูกอกตัญญู มันกินดีอยู่ดี แต่ทิ้งพ่อของมันให้อยู่ข้างถนนเหมือนหมา" ไอ้ทองอินพูดจาให้ร้ายอัญชันที่อายุเพียง 12 ปี "ยายปริก ข้ารบกวนพาอัญชันกลับขึ้นเรือนที หากยังไม่จบเรื่อง ไม่มีคำสั่งจากข้าห้ามลงมาเด็ดขาด..!' อัญชันทำตามอย่างว่าง่ายตามยายปริกขึ้นเรือนโดยไม่หันกลับมามองผู้เป็นพ่อ เพราะในใจของอัญชันก็ยังมีทิฐิที่พ่อทิ้งศพแม่เอาไว้กลางป่า "อีอัญชันมึงจะไปไหนวะ มึงจะทิ้งพ่อมึงได้ลงคอเลยหรือไง อีลูกอกตัญญู..!'ไอ้ทองอินตะโกนไล่หลังผู้เป็นบุตรสาว อินทรีย์ไม่พูดอะไรรู้สึกโกรธกับสิ่งที่คนเป็นพ่ออย่างไอ้ทองอินได้ทำกับบุตรสาวจนอยากจะฆ่าทิ้งแต่ด้วยความที่อินทรีย์เมตตาอัญชันจึงเพียงแค่ไล่ตะเพิด ไอ้ทองอินไป "ออกไปซะ.! อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำอีกครั้งเอ็งจะไม่มีลมหายใจออกไปจากที่นี่" คนอย่างไอ้ทองอินมีหรือจะยอมแพ้อะไรง่ายๆไม่งั้นก็คงไม่ใช่ไอ้ทองอิน "ถ้ามึงอยากให้กูออกไป มึงก็จ่ายกูมาสิ 100- 200 ก็ได้ ถ้ามึงไม่ยอมจ่ายกูจะเอาลูกสาวกูกลับไป" ไอ้ทองอินที่พูดออกไปทั้งๆที่ตัวเองรับเงินจากนายบ่อนมาแล้ว อินทรีย์ที่ได้ยินว่าไอ้ทองอินจะมาเอาตัวของอัญชันกลับจึงได้ซัดหมัดหนักลงไปที่ใบหน้าของผู้ชายสูงวัยตรงหน้าจนเซถลาลงพื้น "โอ๊ย..! หมัดหนักชิบหาย"ไอ้ทองอินที่แผลเก่ายังไม่ทันจางแผลใหม่ก็มาอีก "ออกไปจากเรือนของกูซะ กูจะไม่พูดอีกแล้วนะ.!"อินทรีย์ที่พยายามระงับอารมณ์โกรธ "กูบอกแล้วไง ถ้าอยากให้กูออกไป ก็จ่ายเงินเอามาไม่งั้นก็เอาลูกสาวกูคืนมา" "มีใครอยู่แถวนี้บ้างเข้ามาหากูหน่อย"บ่าวไพร่ 4-5 คนที่ชะเง้อชะแง้ได้ยินก็รีบจะเข้าไปหาพ่อคุ้มแต่ก็ไม่ทันอีจวงที่รีบเสนอหน้าทันที "บ่าวอยู่ตรงนี้เจ้าค่ะพ่อคุ้มอินทรีย์"อีจวงที่ยิ้มแป้นรีบเดินเข้าไป "อีจวงไปตามไอ้สนไอ้กล้าที่อยู่ร้านน้ำชาไม่ไกลจากตรงนี้มาที่เรือนกูเดี๋ยวนี้"อินทรีย์บอกจวงให้ไปตามมือซ้ายมือขวาคู่ใจมาทันที.....อัญชันที่นั่งดูการฝึกอาวุธอยู่ด้านหลังของอินทรีย์ วันนั้นทั้งวันตลอดบ่าย เหล่าบรรดาชายหนุ่มต่างพากันยิ้มกริ่ม อย่างมีกำลังใจเพราะไม่ได้เห็นแต่ใบหน้าเหี้ยมเกรียมของอินทรีย์แต่กลับเห็นใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มที่ส่งยิ้มให้กับอินทรีย์ทำให้พวกเขาที่ฝึกอาวุธอยู่ก็ยิ้มตามไปด้วย"พวกมึงยิ้มห่าอะไรกัน..! ฝึกกันไปสิวะ..!!"อินทรีย์ยืนเอามือไพล่หลัง เดินวนไปวนมาจ้องเราลูกสมุนตาเขม็งอินทรีย์รู้สึกทนไม่ไหวจึงบอกให้ไอ้สนมาคุมการฝึกแทนเขา เพื่อจะพาอัญชันกับเรือนเขารู้สึกรำคาญสายตาทุกคู่ที่จ้องมองอัญชันอย่างไม่วางตาก่อนที่เขาจะควบคุมอารมณ์เอาไว้"ไอ้สน มึงคุมการฝึกให้ดี ฝึกพวกมันให้หนักโทษฐานที่มองอัญชันของกู"อินทรีย์หันไปพูดกับไอ้สน"ฉิบหาย งานหยาบแล้วพวกมึง เหนื่อยเอวเคล็ดแน่!"ไอ้บุญมาลูกน้องลูกกระจ๊อกที่รองมือรองเท้าของไอ้สนและไอ้กล้าเอ่ยขึ้นเสียงดัง"แน่นอนพี่อินทรีย์ เดี๋ยวข้าจะคุมการฝึกให้พี่เอง พี่พาคุณหนูอัญชันกับเรือนไปเถอะไ"อ้สนที่รู้ใจผู้เป็นลูกพี่ยิ่งกว่าใครอัญชันที่นั่งเป็นทองไม่รู้ร้อนมิรู้หนาว อยู่บนแคร่เห็นหน้าบึ้งตึงของพ่อคุ้มอินทรีย์ก็รีบเดินเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใยตามประสา"ไป
ไอ้ทองอินเดินโซซัดโซเซ ตั้งใจจะเอาชีวิตไปตายเอาดาบหน้า ไอ้ทองอินเหลือแต่ชีวิตของมัน และไม่เหลือใครอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นลูกหรือเมียและญาติคนสุดท้ายมันรู้สึกสิ้นไร้ไม้ตอก จึงเดินตุ้มปัดตุ้มเป๋ไปในป่าโดยไร้จุดหมาย"อย่าให้กูฟื้นตัวมาได้นะ..!ไอ้อินทรีย์ ตาเขียว กูจะมาเอาคืนให้หมดทุกคนเลย ที่ทิ้งกู"ไอ้ทองอินกับเคียดแค้นให้กับลุงแท้ ๆ อย่างตาเขียวที่ไล่ตะเพิดมันออกจากบ้านและคนที่ซื้อลูกสาวมันไปอย่างพ่อคุ้มอินทรีย์ก็ยังจะมาซ้ำมันให้ออกจากหมู่บ้านอีกนับจากวันนั้นเป็นต้นมา วันแล้ววันเล่าชีวิตของอัญชันดูราบรื่นและสวยงาม อัญชันบัดนี้อายุเข้า 17 ปีดูสวยงามสง่า ความเป็นกุลสตรีที่อ่อนโยนยิ่งผูกมัดใจของอินทรีย์เข้าไปทุกวัน"ยายปริกจ๋า วันนี้อัญชันขอไปลานฝึกอาวุธได้ไหมจ๊ะอยากจะเอาปลาสามรสไปฝากพ่อคุ้ม"อัญชันที่ยิ้ม หวานขอยายปริกให้ใจอ่อน"ก็ได้คุณหนูอัญชัน ยายให้ไปแต่คุณหนูอัญชันจะต้องไม่ไปก่อความวุ่นวายให้กับพ่อคุ้ม ต้องลำบากใจรู้หรือไม่"ยายปริกรู้ว่าอัญชันเองก็เป็นเด็กดีน่ารักแต่ก็มีความแสบอยู่ไม่น้อย"อัญชันสัญญากับยายปริกว่าจะไม่สร้างความวุ่นวายเด็ดขาด อัญชันจะรีบไปรีบกลับ ขอเอาข้าวไปส่งให้กับ
อีจวงที่วิ่งหน้าตั้งไปตามไอ้สนและไอ้กล้าที่อยู่ร้าน น้ำชาข้างตลาด ไม่ไกลจากบ้านของพ่อคุ้มอินทรีย์มากนัก เมื่อมาถึงอีจวงจึงรีบตะโกนเรียกคนทั้งสอง"พี่สน พี่กล้า พ่อคุ้มหัวอินทรีย์เรียกหาที่เรือนมีเรื่องรีบกลับไปที่เรือนทันที"อีจวงที่ยืนหอบแฮ่กๆแต่ก็ยังบอกทุกความของพ่อคุ้มอินทรีย์ไม่มีตกหล่น"เกิดเรื่องอะไรวะ"ไอ้สนและไอ้ต้นกล้าหันไปพูดกับ อีจวงพร้อมกัน"ก็พ่ออีนางเด็กอัญชันน่ะ มันมาอาละวาดที่เรือนจะเอาอีอัญชันกลับ"อีจวงที่ไม่ชอบอัญชันก็เรียกจิกหัว ทันทีสองคนที่ได้ยินดังนั้น"นังจวงพูดจาอะไรให้มันดี ๆ หน่อยเถอะ แม่อัญชันก็เป็นคนสำคัญของที่เรือนของพ่อคุ้มอินทรีย์"ไอ้สนหันไปเอ็ดอีจวง"ช่างมันเถอะพวกพี่รีบไปเที่ยวเรือนก่อน"อีจวงที่ไม่สนใจเสียงบ่นกรนด่าของไอ้สนไอ้ทองอินที่อยู่ใต้ถุนเรือน ก็ยังคงโวยวายลั่นทำ ท่าทางจะขึ้นมาบนเรือนของอินทรีย์ให้ได้ แต่อินทรีย์ยืนขวางแม้แต่บันไดขั้นเดียวก็ไม่ให้ขึ้นเหยียบ"เอ็งมาทำแบบนี้ได้ยังไงวะ ข้าอยากจะเอาลูกสาวข้าคืน เอ็งก็คืนมาสิ ข้าเป็นพ่อของมันนะ"ไอ้ทองอินทำเป็นทองไม่รู้ร้อนทั้งที่รับเ
สภาพของไอ้ทองอิน ที่โดนซ้อมจนใบหน้าปูดบวมบิดเบี้ยว กว่ามันจะลุกขึ้นมาได้ก็เล่นเอาช้ำใน เจ็บตัวไป 3-4 วัน เงินที่เหลือติดตัวอยู่ยี่สิบบาทบาทสุดท้ายในสมัยนั้นเป็นเงินที่มากอยู่พอจะให้ตั้งตัวได้เลยแต่สุดท้ายไอ้ทองอินก็ยังหอบสภาพสังขารด้วยใบหน้าที่ปูดบวมไปเล่นการพนันในบ่อนท้ายหมู่บ้านจนสิ้นเนื้อประดาตัวไอ้อินที่โดนเอามาทิ้งใกล้ ๆ กับโรงหมอ ก็ได้หมอใจดีช่วยรักษาจนหาย แต่คนอย่างไอ้ทองอินก็เปรียบเสมือนงูพิษมันพร้อมจะชกกัดกับทุกคน"หมอข้าขอยาแก้ปวดหน่อยสิ ข้าปวดเนื้อปวดตัวไปหมด"ใบหน้าที่ปูดบวมเขียวช้ำ ของไอ้ทองอินก็ยังไม่ดีขึ้น มันก็เริ่มจะแผลงฤทธิ์ได้อีกแล้ว"ข้าก็เพิ่งจะให้เอ็งกินไปไม่ถึงชั่วยาม เอ็งก็ต้องรอหน่อยสิวะ มันก็ต้องปวดเป็นธรรมดาสมุนไพรยังไม่ออกฤทธิ์"คนเป็นหมอถึงกับส่ายหัว กับคนไข้อย่าง ไอ้ทองอิน แม้แต่เงินสตางค์แดงเดียวไอ้ทองอินก็ไม่จ่าย"โธ่เว้ย..! ทำไมข้าต้องมาทนเจ็บปวดด้วยวะ หมอยังเองนี่มันไม่ได้เรื่อง"ไอ้ทองอินลุกขึ้น โซซัดโซเซ สีหน้าชี้หนาด่าทอหมอที่ช่วยชีวิตมันเอาไว้"ถ้าเอ็งพูดอย่างนี้ เอ็งก็ออกไปจากโรงหมอของข้าเสีย แล้วอย่าย้อนกลับมาอีก"คนเป็นหมอถึงกับโมโหเลือดขึ้นหน
ไอ้กล้ากับไอ้สนถือวิสาสะพาตาเขียวเดินขึ้นไปบนเรือนของอินทรีย์ เพื่อไปพบกับอินทรีย์ที่นั่งอยู่กลางเรือน นั่งดูอัญชันฝึกร้อยมาลัยอยู่กับยายปริกที่พื้นด้านล่างตรงหน้าของเขา"พ่อคุ้มอินทรีย์ ดูสิจ๊ะ มาลัยของอัญชันบูดเบี้ยวไม่สวยเหมือนของยายปริกเลย"อัญชันทำหน้างอเป็นม้าหมากรุกรู้สึกน้อยใจในฝีมือของตัวเองยายปริกจึงพูดปลอบใจอัญชันว่า "ตอนที่ยายฝึกทำครั้งแรกโย้เย้กว่าของเอ็งเยอะเลย อัญชันเนี่ยถือว่าเก่งแล้ว เอ็งต้องฝึกฝีมือมาก ๆ นะ'ยายปริกเอ่ยบอกให้อัญชันได้รู้สึกดีขึ้น"จริงหรอจ๊ะ"อัญชันหันไปถามยายปริกพร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจ"จริงสิ ยายจะหลอกเอ็งทำไมล่ะ กว่ายายร้อยมาลัยเก่ง สวยขนาดนี้ ยายก็ฝึกจนเข็มแทงนิ้วไม่รู้กี่พันรอบ"ยายปริกรู้สึกเหมือนมีหลานสาวตัวเล็ก ๆ ทำให้เรือนนี้ดูมีชีวิตชีวาตาเขียวที่ยืนมองดูหลานสาว อยู่ตรงหัวกระได รู้สึกมีความสุขที่ เห็นหลานสาวมีรอยยิ้มและดูหน้าตาสดใสเพียงแค่เวลาวันสองวันเท่านั้นเอง แต่ตาเขียวก็อยากจะไปคุยกับพ่อคุ้มอินทรีย์ให้รู้เรื่องเพื่อความปลอดภัยของหลานอินทรีย์หันไปตามเสียงก๊อกแก๊กที่ตรงหัวบันไดบ้านก็รู้สึกแปลกใจที่ไอ้สนกับไอ้กล้า จูงใครคนนึงมาบนบ้านของเขาโ
ไอ้ทองอินที่ได้เงินสามร้อยห้าสิบบาทเป็นเงินที่ขายลูกสาวกิน มันเอาไปถลุงในบ่อนพนันเพียงคืนเดียวก็เหลือติดตัวเพียงยี่สิบบาท มันจึงรีบล่าถอยกลับไปหาลุงของมันที่เรือน"ลุงเขียวจ๊ะ ข้าขอโทษจ้ะ"ไอ้ทองอินก้มลงไปกราบ ลุงเขียว เพื่อขอขมาลาโทษ ที่ทำให้ลุงได้รับบาดเจ็บตาเขียวที่เห็นหลานชายหัวแก้วหัวแหวนมาทำท่าทางขอขมาลาโทษก็รู้สึกใจอ่อน แต่ก็ไม่ได้รับคำขอโทษแต่อย่างใด"แล้วหลานสาวกูอยู่ที่ไหน มึงเอาแม่อัญชันไปขัดดอกจริงๆ ใช่ไหม"ตาเขียวเค้นถามหลานชายหัวแก้ว หัวแหวน ตาเขียวถามหาหลานสาวสุดที่รักอย่างอัญชันเมื่อวานแกพยายามจะวิ่งตามแต่ด้วยความบาดเจ็บของคนแก่จึงทำอะไรไม่ได้"ฉันขายนางอัญชันให้กับผู้ชายคนนึงไปแล้วฉันได้เงินมานิดหน่อย แต่ตอนนี้ เหลือติดตัวอยู่ยี่สิบบาท" ตาเขียวโมโหจนเลือดขึ้นหน้า ที่ไอ้ทองอินขายลูกกินอย่างไม่รู้สึกผิด แกจึงใช้ไม้ตะพดฟาดไปที่หัวของ ไอ้ทองอินจนแตก พร้อมกับตวาดลั่นบ้าน แกเอ่ยไล่ไอ้ทองอินทร์ให้ออกจากบ้านไป"มึงนี่มันไม่ใช่คนจริง ๆ ขนาดลูกหมาลูกแมว มันยังรักลูกของตัวเอง แต่นั่นลูกสาวมึงแท้ ๆ มึงยังกล้าขายให้กับคนที่มึงไม่รู้จัก มึงใช้สมองหรือหัวแม่โป้งตีนคิดไว่ะ..?"
วันนี้เป็นวันแรก ที่อัญชันได้ใช้ชีวิตในแบบที่ควรเป็นเย็นวันนี้อัญชันที่ฝึกทำปลาสามรสกับยายปริกและน้ำพริกกะปิผักต้มให้กับพ่อคุ้มอินทรีย์เป็นครั้งแรกอัญชันรีบช่วยยายปริกยกข้าวเย็นขึ้นมาบนเรือน"เอ็งทำอันใดให้ข้ากินหรืออัญชัน"พ่อคุ้มอินทรีย์ที่พึ่งอาบน้ำผัดเสื้อผ้าก็เดินออกมา"อัญชันทำเมนูปลาสามรส น้ำพริกกะปิแล้วก็ผักต้มให้กับพ่อคุ้มอินทรีย์ ลองกินดูจ๊ะ"อัญชันยิ้มหวานเนื้อตัวยังมีแต่กลิ่นกับข้าวพ่อคุ้มอินทรีย์เดินเข้าไปหาอัญชัน โอบกอดร่างเล็ก ๆ พร้อมกับหอมแก้มเบาๆ ดังฟอด..!"พ่อคุ้ม...!!!"อัญชันเรียกอินทรีย์เสียงดังเพราะแอบตกใจที่อยู่ดีๆก็โดนขโมยหอมแก้ม"ทำไม มึงเป็นคนของกูแล้ว กูบอกมึงแล้วไง ไม่ต้องตกใจหรอก ต่อไปนี้ทุกอย่างบนตัวมึงเป็นของกูแต่เพียงผู้เดียว"อินทรีย์พูดไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมาทั้งนั้น"อัญชันแม้จะไม่เคยได้รับความรักจากพ่อแบบที่พ่อคุ้มทำ ก็ยิ่งรู้สึกเคอะเขินเล็กน้อยเพราะพ่อคุ้มอินทรีย์ไม่ใช่พ่อแท้ ๆ ของตน"ขอบใจเอ็งมาก เอ็งก็มากินข้าวพร้อมข้าเลยแล้วกัน"อินทรีย์ที่จุงมือเล็ก ๆ ให้เดินตามมาด้วยอีจวงที่เดินขึ้นมาพร้อมกับโถข้าว แทบจะทำโถข้าวหลุดมือ เมื่อเห็นภาพพ่อคุ้มอินทรีย์
อินทรีย์จ้องมองลูกน้องทั้งสองตาเขม็งด้วยความไม่พอใจที่สอดรู้สอดเห็น เรื่องของเขาไปเสียทุกเรื่อง ถึงแม้พวกมันจะดูทะเล้นตึงตังไปบ้าง แต่ยามที่สู้รบปรบมือ พวกมันก็ไม่เคยถอยและไม่เคยทิ้งอินทรีย์เลยแม้แต่ครั้งเดียวเป็นตายแทนเขาได้เสมอ"ช่างสอดรู้สอดเห็นเสียจริงพวกมึง อัญชันเป็นคนของกู นับจากวันนี้เป็นต้นไป ผู้ใดก็ห้ามแตะต้อง"อินทรีย์ใช้น้ำเสียงที่ดูอ่อยโยนทำให้อัญชันไม่รู้สึกกลัว"แม่อัญชันจ๊ะฉันชื่อไอ้กล้า ส่วนเนี่ยไอ้สน แม่อัญชันอย่าได้กลัวฉันสองคนเลยนะ ฉันเป็นลูกน้องของพ่อคุ้มอินทรีย์"ไอ้กล้าที่มันก็กล้าสมชื่อได้พูดขึ้นไอ้สนใช้มือตบไปที่เพื่อนเบา ๆ ให้หยุดพูดเสียทีเดี๋ยวจะปากพาซวยกันทั้งคู่แต่ไอ้กล้าก็ไม่ได้ฟังอัญชันหันมองคนทั้งสองพร้อมกับผงกหัวรับอย่างว่าง่าย คนตัวเล็กอย่างอัญชันทำอะไรก็ดูน่ารักไปเสียหมดในสายตาของอินทรีย์ อินทรีย์ค่อย ๆ อุ้มอัญชันออกจากตัก ให้นั่งอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับใช้วงแขนแกร่งโอบกอดเอาไว้"ไหน ไหน ก็ไหน ไหนแล้ว ทำความรู้จักไว้เสียสิอัญชัน อันนั้นไอ้สนหน้าตามันจะดูรูปทั่วตัวดำแต่มันเป็นคนจิตใจดี""ส่วนคนนั้นไอ้กล้าปากหมาพาซวยถึงแม้มันจะดีดดิ้งไปบ้างไม่ค่อยเชื่อฟังคำ
อินทรีย์ที่อุ้มอัญชันขึ้นมากอดกระชับไว้แน่นพร้อมหอมใบบนหน้าผากมนด้วยความน่ารักน่าเอ็นดูของอัญชัน ทำให้อินทรีย์อดใจไม่ไหวจึงแกล้งหยอกล้ออัญชันจนมันหัวเราะร่วน"ฮ่า ฮ่า พ่อคุ้ม อัญชันจั๊กจี้จ้ะ ไม่เอาแล้ว ไม่เล่นแล้ว"อัญชันที่โดนพ่อคุ้มกลั่นแกล้งนั่งหัวเราะร่วนอยู่บนตักแกร่ง"กูไม่แกล้งมึงแล้วก็ได้อัญชัน แต่ต่อไปนี้เอ็งจะต้องเป็นเด็กดี เชื่อฟังทุกเรื่องที่ข้าพูดเข้าใจไหมพ่อคุ้มอินทรีย์บอกกับอัญชันอย่างจริงจัง"อัญชันสัญญาจ้ะ อัญชันจะเป็นเด็กดี จะเชื่อฟังที่ พ่อคุ้มบอกทุกเรื่องเลยจ้ะ อัญชันอยากจะเรียนทำอาหารเพิ่มได้ไหมจ๊ะ""เมื่อก่อนแม่ของอัญชัน มักจะสอนอัญชันทำขนมแล้วก็อาหารมากมาย อัญชันอยากรู้ว่าพ่อคุ้มชอบกินอะไรอัญ ชันจะได้ทำให้พ่อคุ้มกินทุกวันเลย"อัญชันที่พูดเอาอกเอาใจพ่อคุ้มอินทรีย์ด้วยความไร้เดียงสาอัญชันรู้สึกรักและผูกพันกับพ่อคุ้มอย่างบอกไม่ถูก"มึงเป็นเด็กที่น่ารัก และรู้จักเอาอกเอาใจเสียจริงนะไม่เสียแรงที่กูช่วยมึงมา"พ่อคุ้มพูดคุยกับอัญชันอยู่นานสองนานอย่างไม่รู้สึกเบื่อทางด้านไอ้ต้นกล้าและไอ้สนที่เดินดั้นด้นจากลานฝึกมาจนถึงเรือนของพ่อคุ้ม มันแอบดูอยู่ตรงชายบันไดเรือน ก็ถึงก