มื้อเย็นผ่านไปอย่างทุลักทุเล เศรษฐีอ๋องรู้สึกเหมือนมีรังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกมาจากตัวของอินทรีย์อยู่ตลอดเวลา เพราะทุกครั้งที่ไอ้พันตักกับข้าวหรือของต่าง ๆ ให้กับอัญชัน เขามักจะเห็นแววตาพิฆาตที่พร้อมจะเชือดลูกชายของตนตลอดเวลาอัญชันนั่งอยู่ข้าง ๆ อินทรีย์อย่างสงบเรียบร้อย เพื่อฟังการทำงานที่กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ในการช่วยกันตัดต้นไม้และทำทางถนนเกวียนให้ดีขึ้น เศรษฐีอ๋องและอินทรีย์นั่งปรึกษาหารือกันอยู่เกือบครึ่งชั่วยาม ลูกชายอย่างไอ้พันไม่ได้ตั้งใจฟังอะไรเลย นอกจากนั่งจ้องหน้าอัญชันตาเป็นมันส่วนนางมณีก็ขอตัวเดินไปเดินมาอยู่รอบเรือน เพื่อชมบรรยากาศที่สวยงามบนเรือนของอินทรีย์"อีจวง มึงดูสิ อีกไม่นานหรอก กูจะต้องเป็นเจ้าของครองเรือนนี้ และกูจะไล่อีนางเด็กอัญชันนั่นออกจากเรือนไปเสีย อีเด็กกาฝาก" นางมณีที่พูดกับอีจวงโดยไม่สนว่าจะมีใครมาได้ยิน"ข้าว่า ก่อนที่คุณหนูมณีจะฝันว่ามาเป็นคุณผู้หญิงเรือนนี้ ทำอย่างไรดีเล่า ในเมื่อพ่อคุ้มอินทรีย์ยังไม่แม้แต่จะชายตาแลทแม่มณีเลยสักนิด" นางชมพู่หันไปตอกกลับนางมณีด้วยความไม่ยำเกรง เพราะมาริอาจคิดจะเฉดหัวผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตมันตอนที่
หลังจากเกิดเหตุการณ์วุ่นวายเมื่อคืนที่ผ่านมาเรื่องที่อีจวงทำเอาไว้ เหตุการณ์นี้ทำให้คนในเรือนบ่าวไพร่ต่างพากันพูดถึงติชินนินทาอีจวงอย่างไม่ขาดปาก อย่างเช่นอีแดงถึงแม้จะเป็นศัตรูคู่อาฆาตของอีจวงมาแต่ไหนแต่ไร แต่ก็ไม่เคยคิดว่าอีจวงจะเป็นบ้าเสียสติถึงขนาดแก้ผ้าต่อหน้าพ่อคุ้มอินทรีย์ ท่านกลับไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่นิด"ยายปริกดูสิอีจวง มันเสียสติไปเช่นนั้นเลยหรือถึงขนาดไปแก้ผ้าให้ท่านถึงบนเรือน พ่อคุ้มท่านกลับไม่ชายตาแลแม้จะหางตา หากข้าเป็นอีจวงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใดแล้ว"อีแดงที่หันมาพูดกับยายปริกขณะที่กำลังนั่งทำกับข้าวอยู่"เวรใครกรรมมัน ทุกอย่างคือผลของการกระทำทั้งนั้นอีแดง"ยายปริกถึงกับส่ายหน้าอย่างเอือมระอาพยายามห้ามและเตือนสติอีจงเสมอ"ก็อีจวงมันใฝ่สูง อยากเป็นเมียพ่อคุ้มอินทรีย์จนตัวสั่น แต่ข้าก็ไม่คิดว่ามันจะใช้วิธีสกปรกขนาดนี้"บ่าวอีกคนที่กำลังเด็ดผักก็ทำตัวปากยื่นปากยาวมาเสริมทัพ"ทุกอย่างมันอยู่ที่การกระทำ พวกเอ็งจำไว้แข่งบุญแข่งวาสนามันแข่งกันไม่ได้ คนบางคนไม่ต้องดิ้นรนไม่ต้องไขว่คว้า ของทุกอย่างก็มากองอยู่ตรงหน้าดั่งเช่นคุณหนูอั
ทางด้านมณีก็ยังเฝ้าเพียรคิดถึงอินทรีย์ทุกวี่วันดั่งเช่นวันนี้ นางมณีใช้ให้บ่าวที่บ้านทำปิ่นโตสำหรับเอามาส่งให้กับพ่อคุ้มอินทรีย์ที่ลานฝึกอาวุธ โดยมีบ่าวอย่างอีจวงที่โดนพ่อคุ้มไล่ตะเพิดออกจากเรือนไป จึงได้ระเห็จระเหินร่อนเร่ไปขอพึ่งใบบุญนางมณี นางมณีที่เห็นว่าอีจวงเคยเป็นข้าเก่าของเรือนพ่อคุ้มอินทรีย์จึงจะใช้อีจวงสอบถามความชื่นชอบต่างๆของอินทรีย์เพื่อมัดใจเขา"อีจวงมึงแน่ใจกะนั้นรึ ว่าพ่อคุ้มอินทรีย์ชอบกินอาหารเช่นนี้"อีจวงที่จำได้แค่งู งู ปลา ปลา ก็บอกกับนางมณีแบบผิดๆ ถูกๆตลอดมา"แน่ใจสิเจ้าคะ บ่าวอยู่เรือนของพ่อคุ้มมาเป็นปีๆ จำได้หมดทุกกระเบียดนิ้วเลยเจ้าค่ะ"อีจวงที่พูดโกหกไปเรื่อยเพื่อจะได้ใช้ใบบุญที่เหลือเป็นใบเบิกทางให้มีที่คุ้มกะลาหัว"เออดี กูจะได้เอาไปให้พ่อคุ้มกิน มึงเร่งฝีเท้าเข้าเถิดเดี๋ยวพ่อคุ้มกูก็จะหิวข้าวกลางวันพอดี"นางมณีที่เร่งออกจากเรือนไปที่ลานฝึกเพื่อไปหาอินทรีย์ทางด้านอินทรีย์ที่กำลังฝึกเชิงมวยอยู่กับไอ้กล้าและไอ้สนรวมถึงลูกสมุนอื่นๆก็พากันลับมีดรับกระบองตรวจเช็คคลังสินค้าดั่งเช่นทุกวัน"พวกมึงตั้งใจฝึกกันหน่อยสิวะ ไม่มีสมาธิเช่นนี้หากไปเจอไอ้พวกโจรปล้นควายดั่งเช
ค่ำคืนที่มืดมิด อินทรีย์ที่กลับจากการเดินตระเวนตรวจตารอบหมู่บ้านด้วยความเหนื่อยล้า อินทรีย์อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเดินตรงเข้าไปในห้องนอน วันนี้เขาไม่อยากจะรบกวนอัญชัน เพราะอัญชันมีวันแดงเดือดแบบผู้หญิงที่โตเป็นสาว ทำให้อินทรีย์ต้องนอนแยกมาที่ห้องของตนเอง ขณะก่อนที่จะเดินเข้าห้องนอน อินทรีย์ที่นั่งรับลมสูดอากาศอยู่หน้าชานเรือนบ้าน อินทรีย์ก็ล้างหน้าล้างตามือเท้า แล้วเดินกลับเข้าไปในห้องนอน โดยไม่ทันสังเกตว่า ในห้องของเขานั้น ไม่ได้มีเพียงแค่เขา อินทรีย์ได้กลิ่นกำยานแปลก ๆ ภายในห้อง แต่ก็ยังไม่ทันได้สังเกตว่ามีบุคคลที่สองแอบอยู่ข้างเตียงตนเอง "เอ๊ะ..! เสียงเอ๊ะเบาๆ อินทรีเอะใจจึงได้รีบกระโดดคว้าปืนที่อยู่ข้างหัวเตียงแล้วตวาดลั่น "มึงเป็นใคร ...! ออกมาเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ออกกูจะยิงให้ไส้แตกเลย ออกมา..!" เสียงตวาดดังกึกก้องไปทั่วทั้งเรือน "ออก แล้ว ออก แล้วจ้ะ" เสียงติดขัดเงาตะคุ่มตะคุ่ม ภายใต้แสงตะเกียงเจ้าพายุค่อยๆ เผยให้เห็นผู้ที่แอบอยู่ข้างเตียงลอยชัดเจนขึ้นมา "อีจวง..! มึงทำบ้าอะไรของมึง มึงเข้ามาทำอะไรในห้องของกู"อินทรีย์ลดปืนลงแล้วก็หันไปถามอีจวงด้วยความหงุดหงิดใจ
วันเวลาผ่านพ้นไป อัญชันที่อยู่กับพ่อคุ้มมาเข้าปีที่ หก อายุอานามก็พอสมควร เริ่มเป็นสาวสะพรั่งเต็มตัวบัดนี้อัญชันอายุ 18 ปีบริบูรณ์ครบถ้วนอินทรีย์ที่หวงอัญชันหนักขึ้นทุกวัน เพราะลูกของเศรษฐีอ๋อง อย่างไอ้พันที่ชอบส่งของกำนันมากมายมาที่เรือนของตนเป็นประจำไม่มีเว็นวันอินทรีย์มักจะให้ยายปริกหรือชมพู่เอาไปเก็บให้พ้นหูพ้นตาหรือไปทำทานแจกคนอื่นหมดไม่เคยถึงมืออัญชันเลยแม้แต่ชิ้นเดียว"ไอ้ไผ่มึงดูพ่อคุ้มอินทรีย์ขี้เก๊กนั่นดิ แม่งูเอ้ย..!มันกันท่ากู ไม่ให้เข้าใกล้น้องอัญชัน อย่าให้กูสบโอกาสนะกูจะฉุดทำเมียแม่งซะเลย"ไอ้พันที่ตอนนี้ก็อายุอานาม 27 ปีเป็นหนุ่มวัยกลัดมันเต็มตัว"โถ่พี่พันจ๊ะ พ่อคุ้มดุอย่างกับเสือ แม่อัญชันสวยก็จริง สวยมากจนลือไปทั่วทุกหมู่บ้าน แต่จะเสี่ยงปืนผาหน้าไม้มันจะคุ้มเหรอจ๊ะ"ไอ้ไผ่ที่นั่งบีบนวดเท้าให้กับ ไอ้พันอยู่บนบ้าน*กูถามมึงเถอะ สวยอย่างแม่อัญชันเนี่ย มึงคิดว่าไม่คุ้มลูกปืนจริงๆ หรอวะ ใครได้เป็นเมียเนี่ยอยู่ติดบ้านแน่นอน" "การบ้านการเรือนก็เก่ง ยิงปืนก็ได้ เย็บปักถักร้อยก็ไม่เป็นรองใคร ครบเครื่องขนาดนี้ กูอยากจะ
อินทรีย์ที่สั่งเสื้อผ้าพับใหม่ยกหีบให้กับอัญชันอัญชันถึงกับร้องห้าม ตามใจก็คงไร้ผลทุกอย่างที่เป็นของอัญชันอินทรีย์มักจะใส่ใจเสมอ อินทรีย์รู้สึกได้ว่า ตอนนี้มีคนจับตามองอัญชันและเขาจึงได้หันกลับไปและได้เห็น ไอ้พัน นางมณีและเศรษฐีอ่องที่เดินตามหลังมาติดๆ"อ้าวเจอกันอีกแล้ว พ่อคุ้มอินทรีย์แล้วก็น้องอัญชันคนสวย น้องอัญชันซื้อเสื้อผ้าใหม่หรือ ให้พี่ช่วยเลือกหรือไม่"ไอ้พันเดินตรงปรี่เข้าไปหาอัญชันโดยที่ไม่มองหน้าของอินทรีย์ว่าสามารถกระทืบไอ้พันตายคาตีนได้เลย ไอ้พันวอนหาเรื่องตาย อัญชันไม่ตอบอะไรได้แค่หันกลับไปมองโดยทำท่าทางไม่สนใจ เพราะไม่อยากให้พ่อคุ้มอินทรีย์โมโห"พ่อคุ้ม ข้าต้องขอโทษแทนลูกชายข้าด้วย มันยังเด็กอาจจะปากไวไปนิด"ทิดอ๋องรีบเอ่ยคำขอโทษแทนลูกชายนางมณีที่เดินตามหลังมาติด ๆ ก็ปรี่เข้าไปหาอินทรีย์ การกระทำไม่ต่างพี่ชายอย่างไอ้พัน ใช้มือเรียวเล็กเกาะแขนของอินทรีย์เอาไว้แน่นราวกับกำลังให้ท่าอ่อยเหยื่อ"พี่อินทรีย์เจอกันอีกแล้วนะจ๊ะ โลกกลมเสียจริง มณีคิดว่าเป็นบุพเพสันนิวาสเสียอีก"นางมณีพูดจาออเชาะ"ไม่เป็นไรหรอกท่านเศรษฐี แต่เตือนมันไว้ก็ดีอย่าไปเที่ยวปากไวใจเร็ว เดี๋ยวจะไม่มีชีว