LOGIN
บ้านเลขที่ 99/99 สีลม กรุงเทพมหานคร
คนที่ผ่านไปมาย่านนี้ต่างก็มองป่าเขียวขจีด้วยความแปลกใจ ในพื้นที่ทำเลทองของเมืองหลวงเช่นนี้ ใครล่ะจะคิดว่ายังมีป่ากลางเมืองได้ และที่น่าแปลกใจยิ่งไปกว่านั้นคือมีบ้านทรงไทยสไตล์ล้านนา ทำด้วยไม้สักทองทั้งหลัง ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางแมกไม้นานาพันธุ์บนพื้นที่กว่าสามไร่ บ้านหลังงามที่แฝงตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่น ดูกลมกลืนมองแล้วเป็นเหมือนป่ามากกว่าที่จะเป็นที่อยู่อาศัยของผู้มีอันจะกิน
ด้วยความที่สมาชิกภายในครอบครัวทุกคนรักในความเป็นไทยแท้ การตกแต่งทุกอย่างจึงเป็นแบบไทยๆ เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตัวบ้าน สวนดอกไม้ สนามหญ้า สระเลี้ยงปลา และศาลากลางน้ำ ยกเว้นก็แต่ห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ขนาดย่อม ที่ตั้งอยู่บริเวณส่วนของหลังบ้าน ซึ่งประมุขของบ้านตั้งใจสร้างให้บุตรสาวผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ เพราะเห็นพรสวรรค์ในเรื่องวิทยาศาสตร์ของลูกที่ฉายแววตั้งแต่ยังเล็ก จึงส่งเสริมเธอในทุกรูปแบบ
สิ่งปลูกสร้างอันประณีตวิจิตรตระการตาทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นดั่งวิมานบนดินสำหรับสมาชิกในครอบครัวดิลกรัตนกุล เพราะมันล้วนอบอวลไปด้วยความรักและความอบอุ่น ที่คนในครอบครัวต่างหยิบยื่นให้แก่กัน
ปัจจุบันสมาชิกในครอบครัวหลงเหลืออยู่เพียงแค่สองคน นั่นก็คือประมุขของบ้าน นายบริรักษ์ ดิลกรัตนกุล ชายวัยห้าสิบห้าปี พ่อหม้ายภรรยาตายตั้งแต่ลูกสาวอายุได้เพียงสิบขวบ มหาเศรษฐีผู้ติดอันดับท็อปเท็นห้าปีซ้อนของเมืองไทย ทั้งในเรื่องทรัพย์สินที่ถือครองและการบริหารงานในองค์กรเป็นเลิศ เขากุมบังเหียนบริษัทดิลกรัตน์ อิมพอร์ต ซึ่งเป็นผู้นำเข้ายานยนต์ชั้นนำของประเทศไทย ถึงวัยจะล่วงเลยมาจนเกือบจะถึงเลขหกแล้ว แต่นายบริรักษ์ก็ยังคงเค้าความหล่อเหลาและภูมิฐานไว้ให้ได้เห็นเฉกเช่นสมัยที่ยังเป็นหนุ่ม
ส่วนอีกหนึ่งชีวิตที่อาศัยอยู่ภายใต้ชายคาอันอบอุ่นแห่งนี้ก็คือ บุตรสาวและทายาทเพียงคนเดียวของตระกูล นางสาวบุปผชาติ ดิลกรัตนกุล หรือยัยหนูแก้ม สาวน้อยมหัศจรรย์ วัยยี่สิบเอ็ดปี ผู้เป็นสุดยอดแห่งความอัจฉริยะ ไอคิวสูงเสียดฟ้า สุดเฉิ่ม ผมสั้น ใส่แว่นตาหนาเตอะ และพ่วงมาด้วยตำแหน่งวิศวกรสาวผู้มากความสามารถอันดับต้นๆ ของเมืองไทย เธอผู้ไม่เคยสนใจโลกภายนอก จะสนก็แต่เครื่องยนต์กลไกและงานวิจัยระดับชาติเท่านั้น สำหรับความรักแบบหนุ่มสาวน่ะเหรอ อย่าถามถึงมันเลย เพราะคนอย่างบุปผชาติไม่เคยสัมผัสมันด้วยซ้ำในชีวิต
“เย้ๆๆ ดีใจจังเลย ในที่สุดฝันของแกก็เป็นจริงแล้วยัยแก้มเอ๋ย” น้ำเสียงลิงโลดบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเวลานี้เจ้าตัวอยู่ในอารมณ์ไหน
บุปผชาติกำลังกระโดดโลดเต้น ร้องเฮลั่นบ้าน ด้วยความดีอกดีใจ ที่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Professional Enterprise and Development ติดต่อมาขอซื้อตัวเธอไปร่วมงาน บริษัทดังกล่าวเป็นผู้ผลิตรถเเข่งและเครื่องบินระดับโลก สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ถึงแม้บริษัทนี้จะเปิดตัวได้ไม่นาน แต่ก็สามารถผงาดติดอันดับหนึ่งในสิบของโลก เพราะทางบริษัททุ่มทุนกว้านซื้อตัววิศวกรและนักวิทยาศาสตร์มากความสามารถจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป ด้วยความไม่หยุดยั้งในการพัฒนา ทดลองหานวัฒตกรรมใหม่ๆ โดยได้รับแนวคิดสร้างสรรค์จากบุคลากรหัวกะทิระดับโลก จึงทำให้องค์กรสามารถเบียดคู่แข่ง ขึ้นมาแย่งพื้นที่ส่วนแบ่งทางการตลาดได้อย่างเต็มภาคภูมิ
“ป๊ะป๋าจ๋า ป๊ะป๋าอยู่ไหนเอ่ย?” บุปผชาติร้องตะโกนเสียงใสเรียกหาบิดา พร้อมสอดส่ายสายตาที่แฝงไปด้วยความตื่นเต้นไปทั่วบริเวณบ้าน
“ป๋าอยู่นี่ยัยหนู มีอะไรลูก เสียงดังไปถึงหน้าบ้านเชียว” ผู้ที่เพิ่งมาจากวิ่งออกกำลังกายรับอรุณเลิกคิ้วถามบุตรสาวด้วยความแปลกใจ เพราะเสียงของเธอดังมาก
ทั้งที่เจ้าตัวไม่มีนิสัยพูดจากระโชกโฮกฮากหรือเอะอะโวยวาย แต่ตรงกันข้ามกลับพูดจาไพเราะอ่อนหวานสมกับเป็นกุลสตรีไทย ใสซื่อบริสุทธิ์ มีใบหน้ากระจ่างผุดผาด ดวงเนตรสุกสกาวดั่งดาวที่พราวพร่างอยู่กลางนภา ประกอบกับทรวดทรงอันดูสมส่วน ทั้งที่รูปร่างหน้าตาออกจะสะสวยและน่ารักสมวัย ทว่าบุปผชาติกลับชอบแต่งตัวปกปิดความงดงามของตัวเองด้วยการใส่เสื้อผ้าเชยๆ และสวมแว่นตาหนาเตอะ
คนภายนอกอาจจะมองว่าเธอดูนิ่งๆ ซื่อๆ ทว่าที่จริงแล้วอ้อนเก่งซะไม่มี แต่ก็นั่นแหละที่ทำให้บิดาหลงบุตรสาวสุดที่รักจนหัวปักหัวปำ
“แก้มมีอะไรจะให้ป๊ะป๋าดูค่ะ แต่น…แต่น…แต๊น…” รอยยิ้มเต็มใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราและน้ำเสียงตื่นเต้นยินดีจนปิดไม่มิดยิ่งทำให้บิดาสงสัยเข้าไปใหญ่
“ห๊ะ!!! ยะ…ยัยหนูสมัครไปตั้งแต่ตอนไหนลูก?” ผู้เป็นพ่อตกใจจนหน้าซีด เมื่อเห็นสิ่งที่ลูกสาวภูมิใจนำเสนอ ด้วยน้ำเสียงลิงโลด นี่ลูกเขาแอบส่งโปรไฟล์ไปพรีเซนต์ตัวเองกับบริษัทชั้นนำของโลก และทางนั้นก็สนใจจะซื้อตัวเธอ แต่ที่มันแย่ไปกว่านั้นคือบุปผชาติดันตอบตกลงซะด้วยนี่สิ นายบริรักษ์คิดว่าลูกสาวจะแค่พูดเล่นๆ แต่เธอกลับทำจริงได้ซะนี่ แล้วพ่ออย่างเขาจะทำใจให้ลูกจากอกได้ยังไงไหว
“ป๊ะป๋าขา…หนูขอไปทำงานนี้นะคะ” บุปผชาติขออนุญาตบิดาด้วยน้ำเสียงเว้าวอน
“ไม่ได้! ยังไงป๋าก็ไม่ยอมเด็ดขาด!” ผู้เป็นพ่อปฏิเสธน้ำเสียงเฉียบขาด เผลอตวาดดังลั่นจนลูกสาวสะดุ้งสุดตัว
เมื่อบุปผชาติเห็นว่าวิธีนี้คงใช้ไม่ได้ผลจึงแสร้งบีบน้ำตาคลอเบ้า ปั้นสีหน้าให้ดูเศร้าสลดและผิดหวังเสียใจสุดขีด ทำเอาผู้เป็นพ่อใจหายวาบ
“ฮึก…คุณป๋าไม่รักแก้มแล้ว” เสียงพูดขาดเป็นห้วงๆ เพราะแรงสะอื้น สาวน้อยมักงัดมารยาเล็กๆ ออกมาใช้กับบิดาเสมอ เพราะรู้ดีว่าสุดท้ายแล้วท่านต้องยอมใจอ่อน
“เอ่อ…ยัยหนูฟังป๋านะลูก ลูกจะไปอยู่ต่างประเทศคนเดียวได้ยังไง” เมื่อเห็นน้ำตาลูกสาวคนเป็นพ่อก็หัวใจกระตุก รีบผ่อนน้ำเสียงให้อ่อนลงกว่าเดิมทันที
“ได้สิคะ ลูกสาวป๊ะป๋าโตแล้วนะ” บุปผชาติยืนยันกับบิดาด้วยความมั่นอกมั่นใจ เพราะตอนนี้เธอบรรลุนิติภาวะแล้ว และก็จบด็อกเตอร์ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย ตั้งแต่อายุเพียงยี่สิบปี ฉะนั้นเธอจึงมั่นใจว่าสามารถดูแลตัวเองได้
“ถึงลูกจะโตแล้ว แต่ลูกก็ยังเป็นเด็กสำหรับป๋าเสมอนะแก้ม” ในสายตาของนายบริรักษ์บุตรสาวของเขาช่างไร้เดียงสายิ่งนัก
ตั้งแต่เล็กจนโตเธอแทบจะไม่ได้ไปไหนมาไหนคนเดียวเลยด้วยซ้ำ จะไปไหนแต่ละทีก็ต้องมีบอดี้การ์ดคอยติดตามคุ้มครองตลอดไม่ห่างกาย จะปล่อยให้ขับรถไปเองเฉพาะเวลาไปเรียนเท่านั้น แล้วนี่จะไปเผชิญโลกกว้างเพียงลำพัง เขาไม่อยากจะคิดเลยว่ามันจะเป็นยังไง เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นห่วงจนหัวใจร้อนรุ่มกระวนกระวาย
หลังจากนั้น สองพ่อลูกก็นั่งโต้แย้งกัน ครั้งนี้บุปผชาติยอมพ่อไม่ได้จริงๆ เพราะข้อเสนอของทางบริษัทช่างหอมหวานยั่วยวนใจยิ่งนัก สิ่งที่เธอต้องการจากสัญญาสองปี ไม่ใช่จำนวนตัวเลขที่ทางฝรั่งเศสเสนอมาให้เป็นค่าตัว แต่มันคือประสบการณ์อันล้ำค่าครั้งหนึ่งในชีวิตซึ่งหาไม่ได้จากที่ไหนต่างหากล่ะ
ยิ่งรู้ว่าตนจะได้ไปทำงานใน New Model ของรถแข่งฟอร์มูล่าวันและเครื่องบินเจ็ทรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ทางบริษัทได้วางแพลนว่าจะเปิดตัวภายในสองปีนี้ บุปผชาติก็ไม่ลังเลที่จะตอบตกลงเลยสักนิด เพราะนั่นคือสิ่งที่เธอใฝ่ฝันมาโดยตลอด ใครล่ะจะไม่อยากไปร่วมงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่รวมเอายอดอัจฉริยะบุคคล ผู้มีไอคิวสูงและเก่งกาจ มาไว้ในองค์กรเดียวกัน ยิ่งคิดยิ่งน่าตื่นเต้นและท้าทายสำหรับสาวเฉิ่มจอมอัจฉริยะอย่างบุปผชาติ ดิลกรัตนกุล
ทันทีที่ลงจากรถได้มาร์โคก็ถอดหมวกกันน็อคออก แล้วโบกมือให้ท่านผู้ชมรอบสนามด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว และเดินไปเปิดแชมเปญฉลองให้กับตำแหน่งแชมป์สมัยที่สี่ของตน เมื่อฉลองกับชัยชนะพอหอมปากหอมคอแล้ว เขาก็ตระกองกอดร่างอวบอิ่มของริชชี่มายังรถของตนทันที เพราะทนรอรับรางวัลอันแสนยั่วใจจากสาวเจ้าแทบจะไม่ไหวแล้ว เลือดหนุ่มมันร้อนระอุไปทั่วสรรพางค์กาย บนรถแข่งคู่ใจ มีร่างของมาร์โคและริชชี่กำลังโรมรันพันตูกันอย่างเมามัน พอทั้งสองขึ้นมาในรถได้ก็ผวาเข้าหากันราวกับแม่เหล็กต่างขั้ว เพราะต่างหิวกระหายในบทรักเหมือนกัน เมื่อสาวร้อนแรงมาเจอกับหนุ่มร้อนรักการโหมโรงในรถจึงดุเด็ดเผ็ดมันถึงใจ สองร่างต่างจูบฟัด นัวเนีย และแลกลิ้นกันอย่างถึงพริกถึงขิง เล่นเอาความต้องการพลุ่งพล่านไปทั้งเรือนกายอันเต็มไปด้วยไฟปรารถนา และเพียงชั่วพริบตาอาภรณ์ก็อันตรธานไป “มาร์คคะ ได้โปรดเถอะ…ริชชี่ไม่ไหวแล้ว” คนที่นั่งคร่อมอยู่บนตักกว้างส่งเสียงกระเส่าเว้าวอน นัยน์ตาหยาดเยิ้มเชิญชวนเต็มอัตรา บ่งบอกถึงความต้องการอย่างเปิดเผย “แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วเหรอที่รัก ไหนบอกว่าแบบนอนสต็อปไงล่ะคนสวย” เสียง
“ไงวะเพื่อน มีสาวสวยมาออดอ้อนไม่เคยห่างเลยนะแก” เคลวินแขวะมาร์โคด้วยความหมั่นไส้ ทันทีที่อีกฝ่ายเดินยิ้มเผล่เข้ามาหา“แหงล่ะ ก็คนมันหล่อนี่หว่า ช่วยไม่ได้” มาร์โคไม่คิดจะปฏิเสธหรือโต้แย้งถ้อยคำที่เพื่อนตั้งใจกระแนะกระแหนเลยสักนิด แถมยังยิ้มกว้างด้วยความมั่นใจในตัวเองอย่างแรง “ไอ้ห่า หมั่นไส้คนหล่อว่ะ!” ราฟาเอลทนไม่ไหวจึงจัดไปให้เพื่อนรักหนึ่งดอก“ระวังนะโว้ย แกจะได้สาวเฉิ่มมาเป็นเมีย” แดเนียลเปรยด้วยท่าทางอารมณ์ดี“ไม่มีทาง ผู้หญิงมันก็ต้องแรงๆ สิครับไอ้คุณเพื่อน มันถึงจะซู่ซ่าถึงใจ ไม่แรงจะเอามาทำไม ถ้ายิ่งจืดชืดเป็นยาเย็นอย่าได้สะเออะมาเสนอตัวให้นายมาร์โค ดิมิเทียส คนนี้เชียว พ่อจะไล่ตะเพิดเข้าให้ ถ้าได้ผู้หญิงแบบนั้นมาทำพันธ์ฉันขอไปบวชดีกว่าว่ะ ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ เพื่อน” มาร์โคยืนยันเสียงแข็งว่าไม่มีทางชายตาแลสาวเฉิ่มเบ๊อะแน่ แค่คิดเขาก็กระอักกระอ่วนเต็มทนแล้ว “ฮะๆๆ แล้วฉันจะคอยดูแล้วกัน ว่าแกจะแน่ซักแค่ไหน” แดเนียลหัวเราะเสียงดังสนั่นให้กับท่าทางสยดสยองของไอ้เพื่อนตัวดี “คนอย่างนายมาร์โค ไม่คิดจะฆ่าตัวตายด้วยวิธีนั้นอยู่แล้ว ยิ่งสาวเอเชียยิ่งขอบาย แค่คิดก็หมดอารมณ์แล้ว ใ
สองสาวเจอกันตอนไปแข่งฟิสิกส์โอลิมปิกที่ประเทศจีน เมื่อครั้งที่พวกเธอยังเรียนชั้นมัธยมปลาย ด้วยความที่ชื่นชอบอะไรเหมือนๆ กัน เลยคุยกันถูกคอ แถมสไตล์การแต่งตัวยังคล้ายคลึงกันมาก ไม่ว่าจะเป็นการสวมแว่นตาหนาเตอะ ใส่กระโปรงทรงสุ่ม และใส่เสื้อปกปิดเนื้อตัวมิดชิด แต่บุปผชาติจะดูเฉิ่มและเชยกว่า หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ติดต่อกันมาตลอด จนกลายมาเป็นเพื่อนรักในที่สุด สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการแล้ววันที่บุปผชาติจะต้องจากเมืองไทยก็มาถึง นายบริรักษ์แทบไม่อยากให้ถึงวันนี้ เวลาช่างเดินเร็วนัก อีกไม่กี่นาทีลูกก็จะจากเขาไปไกลซะแล้ว สองพ่อลูกร่ำลากันอยู่ที่หน้าห้องผู้โดยสารขาออกด้วยท่าทีอ้อยอิ่ง เต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ “จำไว้นะแก้ม ถ้าหนูอยู่ไม่ได้ ต้องโทรมาบอกป๋าทันทีนะ เข้าใจไหมลูก” บิดายังคงย้ำชัดประโยคเดิมๆ จนผู้เป็นลูกจำได้ขึ้นใจ แต่เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายรักและเป็นห่วงตนมากแค่ไหน“ค่ะคุณป๋า แก้มไม่ลืมหรอกค่ะ” สาวน้อยรับคำด้วยน้ำเสียงแข็งขัน“ดูแลตัวเองให้ดีนะลูก ป๋ารักหนูนะ นี่เป็นนามบัตรเพื่อนป๋า หากหนูมีปัญหาโทรหาเขาได้ทุกเมื่อ เขาจะส่งคนมาช่วยลูกทันทีไม่ว
“เราโทรมาบอกว่าบริษัท Professional Enterprise and Development ติดต่อมาขอซื้อตัวเรา แล้วเธอล่ะเป็นไงทางนั้นติดต่อมาบ้างหรือยัง?” มณีญาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแค่ส่งโปรไฟล์ไปแนะนำตัว หลังจากนั้นเพียงสองอาทิตย์ทางบริษัทก็ติดต่อกลับมาว่าอยากได้เธอไปร่วมทีมด้วย “ไชโย้! ดีใจจังเลย เราก็ได้เหมือนกัน แบบนี้ก็ดีน่ะสิ แก้มจะได้มีเพื่อน” บุปผชาติร้องตะโกนด้วยความยินดีที่ทั้งคู่จะได้ไปทำงานที่ตนใฝ่ฝันด้วยกัน “เราจะนับวันรอได้เจอแก้มเลยล่ะ งั้นแค่นี้นะบ๊ายบายจ้ะ” มณีญาก็รู้สึกยินดีไม่ต่างจากเพื่อนรัก เพราะเธอรอเวลาที่จะได้เจอกับบุปผชาติมานานนัก ที่ผ่านมาจะได้คุยกับเพื่อนสาวเพียงทางโทรศัพท์ แต่ครั้งนี้จะได้เจอหน้า เธอจึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ “เราก็เหมือนกันจ้ะ บาย” สาวเฉิ่มยิ้มอยู่คนเดียวจนแก้มแทบปริ ดีใจที่ทุกอย่างดูลงล็อกเป็นไปตามที่ตนคาดหวังไว้ทุกประการ สองสาวเจอกันตอนไปแข่งฟิสิกส์โอลิมปิกที่ประเทศจีน เมื่อครั้งที่พวกเธอยังเรียนชั้นมัธยมปลาย ด้วยความที่ชื่นชอบอะไรเหมือนๆ กัน เลยคุยกันถูกคอ แถมสไตล์การแต่งตัวยังคล้ายคลึงกันมาก ไม่ว่าจะเป็นการสวมแว่นตาหนาเตอะ
“ป๊ะป๋าให้แก้มไปเถอะนะคะ นะ…นะ…คุณป๋าสุดหล่อ” สาวน้อยเกาะแขนบิดาแน่น ปากก็พร่ำออดอ้อนออเซาะ แนบแก้มถูไถลำแขนแกร่ง พร้อมเงยหน้าทำตาปริบๆ ให้น่าเห็นใจมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ กิริยาคล้ายแมวน้อยที่กำลังอ้อนเจ้านายของมันอย่างไรอย่างนั้น “ไม่ไปไม่ได้เหรอลูก หนูเป็นผู้หญิง ป๋าไม่อยากให้ไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองคนเดียวเลย” ใจคนเป็นพ่อพลันอ่อนยวบ เพียงได้ยินเสียงอ่อนเสียงหวานของผู้ที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ แจ้งความประสงค์ชัดเจนว่าต้องการห่างจากอกตนเพื่อไปทำงานแดนไกล จะให้เขาปล่อยเธอไปได้ยังไง เลี้ยงดูมาตลอดยี่สิบเอ็ดปี ริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ถ้าไปอยู่ไกลหูไกลตาแล้วใครจะดูแล “แต่แก้มอยากไปทำงานที่ตัวเองใฝ่ฝันนี่คะ นะคะ…ได้โปรดให้ลูกไปเถอะนะคะ” หญิงสาวยื่นศีรษะไปซบอกอุ่นของบิดาพร้อมเอ่ยเสียงหวาน เพียงหวังว่าท่านจะยอมใจอ่อนและเห็นใจเธอบ้าง “ถ้าหนูไป แล้วป๋าจะอยู่กับใครล่ะลูก?” ผู้เป็นพ่อทำหน้าบึ้งตึงด้วยความไม่ชอบใจที่ครั้งนี้ดูท่าว่าลูกจะไม่ยอมเปลี่ยนใจเป็นแน่แท้ “ป๊ะป๋าก็หาสาวมาอยู่ด้วยสักคนสิคะ จะได้ไม่เหงา…อิอิ” บุปผชาติพูดติดตลก เพราะรู้ดีว่าผู้เป็นบิดารักมารดาของเธอมากแค่ไหน พอ
บ้านเลขที่ 99/99 สีลม กรุงเทพมหานคร คนที่ผ่านไปมาย่านนี้ต่างก็มองป่าเขียวขจีด้วยความแปลกใจ ในพื้นที่ทำเลทองของเมืองหลวงเช่นนี้ ใครล่ะจะคิดว่ายังมีป่ากลางเมืองได้ และที่น่าแปลกใจยิ่งไปกว่านั้นคือมีบ้านทรงไทยสไตล์ล้านนา ทำด้วยไม้สักทองทั้งหลัง ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางแมกไม้นานาพันธุ์บนพื้นที่กว่าสามไร่ บ้านหลังงามที่แฝงตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่น ดูกลมกลืนมองแล้วเป็นเหมือนป่ามากกว่าที่จะเป็นที่อยู่อาศัยของผู้มีอันจะกิน ด้วยความที่สมาชิกภายในครอบครัวทุกคนรักในความเป็นไทยแท้ การตกแต่งทุกอย่างจึงเป็นแบบไทยๆ เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตัวบ้าน สวนดอกไม้ สนามหญ้า สระเลี้ยงปลา และศาลากลางน้ำ ยกเว้นก็แต่ห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ขนาดย่อม ที่ตั้งอยู่บริเวณส่วนของหลังบ้าน ซึ่งประมุขของบ้านตั้งใจสร้างให้บุตรสาวผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ เพราะเห็นพรสวรรค์ในเรื่องวิทยาศาสตร์ของลูกที่ฉายแววตั้งแต่ยังเล็ก จึงส่งเสริมเธอในทุกรูปแบบ สิ่งปลูกสร้างอันประณีตวิจิตรตระการตาทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นดั่งวิมานบนดินสำหรับสมาชิกในครอบครัวดิลกรัตนกุล เพราะมันล้วนอบอวลไปด้วยความรักและความอบอุ่น ที่คนใ







![ความลับประธานหม้าย [20+ Soft BDSM]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)