LOGIN“ป๊ะป๋าให้แก้มไปเถอะนะคะ นะ…นะ…คุณป๋าสุดหล่อ” สาวน้อยเกาะแขนบิดาแน่น ปากก็พร่ำออดอ้อนออเซาะ แนบแก้มถูไถลำแขนแกร่ง พร้อมเงยหน้าทำตาปริบๆ ให้น่าเห็นใจมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ กิริยาคล้ายแมวน้อยที่กำลังอ้อนเจ้านายของมันอย่างไรอย่างนั้น
“ไม่ไปไม่ได้เหรอลูก หนูเป็นผู้หญิง ป๋าไม่อยากให้ไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองคนเดียวเลย” ใจคนเป็นพ่อพลันอ่อนยวบ เพียงได้ยินเสียงอ่อนเสียงหวานของผู้ที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ แจ้งความประสงค์ชัดเจนว่าต้องการห่างจากอกตนเพื่อไปทำงานแดนไกล จะให้เขาปล่อยเธอไปได้ยังไง เลี้ยงดูมาตลอดยี่สิบเอ็ดปี ริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ถ้าไปอยู่ไกลหูไกลตาแล้วใครจะดูแล
“แต่แก้มอยากไปทำงานที่ตัวเองใฝ่ฝันนี่คะ นะคะ…ได้โปรดให้ลูกไปเถอะนะคะ” หญิงสาวยื่นศีรษะไปซบอกอุ่นของบิดาพร้อมเอ่ยเสียงหวาน เพียงหวังว่าท่านจะยอมใจอ่อนและเห็นใจเธอบ้าง
“ถ้าหนูไป แล้วป๋าจะอยู่กับใครล่ะลูก?” ผู้เป็นพ่อทำหน้าบึ้งตึงด้วยความไม่ชอบใจที่ครั้งนี้ดูท่าว่าลูกจะไม่ยอมเปลี่ยนใจเป็นแน่แท้
“ป๊ะป๋าก็หาสาวมาอยู่ด้วยสักคนสิคะ จะได้ไม่เหงา…อิอิ” บุปผชาติพูดติดตลก เพราะรู้ดีว่าผู้เป็นบิดารักมารดาของเธอมากแค่ไหน พอแม่จากไปท่านก็ครองตัวเป็นโสดมาตลอด ไม่เคยข้องแวะกับหญิงใด สิ่งที่ท่านทำก็มีเพียงแค่การเอาใจใส่ดูแลเธอและบริหารธุรกิจให้เจริญรุ่งเรืองมาจนถึงทุกวันนี้ ทุกอย่างล้วนมาจากน้ำพักน้ำแรงของท่านทั้งสิ้น
“ลูกสาวคนเดียวป๋าเลี้ยงได้ ธุรกิจของเราก็มีเยอะแยะ แล้วทำไมหนูต้องไปทำงานให้เหนื่อยด้วยลูก ป๋าไม่เข้าใจเลยจริงๆ” นายบริรักษ์ยังคงหาข้อโต้แย้งมาทำให้ลูกสาวล้มเลิกความตั้งใจ
“แต่ลูกอยากทำในสิ่งที่ตัวเองรักนี่คะ” เด็กดื้อยังคงดึงดันที่จะทำตามใจปรารถนาให้ได้ ไม่ว่าบิดาจะห้ามปรามยังไงสาวน้อยก็ยังดันทุรังอยู่วันยังค่ำ บุปผชาติจะทำอย่างนี้จนกว่าพ่อจะใจอ่อนและอนุญาตให้ไปนั่นแหละ
“แล้วธุรกิจของเราใครจะสืบทอดล่ะ เมื่อไม่มีป๋าแล้ว” นายบริรักษ์เอ่ยเสียงแผ่ว สีหน้าดูสลดเมื่อคิดว่าบริษัทนำเข้ายานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สิ่งที่ตัวเองสร้างมากับมือจะล่มสลายไปพร้อมกับลมหายใจ เพราะลูกสาวไม่สนใจที่จะสืบทอดกิจการ
“คุณป๋าอย่าพูดอย่างนั้นสิคะ คุณป๋าต้องอยู่กับหนูไปนานๆ เป็นร้อยๆ ปีเลยค่ะ” สาวน้อยเหลือบเห็นแววตาหม่นแสงของบิดาก็รีบโอบกอดร่างหนาไว้แน่น พร้อมซบอกอุ่น แล้วพูดปลอบใจด้วยเสียงอ่อนหวาน
“ไม่ต้องมาอ้อนซะให้ยาก ยังไงป๋าก็ไม่ให้ไปหรอก หนูต้องอยู่บริหารงานที่บริษัทช่วยป๋า” เป็นตายร้ายดียังไงนายบริรักษ์ก็ไม่มีวันยอมให้ลูกสาวไปทำงานที่ฝรั่งเศสแน่ เพราะลำพังเงินรายได้ของเขาปีๆ หนึ่งบุปผชาติก็ใช้ได้อย่างสุขสบายไปทั้งชาติ โดยไม่ต้องไปตรากตรำลำบากในต่างแดน
“ให้ลูกไปหาประสบการณ์เถอะนะคะ ลูกสัญญาว่าจะไปเพียงแค่สองปี แล้วจะกลับมาบริหารงานช่วยป๊ะป๋าอย่างแน่นอนค่ะ…นะคะ” ใช่ว่าสาวเจ้าจะไม่ละอายใจที่จะต้องไปจากบิดา แต่เธอต้องการทำฝันของตัวเองให้เป็นจริงเสียก่อน อยากนำความรู้ความสามารถไปทำในสิ่งที่ตนใฝ่ฝัน แล้วเมื่อถึงวันที่ได้รู้ทุกอย่างตามที่ต้องการ เธอจะกลับมาบริหารงานช่วยท่านอย่างแน่นอน
“งั้นก็ได้ลูก แต่หนูต้องสัญญากับป๋าว่าจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสแค่สองปีนะ” สุดท้ายประมุขของบ้านก็ต้องยอมลงให้ลูกสาวสุดที่รักอยู่ดี เพราะเธอช่างออดอ้อนออเซาะเก่งนักนี่ เพียงเห็นน้ำตาปริ่มขอบตาผู้เป็นพ่อก็ไม่อยากจะขัดใจเสียแล้ว
“ค่ะลูกสัญญา ขอบคุณป๊ะป๋ามากนะคะ รักป๊ะป๋าที่สุดในโลกเลย” ขาดคำเจ้าของร่างอ้อนแอ้นก็กระโดดกอดคอบิดา แล้วหอมแก้มที่เริ่มเหี่ยวย่นไปตามกาลเวลา แววตาเป็นประกายพราวระยับ บ่งบอกได้ดีว่าเธอมีความสุขและยินดีมากแค่ไหน
“ยังไงป๋าก็ยังเป็นห่วงหนูอยู่ดี ให้บอดี้การ์ดไปด้วยดีกว่านะลูก” นายบริรักษ์ยังไม่วางใจซะทีเดียว จึงเสนอทางที่จะทำให้ตัวเองบรรเทาความเป็นห่วงลงบ้าง
“ลุงหนวดน่ะเหรอคะ ไม่เอาหรอก ให้เขาอยู่ดูแลป๊ะป๋าเถอะ ลูกสามารถดูแลตัวเองได้ ป๊ะป๋าอย่าคิดมากไปเลย เชื่อมือด็อกเตอร์บุปผชาติเถอะค่ะ” ว่าพลางลูบไล้ตรงตำแหน่งหัวใจอันอบอุ่นของบิดาเพื่อให้ท่านคลายความกังวล
“งั้นก็ได้ ครั้งนี้ป๋าจะยอมให้แก้มไปทำตามฝัน แต่ถ้าหนูอยู่ไม่ได้ต้องโทรมาบอกนะ ป๋าจะได้รีบไปรับทันที โอเคไหม?” สุดท้ายคนเป็นพ่อก็ต้องยอมจำนน ด้วยรักถึงได้ยอมตามใจ และอีกอย่างเขาก็มั่นใจว่าลูกจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับตน เพราะบุปผชาติไม่เคยมีนิสัยโกหก
“ด้าย…เลยค่ะ” สาวน้อยลากเสียงหยอกล้อบิดาอย่างน่ารักน่าชัง ยิ้มกว้างจนตาหยีทำเอาผู้เป็นพ่อต้องดึงแก้มใสๆ ด้วยความมันเขี้ยว ซึ่งนิสัยน่ารัก ชอบหยอกล้อ และทะเล้นนิดๆ ที่ได้มาจากผู้เป็นมารดาที่ล่วงลับไปแล้วมาเต็มๆ เป็นสิ่งที่เธอจะไม่แสดงออกกับใคร ยกเว้นบิดาและคนรับใช้เก่าแก่ในบ้านเท่านั้น
“ดีมากจ้ะ” ผู้เป็นพ่อยิ้มในหน้าด้วยความสมใจ
“วันนี้คุณป๋าหล๊อหล่อ” ลำแขนเสลาสวมกอดเอวของอีกฝ่าย แล้วพูดเอาใจด้วยท่าทางน่ารักน่าชัง
“แล้ววันอื่นป๋าไม่หล่อรึไงฮึยัยแก้ม” ครั้นอดใจไม่ไหวกับความช่างอ้อนนายบริรักษ์ก็บีบสันจมูกเชิดรั้นด้วยความรักและเอ็นดู
“หล่อค่ะ ใครจะหล่อเหลาเอาการสู้คุณบริรักษ์ ดิลกรัตนกุล ได้ล่ะค่ะ ไม่มี๊…ไม่มี แต่วันนี้ใจคุณป๋าหล่อม๊ากมากค่ะ” ลูกสาวรีบประจบเอาใจยกใหญ่ด้วยดีใจที่พ่อยอมให้ไปทำตามฝัน
“ฮ่าๆๆ ช่างประจบจริงนะเรา” เสียงกังวานหัวเราะให้กับคำพูดอันแสนฉอเลาะของบุตรสาว
“อ้าว…ก็หนูเป็นลูกของป๊ะป๋ากับมาม๊านี่คะ ก็ต้องช่างพูดเหมือนป๋ากับม๊าสิคะ” พอบุปผชาติพูดจบเสียงหัวเราะสองพ่อลูกก็ดังขึ้นเป็นคำรบที่สองของเช้าวันนี้
จากนั้นทั้งสองก็จูงมือกันไปทานข้าวเช้า คุยกันอย่างออกรสตามประสาพ่อลูก บุปผชาตินั้นชอบหยอกล้อบิดาจนติดเป็นนิสัย เสียงหัวเราะครื้นเครงจึงเกิดขึ้นตลอดช่วงของการทานอาหารเช้า ใบหน้าของนายบริรักษ์ดูยิ้มแย้มแจ่มใสทว่า แท้จริงแล้วภายในกลับมีแต่ความกังวลเป็นห่วงลูกสารพัด อีกทั้งยังทำใจให้ลูกจากอกไม่ได้ แต่ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าให้อีกฝ่ายได้เห็น เพราะไม่อยากให้ลูกต้องคิดมาก
หลังจากแยกกับบิดา บุปผชาติก็มุ่งหน้าเข้าห้องนอน เพื่อเก็บของใส่กระเป๋า เตรียมตัวเดินทางไปฝรั่งเศสในอีกสามวันข้างหน้า ขณะที่หญิงสาวกำลังนั่งพับเสื้อผ้าลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่อย่างขะมักเขม้นอยู่นั้นเสียงมือถือที่วางอยู่บนเตียงก็ดังขึ้น ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้เธอยิ้มแป้นด้วยความยินดี ก่อนจะรีบกดรับสายทันที
“ฮัลโหล หวัดดีจ้ามณี เราคิดถึงเธอจังเลย โทรมาหาเรามีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ?” บุปผชาติกรอกเสียงใสลงไปในสายด้วยความดีใจที่เพื่อนรักอย่างมณีญา ซองมิน สาวน้อยลูกครึ่งไทย-เกาหลี ซึ่งครอบครัวย้ายไปตั้งหลักปักฐานที่แดนกิมจิเมื่อสิบปีที่แล้ว โทรมาในเวลาที่เธอกำลังคิดจะโทรไปหาอีกฝ่ายอยู่พอดี
ทันทีที่ลงจากรถได้มาร์โคก็ถอดหมวกกันน็อคออก แล้วโบกมือให้ท่านผู้ชมรอบสนามด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว และเดินไปเปิดแชมเปญฉลองให้กับตำแหน่งแชมป์สมัยที่สี่ของตน เมื่อฉลองกับชัยชนะพอหอมปากหอมคอแล้ว เขาก็ตระกองกอดร่างอวบอิ่มของริชชี่มายังรถของตนทันที เพราะทนรอรับรางวัลอันแสนยั่วใจจากสาวเจ้าแทบจะไม่ไหวแล้ว เลือดหนุ่มมันร้อนระอุไปทั่วสรรพางค์กาย บนรถแข่งคู่ใจ มีร่างของมาร์โคและริชชี่กำลังโรมรันพันตูกันอย่างเมามัน พอทั้งสองขึ้นมาในรถได้ก็ผวาเข้าหากันราวกับแม่เหล็กต่างขั้ว เพราะต่างหิวกระหายในบทรักเหมือนกัน เมื่อสาวร้อนแรงมาเจอกับหนุ่มร้อนรักการโหมโรงในรถจึงดุเด็ดเผ็ดมันถึงใจ สองร่างต่างจูบฟัด นัวเนีย และแลกลิ้นกันอย่างถึงพริกถึงขิง เล่นเอาความต้องการพลุ่งพล่านไปทั้งเรือนกายอันเต็มไปด้วยไฟปรารถนา และเพียงชั่วพริบตาอาภรณ์ก็อันตรธานไป “มาร์คคะ ได้โปรดเถอะ…ริชชี่ไม่ไหวแล้ว” คนที่นั่งคร่อมอยู่บนตักกว้างส่งเสียงกระเส่าเว้าวอน นัยน์ตาหยาดเยิ้มเชิญชวนเต็มอัตรา บ่งบอกถึงความต้องการอย่างเปิดเผย “แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วเหรอที่รัก ไหนบอกว่าแบบนอนสต็อปไงล่ะคนสวย” เสียง
“ไงวะเพื่อน มีสาวสวยมาออดอ้อนไม่เคยห่างเลยนะแก” เคลวินแขวะมาร์โคด้วยความหมั่นไส้ ทันทีที่อีกฝ่ายเดินยิ้มเผล่เข้ามาหา“แหงล่ะ ก็คนมันหล่อนี่หว่า ช่วยไม่ได้” มาร์โคไม่คิดจะปฏิเสธหรือโต้แย้งถ้อยคำที่เพื่อนตั้งใจกระแนะกระแหนเลยสักนิด แถมยังยิ้มกว้างด้วยความมั่นใจในตัวเองอย่างแรง “ไอ้ห่า หมั่นไส้คนหล่อว่ะ!” ราฟาเอลทนไม่ไหวจึงจัดไปให้เพื่อนรักหนึ่งดอก“ระวังนะโว้ย แกจะได้สาวเฉิ่มมาเป็นเมีย” แดเนียลเปรยด้วยท่าทางอารมณ์ดี“ไม่มีทาง ผู้หญิงมันก็ต้องแรงๆ สิครับไอ้คุณเพื่อน มันถึงจะซู่ซ่าถึงใจ ไม่แรงจะเอามาทำไม ถ้ายิ่งจืดชืดเป็นยาเย็นอย่าได้สะเออะมาเสนอตัวให้นายมาร์โค ดิมิเทียส คนนี้เชียว พ่อจะไล่ตะเพิดเข้าให้ ถ้าได้ผู้หญิงแบบนั้นมาทำพันธ์ฉันขอไปบวชดีกว่าว่ะ ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ เพื่อน” มาร์โคยืนยันเสียงแข็งว่าไม่มีทางชายตาแลสาวเฉิ่มเบ๊อะแน่ แค่คิดเขาก็กระอักกระอ่วนเต็มทนแล้ว “ฮะๆๆ แล้วฉันจะคอยดูแล้วกัน ว่าแกจะแน่ซักแค่ไหน” แดเนียลหัวเราะเสียงดังสนั่นให้กับท่าทางสยดสยองของไอ้เพื่อนตัวดี “คนอย่างนายมาร์โค ไม่คิดจะฆ่าตัวตายด้วยวิธีนั้นอยู่แล้ว ยิ่งสาวเอเชียยิ่งขอบาย แค่คิดก็หมดอารมณ์แล้ว ใ
สองสาวเจอกันตอนไปแข่งฟิสิกส์โอลิมปิกที่ประเทศจีน เมื่อครั้งที่พวกเธอยังเรียนชั้นมัธยมปลาย ด้วยความที่ชื่นชอบอะไรเหมือนๆ กัน เลยคุยกันถูกคอ แถมสไตล์การแต่งตัวยังคล้ายคลึงกันมาก ไม่ว่าจะเป็นการสวมแว่นตาหนาเตอะ ใส่กระโปรงทรงสุ่ม และใส่เสื้อปกปิดเนื้อตัวมิดชิด แต่บุปผชาติจะดูเฉิ่มและเชยกว่า หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ติดต่อกันมาตลอด จนกลายมาเป็นเพื่อนรักในที่สุด สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการแล้ววันที่บุปผชาติจะต้องจากเมืองไทยก็มาถึง นายบริรักษ์แทบไม่อยากให้ถึงวันนี้ เวลาช่างเดินเร็วนัก อีกไม่กี่นาทีลูกก็จะจากเขาไปไกลซะแล้ว สองพ่อลูกร่ำลากันอยู่ที่หน้าห้องผู้โดยสารขาออกด้วยท่าทีอ้อยอิ่ง เต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ “จำไว้นะแก้ม ถ้าหนูอยู่ไม่ได้ ต้องโทรมาบอกป๋าทันทีนะ เข้าใจไหมลูก” บิดายังคงย้ำชัดประโยคเดิมๆ จนผู้เป็นลูกจำได้ขึ้นใจ แต่เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายรักและเป็นห่วงตนมากแค่ไหน“ค่ะคุณป๋า แก้มไม่ลืมหรอกค่ะ” สาวน้อยรับคำด้วยน้ำเสียงแข็งขัน“ดูแลตัวเองให้ดีนะลูก ป๋ารักหนูนะ นี่เป็นนามบัตรเพื่อนป๋า หากหนูมีปัญหาโทรหาเขาได้ทุกเมื่อ เขาจะส่งคนมาช่วยลูกทันทีไม่ว
“เราโทรมาบอกว่าบริษัท Professional Enterprise and Development ติดต่อมาขอซื้อตัวเรา แล้วเธอล่ะเป็นไงทางนั้นติดต่อมาบ้างหรือยัง?” มณีญาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแค่ส่งโปรไฟล์ไปแนะนำตัว หลังจากนั้นเพียงสองอาทิตย์ทางบริษัทก็ติดต่อกลับมาว่าอยากได้เธอไปร่วมทีมด้วย “ไชโย้! ดีใจจังเลย เราก็ได้เหมือนกัน แบบนี้ก็ดีน่ะสิ แก้มจะได้มีเพื่อน” บุปผชาติร้องตะโกนด้วยความยินดีที่ทั้งคู่จะได้ไปทำงานที่ตนใฝ่ฝันด้วยกัน “เราจะนับวันรอได้เจอแก้มเลยล่ะ งั้นแค่นี้นะบ๊ายบายจ้ะ” มณีญาก็รู้สึกยินดีไม่ต่างจากเพื่อนรัก เพราะเธอรอเวลาที่จะได้เจอกับบุปผชาติมานานนัก ที่ผ่านมาจะได้คุยกับเพื่อนสาวเพียงทางโทรศัพท์ แต่ครั้งนี้จะได้เจอหน้า เธอจึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ “เราก็เหมือนกันจ้ะ บาย” สาวเฉิ่มยิ้มอยู่คนเดียวจนแก้มแทบปริ ดีใจที่ทุกอย่างดูลงล็อกเป็นไปตามที่ตนคาดหวังไว้ทุกประการ สองสาวเจอกันตอนไปแข่งฟิสิกส์โอลิมปิกที่ประเทศจีน เมื่อครั้งที่พวกเธอยังเรียนชั้นมัธยมปลาย ด้วยความที่ชื่นชอบอะไรเหมือนๆ กัน เลยคุยกันถูกคอ แถมสไตล์การแต่งตัวยังคล้ายคลึงกันมาก ไม่ว่าจะเป็นการสวมแว่นตาหนาเตอะ
“ป๊ะป๋าให้แก้มไปเถอะนะคะ นะ…นะ…คุณป๋าสุดหล่อ” สาวน้อยเกาะแขนบิดาแน่น ปากก็พร่ำออดอ้อนออเซาะ แนบแก้มถูไถลำแขนแกร่ง พร้อมเงยหน้าทำตาปริบๆ ให้น่าเห็นใจมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ กิริยาคล้ายแมวน้อยที่กำลังอ้อนเจ้านายของมันอย่างไรอย่างนั้น “ไม่ไปไม่ได้เหรอลูก หนูเป็นผู้หญิง ป๋าไม่อยากให้ไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองคนเดียวเลย” ใจคนเป็นพ่อพลันอ่อนยวบ เพียงได้ยินเสียงอ่อนเสียงหวานของผู้ที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ แจ้งความประสงค์ชัดเจนว่าต้องการห่างจากอกตนเพื่อไปทำงานแดนไกล จะให้เขาปล่อยเธอไปได้ยังไง เลี้ยงดูมาตลอดยี่สิบเอ็ดปี ริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ถ้าไปอยู่ไกลหูไกลตาแล้วใครจะดูแล “แต่แก้มอยากไปทำงานที่ตัวเองใฝ่ฝันนี่คะ นะคะ…ได้โปรดให้ลูกไปเถอะนะคะ” หญิงสาวยื่นศีรษะไปซบอกอุ่นของบิดาพร้อมเอ่ยเสียงหวาน เพียงหวังว่าท่านจะยอมใจอ่อนและเห็นใจเธอบ้าง “ถ้าหนูไป แล้วป๋าจะอยู่กับใครล่ะลูก?” ผู้เป็นพ่อทำหน้าบึ้งตึงด้วยความไม่ชอบใจที่ครั้งนี้ดูท่าว่าลูกจะไม่ยอมเปลี่ยนใจเป็นแน่แท้ “ป๊ะป๋าก็หาสาวมาอยู่ด้วยสักคนสิคะ จะได้ไม่เหงา…อิอิ” บุปผชาติพูดติดตลก เพราะรู้ดีว่าผู้เป็นบิดารักมารดาของเธอมากแค่ไหน พอ
บ้านเลขที่ 99/99 สีลม กรุงเทพมหานคร คนที่ผ่านไปมาย่านนี้ต่างก็มองป่าเขียวขจีด้วยความแปลกใจ ในพื้นที่ทำเลทองของเมืองหลวงเช่นนี้ ใครล่ะจะคิดว่ายังมีป่ากลางเมืองได้ และที่น่าแปลกใจยิ่งไปกว่านั้นคือมีบ้านทรงไทยสไตล์ล้านนา ทำด้วยไม้สักทองทั้งหลัง ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางแมกไม้นานาพันธุ์บนพื้นที่กว่าสามไร่ บ้านหลังงามที่แฝงตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่น ดูกลมกลืนมองแล้วเป็นเหมือนป่ามากกว่าที่จะเป็นที่อยู่อาศัยของผู้มีอันจะกิน ด้วยความที่สมาชิกภายในครอบครัวทุกคนรักในความเป็นไทยแท้ การตกแต่งทุกอย่างจึงเป็นแบบไทยๆ เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตัวบ้าน สวนดอกไม้ สนามหญ้า สระเลี้ยงปลา และศาลากลางน้ำ ยกเว้นก็แต่ห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ขนาดย่อม ที่ตั้งอยู่บริเวณส่วนของหลังบ้าน ซึ่งประมุขของบ้านตั้งใจสร้างให้บุตรสาวผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ เพราะเห็นพรสวรรค์ในเรื่องวิทยาศาสตร์ของลูกที่ฉายแววตั้งแต่ยังเล็ก จึงส่งเสริมเธอในทุกรูปแบบ สิ่งปลูกสร้างอันประณีตวิจิตรตระการตาทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นดั่งวิมานบนดินสำหรับสมาชิกในครอบครัวดิลกรัตนกุล เพราะมันล้วนอบอวลไปด้วยความรักและความอบอุ่น ที่คนใ







