เสิ่นหมิงที่ถูกมู่เถาฮวาดึงทึ้งศีรษะอย่างไม่ออมแรงก็ถึงกับโมโหจนเลือดขึ้นหน้า เขาคว้ามีดสั้นมาจ่อคอนางอย่างรวดเร็ว มู่เถาฮวาถึงกับชะงักพลางมองเขาตาปริบๆ
พี่ชายถึงกับเล่นมีดเลยหรือ
เสิ่นหมิงมองสตรีตรงหน้าด้วยแววตาเย็นชา เขายอมรับว่าตนเองไม่ใช่บุรุษนิสัยดีงามรักหยกถนอมบุปผาอันใดเทือกนั้น
"การที่ข้ารับตัวเจ้าเข้ามา และดีกับเจ้า ไม่ได้แปลว่าเจ้าจะทำกับข้าเช่นไรก็ได้ ทำตามที่ข้าสั่ง นับแต่นี้เจ้าเป็นทาสของข้า อย่าได้คิดเหิมเกริม!"
มู่เถาฮวาเมื่อได้ฟังก็กำมือแน่น
ทาสหรือ เป็นทั้งทาสทั้งยันต์ดอกไม้กันภัย มันจะเกินไปแล้ว!
เมื่อเห็นว่านางไม่เอ่ยสิ่งใด เสิ่นหมิงก็ได้ใจ เขาชอบที่สุดคือสตรีที่เชื่อฟังยอมศิโรราบใต้แทบเท้าเขา
แต่ชายหนุ่มเพิ่งจะยิ้มอย่างคนที่อยู่เหนือกว่าได้ไม่นาน มู่เถาฮวาก็ยกเข่ากระทุ้งเข้ามาที่หว่างขาของเขาอย่างเต็มแรง ก่อนจะปัดมีดสั้นในมือเขาจนร่วงลงไปบนพื้น และจับเขากดลงไปบนพื้นโดยที่ตัวนางนั่งคล่อมอยู่บนตัวเขา
ก่อนหน้านี้เพราะยังมึนงงอยู่ นางจึงลืมว่าต้องปกป้องตนเองเช่นไร แต่ตอนนี้นางมีสติแจ่มชัดแล้ว!
"มู่เถาฮวาเจ้ากล้า!"
"กล้าสิ! มากกว่านี้ข้าก็กล้า นี่ องค์ชายรองบัดซบ จะใช้งานใคร หรือขอให้ใครช่วย ท่านควรพูดจาดีดีกับเขาไม่ใช่เอะอะก็ด่าทอต่อว่า เช่นนี้ใครจะอยากทำงานให้ท่าน"
"ข้าจะฆ่าเจ้า!"
"ลุกขึ้นมาให้ได้ก่อนเถอะ ค่อยมาฆ่าข้า!"
“องค์รักษ์....”
“เรียกเข้ามาเลยสิ องค์รักษ์ของท่านจะได้เข้ามาเห็นว่าองค์ชายรองผู้แสนจองหอง ตอนนี้กำลังถูกสตรีนั่งคล่อมอยู่!”
เสิ่นหมิงอับจนหนทางเขาไม่เคยขายหน้าเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต
"ปล่อยข้าได้แล้ว!"
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่มีท่าทีจะคุกคามตนอีก มู่เถาฮวาจึงปล่อยตัวเสิ่นหมิงให้เป็นอิิสระ ก่อนจะยกเท้าเตะมีดให้กระเด็นออกไปไกลๆ เสิ่นหมิงส่งเสียงเหอะออกมาก่อนจะลุกขึ้นมายืนประจัญหน้ากับนาง
"เจ้ามีวรยุทธ์หรือ"
มู่เถาฮวาพยักหน้าส่งๆ เดิมทีก็ไม่นับว่าเป็นวรยุทธ์อันใด นางเพียงเรียนรู้มาบ้างไม่ได้เก่งกาจอันใดมากนัก
เสิ่นหมิงยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ย
"ดี เช่นนั้นข้าจะบอกเจ้าเอาไว้ นับแต่นี้เจ้าคือยันต์ดอกไม้กันภัยของข้า และต้องเป็นสาวใช้คอยอยู่ข้างกายข้า ข้าต้องการสิ่งใดเจ้าก็ต้องทำ หากเจ้าทำให้ข้าพอใจ เจ้าอยากได้อันใดเจ้าก็จะได้ ข้าไม่เคยตระหนี่กับคนของตนเองอยู่แล้ว"
มู่เถาฮวาพยักหน้ารับเล็กน้อยไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดให้มากความ
เมื่อเห็นว่านางไม่มีทีท่าว่าจะพุ่งเข้ามาทุบตี เสิ่นหมิงก็คลายความระวังตัวลง
"อีกเรื่องหนึ่งที่ข้าต้องบอกให้เจ้าทำความเข้าใจเอาไว้ตอนนี้ นั่นก็คือ เจ้าอย่าคิดหลงรักข้าเด็ดขาด!"
มู่เถาฮวาเบ้ปากก่อนจะเอ่ยตอบ
"สภาพท่านก็ไม่ได้น่าหลงรักเลย"
"เจ้า!"
"เอาสิ คิดตีข้า ข้าตีคืนแน่!"
เสิ่นหมิงเมื่อได้ฟังก็ถึงกับเอ่ยวาจาใดไม่ออก เขากำชับนางอีกไม่กี่ประโยค ก่อนจะโยนตั๋วเงินให้นางหนึ่งร้อยตำลึง บอกให้นางไปหาซื้อเสื้อผ้าดีดีใส่ พ่อบ้านจะเป็นคนพานางไปที่ร้านตัดชุด อยากได้สิ่งใดขอเพียงให้บอกเขา แต่ห้ามก่อปัญหาเด็ดขาด มู่เถาฮวาคร้านจะเถียงกับเขาจึงตอบรับไปส่งๆ
เมื่อไม่มีสิ่งใดแล้ว เสิ่นหมิงก็บอกให้มู่เถาฮวากลับห้องตนเองไปเสีย มู่เถาฮวาก็ไม่อยากจะรั้งอยู่เช่นเดียวกันจึงรีบกลับห้องตนเองทันที
แต่ทว่าในขณะที่นางกำลังปิดประตูห้องให้เขา ดวงตาคู่งามก็มองเห็นบางอย่างเข้าเสียก่อน
ด้านหลังของเสิ่นหมิงมีวิญญาณสตรีชุดดำนางหนึ่งยืนอยู่ เล็บของนางยาวมาก อีกทั้งยังแหลมคมชวนหวาดหวั่น ผีสาวกำลังใช้สองมือจับไหล่ของเสิ่นหมิงเอาไว้และจิกเล็บยาวลงไปบนไหล่ของเขา พลางแลบลิ้นเลียลำคอของเขาช้าๆ ดวงตาของผีสาวแดงก่ำ เมื่อมันรับรู้ได้ว่ามีคนเห็น จึงเงยหน้ามาสบตากับมู่เถาฮวาทันที
มู่เถาฮวาไม่ได้มีความรู้สึกเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย แต่กลับครุ่นคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมา
บางคราการที่เสิ่นหมิงล้มป่วยอาจไม่ใช่เพราะปัญหาสุขภาพ แต่ว่ามีวิญญาณรบกวน
แล้วเหตุใดนักพรตที่อยู่ข้างกายเขาจึงมองไม่เห็นวิญญาณตนนี้กันเล่า
แต่จะว่าไปแรกเริ่มนางก็มองไม่เห็นการมีอยู่ของผีสาวตนนี้เช่นเดียวกัน นี่นับว่าน่าแปลกไม่น้อย
เสิ่นหมิงรู้สึกแสบร้อนที่ลำคอและไหล่เหลือเกิน อาการนี้เป็นมาสักหนึ่งแล้ว เขาจะรู้สึกเจ็บปวดเหมือนถูกของมีคมทิ่มแทงที่คอและไหล่ แต่กลับหาสาเหตุไม่พบ
ด้านมู่เถาฮวานั้นเดินกลับมาที่ห้องนอนของตนด้วยความสงสัยที่เต็มเปี่ยม
จวนองค์ชายรองแห่งนี้ดูเหมือนจะไม่ปกติ คล้ายมีบางอย่างที่น่ากลัวแอบแฝงอยู่ทุกซอกทุกมุมของจวน
มู่เถาฮวาเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ ก่อนจะล้มตัวลงนอน อย่างไรย่อมต้องพักแรงเอาไว้เพื่อสู้รบปรบมือกับเสิ่นหมิงคนบัดซบนั่น
ด้านเสิ่นหมิงนั้นหลังจากที่สะสางเรื่องราวต่างในเมืองหลวงเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินทางออกจากเมืองหลวงพร้อมกับเจี่ยงเฉิง ยามนี้ขั้วอำนาจมั่นคง ขุนนางที่ไว้ใจได้ล้วนมีไม่น้อย เขาจึงไม่ได้มีเรื่องให้กังวลเท่าใดนักก่อนหน้านี้เขาได้ออกตามหามู่เถาฮวาไปทั่วทุกที่ แต่ยังเหลืออีกที่หนึ่งที่เขายังไม่ได้ไปนั่นก็คือเมืองทางทิศใต้เขายังคงมีความหวังว่าจะได้พบเจอมู่เถาฮวาอีกสักครั้ง ไม่ว่านางจะอยู่ในสภาพไหน เขาก็ยินดีที่จะรับนางกลับเมืองหลวงไปใช้ชีวิตร่วมกันเขาเดินทางมาจนถึงเมืองทางทิศใต้ ที่นี่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีฝนตกลงมาประปรายอีกด้วย ชายหนุ่มเดินมาทางมากับเจี่ยงเฉิงผ่านร้านรวงต่างๆมากมาย มีเหล่าองครักษ์ลับปลอมตัวเป็นชาวบ้านคอยอารักขาเขาอยู่ห่างๆเดินทางมานานก็เริ่มรู้สึกหิว จึงถามคนในละแวกนั้นว่ามีร้านอาหารใดขึ้นชื่อบ้าง ชาวบ้านบอกว่าที่นี่มีร้านสุราขึ้นชื่ออยู่ร้านหนึ่ง เจ้าของร้านร้านหมักสุราได้รสชาติดีเป็นอย่างมาก เขาและเจี่ยงเฉิงจึงรีบไปที่ร้านนั้นในทันทีเมื่อมาถึงกลับได้ยินเสียงทะเลาะกันดังขึ้น อีกทั้งยังมีการทำลายข้าวของภายในร้านด้วย เสิ่นหมิงรีบเข้าไปดูเผื่อว่าจะห้า
เวลาก็ล่วงเลยผ่านมาหนึ่งปีแล้วที่มู่เถาฮวาออกไปจากชีวิตของเสิ่นหมิง หญิงสาวเร่ร่อนไปเรื่อยๆ ทำการค้าเล็กๆน้อยเลี้ยงชีพ โชคดีทีมีเครื่องประดับติดตัวมาบ้าง นางจึงนำมันไปขายแลกเงินมาเปิดร้านค้าเอาไว้เลี้ยงชีพ นางเปิดร้านสุราแห่งหนึ่งอยู่ที่หมู่บ้านกว่างหลิง ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของแคว้นหนานจง หมู่บ้านแห่งนี้เงียบสงบเป็นอย่างมาก ร้านสุราของนางเป็นเพียงร้านเล็กๆร้านหนึ่งเท่านั้น แต่ผู้คนก็แวะเวียนมาอุดหนุนไม่ขาดสาย เมืองแห่งนี้แม้สงบแต่ค่อนข้างเจริญอยู่บ้าง มีการค้าทางเรือและทางบก ที่ท่าเรือก็ค่อนข้างคึกคักไม่น้อยเลยมู่เถาฮวาใช้ผ้าโพกคลุมศีรษะของตนเอาไว้ ยามนี้ผมของนางเป็นสีขาวโพลนเหมือนหญิงชราเนื่องจากสูญเสียพลังชีวิตไป แต่ความงดงามของนางยังคงไม่จางหายไปแม้จะไม่ได้รับเคราะห์แทนเสิ่นหมิงแล้ว แต่สุขภาพของนางกลับไม่สู้ดีเท่าใดนัก มักจะเจ็บป่วยออดๆแอดๆ เพราะไม่มีเงินมากพอไปหาหมอดีดีมารักษาทำให้อาการป่วยเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆมู่เถาฮวาส่งเสียงไอออก ก่อนจะจัดการเก็บกวาดร้านเพื่อเตรียมเปิดขายสุรา"แม่นางมู่ สุราไหหนึ่ง ขอกับแกล้มดีดีด้วยล่ะ""ได้ๆ รอสักครู่"เปิดร้านไม่นานก็มีลูกค้าเข้าร้านมาแล
รัชศกหมิงปีที่1 เสิ่นหมิงขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้พระองค์ใหม่ เหล่าขุนนางที่มีใจคิดไม่ซื่อถูกกวาดล้างไปจนหมด มีการเปิดสอบขุนนางใหม่เข้ามาทำงานในราชสำนัก ขุนนางใหม่ล้วนมีใจซื่อสัตย์และไม่คิดคดทรยศต่อบ้านเมือง ขั้วอำนาจที่ไม่ดีล้วนถูกเสิ่นหมิงกวาดล้างจนหมดสิ้น ไม่นานนักอดีตฮ่องเต้ผู้เป็นพระบิดาก็สวรรคตจากไป ก่อนตายยังสั่งให้ฝังพระศพของตนไว้ใกล้กับซ่งฮองเฮาอีกด้วยเสิ่นหมิงนั่งอ่านฏีฎาอยู่ในห้องทรงอักษรด้วยจิตใจที่เหม่อลอย นี่ก็ผ่านมาหนึ่งปีแล้วที่เขาตามหามู่เถาฮวาไม่พบเจี่ยงเฉิงเองก็ช่วยเขาออกตามหามู่เถาฮวาเช่นเดียวกัน แต่กลับไม่พบร่องรอยของนางเลยแม้แต่น้อยกล่าวถึงเจี่ยงเฉิงแล้วนั้น หลังจากเกิดเรื่องเขาก็พามารดาออกมาจากจวนตระกูลเจี่ยง มาซื้อจวนใหม่อยู่ด้วยกันสองคนแม่ลูก ใช้ชีวิตเรียบง่ายด้วยกันอย่างมีความสุข เสิ่นหมิงให้เจี่ยงเฉิงรับราชการเป็นหัวหน้าสำนักโหราศาสตร์ คอยดูทิศทางของดวงดาวและทำนายเรื่องราวต่างๆในเมืองหลวง เสิ่นหมิงไม่สนใจเรื่องราวที่ผ่านมาของตระกูลเจี่ยงเพราะเขาแยกแยะได้ว่าเจี่ยงเฉิงเป็นคนดีเมื่อเสิ่นหมิงจัดการงานทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ก็ออกจากห้องทรงอักษร เขาสวมชุดชาวบ้านธ
เสิ่นหมิงนำกองกำลังทหารเข้าห่ำหั่นกับเสิ่นหลาง ยามนี้เสิ่นหลางไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นคนดีอีก เขาต่อสู้กับเสิ่นหมิงอย่างไม่ยอมแพ้ แต่กลับพบว่าพละกำลังของเสิ่นหมิงไม่ถดถอยลงเลย อีกทั้งยังไม่ยอมแพ้เขาโดยง่ายอีกด้วยไม่รู้เพราะเหตุใดเสิ่นหลางจึงรู้สึกว่าจิตใจไม่ค่อยสงบ คล้ายว่าจะเกิดเรื่องที่ไม่อาจคาดเดาได้ แต่จะเป็นไปได้อย่างไร เขาและเสด็จแม่วางแผนอย่างรัดกุมแล้ว ย่อมไม่มีทางที่จะทำผิดแผน อีกอย่างตอนนี้เสด็จพ่อก็ใกล้จะไปปรโลกเต็มทีแล้ว รอให้เขาเอาศีรษะของเสิ่นหมิงไปมอบให้ตาแก่นั้นดู มันก็คงจะตายตามบุตรชายตนเขาแค้นเคืองเสด็จพ่อยิ่งนัก เขาก็เป็นบุตรชายอีกคนเช่นกัน แต่เหตุใดเสด็จพ่อจึงรักเขาน้อยกว่าเสิ่นหมิงกันเล่าเสิ่นหมิงมองเสิ่นหลางด้วยแววตาเย็นชา เขาจุดพลุสัญญาณขึ้นฟ้า ไม่นานก็ปรากฏกองทัพนับแสนเข้าสังหารทหารของเสิ่นหลางจนหมด เสิ่นหลางที่เห็นเช่นนั้นตื่นตระหนกเป็นอย่างมากของในมือเสิ่นหมิงนั่นมันตราทหารของเสด็จพ่อใช่หรือไม่ เขาเคยเห็นครั้งหนึ่ง และคิดว่าจะต้องได้ครอบครองมันแต่กลับหาไม่พบ ไม่คิดว่ามันจะตกมาอยู่ในมือของเสิ่นหมิง!ยังไม่ทันที่เขาจะได้เข้าสู้กับน้องชายตนต่อ ก็รู้สึกจุกที
เจี่ยงเฉิงที่ได้รับจดหมายจากเสิ่นหมิงก็เร่งรุดมาที่จวนองค์ชายรองอย่างไม่รอช้า เมื่อมาถึงก็พบว่ามู่เถาฮวากำลังรออยู่ในห้องทำพิธี เขารีบเข้ามาทันที"แม่นางมู่ เหตุใดจึงรีบร้อนถึงเพียงนี้เล่า เดิมทีจะต้องทำพิธีถอนคุณไสยในคืนพระจันทร์เต็มดวงที่กำลังจะมาถึงไม่ใช่หรือ”มู่เถาฮวากันมามองเจี่ยงเฉิง ก่อนจะเอ่ยตอบ“เราจะรอเวลาไม่ได้แล้ว ท่านคงทราบเรื่องที่สวีกุ้ยเฟยและเสิ่นหลางองค์ชายใหญ่ยึดครองอำนาจแล้ว อีกทั้งยังมีราชโองการจากฝ่าบาทให้สวีกุ้ยเฟยเป็นผู้สำเร็จราชการแทน หากเป็นฝีมือของสองแม่ลูกที่ทำคุณไสยใส่เสิ่นหมิงจริงๆ เราก็ไม่อาจรอได้แล้ว""เจ้าเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วใช่หรือไม่"“อืม”มู่เถาฮวามอบยันต์หลายแผ่นให้กับเจี่ยงเฉิง พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง"ข้าจะทำพิธีสะท้อนคุณไสยกลับไปหาคนที่ลงมือ โดยใช้ผีสาวชุดดำเป็นสื่อกลาง แต่วิธีนี้เสิ่นหมิงอาจจะเจ็บตัวเสียหน่อย แต่ไม่เป็นอันตรายอันใด หากกระอักโลหิตออกมาก็ถือว่าหายดีแล้ว""ได้ ข้าจะช่วยเจ้าเอง""อืม"เสิ่นหมิงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ออกคำสั่งให้ทหารคุ้มกันจวนองค์ชายรองอย่างแน่หนา จนกว่าพิธีแก้คุณไสยจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีสายลมพัดพาเอาความ
การแช่น้ำใต้แสงจันทร์ผ่านไปด้วยดี หลังจากที่มู่เถาฮวานอนหลับไปแล้ว เจี่ยงเฉิงก็เดินเข้ามาหาเสิ่นหมิง ตอนนี้คนทั้งสองยังนอนไม่หลับ เจี่ยงเฉิงเองก็ยังไม่ได้กลับจวนตระกูลเจียงเพราะต้องการอยู่เป็นเพื่อนเสิ่นหมิงคนทั้งสองยกจกสุราขึ้นดื่ม ก่อนจะมองไปบนท้องฟ้าคราหนึ่ง เจี่ยงเฉิงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน"อาหมิง เจ้าชอบนางหรือ"เสิ่นหมิงวางจอกสุราลง ก่อนจะหันมามองเจี่ยงเฉิง"ใช่ เจ้าว่าข้้าเหลวไหลเกินไปหรือไม่ ปากไม่ตรงกับใจใช่หรือไม่"เจี่ยงเฉิงส่งเสียงหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่คิดสิ่งใด"ไม่หรอก ความรู้สึกเช่นนี้บางคราเราเองก็ไม่อาจห้ามใจได้ อีกอย่างข้าว่านางก็เป็นคนดี หากเราไม่พบนางบางคราอาจจะหาทางแก้ปัญหาในตอนนี้ไม่ได้เสียด้วยซ้ำ อีกอย่าง นางช่วยให้ข้ามีพลังกลับคืนมา ไม่ต้องถูกผนึกพลังวิญญาณ"เสิ่นหมิงเมื่อที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย เขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเจี่ยงเฉิงแล้ว ชายหนุ่มมองหน้าสหายตนคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถาม"เจ้าหาตัวคนที่ลงมือได้หรือยัง"เจี่ยงเฉิงหันมามองเสิ่นหมิงพลางส่ายหน้าไปมาอย่างอับจนหนทาง หลายวันมานี้เขาพยายามสืบแล้ว พบว่าท่านแม่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใ