Share

1 นลิน

last update Terakhir Diperbarui: 2025-05-18 01:43:25

1 นลิน

ณ มหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ คลาคล่ำไปด้วยบัณฑิตจบใหม่ที่ใส่ชุดครุยกรุยกราย กับบรรดาญาติที่มาร่วมแสดงความยินดีในพิธีมอบประกาศนียบัตรสำหรับผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี

งานวันนี้เป็นวันสุดท้ายสำหรับกิจกรรมทั้งหมด บัณฑิตที่ต้องมาร่วมงานตั้งแต่เช้าจนถึงสามทุ่มต่างพากันเหนื่อยล้า จนแทบไม่มีแรงเดินออกจากหอประชุม ทว่าแววตากลับเต็มไปด้วยความปรีติยินดี

นลิน วรภิรมย์ บัณฑิตสาวจบใหม่จากคณะอักษรศาสตร์

เป็นคนกลุ่มท้ายสุดที่เดินออกมาจากหอประชุม นลินกัดกรามแน่นนำพารองเท้าคัทชูแบบถูกระเบียบตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด แม้ว่าจะมีถุงน่องแบบบางขวางกั้นแต่ยังไม่วายโดนมันกัดส้นเท้าอยู่ดี รองเท้าคู่นี้เธอได้รับบริจาคมาจากพี่รหัส ขนาดของมันจึงค่อนข้างเล็กกว่าฝ่าเท้าของเธอ

ดวงตากลมโตกวาดมองดูเพื่อน ๆ ที่เดินเข้าหาญาติที่มารอรับ เสียงถอนหายใจของนลินดังขึ้นเมื่อมองแล้วมองอีกก็หาญาติของตัวเองไม่เจอ ภายในใจของหญิงสาวรู้สึกหวิว วันสำคัญที่สุดของเธอ วันที่เธอสู้ทนมาอย่างยากลำบากกลับไม่มีแม้เงาของคนมาร่วมยินดี

“กลับแล้วนะลิน” เพื่อนที่พอจะสนิทกันอยู่บ้างโบกมือให้ก่อนจะแยกย้ายจากไปอย่างรวดเร็ว มีเพียงเพื่อนอีกสองคนที่อยู่ถามด้วยความห่วงใย

“แกจะกลับด้วยกันไหมลิน จะให้พี่ชายฉันแวะส่ง”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเรากลับเอง”

“งั้นจะช่วยเรียกแท็กซี่ให้นะ โทรศัพท์แกลืมไว้ที่ห้องนี่”

“ไม่เป็นไรเจน แกรีบไปเถอะพี่ชายรอแล้วนั่น”

“ได้ งั้นไว้เจอกันนะ เจอกันนะลิน”

ทั้งสองสาวสลายตัวจากไปอย่างรวดเร็ว นลินเดินเลี่ยงผู้คนไปยังม้านั่งตัวที่ว่าง ถอดชุดครุยออกพับเก็บเข้ากระเป๋าเป้พร้อมด้วยประกาศนียบัตร หยิบรองเท้าแตะจากภายในออกมาสับเปลี่ยนกับรองเท้ามีส้น

เมื่อจะเก็บรองเท้าคัทชูเข้าเป้เธอก็ได้เห็นกระเป๋าสตางค์อยู่ด้านในจึงหยิบขึ้นมากางดู เห็นว่ามีธนบัตรอยู่เพียงสามสี่ใบเท่านั้นจึงพับปิด ลุกเดินเท้าจากในมหาวิทยาลัยไปยังหน้าประตูทางเข้า ชั่งใจไปตลอดทางว่า จะเรียกวินมอเตอร์ไซค์เพื่อความเร็ว หรือจะนั่งรถเมล์เพื่อความประหยัด

สุดท้ายเธอเลือกที่จะเดินเท้ากลับหอพักที่อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยออกไปครึ่งชั่วโมงสำหรับเดินเท้า เธอเดินกลับบ่อยครั้งจึงไม่ได้รู้สึกว่าไกลมาก อีกทั้งสองข้างทางยังมีผู้คนสัญจรพลุกพล่านไม่เปลี่ยว

“อ้าวหนู เพิ่งรับปริญญาเสร็จเหรอ” แม่ค้าร้านหมูปิ้งที่ตั้งแผงบนรถเข็นบนฟุตบาทร้องทัก ขณะที่มือยังระวิงอยู่กับการพลิกไม้เสียบหมูบนเตา

“ค่ะ” เธอตอบสั้น ๆ พยายามฝืนยิ้มส่งให้

“ยินดีด้วยนะ เห็นหนูเดินผ่านทุกวัน ต่อไปคงจะไม่ได้เจอกันแล้ว วันนี้จะเอาหมูกลับไปกินด้วยไหมล่ะ คงจะยังไม่ได้กินอะไรมาล่ะสิ”

“ม.เขาแจกข้าวหมูทอดกับขนมปัง หนูกินแล้วค่ะ” ปากพูดอย่างนั้นแต่มือกลับเผลอลูบกระเป๋าเป้

ทางมหาวิทยาลัยแจกอาหารมื้อเย็นจริงดั่งเธอว่า แต่เธอกินเพียงข้าวหมูทอด และน้ำจากตู้กดจนอิ่มแปล้ เก็บขนมปังกับนมกล่องเอาไว้ในเป้ เพื่อกินเป็นมื้อเช้าของพรุ่งนี้

ป้าแสงรวบหมูปิ้งเกือบสิบไม้ใส่ถุงร้อน หยิบห่อข้าวเหนียวอีกสามสี่ห่ออย่างว่องไวใส่ถุงหูหิ้ว ส่งยื่นข้ามแผงขายมาให้ “เอากลับไปกินสิ”

“ไม่เป็นไรค่ะ ลินเกรงใจ”

“ไม่ต้องเกรงใจ วันก่อนที่หนูมาช่วยป้าขายตอนลูกค้ารุมก็ไม่รับค่าจ้าง ก่อนนั้นก็ช่วยเข็นรถข้ามทาง ไหนจะที่เคยช่วยป้าลงทะเบียนรับสิทธิ์โครงการรัฐ ถือเป็นของขวัญรับปริญญาจากป้าก็แล้วกัน ป้ามันคนจนไม่มีอะไรให้ มีแค่หมูปิ้งนี่แหละหนู”

นลินยอมรับของมา เธอตั้งใจจะอยู่ช่วยป้าแสงขายของแต่ถูกป้าแสงไล่ให้กลับไปพักผ่อน จึงยอมเดินจากมาด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง น้ำตาปริ่มจะไหลอาบแก้ม ป้าแสงเป็นหญิงม่ายขาเป๋ถูกลูกผัวทอดทิ้ง ต้องอยู่คนเดียว เธอได้รู้เรื่องส่วนตัวของแกอยู่บ่อย ๆ เวลาแวะซื้อหมูปิ้ง หรือแวะช่วยเหลือ

ป้าแสงมักบอกว่า ชีวิตของตนอาภัพ อีกทั้งยังยากจนไร้คนเหลียวแล ยิ่งฟังนลินกลับยิ่งเจ็บลึกอยู่ในใจ เพราะช่างตรงกับชีวิตของตัวเอง

นลินเป็นลูกคนกลาง เกิดและเติบโตมาในครอบครัวที่มี พ่อ แม่ พี่ชาย และน้องสาว ฐานะทางบ้านเป็นคนชนชั้นกลางเหมือนคนส่วนมากในสังคม เธอมีบ้านสองชั้นที่นอกตัวเมือง มีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยานไฟฟ้า ข้าวของเครื่องใช้ไฟฟ้าพื้นฐานภายในบ้านครบครัน ดูจากภายนอกแล้วครอบครัวของเธอดูสุขสงบ ออกจะดูค่อนไปทางมีอันจะกินเสียด้วยซ้ำ ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงภายในบ้านกลับไม่เป็นอย่างนั้น

ด้วยความเป็นลูกคนกลาง นลินจึงมักจะถูกมองข้าม และโดนพี่น้องกลั่นแกล้งอยู่เสมอ ตั้งแต่จำความได้ ทุกครั้งที่เธอถูกรังแกแล้วนำเรื่องไปฟ้องพ่อแม่ พวกเขาจะเอาแต่บอกให้เธออย่าสำออย อีกทั้งยังถูกปลูกฝัง ล่อลวงให้คิดว่ามีแค่ครอบครัวเท่านั้นที่จริงใจ

ตอนยังเด็กเธอมักจะถูกใช้ให้ทำนู่นทำนี่แทนพี่ชายและน้องสาวเสมอ รวมถึงงานทั่วไปภายในบ้านตามที่แม่ต้องการ เพราะคำหวานหูที่บอกทุกวันทำให้เด็กสาวไม่นึกเอะใจว่า กำลังตกเป็นคนรับใช้ของครอบครัว

เมื่อเข้าเรียนระดับชั้นประถมศึกษา นลินได้ฉายแววความฉลาดออกมา จนครูประจำชั้นให้การส่งเสริม ส่งให้นลินเป็นตัวแทนห้องในการทำกิจกรรมของทางโรงเรียน บ่อยครั้งได้เงินรางวัลกลับไปอวดที่บ้าน ในตอนแรกมีคำชื่นชมมาจากพ่อกับแม่ นลินจึงเผลอคิดว่า ตนเองกลายเป็นคนสำคัญเทียบเท่าพี่ชายและน้องสาวแล้ว จนกระทั่งพี่ชายบอกว่า การที่นลินเสียเวลาทำกิจกรรมให้ทางโรงเรียนไม่เกิดประโยชน์อะไร บางกิจกรรมไม่ได้เงินค่าตอบแทนด้วยซ้ำ อีกทั้งยังทำให้เธอไม่มีเวลามากพอสำหรับทำการบ้านให้เขา ซักผ้ารีดผ้าให้เขาก็ไม่เรียบร้อย 

นับแต่นั้นมาผู้เป็นบิดาจึงมักหาข้ออ้างรั้งตัวเธอให้อยู่ทำงานบ้าน ไม่ยอมให้ทันขึ้นรถไปโรงเรียน นลินไม่สามารถเดินเท้าไปโรงเรียนได้ และไม่มีเงินติดตัวสักบาททำให้ไม่มีเงินจ่ายค่าแท็กซี่ สุดท้ายต้องยอมรับชะตากรรม

เมื่อเพื่อนบ้านสังเกตเห็นความผิดปกติ เริ่มมีเสียงติฉินนินทาให้ได้ยิน อีกทั้งครูประจำชั้นที่ไม่เห็นนลินไปโรงเรียนได้มาตามถึงบ้าน

พ่อแก้ตัวว่าช่วงนี้รู้มาว่าเธอมีแฟนที่โรงเรียน ถึงขั้นวางแผนหนีตามกันไป คนเป็นพ่อไม่รู้จะห้ามปรามอย่างไรจึงได้แต่ขังเอาไว้ในบ้าน เธอร้องไห้โฮปฏิเสธ เธอเพิ่งอยู่ป. 4 จะมีแฟนได้อย่างไร แต่เมื่อเถียงเธอก็ถูกพ่อตบเข้าที่ปากอย่างแรง  ครูประจำชั้นเข้าห้าม ออกปากสัญญาว่าจะช่วยสอดส่องดูแลเธอเป็นอย่างดีตอนอยู่ที่โรงเรียน

เมื่อไร้ทางบ่ายเบี่ยงพ่อจึงยอมให้เธอกลับไปเรียนได้อีกครั้ง แต่เธอต้องทนเดินไปกลับโรงเรียนตามลำพังกว่าสามกิโลเมตรอยู่เสมอ เมื่อพ่ออ้างว่าวันนี้รถยนต์ไม่มีน้ำมันจะเอามอเตอร์ไซค์ไปส่งพี่ชายกับน้องสาวของเธอก่อน ระหว่างนี้ให้เธอเดินรอไปพลาง ๆ

ตอนแรกเธอเฝ้าหันมองถนนว่าเมื่อไหร่พ่อจะกลับมา แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นบ่อยเข้า เธอก็เรียนรู้ที่จะเลิกมองหา มีเพียงสองขาของเธอเท่านั้นที่จะพาเธอไปถึงโรงเรียนได้

แม้แต่ตอนที่พ่อใช้รถยนต์ไปส่งพวกเธอที่โรงเรียน เธอก็ยังถูกไล่ให้ลงจากรถเพื่อทำบางอย่างเช่นซื้อของข้างทาง หรือให้วิ่งกลับไปเอาของที่ลืมเอาไว้ในบ้าน ทันทีที่เธอก้าวลงจากรถ ประตูรถก็ปิดลงแล้วพุ่งตัวออกไปโดยไม่รอ

ดังนั้นการเดินเท้าเพียงครึ่งชั่วโมงในวัยที่โตแล้วจึงไม่ใช่เรื่องยากลำบากเกินไป…

นลินพักเหนื่อยที่ป้ายรถเมล์ ยังไม่ทันได้หย่อนก้นลงนั่ง รถเมล์ก็แล่นมาเทียบ ผู้คนสี่ห้าคนที่นั่งอยู่กรูกันขึ้นรถไป เธอจึงเผลอตัวเดินตามขึ้นไปอีกคน ก่อนจะตระหนักได้ว่าพรุ่งนี้ตนต้องนำเงินไปไถ่โทรศัพท์มือถือที่จำนำเอาไว้คืนมา เงินสำหรับจ่ายค่ารถเมล์นี้มันควรจะเป็นค่าน้ำดื่มขวดที่ใช้ดื่มดับกระหายระหว่างทาง

แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้แล้วนอกจากนั่งพิงหลังไปกับเบาะปล่อยใจรับความสบายที่เคลื่อนที่เข้ามาแทนความเมื่อยขบตามเนื้อตัว สมองของเธอยังคงครุ่นคิดอยู่กับเรื่องในอดีต อยากหาสาเหตุว่าด้วยเหตุใดเธอถึงถูกพ่อแม่ขัดขวางห้ามไม่ให้ทำกิจกรรม   กับทางโรงเรียนอีกหลังจากที่ให้โอกาสเธอกลับไปเรียนอีกครั้ง

เหตุใดถึงมีแค่เธอที่ต้องทำงานบ้านทุกอย่าง เหตุใดถึงมีแค่เธอที่ไม่เคยได้รับของขวัญหรือเค้กวันเกิดเหมือนพี่ชายกับน้องสาว เมื่อโตขึ้นเธอจึงได้เข้าใจว่าเป็นเพราะถูกพี่น้องอิจฉาที่เธอเรียนเก่งกว่า

เมื่อเลื่อนขั้นขึ้นเรียนในระดับมัธยมนลินต้องดิ้นรนสอบขอทุนเรียนฟรี ตามคำสั่งของพ่อแม่ว่าอยากเรียนต่อต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ว่างเมื่อไหร่นลินเป็นต้องของานทำ จนนักเรียนในโรงเรียนรู้กันอย่างลับ ๆ ว่าหากต้องการคนทำการบ้านให้ ให้ไปจ้างนลิน

การรับจ้างทำการบ้านแย่งเวลานอนของนลิน ที่เหลือน้อยนิดจากการต้องคอยรับใช้สมาชิกคนอื่นๆ ในบ้าน แต่นั่นกลับเป็นการทบทวนบทเรียนอีกรูปแบบหนึ่ง ทำให้ผลการสอบในแต่ละเทอมของเธอยังคงมีคะแนนที่สูงกว่าพี่ชายและน้องสาว ทำเอาทั้งคู่โกรธแทบคลั่ง ทุ่มงานมาให้เธอทำมากขึ้น โขกสับมากขึ้น

ชีวิตแสนอาภัพของนลินดำเนินต่อไป เธอเรียนจบมัธยมปลาย สามารถสอบทุนเรียนฟรีในระดับปริญญาตรีได้ เธอรู้ว่าจะไม่มีใครสนับสนุน แต่ก็ยังนำเรื่องนี้ไปอวดที่บ้านอยู่ดี ด้วยความหวังเล็ก ๆ ว่าพ่อแม่จะให้ความสนใจตน เหมือนตอนยังเด็กที่ยินดีกับการริบเงินรางวัลการประกวดไปจากมือของเธอก็ยังดี ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่เธอหวังนั้นไม่เคยเกิดขึ้นจริง !

นลินกลับมาถึงบ้านก็เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดออกมา นั่งอยู่กลางห้องพักขนาดเล็กเพื่อสำรวจว่าจะพับข้าวของที่มียังไงให้พอดีกับกระเป๋าเดินทาง ในปีสุดท้ายของการเรียนเธอยุ่งกับการทำธีสิส* และฝึกงาน ทำให้ไม่ได้กลับบ้านเลยจนกระทั่งวันที่เรียนจบ

ไม่ว่าที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของคนในบ้านจะตึงเครียดต่อกันไปบ้าง แต่อย่างไรครอบครัวก็คือครอบครัว เธอหวังว่าระยะเวลาเป็นปีที่ไม่ได้พบหน้ากันจะนานพอที่จะทำให้พวกเขาเปลี่ยนไป

คืนนั้นนลินหลับไปด้วยความคิดที่ว่า ปริญญาใบเดียวของครอบครัวจะทำให้พ่อกับแม่พอใจ หรืออย่างน้อยก็ทำเป็นใส่ใจเธอบ้าง สักเล็กน้อยก็ยังดี…

{*Thesis คือ วิทยานิพนธ์ม ปริญญานิพนธ์ หรือ ดุษฎีนิพนธ์ ที่เขียนโดยนักวิจัย นักศึกษา หรือนักวิชาการ โดยการพรรณนาขั้นตอน วิธีการ และผลการศึกษาวิจัยที่ค้นคว้าวิจัยมาได้}

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ดอกบัวในเพลิงมาร   -ต่อ- ตอนพิเศษ

    อิทธิพัทธ์อมยิ้มเล็กน้อย โน้มตัวลงบดจูบริมฝีปากบวมแดงอย่างหลงใหลแค่นลินเผยอปากเพียงนิดเดียว ลิ้นอุ่นของอีกฝ่ายก็เข้ามากวาดความหวานอย่างตามใจ ไม่รู้ว่าจูบนั้นเพลิดเพลินและโหยหากันและกันมากแค่ไหน พอรู้ตัวอีกทีแผ่นหลังของเธอก็นาบลงบนเตียงนุ่ม ส่วนผัวรักของเธอก็ยังคงรักษาคอนเซปต์ของความป่าเถือนอย่างคงเส้นคงวาแคว่ก ! เพนตี้ลูกไม้ขาดถูกโยนออกไปไกล“นี่ ! นายหัว ฉีกมันอีกแล้วนะ ไอ้โรค อื้อ…”คำว่า ‘จิต’ ค้างอยู่ในลำคอเมื่อลิ้นอุ่นเลื่อนลงไปทักทายกลีบกลางอย่างรวดเร็ว“ลิน หวานมาก” เขาหยุดแล้วส่งเสียงอู้ ๆ อี้ ๆ บอกเธอก่อนจะทำการชำแหละหาความหมอหวานต่อนลินดิ้นเร่าอ้าขาออกกว้างอย่างหน้าไม่อาย แน่นอนว่าเธอคิดถึงความสุขสุดยอดนี้แค่ไหน นึกว่าอีตาผัวกระทิงควายจะกลายเป็นโรคประสาท สมองกลับจนไม่ทำแบบนี้ให้เธออีกต่อไปแล้ว โอ้วววแม่เจ้า ขอต้อนรับกลับบ้านค่ะนายหัวผัวกระทิงควาย นลินคิดในใจขณะเคลิบเคลิ้มวิ่งเล่นอยู่บนดวงจันทร์“ฉัน อื้อ เสียว ไม่ไหวแล้วค่ะนายหัว”อิทธิพัทธ์หยุดการเคลื่อนไหว นั่นทำให้นลินยิ่งประหลาดใจ ดวงตาพร่าสวาทกำลังเพลิดเพลินอยู่นั้นก็กว้างขึ้น นัยน์ตาดำขลับมีรูปเครื่องหมายคำถาม ( ?

  • ดอกบัวในเพลิงมาร   ตอนพิเศษ

    พยายามจะสะกดใจ แต่…นลินถือไดร์เป่าผมสะบัดไปมาบนผมเปียกที่พึ่งสระเสร็จอยู่หน้ากระจก ท่าทางของเธอเหมือนตั้งใจจะให้ผมนั้นกลับมาแห้งสสวยโดยเร็ว ๆ ทว่าจริงแล้วดวงตากลมโตไม่ได้สนใจผมของตัวเองสักนิด แต่กำลังมองผ่านกระจก ดูเรือนร่างกำยำที่ใส่ผ้าขนหนูในลักษณะหมิ่นเหม่ กำลังเช็ดผมแบบลวก ๆ ทำท่าเหมือนจะอ่อยเธอ นลินนึกถึงเมื่อตอนบ่ายของวันนี้ที่สินประกาศดังลั่น“เอาล่ะทุกคนตอนนี้นายหญิงของไร่ร่างกายอ่อนเพลียมากต้องการพัก เชิญทุกคนไปสังสรรค์ร้องโฮ่ฮู้กันต่อได้ที่โรงอาหาร”เสียงเฮดังลั่นขณะที่เรือนร่างของเธอถูกว่าที่เจ้าบ่าวอุ้ม ตอนนั้นเธอเข้าใจว่าคงต้องปรนเปรอนายหัวกระทิงควายเป็นแน่ เธอคิดถึงเขา เขาคิดถึงเธอ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากการกลับมาเจอกันอีกครั้งจะกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์แบบนันสต็อปทว่ากลับผิดคาดเมื่อเขาวางตัวเธอลงบนโซฟาห้องรับแขก ตรงหน้าคืออาหารชั้นดีบำรุงครรภ์ พยาบาลบอกด้วยหน้าตา ยิ้มแย้มแจ่มใส ตามมาด้วยยาสำหรับคุณแม่ท้องอ่อน แน่นอนว่าตานายหัวอยู่ร่วมรับประทานอาหารกับเธอ“นายหัวกินข้าวได้เยอะแบบนี้ผมก็เบาใจ”“นายไปร่วมส

  • ดอกบัวในเพลิงมาร   26.1

    “ทำไม คุณเสียใจมากหรือไงที่ฉันท้อง หรือคุณจะหาว่าฉันท้องกับคนอื่น”“ลิน” อิทธิพัทธ์ทำหน้าตกใจ เมื่อหันกลับไปพบนลินยืนเท้าสะเอวอยู่ จึงถามเสียงสั่นว่า“มาตั้งแต่เมื่อไหร่”“ไม่สำคัญหรอก” เธอบ่ายเบี่ยงไม่ยอมบอกตามตรงว่าเธอมาตั้งแต่ตอนที่เขาพูดคุยกับนายหัวหนุ่ยทำให้เธอเพิ่งรู้ถึงเหตุผลอันแท้จริงของการที่เขาไล่เธอออกไปจากไร่ และเขายอมเสี่ยงแค่ไหนเพื่อจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง มันทำให้ความโกรธในใจหายไปราวกับปลิดทิ้ง แทนที่ด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง เขาเป็นคนเดียวในชีวิตที่ยืนหยัดเพื่อเธอมากขนาดนี้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเธอยอมกลืนน้ำลายตัวเอง“ฉันไม่เคยคิดว่าเธอท้องกับคนอื่นเลยนะ ฉันมั่นใจว่าลูกเป็นลูกของฉัน ฉันถึงได้ซื้อของใช้เด็กอ่อนเอาไว้มากมายรอลูกของเรา ฉันอยากให้ลูกเกิดมาบนความพร้อม และความรัก ฉันสัญญาว่าจะทำหน้าที่พ่ออย่างดีที่สุด จะไม่ทำให้ลูกขาดความอบอุ่น หรือรู้สึกต่ำต้อยกว่าคนอื่น ลูกอินทร์ชื่อลูกของเรา มาจากลินกับอิทไง ฉันตั้งเอง”นลินขมวดคิ้วให้กับชื่อนั้น“เห็นไหม บอกแล้วว่าฉันตั้งใจกับหน้าที่พ่อมากแค่ไหน และฉันสัญญาว่าจะเป็นสามีที่ดี เราคืนดีกันนะ”“ง่ายไปหรือเปล่า”“อะไรง่าย”

  • ดอกบัวในเพลิงมาร   26 เหตุผล -ตอนจบ-

    26 เหตุผล “มีอะไร” อิทธิพัทธ์ถามเสียงขุ่น ยกมือออกจากหน้าขาของอีกฝ่าย นลินรู้สึกขัดเขินกับความใกล้ชิดต่อหน้าคนอื่น จึงดึงผ้าห่มขึ้นห่มถึงคาง เบือนหน้าออกไปทางหน้าต่างมองแปลงองุ่นที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา “นายหัวหนุ่ยโทร. มาครับ แจ้งว่าต้องการคุยกับนายหัวด่วน คงจะเป็นเรื่อง…” สินหยุดพูดไปเท่านั้น แต่ทุกคนก็รู้ได้ด้วยตัวเองว่าคงเป็นเรื่องไหนไปไม่ได้ นอกจากเรื่องที่เขาพานลินเข้าบ้าน นี่เป็นการผิดสัญญาที่เขาเคยรับปากกับนายหัวหนุ่ยไว้ ตอนที่ให้นลินย้ายออกไป เขาถูกนายหัวหนุ่ยเรียกพบเพื่อพูดคุยกันเรื่องนี้ ความจริงแล้วนายหัวหนุ่ยไม่ได้สนใจว่าเขาจะนอนกับใครหรือไล่ใครออกจากงาน ที่เขาสนใจเรื่องนี้เพราะมันกระทบกับลูกสาวของเขา นั่นย่อมหมายถึงกระทบกับตัวเขาเช่นเดียวกัน การที่อิทธิพัทธ์ยอมหักหน้าภาพิมลเพื่อแม่บ้านคนเดียว เป็นเรื่องที่รู้ถึงไหนอายเขาไปถึงนั่น ลูกสาวของเขาถึงจะผิดจะถูกอย่างไรก็เป็นคุณหนูชาติตระกูลดี จะปล่อยให้ถูกคนงาน เยาะเย้ยว่าแพ้แม่บ้านก็เหลือทน นายหัวหนุ่ยบอกอย่างตรงไปตรงมาว่าเรื่องนี้ตนรับไม่ได้ ในเมื่ออิทธิพัทธ์ตัดสินใจไล่แม่บ้านสาวคนนั้นออกไปแล้ว ก็อยากให้มันเป็นการขับไล่อย

  • ดอกบัวในเพลิงมาร   25.1

    แน่นอนว่าลูกค้าคนสำคัญทำให้เธอมีเงินเหลือเก็บ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่ามันจะเป็นเพียงระยะเวลาอันสั้น เด็กสมัยนี้โตไวซื้อของไปก็ใช้ได้แค่แป๊บเดียวเอง เธอจึงอยากหาลูกค้าแบบนี้เพิ่มหลังจากปล่อยให้ความคิดของตัวเองล่องลอยไปได้เพียงไม่นาน นลินก็กลับมาสนใจออเดอร์ของลูกค้าอีกครั้ง จัดแจงกดเบอร์ในมือถือโทรไปยังร้าน ‘โลกของเด็ก’ เป็นร้านขายของใช้เด็กของป้าสวย เพื่อสอบถามสต๊อกและยืมรถสำหรับนำส่งลูกค้าประจำคนนี้เมื่อถึงเวลานัดส่งมอบสินค้า นลินกับเบิ้ม เด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดปี เป็นหลานชายป้าสวย ได้ไปตามสถานที่นัดก่อนเวลานัดหมายสิบนาที และพบว่าพี่ลูกอินทร์ก็มาก่อนเวลาเช่นเดียวกันแต่ผิดคาดเล็กน้อยเมื่อพบว่าลูกค้าดีเด่นคนนี้เป็นผู้ชาย แล้วยังเป็นผู้ชายคนสุดท้ายที่เธอคิดจะขายของใช้เด็กอ่อนให้ !“นายหัว !”“เธอจะตะโกนทำไม” อิทธิพัทธ์สวมแว่นตาดำ ทำให้มองไม่เห็นแววตาของเขา แต่จากสีหน้าสามารถบอกได้ว่าเขารู้สึกพอใจ“ฉันเอาของมาแล้ว ฉันไม่ได้เอามาให้นายหัวเล่นสนุกนะ”“ใครบอกเธอว่าฉันเล่นสนุก ฉันจะซื้อทุกอย่างจริง ๆ”“นี่มันของใช้เด็กอ่อน”“แล้วไง”“ถามมาได้ว่าแล้วไง นายหัวไม่มีลูกจะซื้อของพวกนี้ไปทำไม อ๋อ แล้วที

  • ดอกบัวในเพลิงมาร   25 ต่อสู้เพื่อหัวใจ

    “ฉันนึกว่าเมื่อรู้แล้วว่าฉันปลดหนี้ได้ แม่จะกลับมาอยู่ที่นี่เหมือนเมื่อก่อนก็ได้น่ะ” ต่อให้รู้สึกห่างเหินกับมารดา ที่ตอนนี้มีศักดิ์เป็นป้า แต่นลินก็คือนลินเด็กกตัญญูอย่างไรเล่า จึงไม่อาจละเลยที่จะไม่เลี้ยงดู“แกปลดหนี้ได้แล้วเหรอ หนี้ที่พวกฉัน…” หญิงวัยกลางคนละอายใจเกินกว่าจะพูดต่อ“ฉันนึกว่าแม่รู้”“ไม่รู้ ดูเหมือนว่านายหัวจะไม่ไว้ใจ กลัวว่าฉันจะมาเกาะแกกินเลยไม่ยอมบอกเรื่องนี้”“ถ้าแม่กับมินตราสัญญาว่าจะปรับตัวใหม่ ตั้งใจทำมาหากิน จะกลับมาอยู่ด้วยกันฉันก็ไม่ว่า”“แกเป็นคนดีจริง ๆ ลิน น่าเสียดายที่แกต้องอยู่ในการเลี้ยงดูของฉัน ถ้าแกได้อยู่กับแม่แท้ ๆ หรือตายายของแก ชีวิตของแกคงจะมีแต่ความสุข”“พวกเขาไม่ได้เป็นคนเลี้ยงฉัน แต่แม่เป็นคนที่เลี้ยงฉันมา ขอบคุณมากสำหรับทุกอย่าง และสำหรับกำไลทองนี่ ทั้งที่แม่จะขายทิ้ง เอาเงินมาใช้จ่ายเหมือนสมบัติชิ้นอื่น ๆ ของแม่ฉันก็ได้”วิภาวีพยักหน้าเล็กน้อย แววตายังคงเศร้าปนระอายใจ“ถือว่ามันเป็นสิ่งดีสิ่งเดียวที่ฉันมอบให้ก่อนจากกันก็แล้วกัน เอาล่ะ นี่ก็ดึกแล้ว ฉันจะกลับก่อน”“แม่จะกลับยังไง”“อ๋อ มีพลเมืองดีไปรับไปส่งน่ะ ไม่ต้องงง คนพวกนี้เป็นลูกน้องของน

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status