“หนูชื่อริณเรณูค่ะอายุสิบหกปีแล้ว ตอนนี้หนูเรียนอยู่ชั้น ม. 4 โรงเรียนxxx วันนี้หนูมาตามหาพ่อค่ะ” ริณเรณูแนะนำตัวด้วยความฉะฉาน
“แล้วอีกคนล่ะ” เขาถามเด็กสาวอีกคนที่นั่งข้างๆ กัน
“หนูชื่อสุนิสาค่ะชื่อเล่นชื่อพลอยเป็นเพื่อนของริณค่ะ หนูก็มาช่วยริณตามหาพ่อเหมือนกัน”
“แล้วทำไมหนูสองคนถึงมาในชุดพละแบบนี้ล่ะ” เขามองการแต่งกายของเด็กสาวแล้วก็อดสงสัยไม่ได้
“วันนี้ที่โรงเรียนมีทัศนศึกษาค่ะ หนูก็เลยแอบออกมาตอนที่คุณครูเผลอ” ริณเรณูตอบไปตามความจริงเพราะนี่เป็นโอกาสเดียวที่เธอจะมากรุงเทพได้โดยที่มารดาไม่รู้
“อะไรนะ”
“ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วยคะ”
“ก็ตกใจสิหนูกับเพื่อนแอบออกมาแบบนี้แล้วคุณครูเขาจะไม่ตามหาเหรอ”
“คุณอาคะอย่าเพิ่งตกใจสิคะ คุณครูเขาไม่ตามหาหรอกค่ะ เพราะคุณครูพาพวกเราไปที่สวนสนุกค่ะ ทุกคนก็แยกย้ายกันไปเล่นเครื่องเล่นและนัดเจอกันอีกทีตอนห้าโมงค่ะ”
“แล้วมากันยังไง”
“นั่งแท็กซี่มาค่ะ” สุนิสาเป็นคนตอบ
“อาคะ เราคุยเรื่องพ่อก่อนดีไหม หนูมีเวลาอยู่กรุงเทพถึงแค่ห้าโมงเย็นค่ะ ตอนนี้ก็บ่ายสามโมงแล้วหนูกลัวจะไม่ทันได้เจอพ่อ” เด็กสาวร้อนใจเพราะกลัวว่าสิ่งที่ตนเองตั้งใจทำจะไม่สำเร็จ
“อาจะเชื่อได้ยังไงว่าหนูเป็นลูกของพคุณนครินทร์จริงๆ ไม่ใช่มาแอบอ้างนะ” รามัญรู้จักคุณนครินทร์มานานและเข้าก็ไม่เคยพูดถึงลูกสาวคนนี้เลย
“ก็ชื่อของหนูไงคะเป็นสิ่งยืนยัน หนูชื่อริณเรณูคำว่าริณมาจากนครินทร์ของพ่อเรณูมาจากชื่อแม่ หนูเชื่อว่าถ้าพ่อได้ยินชื่อนี้พ่อจะต้องรู้แน่นอนว่าหนูคือลูกของพ่อ” ริณเรณูบอกด้วยความมั่นใจเพราะมารดาของเธอเล่าให้ฟังว่าได้ตกลงกันไว้แล้วว่าถ้ามีลูกจะให้ลูกชื่ออะไร
“ตอนนี้หนูอายุเท่าไหร่แล้วนะ” รามัญถามอีกรอบทั้งที่เธอบอกไปแล้ว
“หนูอายุสิบหกปีแล้วค่ะ”
“แล้วทำไมวันนี้ถึงเพิ่งมาตามหาพ่อล่ะ ก่อนหน้านั้นไปอยู่ที่ไหน ทำไมถึงไม่ติดต่อมา อาว่าเรื่องนี้มันมีอะไรแปลกๆ นะ หนูมีแผนอะไรจะมาหลอกลวงคุณนครินทร์หรือเปล่า”
“หนูไม่มีแผนอะไรทั้งนั้นหรอกค่ะ”
“ถ้างั้นก็บอกเหตุผลมาว่าทำไมหนูถึงมาตามหาพ่อทั้งที่เวลาผ่านไปนานถึงสิบหกปีแล้ว” รามัญไม่ค่อยเชื่อสิ่งที่เด็กสาวพูดเท่าไหร่ แต่รู้สึกสงสารเมื่อเห็นแววตาใสซื่อและจริงใจของเธอ
“อารามคะหนูไว้ใจอาได้จริงๆ ใช่ไหม อาจะช่วยให้หนูได้เจอพ่อใช่ไหมคะ” ริณเรณูมองหน้าคนที่เรียกว่าคุณอาด้วยแววตาลังเลเพราะเธอเพิ่งเจอเขาไม่ถึงสิบนาที เด็กสาวไม่แน่ใจเลยว่าถ้าเล่าเรื่องของตนเองให้เขาฟังแล้วเขาจะช่วยเหลือเธอได้มากแค่ไหน
“ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ คำถามนั้นอาควรจะเป็นคนถามหนูมากกว่านะ หนูมีแค่หลักฐานเรื่องชื่อเท่านั้นเองนะแล้วจะให้อาเชื่อได้ยังไงว่าหนูรู้จักกับคุณนครินทร์จริงๆ” รามัญถามกลับเขายังนึกไม่ออกเลยว่าคุณนครินทร์จะแอบไปมีลูกตอนไหนเพราะเทียบอายุแล้วริณเรณูก็อายุเท่าลูกสาวคนโตของของคุณนครินทร์
“หนูมีรูปถ่ายที่พ่อกับแม่ถ่ายด้วยกันในวันแต่งงานด้วยค่ะ” ริณเรณูยื่นโทรศัพท์มือถือของตนเองที่แอบถ่ายมาจากรูปที่มารดาของเธอซ่อนไว้ให้กับรามัญดู
“นี่แม่เธอเหรอ”
“ค่ะ รูปคุณพ่อกับคุณแม่ของหนูแต่งงานกันเมื่อสิบเจ็ดปีก่อนรูปมันเก่าไปหน่อยนะคะอารามพอจะดูออกไหม”
รามัญจ้องรูปถ่ายนั้นและก็จำได้ว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ ผู้หญิงใบหน้าสวยหวานนั่นคือคุณนครินทร์
“แล้วคุณอาเหรอล่ะคะมีหลักฐานอะไรมาแสดงไหมว่ารู้จักกับพ่อของหนูจริงๆ”
“อาจะเอารูปถ่ายที่อาถ่ายกับพ่อของหนูให้ดูก็แล้วกันนะ แต่มันเป็นรูปถ่ายปัจจุบันอาไม่แน่ใจว่าหนูจะจำหน้าพ่อหนูได้หรือเปล่า”
“จำได้ค่ะ”
“ทำไมถึงมั่นใจแบบนั้นล่ะ”
“ถึงพ่อจะไม่ติดต่อหนูกับแม่ไปเลยแต่หนูก็ติดตามข่าวของคุณพ่อ หนูเคยเห็นคุณพ่อตามข่าวสังคมอยู่บ่อยๆ บางครั้งคุณพ่อก็ไปบริจาคเงินช่วยเหลือเด็กกำพร้าตามโรงเรียนเล็กที่อยู่ต่างจังหวัดค่ะ”
เมื่อได้ฟังคำตอบแบบนั้นรามัญก็ส่งโทรศัพท์มือถือที่มีรูปถ่ายตนเองกับคุณนครินทร์ถ่ายด้วยกันเมื่อช่วงต้นปีให้เด็กสาวดู
“คนนี้คือพ่อของหนูค่ะหนูจำได้ คุณอาสนิทกับพ่อมากมั้ยคะ”
“ก็เรียกว่าสนิทกันในระดับหนึ่งก็แล้วกัน นะอากับพ่อของหนูทำธุรกิจคล้ายๆ กันก็เลยได้ติดต่อกันบ่อยน่ะ”
“แบบนี้อาก็พาหนูไปเจอพ่อได้ใช่ไหมคะ”
“หนูบอกเหตุผลอามาว่าทำไมวันนี้ถึงอยากจะมาหาพ่อทั้งๆ ที่เวลาผ่านไปนานถึงสิบหกปีแล้ว อาหวังว่ามันคงเป็นเหตุผลที่ดีนะ”
“ตอนนี้แม่หนูป่วยค่ะ เหตุผลแค่นี้พอไหมคะหนูอยากให้พ่อไปเยี่ยมแม่”
“แม่หนูป่วยเป็นอะไรล่ะ”
“มะเร็งมดลูกระยะสุดท้ายค่ะ หนูอยากให้พ่อไปดูใจแม่ก่อนที่แม่จะจากไป ทุกวันนี้แม่ยังคงคิดถึงพ่ออยู่หนูเห็นแม่เขียนไดอารี่และในนั้นก็มีแต่เรื่องของพ่อ”
“ทำไมแม่หนูถึงทำแบบนั้นล่ะ ทำไมของหนูไม่ติดต่อมาหาพ่อของหนูล่ะ”
“เพราะแม่กลัวว่าจะทำให้พ่อเดือดร้อน”
“แต่หนูมาตามหาพ่อ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วสงสัย
“ใช่ค่ะ หนูรู้ว่าแม่คิดถึงพ่ออยู่ตลอดเวลาหนูอยากให้แม่มีความสุขก่อนที่ท่านจะจากไป คุณอาพอจะช่วยให้หนูเจอกับคุณพ่อได้ไหมคะ”
“ถ้าจะให้เจอกันเลยวันนี้ก็คงไม่ได้เพราะพ่อของหนูยังประชุมอยู่ เอาเป็นว่าหนูทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้อาได้ไหมอาจจะคุยกับพ่อของหนูและให้พ่อไปเยี่ยมแม่ของหนูเอง ตอนนี้แม่ของหนูอยู่ที่โรงพยาบาลไหน”
รามัญก็อยากให้ริณเรณูได้เจอกับคุณนครินทร์เพราะรู้สึกเห็นใจเรื่องที่หญิงสาวเล่ามาให้ฟังแต่เขารู้ว่าถ้าให้เจอวันนี้คงไม่ดีแน่เพราะว่าคุณศิตาภรรยาของคุณนครินทร์ก็อยู่ที่บริษัทด้วย
ถ้าคุณศิตารู้ว่าสามีของตนเองมีลูกสาวอีกคนก็คงเป็นเรื่องใหญ่แน่ เขาจึงอยากหาโอกาสพูดเรื่องนี้กับคุณนครินทร์ตามลำพัง
ระยะเวลาที่คบกันนานถึงสามปีทำให้ริณเรณูและรามัญเรียนรู้กันมากขึ้นครอบครัวของหญิงสาวยอมรับชายหนุ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครัวด้วยความเต็มใจแล้ววันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงงานแต่งงานของทั้งสองถูกจัดขึ้นที่บ้านของคุณย่านารีโดยช่วงเช้าเป็นพิธีตักบาตรและพิธีหมั้นส่วนตอนเย็นก็มีการฉลองมงคลสมรสที่โรงแรมหรูเมื่อพิธีการและงานเลี้ยงจบลงตอนนี้คู่บ่าวก็อยู่กันตามลำพังในห้องของโรงแรม“วันนี้หนูริณของอาสวยที่สุดเลยนะครับ” รามัญมองเจ้าสาวที่สวมชุดแต่งงานสีขาวด้วยความภูมิใจ“แล้ววันอื่นหนูไม่สวยเหรอคะอาราม” หญิงสาวพูดแล้วคล้องแขนไปบนลำคอของเขาแล้วส่งสายตาอ้อนเหมือนที่ชอบทำเป็นประจำ“หนูริณของอาสวยทุกวันนั่นแหละแต่ที่อาบอกว่าวันนี้สวยที่สุดก็คงจะเป็นชุดเจ้าสาวที่หนูใส่อยู่”“อารามของหนูก็หล่อที่สุดเหมือนกันค่ะ ยิ่งใส่ชุดเจ้าบ่าวแบบนี้ก็หล่อมาก เพื่อนของหนูชมกันใหญ่เลยว่าอารามหล่อ”“แล้วพวกเขาว่าอะไรไหมที่หนูริณแต่งงานกับคนอายุมากกว่าแบบอา”“ไม่เลยพวกเขาดูไม่ออกด้วยซ้ำว่าอารามอายุเท่าไหร่อารามของหนูดูเป็นวัยรุ่นอยู่เลยค่ะ”“หนูริณช่างพูดแบบนี้มันทำให้หัวใจคนแก่อย่างอาเต้นแรงทุกครั้งเวลาอยู่ใกล้หนูเล่นเลยนะ
“เจ็บแผลมากไหมคะคุณย่า” ริณเรณูถามคุณย่านารีหลังจากที่ทุกคนออกไปจากห้องพักผู้ป่วยแล้ว“ตอนนี้ไม่เจ็บเท่าไหร่จ้ะ น่าจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาชา”“ถ้าคุณย่าเจ็บแผลหรือปวดแผลต้องรีบบอกหนูนะคะหนูจะได้กดออดเรียกพยาบาลให้เข้ามาดู”“จ้ะลูก หนูริณเพิ่งกลับจากคอนโดยังไม่ได้เอาของเก็บก็ต้องมานอนเฝ้าย่าที่โรงพยาบาลแล้ว เหนื่อยไหมลูก”“ไม่เหนื่อยเลยค่ะ หนูเต็มใจจะอยู่เฝ้าคุณย่า คุณย่าคะเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้มันเป็นความจริงใช่ไหม”“ใช่จ้ะมันเป็นความจริงทั้งหมดที่ย่าก็เพิ่งรู้มาได้ไม่นาน หนูโกรธไหมที่คุณศิตาเขาทำแบบนั้นจนทำให้หนูกลายเป็นเด็กกำพร้าพ่อ”“หนูยอมรับนะคะว่าโกรธมากเลยค่ะแต่หนูก็คิดว่ามันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วล่ะค่ะคุณย่า ถึงแต่ก่อนหนูกับแม่จะถูกทอดทิ้งเพราะความเข้าใจผิดแต่ตอนนี้แต่ตอนที่หนูไม่เหลือใครคุณพ่อกับคุณย่าก็รับหนูมาอยู่ด้วยมันทำให้ หนูรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากอย่างน้อยก็ยังมีครอบครัวหนู”“เป็นคนจิตใจดีมากเลยนะลูกย่าก็นึกเสียดายถ้าหากแม่ของหนูได้มาเป็นสะใภ้คงย่ามันคงดีมากๆ”“หนูคิดว่าตอนนี้แม่กำลังมองดูอยู่ข้างบนและคงมีความสุขมากที่รู้ว่าเรื่องทุกอย่างในอดีตมันเกิดจากความการเข้าใจผิด
คุณย่านารีนั่งพิงหัวเตียงอยู่ในห้องพักวีไอพีของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งบนศีรษะมีผ้าพันแผลสีขาวขนาดเกือบสามนิ้วติดอยู่ขณะที่รอบเตียงรายล้อมไปด้วยลูกหลานครบทุกคนสีหน้าของผู้สูงไว้ดูเครียดถึงแม้คุณหมอจะแจ้งว่าศีรษะมีเพียงแค่บาดแผลและไม่ได้มีอาการอะไรอื่นแต่ความเครียดของเธอก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลยเพราะตอนนี้เธอกำลังเป็นกังวลและเป็นห่วงหลานสาวที่เพิ่งรับมาอยู่ด้วยเพียงหนึ่งปีอย่างริณเรณูเป็นอย่างมาก“คุณย่าคะริต้าขอโทษนะคะ ริต้าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายคุณย่าเลยแต่คุณย่ามาพูดแบบนั้นกับริต้าเองริต้าก็เลยโมโหและดึงแขนคุณย่าแรงไปหน่อยค่ะ” รวิตายกมือไว้คุณย่านารีแต่ท่าทางของเธอก็เหมือนไม่สำนึกผิดอะไรเลย“ริต้าพ่อว่าหนูไม่ต้องพูดอะไรแล้วนะ ยิ่งพูดมันก็จะยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลง” คุณนครินทร์ดุลูกสาวหญิงสาวหันมามองผู้เป็นบิดาด้วยสีหน้าไม่พอใจเพราะน้อยครั้งมากที่เธอจะถูกบิดาดุและครั้งนี้ก็ไม่ใช่เป็นการดุตามลำพังแต่เธอถูกดุต่อหน้าทุกคนในครอบครัว“ก็มันจริงนี่คะคุณพ่อ จู่ๆ คุณย่าก็มาพูดเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ริต้าจะไม่ใช่ลูกของคุณพ่อจะไม่ใช่หลานของคุณย่าได้ยังไง คุณย่าคงจะหลงยัยริณมากเกินไปจนมองไม่เห็นหัวริต้าแล้วล่
“นั่นสิคะคุณแม่ให้ริต้าเขาไปอยู่ใกล้ๆ มหาวิทยาลัยไหมจะได้ไม่เหนื่อยกับการเดินทางมาก” ศิตาพูดเสริมให้กับลูกสาว“แต่คอนโดแถวนั้นราคาสูงมากเลยนะ ย่าว่ามันจะสิ้นเปลืองไปเปล่าๆ อีกอย่างมหาวิทยาลัยของหนูกับที่บ้านก็ไม่ได้ไกลกันมากขนาดนั้น ถ้าเหนื่อยกับการขับรถจริงๆ ให้ลุงสนั่นคอยขับรับส่งไหม”“ไม่ค่ะคุณย่าริต้าอยากได้คอนโดริต้าไปดูมาแล้วราคาแค่เก้าล้านเองนะคะ”“ตั้งเก้าล้านย่าว่ามันแพงไปและมันไม่จำเป็นเลยนะริต้า หนูขับรถจากบ้านไปถึงมหาวิทยาลัยไม่ถึงยี่สิบนาทีเองนะ”“ไม่แพงหรอกค่ะคุณย่าซื้อให้หนูนะคะ หนูสัญญาเลยว่าจะตั้งใจเรียน” รวิตาอยากออกไปอยู่คอนโดเพราะอยากใช้ชีวิตอย่างอิสระและไม่ต้องรีบกลับบ้านเหมือนกันที่ผ่านมา“คุณย่าครับผมว่าต่อให้คุณย่าซื้อคอนโดราคายี่สิบล้านให้พี่ริต้า พี่เขาก็คงเรียนดีไม่ได้ครึ่งของพี่ริณหรอกครับ” มาวินพูดแทงใจดำของพี่สาวยังจังเขารู้ว่าที่ริต้าอยากย้ายไปอยู่คอนโดเพราะเธออยากจะออกไปเที่ยวกับเพื่อนมากกว่า“นี่นายมาวินนายได้ไปเรียนต่างประเทศใช้เงินตั้งมากและได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระพี่ขอแค่คอนโดแค่นี้นายจะมาขัดทำไม” รวิตามองน้องชายด้วยสายตาขุ่นเคือง“ก็ผมสงสารคุณย่านี่คร
ความรู้สึกที่ตื่นมาในตอนเช้าแล้วมีคนนอนอยู่ข้างๆ มันเป็นความรู้สึกที่ริณเรณูโหยหามาตลอดหลายปี แต่ก่อนเธอกับมารดาก็นอนด้วยกันแบบนี้ จนกระทั่งมารดาป่วยและเข้าไปนอนในพยาบาล จากนั้นหญิงสาวก็นอนคนเดียวมาตลอดและพอวันนี้ได้ตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของรามัญก็ทำให้เธอรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ริณเรณูอยากให้มันเป็นแบบนี้ทุกวันหญิงสาวพกอดเขาแน่นขึ้นแล้วซุกใบหน้ากับแผงอกของชายหนุ่มเหมือนกับลูกแมวน้อยทำให้คนที่ตื่นมานานแล้วยิ้มกับท่าทางของเธอ“ตื่นแล้วเหรอ”“ยังคะ”“คนหลับที่ไหนจะตอบได้” รามัญพูดพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเขาไม่เคยนอนกับใครจนถึงเช้าแบบนี้เลยสักครั้ง“ก็หนูยังไม่อยากตื่น เมื่อคืนหนูไม่ได้ฝันไปใช่ไหมคะ”“ให้อาทบทวนให้ไหมว่าใช่ฝันหรือเปล่า”“ไม่ดีกว่าคะ แค่นี้หนูก็ไม่มีแรงลุกไปไหนแล้ว อารามคะอาเสียใจไหมกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน” หญิงสาวถามโดยว่าลืมคิดไปว่าคนที่น่าจะถามคำถามนี้น่าจะเป็นฝ่ายชายมากกว่า“หนูริณลืมอะไรไปหรือเปล่า อาต่างหากที่จะต้องถามเรื่องนี้กับหนู หนูเสียใจหรือเปล่า”“หนูก็บอกอาแล้วนะคะว่าหนูไม่เสียใจเลยค่ะก็หนูรักอา”“อาก็รักหนูนะ แต่เราจะทำเรื่องแบบนี้กันอีกไม่ได้”“ทำไมเหรอค
“หนูริณของอาหัวไวมากจูบเป็นแล้ว”“ดีมั้ยคะอาราม”“ดีที่สุดเลย”“ถ้าอารามอยากให้หนูจูบเก่งอารามต้องสอนหนูนะคะ”หญิงสาวพูดออกไปตามอารมณ์และความรู้สึกเพราะเธออยากให้เขามีเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น“แน่ใจนะหนูริณว่าจะยอมเป็นของอาจริงๆ”รามัญถามหญิงสาวอีกครั้ง แม้รู้ว่าถ้าหากริณเรณูเปลี่ยนใจตนเองจะต้องจะทรมานมากแน่ไหน แต่ก็ไม่อยากจะหักหาญน้ำใจของคนที่ตัวเองรักเหมือนกัน แม้เขาจะไม่เคยบอกเธอว่าเขาเองก็รักเธอแต่คิดว่าหญิงสาวก็น่าจะเข้าใจดีเพราะถ้าหากเขาไม่รักไม่ได้รู้สึกอะไรก็คงไม่ตามดูแลเธอมาตลอดหลายปีแบบนี้“หนูไม่เสียใจค่ะอาราม” หญิงสาวยืนยันอย่างหนักแน่น“อาจะทำให้ครั้งแรกของเรามีแต่ความสุข”เขากระซิบข้างหูก่อนที่ปลายลิ้นร้อนจะลากไล้ไปตามหน้าอกอิ่มดูดดุนยอดถันกระตุ้นอารมณ์ของหญิงสาว รามัญตวัดปลายลิ้นรัวลงบนยอดถันสลับกับดูดเข้าปากจนแก้มตอบ เมื่อเห็นหญิงสาวแอ่นโค้งหน้าอกอิ่มเข้าหาเขาก็เข้าใจว่าเธอต้องการให้ตนเองทำแบบไหนฝ่ามือร้อนบีบขย้ำอย่างหนักหน่วง ปากร้อนก็ลากไล้สลับไปมาทั้งสองข้างจนเปียกชุ่ม มืออีกข้างลากต่ำลงมายังเอวนวดเฟ้นสะโพกกลมกลึง ปลายนิ้วจะไล้เข้าหาเนินเนื้อเบื่องล่างอีกครั้ง“อ๊ะ