แม้จะรู้สึกโกรธและเกลียดผู้เป็นบิดามากแต่ริณเรณูก็ยังคงรอโทรศัพท์อยู่ตอนนี้เวลาเพราะอยากจะให้คุยกับเขาเรื่องมารดาและอยากขอร้องให้เขามาเยี่ยมมารดาสักครั้งแต่ผ่านมาสองวันแล้วก็ไม่มีวี่แววว่าเขาจะโทรกลับมาเลย
ความหวังที่อยากให้มารดามีความสุขสักครั้งก่อนจากไปมันดูจะเป็นได้ไม่ได้อีกแล้ว เด็กสาวนั่งมองเบอร์โทรศัพท์อยู่นานก่อนจะตัดสินใจบล็อกเพราะคิดว่าสิ่งที่ตนเองได้ยินในเย็นวันนั้นมันน่าจะเป็นสิ่งที่ออกมาจากใจของคนที่เธอเคยเรียกว่าพ่อจริงๆ
นับจากนี้ริณเรณูจะไม่พูดจะไม่คิดถึงเขาอีกและนับว่ายังโชคดีที่เธอไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้มารดาฟังเพราะถ้ามารดารู้ก็คงจะตั้งหน้าตั้งตารออย่างแน่นอน
ตอนนี้อาการของคุณเรณูเริ่มทรุดลงเรื่อยๆ เธอแทบจะไม่มีแรงคุยกับลูกสาวเลย
ในแต่ละวันในทุกครั้งที่ริณเรณูไปเยี่ยมมารดาของเธอจะยิ้มให้กับลูกสาวแต่บทสนทนานั้นเริ่มสั้นลงเรื่อย ริณเรณูเองก็กำลังทำใจว่ามารดาคงจะอยู่กับเธอได้อีกไม่นาน
ริณเรณูกำลังพยายามลืมเรื่องของบิดาเพราะมีสิ่งที่สำคัญสำหรับเธอมากกว่าผู้ชายคนนั้น เด็กสาวต้องให้เวลากับมารดามากที่สุด เธอไปเยี่ยมมารดาตั้งแต่เช้าก่อนไปเรียนและหลังเลิกเรียนก็รีบกลับมาหาท่านและอยู่กับท่านจนกระทั่งดึก ก่อนจะกลับมานอนที่บ้าน อันที่จริงเธอก็อยากนอนเฝ้ามารดาที่โรงพยาบาลแต่แผนกที่มารดาเธอนอนอยู่นั้นก็ไม่อนุญาตให้ญาตินอนเฝ้า เด็กสาวจึงทำได้เพียงอยู่กับท่านจนกระทั่งหมดเวลาเยี่ยม
วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่เธอเลิกเรียนแล้วก็รีบกลับไปหามารดาทันที
“แม่คะ หนูสอบเสร็จแล้วนะคะ พรุ่งนี้ก็ปิดเทอมแล้วค่ะ ต่อไปนี้ช่วงกลางวันหนูจะมาอยู่กับแม่ได้ตลอดเลยนะคะ”
“แล้วทำข้อสอบได้ไหมล่ะลูก”
“ได้สิคะ”
“ลูกสาวแม่เก่งมากๆ”
“หนูคิดว่าเทอมนี้หนูน่าจะได้เกรดสี่ทุกวิชานะคะแม่” เธอพูดกับมารดาด้วยความภูมิใจเพราะเธอเป็นเด็กขยันตั้งใจเรียนและส่งงานตามกำหนดตลอด อีกทั้งคะแนนเก็บที่ผ่านมาก็อยู่ในเกณฑ์ดีเธอทำคะแนนปลายภาคอีกแค่ครึ่งเดียวเกรดสี่ก็จะมาอยู่ในมือ
“หนูอยากได้อะไรเป็นของขวัญล่ะ”
“หนูยังคิดไม่ออกเลยค่ะแม่” ริณเรณูอยากจะบอกมารดามากเหลือเกินว่าของขวัญที่เธออยากได้คือเวลาที่มารดาจะอยู่กับเธอไปอีกนาน แต่ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยตอนนี้
“เอาเป็นโทรศัพท์เครื่องใหม่ดีไหมแม่เห็นโทรศัพท์ของหนูมันเก่ามากๆ”
“แต่มันยังใช้ได้อยู่เลยค่ะ แล้วโทรศัพท์ก็มีไว้แค่โทรเข้าโทรออกกับเล่นไลน์นิดหน่อยเก่าๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกันค่ะจะได้ไม่ต้องระมัดระวังเวลาใช้งานมาก”
“แต่แม่ว่ามันเก่ามากจริงๆ นะดูสิหน้าจอแตกลายไปหมดแล้ว หนูไปดูเครื่องใหม่มานะว่าอยากจะได้ยี่ห้ออะไรเดี๋ยวแม่จะซื้อให้เอง”
“เอาไว้หนูขอคิดดูก่อนนะคะ ตอนนี้หนูยังไม่รู้ว่าอยากได้อะไร”
“แม่แล้วแต่หนูเลยถ้าหนูไม่เอาโทรศัพท์อยากจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นก็ได้นะลูกครั้งนี้แม่จะตามใจหนูทุกอย่าง บางทีการให้ของขวัญหนูครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้” คุณเรณูพูดขณะที่ลมหายใจของเธอนั้นหอบเหนื่อยเหมือนกับคนที่ทำงานหนักมากๆทั้งที่ตลอดทั้งวันเธอก็นอนอยู่บนเตียงแค่นั้น
“แม่ขาอย่าพูดแบบนั้นสิคะ หนูใจคอไม่ดีเลย ตอนนี้หนูก็เรียนจบม. 4 เองนะอีกตั้งสองปีกว่าหนูจะสอบเข้าม.6 และสอบเข้ามหาวิทยาลัย หนูอยากให้แม่อยู่ให้กำลังใจหนูก่อน”
“แม่ก็อยากจะอยู่ให้กำลังใจหนูนะ แต่แม่ก็รู้ตัวเองดี ไม่ว่าแม่จะอยู่ตรงนี้หรือเปล่าแต่แม่ก็จะคอยมองดูความสำเร็จของหนูอยู่ไกลๆ หนูสัญญากับแม่ได้ไหมว่าหนูจะเป็นเด็กดีตั้งใจเรียน”
“ค่ะแม่หนูจะตั้งใจเรียนและเป็นคุณครูให้ได้อย่างที่หนูบอกกับแม้ไว้ หนูสัญญาว่าไม่ทำให้แม่ผิดหวังค่ะ”
“ดีมากจะลูก วันนี้แม่ว่าหนูกลับไปพักผ่อนได้แล้วนะพรุ่งนี้ค่อยมาหาแม่”
“ได้ค่ะ แม่อยากกินอะไรไหมเดี๋ยวหนูจะซื้อมาฝาก”
“ไม่ต้องลำบากหรอกจ้ะพรุ่งนี้ปิดเทอมวันแรกใช่ไหม”
“ใช่ค่ะแม่”
“หนูตื่นสายสักหน่อยก็ได้นะไม่ต้องรีบมาตั้งแต่เช้าหรอกเพราะวันเสาร์คุณหมอเขาจะเข้ามาตรวจช่วงสายๆ”
“ก็ได้ค่ะแม่ หนูจะมาให้ทันเวลาที่คุณหมอลงตรวจนะคะ”
“ขี่รถกลับดีๆ นะลูกอย่าขี่เร็ว ก่อนจะเลี้ยวซ้ายเลี้ยวกว่าก็ดูดีๆ ก่อน แม่รักหนูนะลูก” แม้จะเหนื่อยแค่ไหนแต่เรณูก็ยังคงบอกรักลูกสาวเหมือนกันทุกวันเพราะไม่รู้เลยว่าวันพรุ่งนี้จะมีโอกาสได้บอกรักริณเรณูอีกไหม
“ค่ะ หนูรักแม่นะคะ รักมากที่สุดเลยค่ะ” ริณเรณูกอดมารดาแล้วหอมไปที่แก้มทั้งสองข้างก่อนเดินออกมาจาก
เมื่อหันหลังให้กับมารดาแล้วเด็กสาวก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่เธอร้องไห้อย่างไม่อายใคร แม้จะเดินผ่านผู้คนอีกมากมายแต่เธอก็ไม่อาจจะหยุดร้องได้
เมื่อเดินมาถึงรถจักรยานยนต์ของตัวเองที่จอดอยู่ริณเรณูก็ไม่มีแรงที่จะขับออกมา หญิงสาวรู้สึกว่าวันนี้อาการของแม่มันแย่ลงกว่าทุกๆ วันการคุยกับเธอแค่ไม่กี่ประโยคแต่มารดาของเธอดูเหนื่อยกว่าทุกครั้ง พรุ่งนี้ถ้าเจอกับคุณหมอเธอจะลองปรึกษาท่านดูว่ามีทางไหนที่จะทำให้ที่จะยื้อชีวิตมารดาของเธออยู่ได้นานกว่านี้ได้หรือเปล่า
ริณเรณูขี่รถจักรยานยนต์กลับมาที่บ้านและอาบน้ำเข้านอนแต่ก็ยังไม่สามารถข่มตานอนได้ เธออยากปรึกษาเรื่องนี้กับใครสักคน อยากระบายความรู้สึกที่มันอัดอั้นอยู่ในหัวใจ แต่ก็ไม่รู้จะพูดกับใครเพราะสุนิสาเพื่อนของเธอก็มีปัญหาเรื่องที่บิดามารดาทะเลาะกันเด็กสาวจึงไม่อยากเอาปัญญาของตัวเองไปเพิ่มให้เพื่อน
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและอยากจะโทรศัพท์ไปคุยกับรามัญแต่ก็รู้สึกเกรงใจมากๆ เขากับเธอไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลยแล้วเขาจะรับฟังปัญหาของเธอไหม กันขนาดคนที่เป็นพ่อยังไม่สนใจแม้แต่จะโทรมาหาหรือมาเยี่ยมเลย
หญิงสาวนอนลืมตาโพลงอยู่บนเตียงเกือบหนึ่งชั่วโมงก่อนจะตัดสินใจโทรศัพท์ไปหารามัญเพราะเธอไม่อาจจะทนอยู่กับความรู้สึกกลัวโดดเดี่ยวในตอนนี้ได้เลย
ริณเรณูรอสายอยู่นานแต่ปลายสายก็ไม่มีก็ไม่มีคนรับ เธอวางโทรศัพท์ลงด้วยหัวใจที่อ่อนล้าเต็มที เขาเป็นคนบอกเธอเองว่ามีปัญหาให้โทรหาเขาแต่พอเธอโทรไปจริงๆ เขากลับไม่ยอมรับสาย
นาฬิกาบนจอโทรศัพท์บอกเวลาสามทุ่มและเธอคิดว่าเวลานี้เขาคงยังไม่เข้านอน แต่ที่ไม่รับโทรศัพท์เธอก็อาจจะเป็นเพราะเขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเธอ
เขาไม่ผิดอะไรเพราะไม่ใช่คนในครอบครัวไม่ใช่พ่อ ไม่ใช่ญาติพี่น้องที่ไหนเด็กสาวน้ำคลอเมื่อคิดว่าจากนี้ไปเธอก็คงไม่มีใครเป็นที่พึ่งอีกต่อไปแล้ว
ที่ผ่านมาเด็กสาวคิดว่าตนเองเข้มแข็งมาตลอดและสามารถอยู่คนเดียวได้แต่พอมาวันนี้วันที่เธอเห็นว่ามารดากำลังจะจากเธอไปจริงๆ ความเข้มแข็งมันก็ไม่หลงเหลือ ตอนนี้ริณเรณูรู้สึกอ่อนแอและกำลังต้องการใครสักคนเป็นที่พึ่งแต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะหาใครคนนั้นได้จากที่ไหน
“ไม่ค่ะ”“ทำไมล่ะ ไหนบอกมีคนมาจีบเยอะ” รามัญแอบยิ้มเมื่อรู้ว่าหญิงสาวยังไม่คบกับผู้ชายคนไหน“ก็หนูยังไม่เจอคนที่ถูกใจค่ะ อีกอย่างตอนนี้หนูก็กำลังปรับตัว เลยคิดว่าจะตั้งใจเรียนไปก่อนส่วนเรื่องแฟนค่อยว่ากันอีกที”“เพื่อนกลุ่มหนูมีแฟนกันหรือยังล่ะ”“มีแฟนแล้วสองคนยังโสดสองคนค่ะ แต่เพื่อนในห้องหนูก็มีแฟนกันเยอะเลยนะคะอารามบางคนก็มีแฟนเป็นรุ่นพี่ต่างคณะค่ะบางคนก็มีแฟนที่ทำงานแล้ว”“แล้วผู้ชายที่มาจีบหนูเขาอยู่คณะอะไร”“ก็มีหลายคณะค่ะ มีเดือนคณะวิศวะด้วยนะคะ”“แสดงว่าต้องหล่อมากๆ เลยสิ”“ใช่ค่ะหล่อมากสาวๆ กรี๊ดเต็มเลยแต่หนูไม่ชอบคนที่เป็นจุดเด่นแบบนั้นหรอกค่ะเพราะหนูก็ไม่อยากผู้หญิงคนอื่นมองแฟนหนูหรอกค่ะ”“แสดงว่าถ้ามีแฟนนี่ต้องขี้หึงมากๆ เลยใช่ไหม”“หนูเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะเพราะยังไม่เคยมีแฟนสักทีอารามคิดว่าอายุอย่างหนูมีแฟนได้ไหม”“ได้สิ จริงๆ แล้วจะมีแฟนตอนอายุเท่าไหร่ก็ไม่มีใครกำหนดไว้หรอกนะ ถ้าการมีแฟนแล้วไม่ทำให้เราเสียการเรียน”“อารามมีแฟนตอนอายุเท่าไหร่คะ”“อามีแฟนคนแรกตั้งแต่เรียนมัธยมแล้วล่ะ”“แล้วตอนนี้ยังคบกับแฟนคนแรกอยู่ไหม”“เลิกไปนานแล้วล่ะ ป่านนี้เขาคงแต่งงานมีครอบครัวไปแล
ริณเรณูมองนาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์ที่แสดงเวลาตีสองครึ่ง หญิงสาวอยากจะโทรศัพท์ไปถามรามัญเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ชายที่เธอเห็นเดินควงไปกับแพรวาที่หน้าผับนั้นใช่ชายหนุ่มหรือเปล่าแต่ก็รู้สึกเกรงใจมากๆ เพราะดึกขนาดนี้มันเป็นเวลาส่วนตัว เธอลังเลแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเก็บความสงสัยไว้กับตัวเองก่อนและคิดว่าพรุ่งนี้จะแกล้งโทรศัพท์ไปชวนเขาคุยและถ้ามีโอกาสก็จะถามเขาเรื่องนี้หญิงสาวรู้ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของชายหนุ่มและจะเสียมารยาทมากถ้าหากไปถามเขาแบบนั้น แต่เธอก็ทนไม่ได้ที่เห็นคนที่ตนเองรักออกไปกับผู้หญิงคนอื่นและผู้หญิงคนนั้นก็เป็นเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกับเธอริณเรณูเคยคิดว่าตนเองกับรามัญมีความแตกต่างระหว่างอายุและเขาคงไม่สนใจจะมองเด็กที่อายุห่างกันสิบกว่าปีอย่างเธอแต่ในเมื่อเขาไปกับเพื่อนเธอได้นั่นก็หมายความว่าเรื่องของอายุไม่ใช่อุปสรรคอะไรเลยหญิงสาวไม่เคยรู้มาก่อนว่ารามัญมีแฟนหรือคบผู้หญิงคนไหนเพราะตลอดระยะเวลาที่รู้จักกับเขาสามปีกว่าชายหนุ่มก็ไม่เคยพูดถึงผู้หญิงคนไหนมันเลยทำให้ริณเรณูรู้สึกดีมากๆ เหมือนกับเขามีแค่เธอคนเดียวแต่เมื่อเห็นเขามีคนอื่นเธอก็รู้สึกใจหายเป็นอย่างมาก ริณเรณูคิดว่าจะเก็บ
เปิดเทอมได้สองเดือนแล้วตอนนี้ริณเรณูปรับตัวกับการเรียนและการใช้ชีวิตในกรุงเทพได้ดีขึ้น หญิงสาวไม่มีปัญหาในเรื่องการเรียนเลยเพราะตอนเรียนมัธยมเธอก็ตั้งใจเรียนมาตลอดเมื่อมีพื้นฐานแน่นการเรียนต่อก็เป็นเรื่องไม่ยากเลยตอนนี้หญิงสาวมีเพื่อนสนิทอยู่สามคนคือวรัญญาหรือกอหญ้า มาริษาหรือเมย์และการ์ตูนหรือเขมจิราซึ่งคนสุดท้ายนั้นมาจากต่างจังหวัดเหมือนกับริณเรณูทั้งสองจึงสนิทกันมากกว่าเพื่อนที่เหลือ“เย็นนี้การ์ตูนจะไปติวกับพวกเราที่หอของเมย์ไหม” ริณเรณูถามเมื่ออาจารย์ประจำวิชาเดินออกจากห้องไปแล้ว“ไปสิแต่พรุ่งนี้ไปไม่ได้นะ”“ทำไมล่ะการ์ตูนพรุ่งนี้วันศุกร์นะ พวกเราว่าจะติวกันดึกเลยริณว่าจะมานอนค้างที่ห้องเมย์ด้วย”“ก็การ์ตูนต้องไปทำงานพิเศษ”“แต่ช่วงนี้ใกล้สอบแล้วนะ ถ้าไปทำงานจะมีเวลาอ่านหนังสือเหรอ” วรัญญาถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง“ช่วงสิ้นเดือนแบบนี้ลูกค้าเยอะถ้าไม่ไปก็เสียดายเงิน แต่สัปดาห์หน้าคงจะหยุด” เขมจิราทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งเพื่อเป็นรายได้พิเศษระหว่างเรียน ที่เธอทำงานแบบนี้ไม่ใช่เพราะขัดสนแต่เพราะอยากมีเงินไปซื้อของฟุ่มเฟือยมากขึ้นตามอย่างเพื่อนบางคนในห้องเรียน“การ์
เช้าวันต่อมารามัญก็มารับริณเรณูตามที่ได้ตกลงกันไว้ชายหนุ่มเดินเข้ามาในบ้านสวัสดีทักทายคุณย่านารีอย่างคุ้นเคย“ย่าฝากด้วยนะราม หาคอนโดที่มันดูปลอดภัยและอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยให้หนูริณด้วยเรื่องราคาย่าไม่เกี่ยงเลย”“ได้ครับคุณย่า วันนี้ผมคงไปหาข้อมูลแล้วจะรวบรวมมาให้คุณย่าอีกทีนะครับ”“รามไม่ต้องกังวลเรื่องราคานะแพงแค่ไหนย่าก็จ่ายได้”“คุณย่าคะถ้าคอนโดมันแพงมากจริงๆ หนูยอมนั่งรถไปกลับก็ได้ค่ะ”“แต่มันจะไม่สะดวกเอานะลูกย่ามาคิดดูแล้วการที่หนูจะต้องตื่นเช้าไปเรียนและกลับมาบ้านมืดค่ำมันจะทำให้หนูไม่มีเวลาพักผ่อนเลย” “ผมเห็นด้วยกับความคิดของคุณย่านะ ครับมหาวิทยาลัยของริณอยู่ค่อนข้างไกล ถ้าเดินทางไปกลับก็คงจะเหนื่อยมากๆ”“ตอนแรกย่าก็อยากให้เขาขับรถไปเรียนนะ แต่ริณก็บอกว่าขับรถไม่เป็นและไม่ค่อยคุ้นกับถนนกรุงเทพ แต่ย่าว่ายังไงหนูริณต้องฝึกขับรถไว้เอาไว้ช่วงปิดเทอมหนูไปเรียนขับรถนะ”“ถ้าไม่อยากไปเรียนขับรถจะให้อาช่วยสอนก็ได้นะ”“หนูไม่รบกวนอารามขนาดนั้นหรอกค่ะ ตอนนี้หนูยังไม่คิดถึงการขับรถ หนูใจไม่กล้าพอค่ะ ถ้าเป็นมอเตอร์ไซค์ค่อยว่ากัน”“ถ้าหนูไปอยู่คอนโดแล้วหนูจะไปเรียนยังไง ย่าลืมคิดเรื่อง
“ย่าว่าหนูลองโทรไปถามพ่อหนูสิลูก พ่อเขารู้จักคนเยอะน่าจะพอมีใครที่มีคอนโดใกล้ๆ แถวนั้นอยู่บ้าง”“ค่ะคุณย่า”ริณเรณูออกมาโทรศัพท์ไปหาคุณนครินทร์และบอกถึงเรื่องที่ตนเองคุยกับคุณย่านารีให้ท่านทราบ“เดี๋ยวพ่อจะให้คนของพ่อจัดการเรื่องที่ให้นะ”“นานไหมคะกว่าจะรู้เรื่อง”“พ่อไม่แน่ใจเลย อีกสองอาทิตย์ใช่ไหมที่หนูจะต้องไปเรียน”“ค่ะพ่อ”“คุณพ่อค่ะหนูให้อารามช่วยหาด้วยได้ไหมคะ อารามบอกว่าเขาคุ้นเคยกับบริเวณนั้นดี”“นั้นสิพ่อลืมไปเลยว่ารามเขาพักอยู่ใกล้ๆ แถวนั้น แต่หนูลองโทรไปถามเขาก่อนนะว่าเขาว่างหรือเปล่า ช่วงนี้งานเขาค่อนข้างยุ่งเหมือนกัน”“ได้ค่ะคุณพ่อ”เมื่อวางสายจากนครินทร์แล้วหญิงสาวก็โทรไปหารามัญเพื่อบอกข่าวดีว่าตอนนี้คุณย่าและบิดาของเธออนุญาตให้ออกไปอยู่ข้างนอกได้แล้วแม้จะเป็นแค่ช่วงเปิดเทอมก็ตาม“คุณพ่อกับคุณย่าบอกว่าให้หนูออกไปอยู่ข้างนอกได้แล้วค่ะ แต่อยากให้อยู่คอนโดมากกว่า อารามพอจะมีที่ไหนแนะนำบ้างคะ”“มีหลายที่เลยนะ แต่ไม่รู้จะถูกใจหนูหรือเปล่า”“หนูขออยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนะคะ เอาแบบเดินทางสะดวกค่ะ”“แล้วจะไปเรียนยังไง”“รถเมล์หรือรถไฟฟ้าก็ได้ค่ะ”“จะสะดวกเหรอ”“ตอนแรกคุณย่า
การมาอยู่กับครอบครัวใหม่ของบิดานั้นไม่ง่ายสำหรับริณเรณูเลยเพราะหญิงสาวต้องปรับตัวอีกมากแต่ก็ไม่ยากเกินไปเพราะในทุกครั้งที่มีปัญหาหรือรู้สึกอึดอัดจะมีรามัญคอยพูดให้กำลังใจและบางครั้งเขาก็มารับเธอออกไปข้างนอกคุณศิตาที่เหมือนจะยอมรับเธอมาเป็นลูกเลี้ยงได้ แต่พอลับหลังคุณนครินทร์และคุณย่านารีเธอก็มักจะพูดกระแนะกระแหนและเปรียบเทียบริณเรณูกับลูกสาวของตนเองอยู่เสมอ แต่ริณเรณูก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากถ้าเธอเลี่ยงได้เธอก็เลี่ยงที่จะเจอหญิงสาวคิดว่าถ้าเปิดเทอมตนเองจะขออนุญาตคุณย่านารีไปอยู่ที่หอพักเพราะน่าจะสะดวกมากกว่าการอยู่ที่บ้าน อีกทั้งระยะทางจากบ้านของเธอไปมหาวิทยาลัยก็ค่อนข้างไกล เธอไม่ค่อยชินกับเส้นทางในกรุงเทพถ้าหากจะต้องนั่งรถเมล์ไปเองในทุกๆ เช้าก็คงจะเหนื่อยจนเกินไป ส่วนรวิตากับเธอไม่ค่อยได้พูดคุยกันเท่าไหร่เพราะหญิงสาวมักจะออกไปเที่ยวนอกบ้านกับเพื่อนเสมอคนที่เธอพูดคุยด้วยมากที่สุดก็จะมีคุณย่านารีกับมาวินน้องชายที่ดูเหมือนจะสนิทกับเธอมากกว่าพี่สาวแท้ๆ ของตนเองตอนนี้เหลือเวลาอีกประมาณสองสัปดาห์ก็จะถึงวันเปิดเทอมวันนี้คุณย่านารีเลยเรียกหลานสาวทั้งสองคนเขามาคุยในห้องเพราะอยากจะมอบของรางว