เมื่อวางสายจากรามัญแล้วริณเรณูก็ทำงานบ้านแต่ก็คอยมองโทรศัพท์อยู่ตลอดเพราะกลัวว่าถ้าบิดาโทรศัพท์มาแล้วตัวเองจะไม่ได้ยินเสียง
เธอทำความสะอาดและทานอาหารเย็นเรียบร้อยก็เข้าห้องนอนและนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบปลายภาค ขณะกำลังทำแบบฝึกหัดวิชาคณิตศาสตร์อยู่นั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เด็กสาวเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์ที่เธอไม่ได้บันทึกไว้ก็ยิ้มด้วยความยินดีเพราะเดาจะเป็นเบอร์ของบิดาอย่างแน่นอน
ริณเรณูกดรับสายพร้อมกับกดปุ่มบันทึกเสียงสนทนาทันที
“สวัสดีค่ะ” เด็กสาวทักทายด้วยเสียงที่สดใส แต่อีกฝ่ายยังไม่ได้พูดอะไรแล้วเธอก็ได้ยินเสียงคนสองคนคุยกันเสียก่อน
“คุณใหญ่คุณทำแบบนี้กับศิตาได้ยังไง” เสียงเกรี้ยวกราดของผู้หญิงคนหนึ่งดังแทรกเข้ามา
“ผมทำอะไรให้คุณเหรอศิตา”
“คุณแอบทำอะไรลับหลังศิตาอย่าคิดว่าศิตาไม่รู้นะคะ”
“คุณพูดเรื่องอะไรของคุณผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” นครินทร์รีบปฏิเสธแต่ก็รู้สึกเสียวสันหลังเพราะกลัวว่าภรรยาจะรู้เรื่องที่ริณเรณูมาหาเขา
“เลขาของคุณบอกฉันว่ามีเด็กคนหนึ่งชื่อริณเรณูมาหาคุณที่บริษัท”
“อ๋อ เรื่องนี้เลขาผมก็บอกแล้วเหมือนกันแต่ผมไม่ได้เจอเด็กคนนั้นหรอกนะคุณมีอะไรหรือเปล่า คุณรู้จักเด็กคนนั้นเหรอศิตา” นครินทร์ถามด้วยสีหน้าเรียบเฉยเขาต้องทำตัวนิ่งให้มากที่สุดเพราะถ้าหากเขาลนลานหรือมีพิรุธแม้แต่นิดเดียวภรรยาของจะต้องรู้เรื่องที่เอาแอบมีลูกไว้แน่นอน
“ฉันไม่รู้จักเด็กคนนั้นหรอกค่ะ แต่ชื่อของเด็กคนนั้นมันแปลกมาก”
“แปลกยังไง”
“ก็มันเหมือนชื่อคุณกับบวกกับชื่อของเมียเก่าคุณยังไงล่ะ”
“เมียเก่าเหรอ” เขาแกล้งขมวดคิ้วเหมือนจำไม่ได้
“อย่าบอกนะว่าคุณลืมผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว”
“ผู้หญิงคนไหน”
“เรื่องผู้หญิงที่คุณเคยแต่งงานด้วยเมื่อสิบเจ็ด ปีก่อนยังไงล่ะ”
“เรื่องมันนานขนาดนั้นแล้วผมก็ลืมไปบ้างสิ ผมงานเยอะจะตายจะให้จำเรื่องที่ผ่านมานานแบบนั้นได้ยังไง ว่าแต่จู่ๆ คุณจะพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทำไมล่ะศิตา”
“ฉันคิดว่าเด็กคนนั้นน่าจะเป็นลูกของคุณกับเรณู”
“คุณคิดแบบนั้นได้ยังไงกัน คุณก็เห็นเหมือนผมไม่ใช่เหรอว่าเรณูแต่งงานไปแล้ว”
“ใช่ค่ะฉันเห็นว่าเรณูแต่งงานใหม่กับผู้ชายคนอื่นไปแล้วเพราะมีคนส่งรูปมาให้คุณที่บริษัท”
“ผมว่าเรื่องเด็กคนคนเมื่อวานไม่เกี่ยวกับผมเลยนะ”
“แต่ฉันก็ยังไม่วางใจอยู่ดีบางทีคุณอาจจะกลับไปติดต่อกับเธออีกก็ได้”
“ผมจะทำแบบนั้นได้ยังไง คุณลองคิดดูนะถ้าเด็กนั่นเป็นลูกของผมจริงๆ แล้วตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทำไมเธอไม่ติดต่อผมมาเลยล่ะ ผมมีคนรู้จักเยอะและมีชื่อเสียงฝ่ายนั้นก็น่าจะต้องรีบพาลูกมาแสดงตัวสิไม่ใช่เงียบหายไปแบบนี้”
“นั่นสิคะคุณมีชื่อเสียงคุณมีเงินทองถ้าเรณูท้องกับคุณจริงป่านเธอก็คงอุ้มลูกมาหาคุณตั้งนานแล้ว ยิ่งคนบ้านนอกแบบนั้นก็คงจะหวังรวยทางลัด ว่าแต่คุณเถอะไม่ได้แอบติดต่อกับแม่นั่นอีกนะ”
“โธ่ศิตาคุณมั่นใจในตัวเองหน่อยสิ คุณทั้งสวยทั้งมีการศึกษาดูเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วแล้วผมจะกลับไปหาผู้หญิงบ้านนอกแบบนั้นได้ยังไง”
“มันก็ไม่แน่หรอกนะคะบางทีคนเราก็ชอบความแปลกใหม่”
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกที่ผมแต่งงานกับเธอเพราะชอบความแปลกใหม่ ชอบความใสซื่อแต่ผู้หญิงแบบนั้นจะมาเคียงคู่กับผมในสังคมได้ยังไง มีแต่คุณเท่านั้นแหละศิตาที่เป็นผู้หญิงที่เหมาะสมกับผมมากที่สุด ผมไปอยู่บ้านนอกมีผู้หญิงสวยๆ มาสนิทสนมด้วยมันก็ต้องมีเผลอกันบ้าง”
“แต่คุณก็แต่งงานกับเธอนะ ถ้าแค่เผลอจะแต่งงานทำไม”
“แล้วผมได้พาใครที่กรุงเทพไปร่วมงานแต่งงานของเธอไหมล่ะ พ่อกับแม่ผมยังไปเลย มันก็เป็นการแต่งงานเล็กๆ เพื่อให้เธอตายใจพอผมย้ายกลับมากรุงเทพทุกอย่างมันก็จบแล้ว”
“แต่ฉันเห็นว่าคุณยังพยายามติดต่อเธออยู่”
“มันก็แค่การพยายามติดต่อแต่ผมก็ไม่ได้ติดต่อเธอไปจริงๆ นี่สำหรับผมจบก็คือจบผู้หญิงสวยหวานมันอาจจะทำให้เราหลงรักได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่ถ้าอยู่ด้วยทุกวันผมคงเบื่อแย่ เธอต่างจากคุณมากเลยนะศิตาคุณทั้งสวยทั้งมีเสน่ห์ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนคุณก็ยังสวยและเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมรัก”
“คุณพูดเพื่อแกล้งเอาใจฉันใช่ไหม”
“ถ้าผมจะพูดเพื่อเอาใจคุณจริงๆ ผมจะใช้ชีวิตอยู่กับคุณมานานขนาดนี้เหรอศิตาอย่าคิดมากไปเลย เรื่องผู้หญิงบ้านนอกคนนั้นไม่เคยอยู่ในหัวของผมเลยนะ”
“แล้วถ้าหากตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นเธอเลิกกับผัวแล้วกลับมาหาคุณล่ะ”
“ผมไม่กลับไปกินน้ำพริกถ้วยเก่า”
“ฉันขอถามคุณหน่อยสิถ้าตอนนั้นคุณมีสิทธิ์เลือกระหว่างฉันกับผู้หญิงบ้านนอกคนนั้นคุณจะเลือกใคร”
“ยังต้องให้ผมตอบคำถามนั้นอีกเหรอ ผมก็ต้องเลือกคุณอยู่แล้วคุณสวยมีการศึกษามีเสน่ห์ดูยังไงก็ไม่เบื่อ”
“ขอบคุณนะคะที่เลือกศิตาแต่ถ้าครั้งหน้าเด็กคนนั้นมาขอเจอคุณอีกคุณต้องรีบบอกฉันนะคะ ฉันอยากรู้ว่าเธอเป็นใคร”
“คุณก็สั่งประชาสัมพันธ์ไว้สิว่าถ้าเด็กคนนั้นมาตามหาผมก็ให้พามาเจอคุณก่อนก็ได้ผมบริสุทธิ์ใจอยู่แล้ว”
“ต่อไปถ้ามีใครมาขอพบคุณฉันจะให้ประชาสัมพันธ์แจ้งฉันก่อนได้ไหม”
“ได้สิ แต่ต้องดูด้วยนะว่าใช่ลูกค้าหรือเป็นคนที่มาติดต่อเรื่องงานหรือว่าแต่วันนี้ไปช้อปปิ้งมาเป็นยังไงบ้าง”
“ก็สนุกดีค่ะฉันกับลูกซื้อเสื้อผ้าเตรียมไปเที่ยวยุโรปด้วยกันว่าแต่คุณจะไม่ไปยุโรปกับเราจริงๆ เหรอคะ”
“ไม่หรอกผมอยากให้คุณกับลูกได้เที่ยวกันอย่างสนุกเต็มที่ถ้าผมไปก็กลัวว่าจะทำให้พวกคุณหมดสนุกเพราะคงไปได้ไม่นาน คุณกับลูกเตรียมตัวไปช้อปปิ้งด้วยนะงานนี้ผมเปย์ไม่อั้นเลย”
ริณเรณูบันทึกเสียงสนทนาไว้เพียงแค่นี้เพราะเรื่องที่ทั้งสองคนคุยกันต่อนั้นมันไม่เกี่ยวกับเธออีกต่อไป เด็กสาวน้ำตาไหลอาบแก้มระหว่างที่ฟังบิดาของเธอพูดถึงมารดา
ริณเรณูผิดหวังเสียใจและโกรธอย่างที่สุด คำพูดเหล่านั้นมันไม่น่าจะออกมาจากปากคนที่มารดาของเธอรักจนสุดหัวใจเลยสักนิด
ถ้ามารดารู้ว่าตนเองถูกพูดถึงแบบนี้ก็คงเสียใจและผิดหวังมากกว่าเธออีกหลายเท่า ริณเรณูคิดว่ามันก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกันที่เธอได้รู้ธาตุแท้ของผู้เป็นบิดาและจากนี้เธอจะไม่เรียกเขาว่าพ่ออีกต่อไป ส่วนเรื่องที่เขาจะมาเยี่ยมมารดาของเธอหรือเปล่านั้นเธอคิดว่าคงเป็นไปได้ยากมากและถ้าเขามาจริงๆ เธอคงปล่อยให้เขาเยี่ยมมารดาตามลำพังเพราะเธอไม่อาจจะทนมองหน้าเขาได้อย่างแน่นอนคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของเขาแต่ละคำทำให้เกิดความรู้สึกเกลียดชังขึ้นในใจ
ริณเรณูนั่งมองโทรศัพท์อยู่นานเพราะอยากให้โอกาสเขาโทรกลับมาแก้ตัวว่าที่พูดออกไปเพราะไม่อยากมีปัญหากับภรรยา แต่เขาก็ไม่โทรกลับมาเลย เด็กสาวอดคิดไม่ได้ว่าเรื่องที่เขาพูดกับผู้หญิงที่ศิตานั้นคือเรื่องจริงและที่เขาโทรศัพท์มาหาวันนี้ก็คงเพราะอยากจะบอกให้เธอเลิกยุ่งกับเขา
ตอนนี้ริณเรณูสับสนมากเธอไม่รู้ว่าอะไรคือเรื่องจริงกันแน่เพราะรามัญบอกว่าบิดาดีใจที่รู้ว่าคือไปหาและยินดีจะมาเยี่ยมซึ่งมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของคุณนครินทร์
“ไม่ค่ะ”“ทำไมล่ะ ไหนบอกมีคนมาจีบเยอะ” รามัญแอบยิ้มเมื่อรู้ว่าหญิงสาวยังไม่คบกับผู้ชายคนไหน“ก็หนูยังไม่เจอคนที่ถูกใจค่ะ อีกอย่างตอนนี้หนูก็กำลังปรับตัว เลยคิดว่าจะตั้งใจเรียนไปก่อนส่วนเรื่องแฟนค่อยว่ากันอีกที”“เพื่อนกลุ่มหนูมีแฟนกันหรือยังล่ะ”“มีแฟนแล้วสองคนยังโสดสองคนค่ะ แต่เพื่อนในห้องหนูก็มีแฟนกันเยอะเลยนะคะอารามบางคนก็มีแฟนเป็นรุ่นพี่ต่างคณะค่ะบางคนก็มีแฟนที่ทำงานแล้ว”“แล้วผู้ชายที่มาจีบหนูเขาอยู่คณะอะไร”“ก็มีหลายคณะค่ะ มีเดือนคณะวิศวะด้วยนะคะ”“แสดงว่าต้องหล่อมากๆ เลยสิ”“ใช่ค่ะหล่อมากสาวๆ กรี๊ดเต็มเลยแต่หนูไม่ชอบคนที่เป็นจุดเด่นแบบนั้นหรอกค่ะเพราะหนูก็ไม่อยากผู้หญิงคนอื่นมองแฟนหนูหรอกค่ะ”“แสดงว่าถ้ามีแฟนนี่ต้องขี้หึงมากๆ เลยใช่ไหม”“หนูเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะเพราะยังไม่เคยมีแฟนสักทีอารามคิดว่าอายุอย่างหนูมีแฟนได้ไหม”“ได้สิ จริงๆ แล้วจะมีแฟนตอนอายุเท่าไหร่ก็ไม่มีใครกำหนดไว้หรอกนะ ถ้าการมีแฟนแล้วไม่ทำให้เราเสียการเรียน”“อารามมีแฟนตอนอายุเท่าไหร่คะ”“อามีแฟนคนแรกตั้งแต่เรียนมัธยมแล้วล่ะ”“แล้วตอนนี้ยังคบกับแฟนคนแรกอยู่ไหม”“เลิกไปนานแล้วล่ะ ป่านนี้เขาคงแต่งงานมีครอบครัวไปแล
ริณเรณูมองนาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์ที่แสดงเวลาตีสองครึ่ง หญิงสาวอยากจะโทรศัพท์ไปถามรามัญเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ชายที่เธอเห็นเดินควงไปกับแพรวาที่หน้าผับนั้นใช่ชายหนุ่มหรือเปล่าแต่ก็รู้สึกเกรงใจมากๆ เพราะดึกขนาดนี้มันเป็นเวลาส่วนตัว เธอลังเลแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเก็บความสงสัยไว้กับตัวเองก่อนและคิดว่าพรุ่งนี้จะแกล้งโทรศัพท์ไปชวนเขาคุยและถ้ามีโอกาสก็จะถามเขาเรื่องนี้หญิงสาวรู้ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของชายหนุ่มและจะเสียมารยาทมากถ้าหากไปถามเขาแบบนั้น แต่เธอก็ทนไม่ได้ที่เห็นคนที่ตนเองรักออกไปกับผู้หญิงคนอื่นและผู้หญิงคนนั้นก็เป็นเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกับเธอริณเรณูเคยคิดว่าตนเองกับรามัญมีความแตกต่างระหว่างอายุและเขาคงไม่สนใจจะมองเด็กที่อายุห่างกันสิบกว่าปีอย่างเธอแต่ในเมื่อเขาไปกับเพื่อนเธอได้นั่นก็หมายความว่าเรื่องของอายุไม่ใช่อุปสรรคอะไรเลยหญิงสาวไม่เคยรู้มาก่อนว่ารามัญมีแฟนหรือคบผู้หญิงคนไหนเพราะตลอดระยะเวลาที่รู้จักกับเขาสามปีกว่าชายหนุ่มก็ไม่เคยพูดถึงผู้หญิงคนไหนมันเลยทำให้ริณเรณูรู้สึกดีมากๆ เหมือนกับเขามีแค่เธอคนเดียวแต่เมื่อเห็นเขามีคนอื่นเธอก็รู้สึกใจหายเป็นอย่างมาก ริณเรณูคิดว่าจะเก็บ
เปิดเทอมได้สองเดือนแล้วตอนนี้ริณเรณูปรับตัวกับการเรียนและการใช้ชีวิตในกรุงเทพได้ดีขึ้น หญิงสาวไม่มีปัญหาในเรื่องการเรียนเลยเพราะตอนเรียนมัธยมเธอก็ตั้งใจเรียนมาตลอดเมื่อมีพื้นฐานแน่นการเรียนต่อก็เป็นเรื่องไม่ยากเลยตอนนี้หญิงสาวมีเพื่อนสนิทอยู่สามคนคือวรัญญาหรือกอหญ้า มาริษาหรือเมย์และการ์ตูนหรือเขมจิราซึ่งคนสุดท้ายนั้นมาจากต่างจังหวัดเหมือนกับริณเรณูทั้งสองจึงสนิทกันมากกว่าเพื่อนที่เหลือ“เย็นนี้การ์ตูนจะไปติวกับพวกเราที่หอของเมย์ไหม” ริณเรณูถามเมื่ออาจารย์ประจำวิชาเดินออกจากห้องไปแล้ว“ไปสิแต่พรุ่งนี้ไปไม่ได้นะ”“ทำไมล่ะการ์ตูนพรุ่งนี้วันศุกร์นะ พวกเราว่าจะติวกันดึกเลยริณว่าจะมานอนค้างที่ห้องเมย์ด้วย”“ก็การ์ตูนต้องไปทำงานพิเศษ”“แต่ช่วงนี้ใกล้สอบแล้วนะ ถ้าไปทำงานจะมีเวลาอ่านหนังสือเหรอ” วรัญญาถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง“ช่วงสิ้นเดือนแบบนี้ลูกค้าเยอะถ้าไม่ไปก็เสียดายเงิน แต่สัปดาห์หน้าคงจะหยุด” เขมจิราทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งเพื่อเป็นรายได้พิเศษระหว่างเรียน ที่เธอทำงานแบบนี้ไม่ใช่เพราะขัดสนแต่เพราะอยากมีเงินไปซื้อของฟุ่มเฟือยมากขึ้นตามอย่างเพื่อนบางคนในห้องเรียน“การ์
เช้าวันต่อมารามัญก็มารับริณเรณูตามที่ได้ตกลงกันไว้ชายหนุ่มเดินเข้ามาในบ้านสวัสดีทักทายคุณย่านารีอย่างคุ้นเคย“ย่าฝากด้วยนะราม หาคอนโดที่มันดูปลอดภัยและอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยให้หนูริณด้วยเรื่องราคาย่าไม่เกี่ยงเลย”“ได้ครับคุณย่า วันนี้ผมคงไปหาข้อมูลแล้วจะรวบรวมมาให้คุณย่าอีกทีนะครับ”“รามไม่ต้องกังวลเรื่องราคานะแพงแค่ไหนย่าก็จ่ายได้”“คุณย่าคะถ้าคอนโดมันแพงมากจริงๆ หนูยอมนั่งรถไปกลับก็ได้ค่ะ”“แต่มันจะไม่สะดวกเอานะลูกย่ามาคิดดูแล้วการที่หนูจะต้องตื่นเช้าไปเรียนและกลับมาบ้านมืดค่ำมันจะทำให้หนูไม่มีเวลาพักผ่อนเลย” “ผมเห็นด้วยกับความคิดของคุณย่านะ ครับมหาวิทยาลัยของริณอยู่ค่อนข้างไกล ถ้าเดินทางไปกลับก็คงจะเหนื่อยมากๆ”“ตอนแรกย่าก็อยากให้เขาขับรถไปเรียนนะ แต่ริณก็บอกว่าขับรถไม่เป็นและไม่ค่อยคุ้นกับถนนกรุงเทพ แต่ย่าว่ายังไงหนูริณต้องฝึกขับรถไว้เอาไว้ช่วงปิดเทอมหนูไปเรียนขับรถนะ”“ถ้าไม่อยากไปเรียนขับรถจะให้อาช่วยสอนก็ได้นะ”“หนูไม่รบกวนอารามขนาดนั้นหรอกค่ะ ตอนนี้หนูยังไม่คิดถึงการขับรถ หนูใจไม่กล้าพอค่ะ ถ้าเป็นมอเตอร์ไซค์ค่อยว่ากัน”“ถ้าหนูไปอยู่คอนโดแล้วหนูจะไปเรียนยังไง ย่าลืมคิดเรื่อง
“ย่าว่าหนูลองโทรไปถามพ่อหนูสิลูก พ่อเขารู้จักคนเยอะน่าจะพอมีใครที่มีคอนโดใกล้ๆ แถวนั้นอยู่บ้าง”“ค่ะคุณย่า”ริณเรณูออกมาโทรศัพท์ไปหาคุณนครินทร์และบอกถึงเรื่องที่ตนเองคุยกับคุณย่านารีให้ท่านทราบ“เดี๋ยวพ่อจะให้คนของพ่อจัดการเรื่องที่ให้นะ”“นานไหมคะกว่าจะรู้เรื่อง”“พ่อไม่แน่ใจเลย อีกสองอาทิตย์ใช่ไหมที่หนูจะต้องไปเรียน”“ค่ะพ่อ”“คุณพ่อค่ะหนูให้อารามช่วยหาด้วยได้ไหมคะ อารามบอกว่าเขาคุ้นเคยกับบริเวณนั้นดี”“นั้นสิพ่อลืมไปเลยว่ารามเขาพักอยู่ใกล้ๆ แถวนั้น แต่หนูลองโทรไปถามเขาก่อนนะว่าเขาว่างหรือเปล่า ช่วงนี้งานเขาค่อนข้างยุ่งเหมือนกัน”“ได้ค่ะคุณพ่อ”เมื่อวางสายจากนครินทร์แล้วหญิงสาวก็โทรไปหารามัญเพื่อบอกข่าวดีว่าตอนนี้คุณย่าและบิดาของเธออนุญาตให้ออกไปอยู่ข้างนอกได้แล้วแม้จะเป็นแค่ช่วงเปิดเทอมก็ตาม“คุณพ่อกับคุณย่าบอกว่าให้หนูออกไปอยู่ข้างนอกได้แล้วค่ะ แต่อยากให้อยู่คอนโดมากกว่า อารามพอจะมีที่ไหนแนะนำบ้างคะ”“มีหลายที่เลยนะ แต่ไม่รู้จะถูกใจหนูหรือเปล่า”“หนูขออยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนะคะ เอาแบบเดินทางสะดวกค่ะ”“แล้วจะไปเรียนยังไง”“รถเมล์หรือรถไฟฟ้าก็ได้ค่ะ”“จะสะดวกเหรอ”“ตอนแรกคุณย่า
การมาอยู่กับครอบครัวใหม่ของบิดานั้นไม่ง่ายสำหรับริณเรณูเลยเพราะหญิงสาวต้องปรับตัวอีกมากแต่ก็ไม่ยากเกินไปเพราะในทุกครั้งที่มีปัญหาหรือรู้สึกอึดอัดจะมีรามัญคอยพูดให้กำลังใจและบางครั้งเขาก็มารับเธอออกไปข้างนอกคุณศิตาที่เหมือนจะยอมรับเธอมาเป็นลูกเลี้ยงได้ แต่พอลับหลังคุณนครินทร์และคุณย่านารีเธอก็มักจะพูดกระแนะกระแหนและเปรียบเทียบริณเรณูกับลูกสาวของตนเองอยู่เสมอ แต่ริณเรณูก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากถ้าเธอเลี่ยงได้เธอก็เลี่ยงที่จะเจอหญิงสาวคิดว่าถ้าเปิดเทอมตนเองจะขออนุญาตคุณย่านารีไปอยู่ที่หอพักเพราะน่าจะสะดวกมากกว่าการอยู่ที่บ้าน อีกทั้งระยะทางจากบ้านของเธอไปมหาวิทยาลัยก็ค่อนข้างไกล เธอไม่ค่อยชินกับเส้นทางในกรุงเทพถ้าหากจะต้องนั่งรถเมล์ไปเองในทุกๆ เช้าก็คงจะเหนื่อยจนเกินไป ส่วนรวิตากับเธอไม่ค่อยได้พูดคุยกันเท่าไหร่เพราะหญิงสาวมักจะออกไปเที่ยวนอกบ้านกับเพื่อนเสมอคนที่เธอพูดคุยด้วยมากที่สุดก็จะมีคุณย่านารีกับมาวินน้องชายที่ดูเหมือนจะสนิทกับเธอมากกว่าพี่สาวแท้ๆ ของตนเองตอนนี้เหลือเวลาอีกประมาณสองสัปดาห์ก็จะถึงวันเปิดเทอมวันนี้คุณย่านารีเลยเรียกหลานสาวทั้งสองคนเขามาคุยในห้องเพราะอยากจะมอบของรางว