เมื่อออกจากวังหลวงมาแล้ว โจวหว่านหรูก็พบกับโจวอวี้หานและเย่หยวนที่กำลังยืนรอนางอยู่หน้าประตูวังหลวงพร้อมกับรถม้าของจวนตระกูลโจว โจวหว่านหรูยิ้มออกมาเล็กน้อย รู้สึกอบอุ่นหัวใจเป็นอย่างยิ่ง
ชาตินี้นางจะเก็บเกี่ยวทุกความอบอุ่นและความรักจากท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หนทางข้างหน้าเป็นเช่นไรนางเองยังไม่อาจคาดเดาได้ แต่นางจะพยายามอย่างสุดกำลัง เพื่อปกป้องคนในตระกูลโจวให้ปลอดภัยให้ได้
"น้องเล็ก"
โจวอวี้หานที่เห็นว่าน้องสาวของตนออกมาแล้วก็ดีใจไม่น้อย ช่วงเวลาที่โจวหว่านหรูไม่อยู่ที่จวนนั้น ภายในจวนดูเงียบเหงาไม่น้อยเลย
"พี่ใหญ่"
"ท่านพ่อท่านแม่ให้พี่มารอรับเจ้า อีกทั้งยังมอบตั๋วเงินมาไม่น้อยเลย ท่านพ่อบอกว่าอยู่ในวังหลวงหลายวันเจ้าคงจะเบื่อเป็นแน่ จึงอยากให้เจ้าได้ผ่อนคลาย"
โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มตาหยี ก่อนจะเอ่ย
"เช่นนั้น พี่ใหญ่พาข้าไปเดินเล่นที่ตลาดทีเถิด ข้าอยากจะผ่อนคลายเสียหน่อย"
"ได้สิ เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันเถิด"
"เจ้าค่ะ"
โจวหว่านหรูก้าวเดินเข้ามาในรถม้า โจวอวี้หานตามน้องสาวเข้าไปนั่งในรถม้าด้วย ก่อนจะเร่งเดินทางไปที่ตลาดทันที
เมื่อมาถึงตลาด โจวหว่านหรูก็มองไปโดยรอบด้วยความตื่นเต้น ชาติที่แล้วนางรีบเร่งแต่งงานเกินไป ทำให้ไม่ได้มองเห็นความสนุกสนานเช่นนี้เท่าใดนัก โจวอวี้หานเห็นน้องสาวตนที่แววตาเป็นประกายยามที่ได้ออกมาเที่ยวเล่น ก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ โจวหว่านหรูเดินชมร้านนั้นซื้อของร้านนี้จนรู้สึกเหนื่อยล้าไม่น้อย นางจึงชวนโจวอวี้หานกลับจวน โจวอวี้หานเองก็ไม่คิดขัดใจน้องสาวของตน สองพี่น้องจึงกลับจวนมาพร้อมกับของกินและของเล่นมากมาย
เมื่อกลับมาถึงจวน โจวหว่านหรูก็รีบโผเข้าไปกอดบิดาและมารดาของตนทันที แม่ทัพใหญ่โจวที่ได้เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ขบขัน
"อันใดกัน ออกจวนไปเพียงไม่กี่วันก็กลายเป็นเด็กขี้อ้อนเสียแล้ว"
"ท่านพ่อ อยู่ในวังน่าเบื่อมากเลยนะเจ้าคะ ข้าน่ะนับวันรอกลับเข้าจวนจะแย่แล้ว"
โจวหว่านหรูเอ่ยพลางหยิบขนมเปี๊ยะขึ้นมากัดกินชิ้นหนึ่ง แม่ทัพใหญ่โจวมองบุตรสาวของตนด้วยแววตาที่เอ็นดู ก่อนจะเอ่ยถามอีกครา
"อืม ได้ยินว่าเจ้าได้รับคัดเลือกเป็นสหายเล่าเรียนขององค์หญิงแล้ว เจ้าเก่งมาก จำไว้ว่าจะต้องตั้งใจทำให้ดีเล่า"
"เจ้าค่ะท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าง่วงแล้ว อยากนอนพักเหลือเกิน"
โจวหว่านหรูหันไปยิ้มให้มารดาของตนคราหนึ่ง โจวฮูหยินที่ได้ยินเช่นนั้นก็มองบุตรสาวตนด้วยความเอ็นดูก่อนจะเอ่ย
"เช่นนั้นก็ไปพักเถิด อย่าลืมตื่นมาก่อนเวลาอาหารเย็นด้วยเล่า"
"เจ้าค่ะ"
โจวหว่านหรูรีบกลับมาอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ในทันที ก่อนจะทิ้งกายลงนอน เมื่อเข้าสู่ห้วงนิทรา นางก็ฝันถึงเรื่องราวในชาติก่อน
ร้อนเหลือเกิน ข้าร้อนเหลือเกิน!!!
"ร้อน!!!"
โจวหว่านหรูดีดกายลุกขึ้นมานั่งบนเตียง ใบหน้างามมีเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นมาจนเต็มใบหน้า เย่หยวนที่ได้ยินเสียงของเจ้านายตนจึงรีบวิ่งเข้ามาหาทันที
"คุณหนู เป็นอันใดเจ้าคะ เหตุใดเจ้าจึงเหงื่อออกเช่นนี้ รอสักครู่บ่าวจะนำผ้ามาเช็ดใบหน้าให้ท่าน"
"ไม่ต้อง เทชาส่งมาให้ข้าสักถ้วยก็พอ ข้าเพียงฝันร้ายเท่านั้น"
"เจ้าค่ะ"
โจวหว่านหรูยกมือขึ้นจับหน้าผากของตนคราหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมา
ตั้งแต่ที่นางย้อนเวลากลับมา นางมักจะฝันเห็นเหตุการณ์เดิมในชาติก่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงผู้คนกรีดร้อง ภาพกองเพลิงที่โหมไหม้นางไปพร้อมกับตำหนักบูรพา
เรื่องราวเหล่านั้นมันส่งผลกระทบต่อจิตใจของนางไม่น้อยเลย
ไม่นานนักเย่หยวนก็นำชาร้อนมาให้นาง โจวหว่านหรูยกมันขึ้นมาดื่มจนหมดถ้วย ก่อนจะไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ ก่อนจะพยายามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ มันก็เพียงแค่ฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนนางเท่านั้น
เมื่อเดินมาที่เรือนใหญ่ นางก็ได้ยินเสียงพูดคุยสนทนากันอย่างสนิทสนม โจวหว่านหรูยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน
"น้องเล็กเจ้ามาแล้วหรือ?"
โจวอวี้หานที่เห็นว่าโจวหว่านหรูมาถึงแล้วก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม โจวหว่านหรูพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มให้เฉินป๋อเหวินที่นั่งอยู่ข้างกายโจวอวี้หาน
"ป๋อเหวิน เจ้ามาตั้งแต่เมื่อใดกัน"
"สักพักแล้ว ได้ยินว่าเจ้านอนอยู่ ข้าจึงไม่ได้ให้คนไปปลุกเจ้า ข้ารอได้"
โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย พลางทิ้งกายลงนั่งบนเก้าอี้ เฉินป๋อเหวินที่เห็นว่าโจวหว่านหรูมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก จึงเอ่ยถามด้วยความห่วงใย
"หวานหว่าน เจ้าไม่สบายหรือ เหตุใดหน้าจึงดูซีดเผือดเช่นนี้เล่า"
เมื่อทุกคนได้ยินที่เฉินป๋อเหวินเอ่ยก็รีบหันมามองนางทันที แม่ทัพใหญ่โจวจึงเอ่ยถามบุตรสาวด้วยความห่วงใย
"นั่นสิ หน้าเจ้าดูซีด ๆ นะ"
โจวหว่านหรูยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบ
"ไม่เป็นอันใดหรอกเจ้าค่ะ คงเพราะนอนมากไปแล้วก็หิวมาก"
เฉินป๋อเหวินที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มเต็มใบหน้า ก่อนจะพยักหน้าให้คนนำกล่องอาหารมาวางตรงหน้าโจวหว่านหรู โจวหว่านหรูจ้องมองกล่องอาหารตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยถามเฉินป๋อเหวิน
"นี่คือสิ่งใดกัน?"
"ข้ามีอาหารและขนมอร่อย ๆ มาให้เจ้าได้ลองชิม วันนี้ทำมาหลายชุดเลย ข้าแบ่งให้ท่านลุงท่านป้าและพี่ใหญ่ของเจ้าแล้ว ส่วนอันนี้ของเจ้า"
"ขอบใจเจ้ามากนะ"
"รีบเปิดดูเถิด"
โจวหว่านหรูพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเปิดกล่องอาหารออกดู ดวงตาของนางพลันเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย
นี่มันคือรากบัวยัดไส้ข้าวเหนียวผสมดอกกุ้ยฮวาและขนมดอกบัวของโปรดที่นางชอบนี่นา
โจวหว่านหรูหยิบตะเกียบขึ้นมา ก่อนจะคีบรากบัวยัดไส้ข้าวเหนียวผสมดอกกุ้ยฮวาขึ้นมากัดกินคราหนึ่ง นางจำได้ว่าอาหารเหล่านี้เป็นอาหารจากภัตตาคารที่บิดาของเฉินป๋อเหวินเป็นเจ้าของ อาหารที่นั่นนับว่ารสชาติยอดเยี่ยมเลย รากบัวยัดไส้อร่อยมาก ส่วนขนมดอกบัวก็กรอบหวานรสชาติละมุนลิ้นจนนางหยุดกินไม่ได้ ไม่นานนักอาหารตรงหน้าก็ลงไปอยู่ในท้องของโจวหว่านหรูจนหมด
"อิ่มมาก"
เฉินป๋อเหวินยิ้มเต็มใบหน้า เขาดีใจที่นางชอบ
"หวานหว่าน ได้ยินว่าเจ้าได้รับเลือกเป็นสหายเล่าเรียนขององค์หญิงรองแล้ว ข้าดีใจด้วยนะ"
"อืม"
เฉินป๋อเหวินจ้องมองโจวหว่านหรูด้วยแววตาที่อ่อนโยน ทุกการกระทำของนางเขาชื่นชอบทุกอย่าง ความรู้สึกในใจนี้เขาได้เพียงเก็บเอาไว้ในใจไม่ได้เอ่ยให้นางรู้
เพราะเขาไม่อยากสูญเสียนางไป
ขอเพียงนางมีความสุขเขาก็ดีใจแล้ว
อาหารมื้อนี้นับว่าเป็นมื้อที่อบอุ่นไม่น้อยเลย โจวหว่านหรูที่ไม่มีสิ่งใดทำ จึงชวนเฉินป๋อเหวินมาแข่งปาลูกดอกกัน เฉินป๋อเหวินอยู่สนทนากับโจวหว่านหรูจนท้องฟ้าเริ่มมืดสนิท เขาจึงขอตัวกลับจวนของตน
ด้านหยางจิ่งนั้น ยามนี้เขากำลังนั่งอ่านตำราอยู่บนโต๊ะ ตั้งแต่ย้อนเวลากลับมาเขาก็ร่ำเรียนทุกอย่างด้วยความตั้งใจ เขาเป็นคนหัวไวเพียงไม่นานก็เรียนรู้ได้ทุกอย่างทั้งบุ๋นและบู๊ แต่ทว่าเขากลับทำเหมือนตนเองไม่ได้เก่งกาจเท่าใดนัก บางคราที่ไม่เข้าเรียนก็มี นั่นเพราะเขาไม่ต้องการให้ศัตรูมองเห็นว่าเขามีการเปลี่ยนแปลงที่แปลกไป
"สืบได้เรื่องใดมาบ้าง?"
หยางจิ่งวางตำราในมือลง ก่อนจะเอ่ยถามหวังซุนที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ด้านหน้าเขา
"ทูลองค์ชาย แม่นางผู้นั้นมีนามว่าไป๋อี๋ซิน เป็นสตรีที่ทำงานอยู่ในหอคณิกา แต่นางไม่ได้รับแขก เพียงออกมาร่ายรำเท่านั้น ได้ยินว่ามีผู้สูงศักดิ์เลี้ยงดูนางอย่างลับ ๆ กระหม่อมพยายามสืบแล้ว แต่กลับไม่พบว่าผู้ใดคือคนที่เลี้ยงดูนางพ่ะย่ะค่ะ"
หยางจิ่งพยักหน้าเล็กน้อย หากเขาเดาไม่ผิด คนที่เลี้ยงดูไป๋อี๋ซินคงจะเป็นหยางเฉิง สองคนนี้มีความสัมพันธ์กันมานานแล้วสินะ
"แล้วมีเรื่องใดอีก?"
"จากการติดตามนางมาหลายวัน กระหม่อมสืบมาได้อีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือนางเชี่ยวชาญการปรุงยาพ่ะย่ะค่ะ"
"เชี่ยวชาญการปรุงยาเช่นนั้นหรือ?"
"พ่ะย่ะค่ะ ได้ยินว่าบิดานางเคยเป็นหมอยาที่มีฝีมือแต่กลับล้มป่วยตายไป ไม่นานมารดาของนางก็ตายตามสามีไป เหลือเพียงนางและน้องชายผู้หนึ่ง อีกทั้งกระหม่อมยังสืบพบว่านอกจากอยู่ที่หอคณิกาแล้ว นางยังมีที่พักอยู่ใกล้ ๆ โรงพนัน ซึ่งมีตรอกเล็ก ๆ ตรอกหนึ่งอยู่ มีผู้คนไม่พลุกพล่านมากนัก กระหม่อมเห็นนางเข้าไปในบ้านเล็ก ๆ หลังหนึ่ง ทั้งยังนำสิ่งของติดไปมากมาย คาดว่าน่าจะนำไปเลี้ยงดูน้องชายพ่ะย่ะค่ะ"
"ติดตามนางต่อไป"
"พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย"
เมื่อหวังซุนออกไปแล้ว หยางจิ่งก็ขมวดคิ้วพลางครุ่นคิด ชาติที่แล้วเพราะเขาเอาแต่หลงมัวเมาในความงามของไป๋อี๋ซิน จึงไม่ได้สนใจสิ่งใดเลย ไป๋อี๋ซินเชี่ยวชาญการปรุงยา เช่นนั้นการตายของเสด็จพ่อ ไป๋อี๋ซินย่อมต้องมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นแน่ หยางเฉิงบอกว่าเป็นคนวางยาเสด็จพ่อเองกับมือ เช่นนั้นหยางเฉิงเริ่มวางยาเสด็จพ่อตั้งแต่เมื่อใด เรื่องนี้เขาต้องเร่งสืบหาความจริงโดยเร่งด่วน สิ่งที่เขาอยากรู้มากที่สุดนั่นก็คือแรงจูงใจใดกันที่ทำให้หยางเฉิงคิดวางยาบิดาแท้ ๆ ของตนได้ลงคอ เขาคิดว่ามันอาจจะมีบางอย่างที่มากกว่าการแย่งชิงบัลลังก์ คนที่หยางเฉิงควรสังหารมากที่สุดควรจะเป็นเขา แต่ทว่าเหตุใดหยางเฉิงจึงพุ่งเป้าไปที่เสด็จพ่อแทนกันเล่า
อย่างไรเสียเรื่องนี้ต้องกระทำการอย่างลับ ๆ เพราะไม่รู้ว่าขันทีและนางกำนัลในวังหลวงยามนี้ ถูกฉินกุ้ยเฟยซื้อตัวไปมากเท่าใดแล้ว
ค่ำคืนนี้ช่างเหน็บหนาวนัก แต่ทว่าภายในตำหนักมังกรสวรรค์แคว้นเยี่ยนนั้นกลับคุกรุ่นไปด้วยไฟแห่งปรารถนาเจียงหมิงเจ๋อและโจวหว่านหรูแต่งงานกันมาร่วมปีแล้ว แต่ทว่ายังคงไม่มีบุตร อาจเพราะได้รับพิษในครานั้น ทำให้การมีบุตรไม่ใช่เรื่องง่ายบนเตียงใหญ่ เจียงหมิงเจ๋อกำลังตระกองกอดร่างบางระหงตรงหน้าอย่างทะนุถนอม ริมฝีปากหนาใหญ่ทาบทับลงไปบนริมฝีปากบางสวยของนางอย่างอ่อนโยน ก่อนจะบดขยี้อย่างเร่าร้อนราวกับคนเอาแต่ใจ ลิ้นอุ่นร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากของนางและเกี่ยวกระหวัดกันอย่างเมามัน ยามนี้ร่างกายของคนทั้งสองเปลือยเปล่า กลิ่นหอมกำยานอ่อน ๆ ยิ่งกระตุ้นกำหนัดให้ลุกโหมมากยิ่งขึ้น เจียงหมิงเจ๋อผละริมฝีปากออกจากนาง แล้วจึงจูบไซ้ไปตามซอกคอขาวเนียน ก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงมาเรื่อย สองมือหนาใหญ่บีบขยำดอกบัวงามทั้งสองข้างของนางอย่างเต็มไม้เต็มมือ พร้อมกับครอบริมฝีปากกลืนกินจุกบัวสีหวานอย่างลำพองใจ โจวหว่านหรูส่งเสียงครางกระเส่าพลางบิดกายเร่า ๆ ไปมาด้วยความเสียวซ่าน กายสาวถูกบุรุษตรงหน้าลูบคลำเชยชมอย่างไม่ยอมลดละ เจียงหมิงเจ๋อสอดแทรกแท่งหยกสวรรค์เข้าไปในกายของนาง ก่อนจะขยับกายอย่างช้า ๆ แล้วเร่
ยามนี้เจียงหมิงเจ๋อและโจวหว่านหรูกำลังเดินเคียงข้างกันไปตามทางเดินเพื่อมุ่งหน้าออกจากวังหลวง ฉับพลันนางก็หันมาเอ่ยถามเขา“เจียงหมิงเจ๋อ ท่านเอ่ยสิ่งใดฝ่าบาทจึงเห็นด้วยง่ายดายเช่นนี้ ข้าคิดว่าจะไม่ทรงเห็นด้วยเสียอีก”เจียงหมิงเจ๋อยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันมามองนางด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ โจวหว่านหรูหนังตากระตุกรู้สึกว่าบุรุษตรงหน้าเริ่มจะออกอาการเจ้าเล่ห์ใส่นางอีกแล้ว“อย่ามองข้าแบบนี้สิ”“ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ข้าเอ่ยเพียงว่า ขอเพียงมีเจ้าข้างกาย และครอบครัวของเจ้าสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย ใต้หล้านี้ข้ายกให้แคว้นเป่ยฉินทั้งหมด ข้าขอมีเพียงแคว้นเยี่ยนและมีเจ้าก็พอ”โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย“ท่านทำได้จริง ๆ หรือ”“ทำได้สิ คนอย่างข้าไม่เคยเอ่ยวาจาโป้ปด”“แต่ท่านเคยแกล้งป่วยนะ”“โจวหว่านหรู เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ ที่ข้าทำเพราะความอยู่รอดเพียงเท่านั้น”โจวหว่านหรูจ้องมองเจียงหมิงเจ๋อด้วยแววตาที่อ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย“หากไม่เชื่อ ข้าคงไม่เลือกท่าน”เจียงหมิงเจ๋อที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มกว้าง โจวหว่านหรูพลันใจเต้นแรงเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเขา“เจ้าจะไม่มีวันเสียใจที่เลือกข้า
โจวหว่านหรูเดินทางกลับมาที่แคว้นเป่ยฉิน หยางจิ่งที่ได้รู้ข่าวว่าโจวหว่านหรูกลับมาถึงแล้ว ก็รีบมาพบนางในทันทีสตรีตรงหน้ายามนี้งดงามเป็นสาวงามสะพรั่งแล้ว โจวหว่านหรูหันมามองหยางจิ่งคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้เขาเล็กน้อยหลายปีที่ไม่ได้พบกัน มันทำให้นางเข้าใจหัวใจตนเองได้อย่างชัดเจนแล้วนางไม่อาจกลับไปรักเขาเฉกเช่นเดิมได้อีก แม้ในใจของนางจะไม่สามารถตัดขาดจากหยางจิ่งได้อย่างสนิทใจ แต่ทว่านางเองก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดชังเขาแล้ว นางไม่ได้รู้สึกว่าเขากำลังติดค้างสิ่งใดกับนางอยู่ บางคราทุกสิ่งที่มันเปลี่ยนไปแล้วย่อมไม่อาจหวนคืนกลับมาได้อีก จะคงไว้เพียงเรื่องราวดี ๆ ในอดีตที่จะให้จดจำแม้จะดูเหมือนสตรีที่เห็นแก่ตัว แต่โจวหว่านหรูคิดเสมอว่าในเมื่อนางมีชีวิตอีกชาติหนึ่งแล้ว นางควรมีสิทธิ์เลือกในสิ่งที่นางต้องการคราก่อนนางยังไม่แน่ใจในหัวใจของตนเองมากเท่าใดนัก แต่เมื่อได้หลับฝันไปตื่นหนึ่ง ได้รู้ความจริงบางอย่าง ใจของนางก็เริ่มชัดเจนขึ้นหยางจิ่งคือรักแรกของนางส่วนเจียงหมิงเจ๋อคือคนที่นางเลือก เพราะไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้เขาคือคนที่ทำเพื่อนางมากที่สุด“หวานหว่าน เจ้ากลับมาแล้ว”หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำ
เช้าวันต่อมา โจวหว่านหรูควบม้ามุ่งหน้าไปยังทิศทางของประตูวังหลวง ระหว่างทางนั้นนางมองเห็นหยางจิ่งที่ยืนมองนางอยู่ที่ด้านหน้าประตู เขาสวมชุดสีขาวทั้งชุด ดูแล้วช่างงดงามสง่าราวกับเทพเซียน นางสั่งให้ม้าหยุด ก่อนจะกระโดดลงจากหลังม้า และเดินตรงเข้ามาหาเขา หยางจิ่งยิ้มให้นางคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"แต่งเป็นบุรุษเช่นนี้นับว่าไม่เลวเลย"โจวหว่านหรูยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"อืม"หยางจิ่งจ้องมองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย พลางเอ่ย"หวานหว่าน เจ้าจะกลับมาเมื่อใด"โจวหว่านหรูจ้องมองหยางจิ่งด้วยแววตาที่อ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย"ยังไม่รู้เหมือนกัน อาจจะหนึ่งปี สามปี หรือห้าปี ข้าอยากจะไปทำตามความฝัน ท่องไปในยุทธภพ"หยางจิ่งจ้องมองนางด้วยแววตาที่ล้ำลึก เขาอยากยื่นมือไปดึงรั้งนางใจจะขาด แต่ทว่าอีกใจก็ไม่อยากทำลายสิ่งที่นางถวิลหา ตั้งแต่ได้รู้ว่านางตั้งใจจะไปท่องเที่ยวทั่วทั้งใต้หล้า เขาก็ตกใจไม่น้อย เดิมทีคิดจะพานางเข้าวัง แต่งนางเป็นชายาเอก แต่ทว่านางกลับปฏิเสธเขาข้ายังไม่คิดจะแต่งงานกับผู้ใดในยามนี้"ข้าจะรอเจ้า ต่อให้รอทั้งชีวิต ข้าก็จะรอ"หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ โจวหว่านห
ที่ตำหนักมังกรสวรรค์แคว้นเยี่ยนยามนี้มีเหล่าทหารกำลังผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าเวรยาม โจวหว่านหรูรีบตรงมาที่แห่งนี้ทันทีที่ได้ทราบเรื่องราวจากหยางจินจินแท้จริงแล้วนางไม่ได้ฝัน เป็นเขาจริง ๆ ที่ช่วยนาง เขาป้อนโลหิตให้นางดิื่มเพื่อระงับพิษไม่ให้ลุกลามไปยังส่วนต่าง ๆ ในร่างกายนาง"ข้าอยากพบเจียงหมิงเจ๋อ"เหล่าทหารที่เฝ้าเวรยามปรายตามองนางคราหนึ่ง แต่ทว่าไม่ได้เอ่ยสิ่งใด โจวหว่านหรูที่กำลังร้อนใจ พลันจ้องมองสตรีนางหนึ่งที่เดินออกมาจากตำหนักมังกรสวรรค์ นางสวมชุดเยี่ยงสตรีสูงศักดิ์ ใบหน้างดงามไม่น้อย นางจ้องมองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เจ้าก็คือโจวหว่านหรูกระมัง"โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง สตรีนางนั้นยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"ข้าคือพระสนมเอกของฝ่าบาท ยามนี้ฝ่าบาทคงกำลังรอพบเจ้าอยู่ เจ้าเข้าไปเถิด"ฟ่านฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินจากไปไม่แม้แต่จะมองนางอีก โจวหว่านหรูไม่รอช้ารีบเข้าไปด้านในทันที เมื่อมาถึงนางก็พบกับเจียงหมิงเจ๋อที่กำลังเอนกายนอนพิงขอบเตียง ใบหน้าหล่อเหลายามนี้ซีดเซียวราวกับคนป่วยไข้ เมื่อรับรู้ได้ว่ามีคนเข้ามา เขาจึงหันไปมองคราหนึ่ง ก่อนที่แววตาจะฉาย
หยางจิ่งนั้นยามนี้กำลังเดินออกมาจากตำหนักเหลียนฉง เมื่อออกมาก็ได้พบกับโจวอวี้หาน เฉินป๋อเหวิน รวมถึงหยางจินจินที่กำลังยืนรออยู่ด้านนอกตำหนัก เขามีท่าทีแปลกใจไม่น้อย ก่อนจะเอ่ย"พวกเจ้ามาได้เช่นไรกัน"โจวอวี้หานยิ้มให้หยางจิ่งเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"ข้าเป็นห่วงน้องเล็กจึงรีบติดตามมาสมทบกับเจ้า เฉินป๋อเหวินและหยางจินจินก็เป็นห่วงนางเช่นกัน จึงขอติดตามข้ามาด้วย"หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เจ้ามาก็ดีแล้ว ข้าอยากให้เจ้าช่วยดูนางสักระยะ ข้ามีเรื่่องต้องไปจัดการ”โจวอวี้หานที่ได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยถามทันที"เรื่องใดหรือ"หยางจิ่งถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"สมุนไพรที่ใช้ถอนพิษไม่เพียงพอ ข้าจำต้องขึ้นเขาไปเก็บมันมา""ข้าไปกับท่านด้วย"หยางจิ่งหันไปจ้องมองเฉินป๋อเหวินคราหนึ่ง ก่อนจะพบว่าในดวงตาของเฉินป๋อเหวินดูเด็ดเดี่ยวและมั่นคงเป็นอย่างยิ่ง ยามนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาหึงหวงอันใดกัน เขาจึงเอ่ยกับเฉินป๋อเหวินด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรมากกว่าเดิม"ทางไปเก็บสมุนไพรอยู่บนเขา ข้าได้ยินว่ามันทั้งหนาวเหน็บและอันตรายไม่น้อย กลับมาแล้วอาจจะไม่ดีต่อสุขภาพ เจ้า...""ต่อให้ต้องตาย