Share

บทที่ 14 หลอกใช้

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-21 15:33:54

ยามนี้เข้าสู่ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิแล้ว ท้องฟ้าจึงค่อนข้างแจ่มใสไม่น้อยเลย เจียงหมิงเจ๋อออกมาเดินเล่นรับลมอยู่ที่ใต้ต้นดอกเหมยไม่ไกลจากที่พักของเขามากนัก เขาปรายตามองเหล่าทหารที่ติดตามอยู่ไม่ห่างด้วยแววตาที่เย็นชา แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นเขาก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ อีกทั้งยังส่งเสียงไอออกมาเป็นระยะ

เหล่าทหารที่ได้เห็นเช่นนั้นก็นึกดูแคลนเจียงหมิงเจ๋อไม่น้อย องค์ชายขี้โรคเช่นนี้ฝ่าบาทจะรับเอาไว้เป็นตัวประกันทำไมกัน ใช้ประโยชน์ใดไม่ได้ อีกไม่นานก็คงจะป่วยตายอยู่ในวังนี้กระมัง

เจียงหมิงเจ๋อมีหรือจะไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นดูแคลนตน แต่เขาจะทำสิ่งใดได้เล่า ทำได้เพียงอดทนเท่านั้น

เขาคร้านจะใส่ใจกับทหารชั้นต่ำเหล่านั้น จึงทำเป็นมองไม่เห็นสายตาที่ดูแคลนของพวกมันเสีย ก่อนจะหันมาเอ่ยถามแม่นมเถียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

"มีข่าวส่งมาหรือไม่แม่นม?"

"ทูลองค์ชาย ยังไม่มีเลยเพคะ"

"คนของเราที่แฝงตัวเข้ามาเล่า"

"ยามนี้ยังไม่กล้ากระทำการสิ่งใดเพคะ เนื่องจากวังหลวงคุ้มกันแน่นหนา คนของเราจะทำสิ่งใดก็ลำบากไม่น้อยเลย"

เจียงหมิงเจ๋อกำมือแน่น หนทางที่เขาจะหนีไปได้มันช่างริบหรี่เหลือเกิน แต่เขาไม่มีทางยอมแพ้เสียหรอก

เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงให้แม่นมช่วยพยุงเขาเดินต่ออีกสักหน่อย ระหว่างนั้นดวงตาของเขาก็สอดส่องและจดจำพื้นที่ทุกแห่งในวังหลวงเอาไว้ได้อย่างขึ้นใจ 

หยางจินจินที่ยามนี้รู้สึกเบื่อไม่น้อยจึงออกมาเดินเล่นรับลม อีกไม่นานนางก็จะต้องศึกษาเล่าเรียนกับอาจารย์ที่เสด็จพ่อทรงหามาให้พร้อมกับสหายเล่าเรียน นางคงไม่ค่อยมีเวลาว่างออกมาเดินเล่นเช่นนี้อีก

หยางจินจินไม่ได้ให้นางกำนัลติดตามมามากนัก นางคุ้นชินกับการมีสาวใช้เพียงไม่กี่คนมานานมากแล้ว ตั้งแต่เสด็จพ่อส่งนางกำนัลมาในวันนั้นความเป็นอยู่ของนางก็ค่อนข้างจะดีขึ้นไม่น้อยเลย

นางเดินมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงท้ายวังหลวง ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปยังเจียงหมิงเจ๋อที่ยามนี้กำลังยืนมองใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมาจากต้น จิตใจของนางพลันสั่นไหวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

เจียงหมิงเจ๋อเป็นบุรุษรูปงาม แต่กลับล้มป่วยเยี่ยงนี้ นางไม่รู้ว่าเหตุใดร่างกายของเขาจึงอ่อนแอเช่นนี้ นางสงสารเขาเหลือเกิน

เมื่อคิดได้เช่นนั้นหยางจินจินจึงก้าวเดินเข้าไปหาเจียงหมิงเจ๋อทันที

"องค์ชายเจียงหมิงเจ๋อ"

เจียงหมิงเจ๋อหันมามอง เมื่อพบว่าเป็นหยางจินจิน เขาก็ทำความเคารพนางคราหนึ่งอย่างนอบน้อม ก่อนจะส่งเสียงไอหนัก ๆ ออกมาอีกคราพร้อมกับเอ่ยอย่างอ่อนแรง

"องค์หญิงรอง"

"ไม่ต้องมากพิธีกับข้าหรอก อากาศยังหนาวอยู่เลย ท่านออกมาทำไมกัน?"

"กระหม่อมเพียงรู้สึกเบื่อน่ะพ่ะย่ะค่ะ จึงอยากออกมาเดินเล่น เชลยเช่นกระหม่อมไม่มีที่ดี ๆ ให้ไป ทำได้เพียงมายืนมองใบไม้ร่วงหล่นอยู่ตรงนี้ ขายหน้าองค์หญิงแล้ว"

หยางจินจินที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มให้เจียงหมิงเจ๋ออย่างอ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย

"วังหลวงแห่งนี้กว้างขวาง คนสุขภาพไม่ดีเช่นท่านเดินทั้งวันก็เดินไม่ไหวหรอก เจียงหมิงเจ๋อ ข้ามีขนมกุ้ยฮวาติดมาด้วย ท่านรับไปสิ"

เจียงหมิงเจ๋อมองขนมในมือของหยางจินจินคราหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือไปรับขนมนั้นมาจากนาง

ตั้งแต่เขามาอยู่ในวังหลวงแห่งนี้การกินอยู่ก็ไม่สู้ดีเท่าใดนัก เมื่อเห็นว่าหยางจินจินมอบขนมกุ้ยฮวามาให้ มีหรือที่เขาจะไม่รับ ยามนี้เขาไม่มีเวลามาห่วงเรื่องฐานันดรศักดิ์หรือแม้แต่ศักดิ์ศรีของตน การเอาตัวรอดต่างหากจึงจะทำให้เขามีชีวิตรอดต่อไปได้

ต่อให้นางยื่นขนมที่ร่วงลงพื้นให้เขา เขาก็ยินดีรับอย่างเต็มใจ

ความอัปยศในครั้งนี้ เขาจะจดจำเอาไว้ในใจไม่มีวันลืม!!!

หยางจินจินที่เห็นว่าเจียงหมิงเจ๋อรับขนมไปนางก็ดีใจไม่น้อย พยายามชวนเขาสนทนาเพื่อให้บรรยากาศไม่เงียบสงัดจนเกินไป

"หากท่านเหงา ข้าจะสนทนาเป็นเพื่อนท่าน ไม่ต้องกลัวนะ ท่านพ่อของข้าใจดีมีเมตตา ข้าเชื่อว่าหากท่านไม่ก่อความวุ่นวาย เสด็จพ่อของข้าก็จะไม่ทำให้ท่านต้องลำบากใจ"

เจียงหมิงเจ๋อยิ้มให้หยางจินจินอย่างอ่อนแรง แต่ในใจกลับส่งเสียงเหอะออกมาคราหนึ่ง

ใจดี มีเมตตาเช่นนั้นหรือ?

ตลกสิ้นดี!!!

หากฮ่องเต้หยางหลิงไท่ใจดีมีเมตตาจริง เขาคงไม่ต้องอยู่อย่างตายทั้งเป็นเช่นนี้หรอก อาหารก็กินไม่อิ่ม มีคนจับตามองอยู่ตลอด จะทำสิ่งใดก็ย่อมไม่สะดวก

ศักดิ์ศรีของเขามันหายไปหมดแล้วตั้งแต่เขาถูกจับมาเป็นเชลยที่นี่

นางยังจะคิดปลอบใจเขาด้วยคำพูดเช่นนี้อีกหรือ ช่างน่าขันสิ้นดี!!!

หากไม่เพราะวันนั้นเขาหลงกลเจียงหยงหลางพี่ชายชั่ว ดื่มเหล้าที่ผสมยาพิษเข้าไปจนล้มป่วย เขาคงไม่ถูกจับมาที่นี่ได้อย่างง่ายดายเป็นแน่ เพราะพิษนั้นทำให้เขาต้องล้มป่วยลงไปช่วงเวลาหนึ่ง แม้จะแก้พิษได้แล้วแต่ร่างกายก็ยังอ่อนแออยู่บ้าง เดิมทีเขาคิดว่าอีกไม่นานทุกอย่างคงจะดีขึ้น พี่ชายเฮงซวยผู้นั้นจะต้องถูกเสด็จพ่อลงโทษ แต่สวรรค์กลับใจร้ายยิ่งนัก หลังจากเขาหายป่วยได้ไม่นาน เสด็จพ่อก็ประชวรจนเสด็จสวรรคต เขาไม่มีโอกาสได้ดูใจเสด็จพ่อ ไม่มีโอกาสได้เห็นพระศพของเสด็จพ่อ เมื่อสิ้นเสด็จพ่อไป เจียงหยงหลางก็จับเขามาทรมาน แต่เขากลับรอดมาได้ทุกครา อาจจะเพราะเบื่อหรือไม่อยากฆ่าเขาแล้ว เจียงหยงหลางจึงไม่ทรมานเขาอีก แต่เขาก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเท่าใดนัก

ไม่นานนักแคว้นเป่ยฉินยกทัพมาตีแคว้นเยี่ยนหวังจะยึดครองใต้หล้าแห่งนี้ พี่ชายสารเลวของเขากลับสู้ไม่ไหว จึงส่งเขามาเป็นเชลย อีกทั้งยังเขียนสัญญาค้าขายอาวุธชั้นดีในราคาถูกให้แก่แคว้นเป่ยฉินอีกด้วย ของมีค่าทุกอย่างที่เสด็จพ่อลงมือลงแรงสร้างมาเองกับมือ ล่มสลายพินาศลงเพราะมือของเจียงหยงหลาง พี่ชายแสนชั่วของเขา!!!

นับแต่วันนั้นเขาก็กลายเป็นเชลยศึก เป็นองค์ชายขี้โรคที่ถูกส่งตัวมาอยู่ยังแคว้นเป่ยฉินเพื่อสงบศึกระหว่างแคว้น

หากเขารอดไปได้วันใด วันนั้นคือวันตายของเจียงหยงหลางพี่ชายบัดซบผู้นั้น!!!

หยางจินจินที่เห็นว่าเจียงหมิงเจ๋อเงียบไปก็จ้องมองเขาคราหนึ่ง เจียงหมิงเจ๋อที่รับรู้ว่าถูกหยางจินจินจ้องมองอยู่จึงเก็บคืนแววตาอำมหิตของตนในทันที ก่อนจะเอ่ย

"ทำให้องค์หญิงรองขบขันแล้ว"

"ข้าไม่เคยขบขันท่านเลยนะเจียงหมิงเจ๋อ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน หากท่านไม่กล้าเดินไปชมสวนดอกเหมยที่อุทยานหลวง เช่นนั้นท่านก็เดินเล่นอยู่บริเวณนี้จะดีกว่า แถวนี้ก็มีต้นไม้และบุปผางดงามไม่น้อยเลย แต่ว่าท่านอย่าเดินไปไกลนักเล่า ที่ท้ายวังหลวงมีสระบัวที่ลึกมาก ๆ อยู่ เพราะมันเชื่อมต่อกับแม่น้ำที่อยู่ด้านนอกกำแพงวังหลวง น้ำจึงค่อนข้างเย็นจัด ท่านร่างกายไม่แข็งแรง เกิดหน้ามืดจนตกน้ำไปจะไม่สบายเอาได้ อีกอย่างแม่นมของท่านก็แก่ชรามากแล้ว หากพลัดตกลงไปทั้งคู่ อาจจะอันตรายถึงแก่ชีวิต"

หยางจินจินเอ่ยพร้อมกับยิ้มตาหยี เพราะนางเคยตกลงไปในสระบัวแห่งนั้น นางจึงเห็นว่าใต้สระบัว มีช่องขนาดไม่ใหญ่มากนักที่สามารถเชื่อมกับแม่น้ำนอกวังหลวงได้ นางจึงเอ่ยเตือนเขาด้วยความห่วงใย

"ขอบพระทัยองค์หญิง"

"อืม ข้าคงต้องไปแล้ว ไว้มีโอกาสคงได้พบกับท่านใหม่"

"พ่ะย่ะค่ะ"

หยางจินจินยิ้มให้เจียงหมิงเจ๋ออีกคราก่อนจะเดินจากไป เจียงหมิงเจ๋อมองตามนางไปจนลับสายตา ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก

น้ำเย็นจัดเช่นนั้นหรือ?

ขอบคุณเจ้ามากนะองค์หญิงตัวน้อย

เจียงหมิงเจ๋อจ้องมองไปยังทิศทางที่หยางจินจินบอกว่ามีสระบัวอยู่ด้วยแววตาที่ล้ำลึก ก่อนจะเดินกลับที่พักของตนทันที

หลายวันต่อมาโจวหว่านหรูก็เดินทางเข้าวังหลวงเพื่อมาเป็นสหายเล่าเรียนของหยางจินจิน วังหลวงกำหนดเอาว่า ในเจ็ดวันพวกนางจะต้องเขาวังหลวงสี่วัน ส่วนอีกสามวันที่เหลือสามารถพักผ่อนอยู่ที่จวนไม่ต้องเข้าวังหลวง ส่วนสี่วันที่ต้องเข้าวังหลวงนั้นเมื่อศึกษาเล่าเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้วก็สามารถกลับไปพักที่จวนได้ไม่ต้องอยู่ค้างคืนในวังหลวง

อากาศวันนี้ค่อนข้างแจ่มใส ราษฎรเริ่มออกมาทำการเพาะปลูก เนื่องจากหิมะหยุดตกแล้ว เป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะเริ่มทำเกษตรกรรม

สถานที่เรียนก็ถูกจัดขึ้นยังตำหนักหยวนหนิง ซึ่งเป็นตำหนักที่ตั้งอยู่ด้านหลังของตำหนักเฟิ่งหวง ซึ่งยามนี้ยังถูกปิดไว้เนื่องจากยังไม่มีฮองเฮาพระองค์ใหม่เข้ามาประทับ ตำหนักหยวนหนิงมีสองชั้น ชั้นบนจะโล่งกว้าง ลมพัดเย็นสบาย อีกทั้งยังสามารถมองเห็นทิวทัศน์ด้านในและด้านนอกวังหลวงได้อย่างชัดเจนอีกด้วย ส่วนชั้นล่างจะเป็นที่เก็บตำราความรู้ต่าง ๆ เล็กน้อยเท่านั้น วันนี้เหล่าขันทีขนโต๊ะกับเก้าอี้อย่างดีขึ้นมาจัดวางที่ด้านบนชั้นสอง เพื่อใช้เป็นที่เล่าเรียนขององค์หญิงและสหายอีกสองคน 

หัวข้อการเรียนวันนี้ไม่ได้มีอันใดมากนัก เป็นเพียงตำราทั่ว ๆ ไปที่องค์หญิงต้องร่ำเรียน โจวหว่านหรูพลิกตำราตรงหน้าไปมาหน้าแล้วหน้าเล่าคราหนึ่ง ตำราเหล่านี้ล้วนผ่านตานางมาหมดแล้วในครั้งที่กำลังจะเข้าวังเป็นพระชายาองค์ชายใหญ่

เวลาในการเล่าเรียนดำเนินไปร่วมสองชั่วยามเห็นจะได้ หลังจากนั้นท่านอาจารย์ก็ให้พวกนางคัดตำรา และสามารถนั่งผ่อนคลายได้ หยางจินจินให้นางกำนัลนำของว่างมาหลายอย่าง โจวหว่านหรูรู้สึกว่าเริ่มหิวแล้ว จึงหยิบขนมกุ้ยฮวามากินหนึ่งชิ้น พร้อมกับยกชาร้อนขึ้นมาดื่ม 

"ขนมถูกปากเจ้าหรือไม่โจวหว่านหรู"

โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหันไปมองหยางจินจิน ก่อนจะยิ้มให้นางเล็กน้อย

"รสชาติดีมากเพคะ"

"อืม ข้าดีใจที่เจ้าชอบนะ"

มู่จั่วหลานที่เห็นว่าหยางจินจินไม่สนใจตนก็รู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อย เป็นสหายเล่าเรียนเหมือนกัน แต่องค์หญิงกลับเลือกปฏิบัติเช่นนี้ใช้ได้หรือ!!!

หยางจินจินเองมีหรือจะไม่รู้ถึงสายตาของมู่จั่วหลานที่มองมา แต่นางไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก นางไม่ชอบมู่จั่วหลานเลย สตรีนางนี้ขี้อิจฉา อีกทั้งยังชอบประจบประแจงนาง จะเดินจะนั่งล้วนมีพิธีการ ราวกับตนเองเป็นเทพธิดาลงมาจากสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น นางไม่ชอบเลย!!!

โจวหว่านหรูสนทนากับหยางจินจินอย่างสนิทสนม หยางจินจินเองก็ชื่นชอบนางมากเช่นกัน จวบจนกระทั่งถึงเวลาที่นางจะต้องกลับจวนแล้ว นางจึงลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินลงไปที่ชั้นล่าง แต่ทว่าสายตาของนางกลับมองเห็นใครบางคนกำลังยืนอยู่ที่ใต้ต้นดอกเหมยท้ายวังหลวง

นั่นมันเจียงหมิงเจ๋อใช่หรือไม่?

คนผู้นั้นไปยืนทำอันใดตรงนั้นกัน?

เจียงหมิงเจ๋อรับรู้ได้ว่ามีสายคาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมองมาที่ตน เขาจึงค่อย ๆ หันกลับไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นโจวหว่านหรูที่กำลังยืนมองเขาอยู่บนตำหนักหยวนหนิง แม้จะอยู่ไกลกันไม่น้อย แต่เขาจำได้ว่าเป็นนาง

โจวหว่านหรูที่เห็นว่าเจียงหมิงเจ๋อหันกลับมามองก็รีบหลบสายตาเขาในทันที ก่อนจะรีบเดินลงชั้นล่างอย่างรวดเร็ว

เจียงหมิงเจ๋อจ้องมองตำหนักหยวนหนิงต่ออีกครู่หนึ่ง ก่อนจะเก็บสายตาตนกลับคืน 

สตรีนางนี้ เหตุใดจึงชอบมองเขาด้วยแววตาเช่นนั้นกันนะ?

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   ตอนพิเศษ

    ค่ำคืนนี้ช่างเหน็บหนาวนัก แต่ทว่าภายในตำหนักมังกรสวรรค์แคว้นเยี่ยนนั้นกลับคุกรุ่นไปด้วยไฟแห่งปรารถนาเจียงหมิงเจ๋อและโจวหว่านหรูแต่งงานกันมาร่วมปีแล้ว แต่ทว่ายังคงไม่มีบุตร อาจเพราะได้รับพิษในครานั้น ทำให้การมีบุตรไม่ใช่เรื่องง่ายบนเตียงใหญ่ เจียงหมิงเจ๋อกำลังตระกองกอดร่างบางระหงตรงหน้าอย่างทะนุถนอม ริมฝีปากหนาใหญ่ทาบทับลงไปบนริมฝีปากบางสวยของนางอย่างอ่อนโยน ก่อนจะบดขยี้อย่างเร่าร้อนราวกับคนเอาแต่ใจ ลิ้นอุ่นร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากของนางและเกี่ยวกระหวัดกันอย่างเมามัน ยามนี้ร่างกายของคนทั้งสองเปลือยเปล่า กลิ่นหอมกำยานอ่อน ๆ ยิ่งกระตุ้นกำหนัดให้ลุกโหมมากยิ่งขึ้น เจียงหมิงเจ๋อผละริมฝีปากออกจากนาง แล้วจึงจูบไซ้ไปตามซอกคอขาวเนียน ก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงมาเรื่อย สองมือหนาใหญ่บีบขยำดอกบัวงามทั้งสองข้างของนางอย่างเต็มไม้เต็มมือ พร้อมกับครอบริมฝีปากกลืนกินจุกบัวสีหวานอย่างลำพองใจ โจวหว่านหรูส่งเสียงครางกระเส่าพลางบิดกายเร่า ๆ ไปมาด้วยความเสียวซ่าน กายสาวถูกบุรุษตรงหน้าลูบคลำเชยชมอย่างไม่ยอมลดละ เจียงหมิงเจ๋อสอดแทรกแท่งหยกสวรรค์เข้าไปในกายของนาง ก่อนจะขยับกายอย่างช้า ๆ แล้วเร่

  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 66

    ยามนี้เจียงหมิงเจ๋อและโจวหว่านหรูกำลังเดินเคียงข้างกันไปตามทางเดินเพื่อมุ่งหน้าออกจากวังหลวง ฉับพลันนางก็หันมาเอ่ยถามเขา“เจียงหมิงเจ๋อ ท่านเอ่ยสิ่งใดฝ่าบาทจึงเห็นด้วยง่ายดายเช่นนี้ ข้าคิดว่าจะไม่ทรงเห็นด้วยเสียอีก”เจียงหมิงเจ๋อยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันมามองนางด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ โจวหว่านหรูหนังตากระตุกรู้สึกว่าบุรุษตรงหน้าเริ่มจะออกอาการเจ้าเล่ห์ใส่นางอีกแล้ว“อย่ามองข้าแบบนี้สิ”“ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ข้าเอ่ยเพียงว่า ขอเพียงมีเจ้าข้างกาย และครอบครัวของเจ้าสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย ใต้หล้านี้ข้ายกให้แคว้นเป่ยฉินทั้งหมด ข้าขอมีเพียงแคว้นเยี่ยนและมีเจ้าก็พอ”โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย“ท่านทำได้จริง ๆ หรือ”“ทำได้สิ คนอย่างข้าไม่เคยเอ่ยวาจาโป้ปด”“แต่ท่านเคยแกล้งป่วยนะ”“โจวหว่านหรู เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ ที่ข้าทำเพราะความอยู่รอดเพียงเท่านั้น”โจวหว่านหรูจ้องมองเจียงหมิงเจ๋อด้วยแววตาที่อ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย“หากไม่เชื่อ ข้าคงไม่เลือกท่าน”เจียงหมิงเจ๋อที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มกว้าง โจวหว่านหรูพลันใจเต้นแรงเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเขา“เจ้าจะไม่มีวันเสียใจที่เลือกข้า

  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 65

    โจวหว่านหรูเดินทางกลับมาที่แคว้นเป่ยฉิน หยางจิ่งที่ได้รู้ข่าวว่าโจวหว่านหรูกลับมาถึงแล้ว ก็รีบมาพบนางในทันทีสตรีตรงหน้ายามนี้งดงามเป็นสาวงามสะพรั่งแล้ว โจวหว่านหรูหันมามองหยางจิ่งคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้เขาเล็กน้อยหลายปีที่ไม่ได้พบกัน มันทำให้นางเข้าใจหัวใจตนเองได้อย่างชัดเจนแล้วนางไม่อาจกลับไปรักเขาเฉกเช่นเดิมได้อีก แม้ในใจของนางจะไม่สามารถตัดขาดจากหยางจิ่งได้อย่างสนิทใจ แต่ทว่านางเองก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดชังเขาแล้ว นางไม่ได้รู้สึกว่าเขากำลังติดค้างสิ่งใดกับนางอยู่ บางคราทุกสิ่งที่มันเปลี่ยนไปแล้วย่อมไม่อาจหวนคืนกลับมาได้อีก จะคงไว้เพียงเรื่องราวดี ๆ ในอดีตที่จะให้จดจำแม้จะดูเหมือนสตรีที่เห็นแก่ตัว แต่โจวหว่านหรูคิดเสมอว่าในเมื่อนางมีชีวิตอีกชาติหนึ่งแล้ว นางควรมีสิทธิ์เลือกในสิ่งที่นางต้องการคราก่อนนางยังไม่แน่ใจในหัวใจของตนเองมากเท่าใดนัก แต่เมื่อได้หลับฝันไปตื่นหนึ่ง ได้รู้ความจริงบางอย่าง ใจของนางก็เริ่มชัดเจนขึ้นหยางจิ่งคือรักแรกของนางส่วนเจียงหมิงเจ๋อคือคนที่นางเลือก เพราะไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้เขาคือคนที่ทำเพื่อนางมากที่สุด“หวานหว่าน เจ้ากลับมาแล้ว”หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำ

  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 64

    เช้าวันต่อมา โจวหว่านหรูควบม้ามุ่งหน้าไปยังทิศทางของประตูวังหลวง ระหว่างทางนั้นนางมองเห็นหยางจิ่งที่ยืนมองนางอยู่ที่ด้านหน้าประตู เขาสวมชุดสีขาวทั้งชุด ดูแล้วช่างงดงามสง่าราวกับเทพเซียน นางสั่งให้ม้าหยุด ก่อนจะกระโดดลงจากหลังม้า และเดินตรงเข้ามาหาเขา หยางจิ่งยิ้มให้นางคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"แต่งเป็นบุรุษเช่นนี้นับว่าไม่เลวเลย"โจวหว่านหรูยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"อืม"หยางจิ่งจ้องมองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย พลางเอ่ย"หวานหว่าน เจ้าจะกลับมาเมื่อใด"โจวหว่านหรูจ้องมองหยางจิ่งด้วยแววตาที่อ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย"ยังไม่รู้เหมือนกัน อาจจะหนึ่งปี สามปี หรือห้าปี ข้าอยากจะไปทำตามความฝัน ท่องไปในยุทธภพ"หยางจิ่งจ้องมองนางด้วยแววตาที่ล้ำลึก เขาอยากยื่นมือไปดึงรั้งนางใจจะขาด แต่ทว่าอีกใจก็ไม่อยากทำลายสิ่งที่นางถวิลหา ตั้งแต่ได้รู้ว่านางตั้งใจจะไปท่องเที่ยวทั่วทั้งใต้หล้า เขาก็ตกใจไม่น้อย เดิมทีคิดจะพานางเข้าวัง แต่งนางเป็นชายาเอก แต่ทว่านางกลับปฏิเสธเขาข้ายังไม่คิดจะแต่งงานกับผู้ใดในยามนี้"ข้าจะรอเจ้า ต่อให้รอทั้งชีวิต ข้าก็จะรอ"หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ โจวหว่านห

  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 63

    ที่ตำหนักมังกรสวรรค์แคว้นเยี่ยนยามนี้มีเหล่าทหารกำลังผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าเวรยาม โจวหว่านหรูรีบตรงมาที่แห่งนี้ทันทีที่ได้ทราบเรื่องราวจากหยางจินจินแท้จริงแล้วนางไม่ได้ฝัน เป็นเขาจริง ๆ ที่ช่วยนาง เขาป้อนโลหิตให้นางดิื่มเพื่อระงับพิษไม่ให้ลุกลามไปยังส่วนต่าง ๆ ในร่างกายนาง"ข้าอยากพบเจียงหมิงเจ๋อ"เหล่าทหารที่เฝ้าเวรยามปรายตามองนางคราหนึ่ง แต่ทว่าไม่ได้เอ่ยสิ่งใด โจวหว่านหรูที่กำลังร้อนใจ พลันจ้องมองสตรีนางหนึ่งที่เดินออกมาจากตำหนักมังกรสวรรค์ นางสวมชุดเยี่ยงสตรีสูงศักดิ์ ใบหน้างดงามไม่น้อย นางจ้องมองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เจ้าก็คือโจวหว่านหรูกระมัง"โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง สตรีนางนั้นยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"ข้าคือพระสนมเอกของฝ่าบาท ยามนี้ฝ่าบาทคงกำลังรอพบเจ้าอยู่ เจ้าเข้าไปเถิด"ฟ่านฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินจากไปไม่แม้แต่จะมองนางอีก โจวหว่านหรูไม่รอช้ารีบเข้าไปด้านในทันที เมื่อมาถึงนางก็พบกับเจียงหมิงเจ๋อที่กำลังเอนกายนอนพิงขอบเตียง ใบหน้าหล่อเหลายามนี้ซีดเซียวราวกับคนป่วยไข้ เมื่อรับรู้ได้ว่ามีคนเข้ามา เขาจึงหันไปมองคราหนึ่ง ก่อนที่แววตาจะฉาย

  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 62

    หยางจิ่งนั้นยามนี้กำลังเดินออกมาจากตำหนักเหลียนฉง เมื่อออกมาก็ได้พบกับโจวอวี้หาน เฉินป๋อเหวิน รวมถึงหยางจินจินที่กำลังยืนรออยู่ด้านนอกตำหนัก เขามีท่าทีแปลกใจไม่น้อย ก่อนจะเอ่ย"พวกเจ้ามาได้เช่นไรกัน"โจวอวี้หานยิ้มให้หยางจิ่งเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"ข้าเป็นห่วงน้องเล็กจึงรีบติดตามมาสมทบกับเจ้า เฉินป๋อเหวินและหยางจินจินก็เป็นห่วงนางเช่นกัน จึงขอติดตามข้ามาด้วย"หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เจ้ามาก็ดีแล้ว ข้าอยากให้เจ้าช่วยดูนางสักระยะ ข้ามีเรื่่องต้องไปจัดการ”โจวอวี้หานที่ได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยถามทันที"เรื่องใดหรือ"หยางจิ่งถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"สมุนไพรที่ใช้ถอนพิษไม่เพียงพอ ข้าจำต้องขึ้นเขาไปเก็บมันมา""ข้าไปกับท่านด้วย"หยางจิ่งหันไปจ้องมองเฉินป๋อเหวินคราหนึ่ง ก่อนจะพบว่าในดวงตาของเฉินป๋อเหวินดูเด็ดเดี่ยวและมั่นคงเป็นอย่างยิ่ง ยามนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาหึงหวงอันใดกัน เขาจึงเอ่ยกับเฉินป๋อเหวินด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรมากกว่าเดิม"ทางไปเก็บสมุนไพรอยู่บนเขา ข้าได้ยินว่ามันทั้งหนาวเหน็บและอันตรายไม่น้อย กลับมาแล้วอาจจะไม่ดีต่อสุขภาพ เจ้า...""ต่อให้ต้องตาย

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status