ในห้องนอนที่เป็นโลกทั้งใบของหญิงสาวคนหนึ่งเธอรู้สึกปลอดภัยในพื้นที่ที่เธอสร้างขึ้นมาเอง
“ วาว นี่คุณไม่คิดจะออกไปไหนบ้างหรอ ”
“ คนตาบอดอย่างฉันจะออกไปไหนได้ล่ะ นายเลิกพูดบ้า ๆ สักที ”
“ บ้าที่ไหนเล่า คุณเอาแต่นั่งซึมเศร้าอยู่แบบนี้มันก็ไม่ได้ทำให้คุณมีความสุขเลยนะ ”
“ น่ารำคาญจริง ” ภัสสรเริ่มคิ้วขมวดเมื่อทีปกรชอบพูดเรื่องเดิม ๆ กับเธอ ไม้ช่วยนำทางเริ่มกวาดไปมาหันหลังกลับ
หลังจากที่เธอกินข้าวเช้าเสร็จ เธอก็จะหลบขึ้นไปห้องนอนที่เป็นโลกของเธอตั้งแต่เกิดเหตุ
ทีปกรไม่ยอมหยุดง่าย ๆ เขาหายตัวแล้วไปหยุดอีกฝั่งหนึ่งตรงหน้าเธอ
“ คุณจะหนีผมไปไหน ผมยังพูดไม่จบเลยนะ ”
“ นายมีสิทธิ์อะไร ถ้าจะมาเพราะอย่างนี้จะไปไหนก็ไปเลยนะ ไปสิ ” เสียงสนทนาของหญิงสาวทำให้สาวใช้ต่าง ๆ พากันมาดู
“ แก คุณวาวเขาไล่ใครน่ะ ”
“ ฉันจะไปรู้หรอ ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุคุณวาวเธอก็เพี้ยน ๆ ไป น่าเวทนายิ่งนัก สงสารคุณ ๆ เสียเหลือเกิน ” เสียงสาวใช้ที่พากันพูดถึงหญิงสาวที่อยู่ชั้นที่สองของตัวบ้านทำให้ผู้มาเยือนที่หลบตรงประตูบ้านยืนสังเกตการณ์แล้วมองขึ้นไป แต่เขาเห็นเพียงด้านหลังเท่านั้น เกิดอะไรขึ้นกันแน่
ตกเย็นวันนั้นภัสสรถูกทีปกรหลอกให้เดินตามออกมาจากตัวบ้านจนได้ ถึงแม้เธอจะหงุดหงิดและไม่พอใจเท่าไหร่นักแต่เพราะสิ่งที่ทีปกรพูดมันทำให้เธออยากรู้ว่าเขาจะพาเธอไปไหน
“ จะพาไปที่ไหน ถ้าคนในบ้านไม่เห็นฉัน เรื่องใหญ่แน่ ”
“ จับมือผมได้แบบนี้บอกแล้วไม่มีอะไรที่น่ากลัว ” พักหลัง ๆ มานี้รู้สึกว่าเขาสัมผัสตัวหญิงสาวได้ชิดใกล้กว่าเดิมแทบไม่ต้องใช้พลังมันน่าแปลก แถมยังจับตัวได้นานกว่าครั้งก่อน ๆ เป็นไหน ๆ ร่างกายเขามันรู้สึกมีพลังมากขึ้น เขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเรื่องราวระหว่างเขากับเธอผู้หญิงที่เห็นเขาเพียงคนเดียวคนนี้มีความเกี่ยวข้องกันยังไง ทำไมเธอสัมผัสถึงเขาได้
“ จะบอกได้หรือยังว่าไปไหน ”
“ ตอนนี้ช่วงเย็น นี่ก็ประมาณ หกโมงแล้ว คุณรู้รึเปล่าแถวบ้านคุณมีสวนสาธารณะแถวนี้และอากาศก็ดีมากเลยนะ ”
“ ฉันรู้น่า แต่ที่จำได้เขายังสร้างไม่เสร็จนี่ กำลังตกแต่งไฟ กับ โต๊ะหินอ่อน ”
“ ความจำคุณนี่มันล้าหลังชะมัดเลย ตอนนี้เขาเปิดให้เดินชมวิ่งเล่นกันได้แล้วเป็นไหน ๆ ”
“ ก็ฉันมันตาบอดนี่จะเห็นอะไรได้เล่า ” หญิงสาวหันมาใส่อารมณ์ทำตาขุ่นใส่คนที่จับมือเธอเดินมาทั้งที่รู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะตอกย้ำสถานภาพร่างกายของเธอ
“ เอ่อ ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจให้คุณรู้สึกแย่นะครับ ” ทีปกรเพิ่งรู้ว่าพูดในสิ่งที่สะเทือนจิตใจกับคนตัวเล็กข้างกายจึงเอ่ยน้ำเสียงนุ่มนวลและกล่าวขอโทษเธอ ภัสสรหันหน้าหนี เสียงบางอย่างทำให้เธอขมวดคิ้ว
“ แกร๊ก ๆ ๆ ” เสียงเคาะจังหวะที่คุ้นเคยเหมือนสิ่งที่เธอใช้อยู่ทุกวัน
“ เสียงอะไรน่ะ ” ทีปกรเงยหน้าจากที่มองสาวข้างกายหันตามเสียงก่อนจะคลี่ยิ้มบาง ๆ
“ ผมพาคุณมารู้จักใช้ชีวิตไง ”
“ อะไร ”
“ โลกของคุณไงวาว ”
“ ฟึ่บ แล้วนายจะไปไหน! ” ภัสสรรู้สึกถึงการจะปล่อยมือเธอและการเคลื่อนไหวของคนข้างกาย คนที่ไม่ได้ออกมาเจอโลกภายนอกนานแล้วแบบเธอจึงหน้าตื่นตระหนกขวัญเสีย กลัวเขาจะมาปล่อยเธอไว้ การที่ภัสสรคว้ามือเขาอย่างรวดเร็วและสีหน้าซีดเผือดของเธอทำให้ทีปกรตกใจเล็กน้อยก่อนจะค่อย ๆ จับมือเธอมากุมไว้
“ ผมไม่ทิ้งคุณไปไหนหรอกไม่ต้องกลัว แค่จะผูกเชือกรองเท้าให้คุณ มันหลุดน่ะ ” เมื่อเบาใจคุณหนูตัวแสบก็ปรับอารมณ์ให้ปกติ มีแค่เธอเท่านั้นที่เห็นทุก ๆ อริยาบถของเขา
“ ไม่ได้กลัว อย่ามาพูดมั่ว ๆ ”
“ โอเค แม่คนเก่ง ” เขาหัวเราะกับอาการประหม่าปกปิดความอ่อนแอของสาวตรงหน้าอย่างเอ็นดูก่อนจะก้มลงผูกเชือกรองเท้าให้
“ แกร๊ก ” บางสิ่งบางอย่างมากระทบกับไม้ของเธอ
“ ขอโทษครับพอดีผมมองไม่เห็น ไม่รู้ว่ามีคนยืนอยู่ตรงนี้ ผมขอโทษนะครับ ”
“ เอ่อ ๆ ไม่เป็นไรเลยค่ะ ฉันผิดเองที่ยืนเกะกะคุณ ขอโทษนะคะ คุณบอกว่าคุณมองไม่เห็นงั้นหรอคะ ”
“ ครับ ผมตาบอด ผมขอตัวก่อนนะครับ ” ชายหนุ่มที่สวมแว่นดำใส่หมวกแก๊ปใส่ผ้าปิดปากและสวมเสื้อแขนยาวถือไม้นำทางไว้ข้างกาย
“ เดี๋ยวก่อนสิคะ ถ้าคุณไม่รังเกียจเราเป็นเพื่อนกันได้ไหมคะ ฉันเองก็มองไม่เห็นเหมือนกันกับคุณ ” คำตอบที่ได้ยินทำให้ชายหนุ่มหันกลับมามองสาวสวยดวงตาสวยที่เหม่อลอยมองไปเบื้องหน้าอย่างไม่มีจุดหมาย
“ คุณตาบอดเหมือนกันเหรอ ”
“ ใช่ค่ะ เราเป็นเพื่อนกันได้ไหมคะ พอดีวันนี้ฉันมาเดินเล่นครั้งแรกข้างนอกบ้านน่ะค่ะ เลยยังไม่ค่อยมีเพื่อน ” ไม่รู้ทำไมภัสสรถึงขอผู้ชายที่เพิ่งจะได้พบคนนี้เป็นเพื่อนโดยที่ไม่ได้คิดก่อน อาจเป็นเพราะเจอคนที่ตกในชะตากรรมเดียวกัน และน้ำเสียงเขาดูเป็นมิตรมากกว่าศัตรู ภัสสรหันมองซ้ายขวาเธอไม่พบทีปกรเขาหายไปไหนกันเมื่อมีคนอื่นอยู่ด้วยเธอรู้ดีว่าเธอจะต้องไม่พูดถึงเขาเพราะไม่มีใครเห็นเขานอกจากเธอ
“ ถ้าอย่างนั้นเราไปหาที่นั่งพักคุยกันก่อนดีไหมครับ ”
“ ยินดีค่ะ ” ภัสสรและเพื่อนคนใหม่ที่ใช้ไม้เท้านำทางค่อย ๆ เดินไปเรื่อย ๆ โลกมืดมิดของเธอเริ่มมีเพื่อนมีสังคมอีกครั้งแม้จะแค่คนสองคน มันก็ทำให้เธอรู้สึกดีกว่าเดิมมากกว่าเก่านัก
“ คุณชื่ออะไรเหรอคะ ฉันชื่อวาวนะ ”
“ ผม ชื่อ นะโม ครับ ”
“ คุณ นะโม ไม่ทราบว่าคุณอายุเท่าไหร่เหรอคะ ”
“ ผม 26 ครับ ”
“ อายุมากกว่าวาว 4 ปี งั้นวาวขอเรียกพี่ นะโม ได้ไหมคะ ”
“ อืม ได้สิครับ ”
“ เพิ่งรู้ว่าเวลาตอนเย็นที่นี่สงบและอากาศดีขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกนะคะ ที่วาวได้มาเดินเล่นไกลบ้านแบบนี้คนเดียว ”
“ ทำไมล่ะครับ หรือเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่หรอ ”
“ เปล่าค่ะ แล้วพี่ นะโม มาที่นี่บ่อยไหมคะ ”
“ ปกติก็ไม่ค่อยมาหรอก แต่วันนี้แค่รู้สึกว่าอยากมา ก็เท่านั้นเอง ”
“ ถ้าพรุ่งนี้ พี่ นะโม จะมาอีกไหมคะ ”
“ ทำไมเหรอ ”
“ เปล่าค่ะ วาวแค่รู้สึกดีที่ได้เจอคนแบบเดียวกัน มันทำให้วาวไม่เหงาและโดดเดี่ยวค่ะ ”
“ … ”
การพูดคุยด้วยกันเพราะรู้สึกโลกเดียวกันทำให้ภัสสรเหมือนได้พบโลกภายนอกอีกครั้ง มันทำให้การสนทนาเรื่องทั่วไปเป็นเรื่องที่ไม่น่าเบื่อ รอยยิ้มบาง ๆ เริ่มคลี่ยิ้มได้อีกครั้ง พระอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้าไปทุกที บรรยากาศและความมืดเริ่มเข้าปกคลุมเสียงดังเตือนทำให้รู้ว่าเวลาล่วงเลยเข้าเกือบสองทุ่มแล้ว
“ พี่ว่า กลับเถอะ เสียงนาฬิกาเตือนแล้ว ”
“ พี่ตั้งนาฬิกาช่วงนี้ทุกวันเลยหรอ ”
“ อืม มันทำให้รู้เวลาว่าต่อไปควรทำอะไร ”
“ ดีจังค่ะ ที่มีเป้าหมาย ”
“ ทุกคนล้วนมีเป้าหมายทั้งนั้น กลับเถอะพี่เดินไปส่ง ”
“ เอ่อ คือไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยววาวกลับเอง ”
“ ไม่เป็นไร หรือว่ามีคนพามา ”
“ งั้นก็ได้ค่ะ แล้วพี่จะกลับถูกเหรอคะ ในเมื่อพี่เองก็… ” หญิงสาวไม่พูดประโยคที่ว่าเขาตาบอดออกไปเพราะไม่รู้ว่าคนตรงหน้าอารมณ์จะรับได้มากน้อยแค่ไหน
“ หึ ๆ ไม่ต้องห่วงนะครับ พี่เดินบ่อยจนเดินได้ถูกหมดแล้ว เดี๋ยวนี้ก็มีจีพีเอสบอกทางสำหรับคนตาบอดแล้วด้วย ”
“ ถ้าอย่างนั้นวาวคงต้องรบกวนพี่โมแล้วค่ะ ” ภัสสรรู้สึกดีที่ได้เจอเพื่อนใหม่ที่มีโลกเหมือนกัน แสดงความมีน้ำใจโดยการไปส่งเธอ ถึงแม้ว่าทีปกรจะพาเธอมาแต่เธอก็สัมผัสเขาได้แค่คนเดียว ไม่มีตัวตนสำหรับคนอื่น การมีเพื่อนไปส่งที่บ้านก็ถือว่าดีเหมือนกันแต่แปลกที่ตอนนี้เธอไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาเลยสักนิด
ภัสสรที่เดินออกจากบ้านโดยที่ไม่ได้บอกใครเลยสักคน เธอลืมอารมณ์ของพี่ชายตัวเองไปแล้วเป็นแน่ เธอจะรู้ไหมว่าตอนนี้ที่บ้านเธอกำลังก่อพายุลูกใหญ่
“ น้องฉันจะหายไปไหนได้ยังไง อยู่บ้านกันยังไงถึงไม่รู้ว่าน้องฉันหายไปไหน ฉันสั่งให้ดูแลน้องฉันให้ดี แค่นี้ยังดูแลน้องฉันไม่ได้ ยังมีหน้ามาบอกฉันอีกหรอ ว่าไม่รู้ว่าน้องฉันหายไปไหน ห๊ะ! ” เสียงภวิชที่หลังจากจบประชุมที่บริษัทเขาและมินตราก็รีบตรงกลับบ้านทันทีหลังจากได้รับโทรศัพท์ว่าน้องสาวเขาหายไป
“ นี่ถ้าฉันไม่สั่งให้ไปตามน้องสาวมารับโทรศัพท์ ก็ไม่มีใครรู้ใช่ไหมว่าน้องฉันไม่ได้อยู่ในห้อง ฉันถาม ตอบ! ” สาวใช้และคนสวนทุกคนก้มหัวเตรียมรับพายุอารมณ์บุตรชายคนที่สองของบ้านกิตติรัชไพทูลแต่โดยดี หลังจากที่เขาใจเย็นกว่าเดิมจากแต่ก่อนมากตั้งแต่มินตราเข้ามาในชีวิต การเกิดอุบัติเหตุที่ส่งผลต่อการมองเห็นของน้องทำให้เขาต้องใจเย็นกว่าเดิมมาก แต่เห็นทีวันนี้พายุอารมณ์ที่หายไปนาน จะก่อตัวและทำลายล้างกว่าแต่ก่อนแน่ ๆ
“ พี่วิชคะใจเย็นก่อนนะคะคุณวาวอาจจะแค่ไปเดินเล่นแถวนี้ก็ได้ ”
“ แต่หากันทั่วแล้วยังไม่เจอ มินจะให้พี่ใจเย็นเหรอ! ”
“ ... ” ทุกสิ่งทุกอย่างบริเวณนั้นเงียบชั่วขณะไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ ภวิชเริ่มใจเย็นลงเมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอตวาดภรรยาคนสวยข้างกาย
“ เสียงดังอะไรกัน ” เสียงบุคคลที่กำลังเป็นที่ต้องการตัวดังขึ้นมาเรียกสติคนเป็นพี่ชายที่กำลังร้อนรุ่มให้หันกลับไปมอง
“ วาว น้องไปไหนมา ” น้ำเสียงอ่อนลงเมื่อหันไปพูดกับน้องสาว
“ วาวไปเดินเล่นแถวนี้มา มีอะไรหรือเปล่าคะ ” เธอมองไม่เห็นว่าในบ้านนั้นมีคนมากน้อยเพียงใดที่รอการกลับมาของเธอ
“ เอ่อ ไม่มีหรอก วาวหิวข้าวไหม พี่จะให้คนจัดโต๊ะให้ ” เขาพยักหน้าให้สาวใช้ทำตามที่เขาบอก เปลี่ยนอารมณ์พายุเมื่อครู่ให้สงบลงเพราะเกรงว่าน้องสาวจะตกใจ
“ ค่ะ ค่ะ ” สาวใช้ตอบด้วยความร้อนรนเพราะอารมณ์ภวิชขึ้นลงมาเป็นชั่วโมงเมื่อกลับมาไม่เจอน้องสาว
“ ไม่ต้อง ฉันไม่หิว วาวขอตัวขึ้นไปพักก่อนนะคะ ” เมื่อพูดจบ ภวิชก็เดินตรงเข้าไปหาน้องแอบชำเลืองมองภรรยาสาวที่ก้มหน้าเล็กน้อย
“ งั้นพี่พาไปนะ ”
“ ไม่เป็นไรค่ะ วาวไปเองได้ ” เธอเบี่ยงตัวหลบมือที่พี่ชายมาจับแขนหวังช่วยพยุงให้ปล่อยออกแล้วค่อย ๆ ใช้ไม้เท้าเคาะเดินตามทางไปเรื่อย ๆ เมื่อภัสสรค่อย ๆ ก้าวขึ้นบันไดจับราวระเบียงแล้วความเงียบก็ปกคลุมอีกครั้ง ภวิชรู้ถึงความผิดปกติของภรรยาทันที
“ แยกย้ายกันไปทำงานสิ! รออะไร ” เสียงตะโกนทำให้มินตราสะดุ้งอีกครั้ง ก่อนน้ำเสียงเขาจะแผ่วเบาลงเมื่อเห็นอาการตกใจของเธอ
“ คือ มินครับ ”
“ มินขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ ”
“ มิน ” ภวิชได้แต่ตาละห้อยมองตามภรรยาที่เดินขึ้นบันไดไป เธอตกใจง่ายจังพักนี้ ก่อนจะคิดคำขอโทษที่ใจร้อนเผลอตะคอกใส่เธอไป เขาเดินไปนั่งรอบนเตียง เปิดทีวีดูข่าวรอเธออาบน้ำให้เสร็จ แต่พอผ่านไปยี่สิบนาที ไม่เห็นเธอเปิดมาสักที เขาเลยตัดสินใจเข้าไปอาบน้ำห้องทำงาน ก็หวังว่าถ้าเขาอาบน้ำเสร็จเธอก็คงจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วเหมือนกันแต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อไม่มีวี่แววว่าสาวเจ้าจะออกมา
“ มินครับ อาบน้ำนานจัง จะชั่วโมงแล้วนะ มินเป็นอะไรหรือเปล่าครับ มิน มิน ” คนข้างนอกเริ่มเคาะประตูรัว ๆ ความกลัวทำให้เขาจะพังประตูเข้าไป
“ แกร๊ก เสร็จแล้วค่ะ ” มินตราเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำโดยมีผ้าเช็ดผมห่อผมที่เพิ่งผ่านการสระมา เธอใส่ชุดนอน เสื้อและกางเกงแขนยาว ภวิชโล่งอกที่เธอไม่ได้เป็นอะไร เขาคว้าเธอเข้ามากอดสำรวจร่างกายของร่างบอบบาง
“ พี่นึกว่ามินเป็นอะไร พี่กลัวว่ามินจะเป็นอะไรรึเปล่า ”
“ มินไม่ได้เป็นอะไรนี่คะ ” เธอพูดงึมงำอยู่ที่อกของเขา ภวิชกอดเธอแน่นกว่าเดิม
“ การที่มินเงียบแบบนี้ รู้ไหม พี่ใจไม่ดีเลย ถ้ามินเป็นอะไรไป พี่จะอยู่ยังไง พี่ขอโทษที่เสียงดังใส่นะครับพี่ห่วงน้องมากไป ขอโทษนะครับคนดีอย่าโกรธพี่เลยนะ ”
“......” ความเงียบของมินตราและความชื้นที่สัมผัสได้ตรงหน้าอกทำให้ภวิชผละมินตราแล้วมองหน้าสวย ๆ ของเธอ
“ มินร้องไห้ทำไม ยังโกรธพี่อยู่เหรอ ”
“ ฮึก ๆ มินไม่ได้โกรธแต่มินก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามินเป็นอะไร มินรู้ว่าพี่วิชห่วงคุณวาว มิน ฮือ ๆ ๆ มินแค่รู้สึกน้อยใจ มินไม่รู้ทำไมเป็นแบบนี้ พี่วิชอย่าเบื่อมินนะคะ ”
“ โอ๋ ๆ ไม่เอานะครับ ไม่ร้องไห้นะ เดี๋ยวไม่สวย ต่อให้มินงอน น้อยใจพี่กี่ร้อยครั้ง พี่ก็จะง้อมินทุกครั้งโดยไม่เบื่อ ”
“ จริงนะคะ ”
“ จริงสิครับ มา...พี่เช็ดผมให้นะ จะได้นอน ” เขาอุ้มภรรยาไปวางที่เตียงและโอบกอด ก่อนจะค่อย ๆ คลายผ้าขนหนูที่ห่อผมไว้ออกแล้วบรรจงเช็ดผมให้ภรรยาความหอมจากแชมพูทำให้ภวิชก้มลงไปสูดความหอมจากผมที่ยาวสลวยและตามด้วยกดจูบที่ไหล่มน แสงจากที่วีสาดส่องทำให้มองเห็นในห้องสลัว ๆ เพราะเขาปิดไฟ
“ อ่ะ พี่วิช ”ภวิชถอนหายใจแล้วสวมกอดภรรยาสาวจากด้านหลังด้วยความหวงแหนไม่คิดเลยว่าจะรักผู้หญิงคนนี้ได้ขนาดนี้
“ ช่วงนี้คนสวยพี่เซ้นสิทีฟจังเลย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ”
“ มินไม่รู้เหมือนกันค่ะ มินขอโทษนะคะ ”
“ ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ นั่นมันแสดงว่ามินรักและหวงพี่มาก งอนแค่ไหนพี่ก็จะง้อ พี่รักมินนะครับ ” พูดจบ เขาก็หอมแก้มไปฟอดหนึ่งให้ชื่นใจ
“ มินก็รักพี่วิชค่ะ ” มินตราเงยหน้าขึ้นไปหอมแก้มภวิชคืน
“ ข้างนี้ด้วยสิครับ ”
“ เจ้าเล่ห์นักนะ อืม ” มินตราที่กำลังจะหอมอีกข้างที่เขาเอียงให้เอียงแต่เธอกลับติดกับดักเขาที่จู่ ๆ ก็หันกลับมาทำให้เธอเสียจูบให้กับเขา มันเป็นจูบทั้งอ่อนหวานและโหยหาเหมือนตกอยู่ในภวังค์ จะไม่มีอะไรแยกความรักความผูกพันจากเขาได้อีกขอให้ความรักของเราอยู่แบบนี้ตลอดไป ความรู้สึกของภวิชตอนนี้ที่เขาสังเกตเห็นความผิดปกติของภรรยาที่เปลี่ยนไปเหมือนกับตอนที่มินตรามอบของขวัญชิ้นแรกให้เขาลูกชายของเขา น้องเจ้านาย นี่หรือว่าเขากำลังจะเป็นพ่อคนอีกครั้ง รอยยิ้มผุดขึ้นในหน้าของชายหนุ่มเห็นทีมีเวลาเขาต้องพาภรรยาคนสวยไปตรวจให้แน่ใจเสียหน่อยแล้ว