Share

บทที่ 4

last update Last Updated: 2025-11-05 14:43:11

ในห้องนอนที่เป็นโลกทั้งใบของหญิงสาวคนหนึ่งเธอรู้สึกปลอดภัยในพื้นที่ที่เธอสร้างขึ้นมาเอง

“ วาว นี่คุณไม่คิดจะออกไปไหนบ้างหรอ ”

“ คนตาบอดอย่างฉันจะออกไปไหนได้ล่ะ นายเลิกพูดบ้า ๆ สักที ”

“ บ้าที่ไหนเล่า คุณเอาแต่นั่งซึมเศร้าอยู่แบบนี้มันก็ไม่ได้ทำให้คุณมีความสุขเลยนะ ”

“ น่ารำคาญจริง ” ภัสสรเริ่มคิ้วขมวดเมื่อทีปกรชอบพูดเรื่องเดิม ๆ กับเธอ ไม้ช่วยนำทางเริ่มกวาดไปมาหันหลังกลับ

หลังจากที่เธอกินข้าวเช้าเสร็จ เธอก็จะหลบขึ้นไปห้องนอนที่เป็นโลกของเธอตั้งแต่เกิดเหตุ

ทีปกรไม่ยอมหยุดง่าย ๆ เขาหายตัวแล้วไปหยุดอีกฝั่งหนึ่งตรงหน้าเธอ

“ คุณจะหนีผมไปไหน ผมยังพูดไม่จบเลยนะ ”

“ นายมีสิทธิ์อะไร ถ้าจะมาเพราะอย่างนี้จะไปไหนก็ไปเลยนะ ไปสิ ” เสียงสนทนาของหญิงสาวทำให้สาวใช้ต่าง ๆ พากันมาดู

“ แก คุณวาวเขาไล่ใครน่ะ ”

“ ฉันจะไปรู้หรอ ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุคุณวาวเธอก็เพี้ยน ๆ ไป น่าเวทนายิ่งนัก สงสารคุณ ๆ เสียเหลือเกิน ” เสียงสาวใช้ที่พากันพูดถึงหญิงสาวที่อยู่ชั้นที่สองของตัวบ้านทำให้ผู้มาเยือนที่หลบตรงประตูบ้านยืนสังเกตการณ์แล้วมองขึ้นไป แต่เขาเห็นเพียงด้านหลังเท่านั้น เกิดอะไรขึ้นกันแน่

ตกเย็นวันนั้นภัสสรถูกทีปกรหลอกให้เดินตามออกมาจากตัวบ้านจนได้ ถึงแม้เธอจะหงุดหงิดและไม่พอใจเท่าไหร่นักแต่เพราะสิ่งที่ทีปกรพูดมันทำให้เธออยากรู้ว่าเขาจะพาเธอไปไหน

“ จะพาไปที่ไหน ถ้าคนในบ้านไม่เห็นฉัน เรื่องใหญ่แน่ ”

“ จับมือผมได้แบบนี้บอกแล้วไม่มีอะไรที่น่ากลัว ” พักหลัง ๆ มานี้รู้สึกว่าเขาสัมผัสตัวหญิงสาวได้ชิดใกล้กว่าเดิมแทบไม่ต้องใช้พลังมันน่าแปลก แถมยังจับตัวได้นานกว่าครั้งก่อน ๆ เป็นไหน ๆ ร่างกายเขามันรู้สึกมีพลังมากขึ้น เขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเรื่องราวระหว่างเขากับเธอผู้หญิงที่เห็นเขาเพียงคนเดียวคนนี้มีความเกี่ยวข้องกันยังไง ทำไมเธอสัมผัสถึงเขาได้

“ จะบอกได้หรือยังว่าไปไหน ”

“ ตอนนี้ช่วงเย็น นี่ก็ประมาณ หกโมงแล้ว คุณรู้รึเปล่าแถวบ้านคุณมีสวนสาธารณะแถวนี้และอากาศก็ดีมากเลยนะ ”

“ ฉันรู้น่า แต่ที่จำได้เขายังสร้างไม่เสร็จนี่ กำลังตกแต่งไฟ กับ โต๊ะหินอ่อน ”

“ ความจำคุณนี่มันล้าหลังชะมัดเลย ตอนนี้เขาเปิดให้เดินชมวิ่งเล่นกันได้แล้วเป็นไหน ๆ ”

“ ก็ฉันมันตาบอดนี่จะเห็นอะไรได้เล่า ” หญิงสาวหันมาใส่อารมณ์ทำตาขุ่นใส่คนที่จับมือเธอเดินมาทั้งที่รู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะตอกย้ำสถานภาพร่างกายของเธอ

“ เอ่อ ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจให้คุณรู้สึกแย่นะครับ ” ทีปกรเพิ่งรู้ว่าพูดในสิ่งที่สะเทือนจิตใจกับคนตัวเล็กข้างกายจึงเอ่ยน้ำเสียงนุ่มนวลและกล่าวขอโทษเธอ ภัสสรหันหน้าหนี เสียงบางอย่างทำให้เธอขมวดคิ้ว

“ แกร๊ก ๆ ๆ ” เสียงเคาะจังหวะที่คุ้นเคยเหมือนสิ่งที่เธอใช้อยู่ทุกวัน

“ เสียงอะไรน่ะ ” ทีปกรเงยหน้าจากที่มองสาวข้างกายหันตามเสียงก่อนจะคลี่ยิ้มบาง ๆ

“ ผมพาคุณมารู้จักใช้ชีวิตไง ”

“ อะไร ”

“ โลกของคุณไงวาว ”

“ ฟึ่บ แล้วนายจะไปไหน! ” ภัสสรรู้สึกถึงการจะปล่อยมือเธอและการเคลื่อนไหวของคนข้างกาย คนที่ไม่ได้ออกมาเจอโลกภายนอกนานแล้วแบบเธอจึงหน้าตื่นตระหนกขวัญเสีย กลัวเขาจะมาปล่อยเธอไว้ การที่ภัสสรคว้ามือเขาอย่างรวดเร็วและสีหน้าซีดเผือดของเธอทำให้ทีปกรตกใจเล็กน้อยก่อนจะค่อย ๆ จับมือเธอมากุมไว้

“ ผมไม่ทิ้งคุณไปไหนหรอกไม่ต้องกลัว แค่จะผูกเชือกรองเท้าให้คุณ มันหลุดน่ะ ” เมื่อเบาใจคุณหนูตัวแสบก็ปรับอารมณ์ให้ปกติ มีแค่เธอเท่านั้นที่เห็นทุก ๆ อริยาบถของเขา

“ ไม่ได้กลัว อย่ามาพูดมั่ว ๆ ”

“ โอเค แม่คนเก่ง ” เขาหัวเราะกับอาการประหม่าปกปิดความอ่อนแอของสาวตรงหน้าอย่างเอ็นดูก่อนจะก้มลงผูกเชือกรองเท้าให้

“ แกร๊ก ” บางสิ่งบางอย่างมากระทบกับไม้ของเธอ

“ ขอโทษครับพอดีผมมองไม่เห็น ไม่รู้ว่ามีคนยืนอยู่ตรงนี้ ผมขอโทษนะครับ ”

“ เอ่อ ๆ ไม่เป็นไรเลยค่ะ ฉันผิดเองที่ยืนเกะกะคุณ ขอโทษนะคะ คุณบอกว่าคุณมองไม่เห็นงั้นหรอคะ ”

“ ครับ ผมตาบอด ผมขอตัวก่อนนะครับ ” ชายหนุ่มที่สวมแว่นดำใส่หมวกแก๊ปใส่ผ้าปิดปากและสวมเสื้อแขนยาวถือไม้นำทางไว้ข้างกาย

“ เดี๋ยวก่อนสิคะ ถ้าคุณไม่รังเกียจเราเป็นเพื่อนกันได้ไหมคะ ฉันเองก็มองไม่เห็นเหมือนกันกับคุณ ” คำตอบที่ได้ยินทำให้ชายหนุ่มหันกลับมามองสาวสวยดวงตาสวยที่เหม่อลอยมองไปเบื้องหน้าอย่างไม่มีจุดหมาย

“ คุณตาบอดเหมือนกันเหรอ ”

“ ใช่ค่ะ เราเป็นเพื่อนกันได้ไหมคะ พอดีวันนี้ฉันมาเดินเล่นครั้งแรกข้างนอกบ้านน่ะค่ะ เลยยังไม่ค่อยมีเพื่อน ” ไม่รู้ทำไมภัสสรถึงขอผู้ชายที่เพิ่งจะได้พบคนนี้เป็นเพื่อนโดยที่ไม่ได้คิดก่อน อาจเป็นเพราะเจอคนที่ตกในชะตากรรมเดียวกัน และน้ำเสียงเขาดูเป็นมิตรมากกว่าศัตรู ภัสสรหันมองซ้ายขวาเธอไม่พบทีปกรเขาหายไปไหนกันเมื่อมีคนอื่นอยู่ด้วยเธอรู้ดีว่าเธอจะต้องไม่พูดถึงเขาเพราะไม่มีใครเห็นเขานอกจากเธอ

“ ถ้าอย่างนั้นเราไปหาที่นั่งพักคุยกันก่อนดีไหมครับ ”

“ ยินดีค่ะ ” ภัสสรและเพื่อนคนใหม่ที่ใช้ไม้เท้านำทางค่อย ๆ เดินไปเรื่อย ๆ โลกมืดมิดของเธอเริ่มมีเพื่อนมีสังคมอีกครั้งแม้จะแค่คนสองคน มันก็ทำให้เธอรู้สึกดีกว่าเดิมมากกว่าเก่านัก

“ คุณชื่ออะไรเหรอคะ ฉันชื่อวาวนะ ”

“ ผม ชื่อ นะโม ครับ ”

“ คุณ นะโม ไม่ทราบว่าคุณอายุเท่าไหร่เหรอคะ ”

“ ผม 26 ครับ ”

“ อายุมากกว่าวาว 4 ปี งั้นวาวขอเรียกพี่ นะโม ได้ไหมคะ ”

“ อืม ได้สิครับ ”

“ เพิ่งรู้ว่าเวลาตอนเย็นที่นี่สงบและอากาศดีขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกนะคะ ที่วาวได้มาเดินเล่นไกลบ้านแบบนี้คนเดียว ”

“ ทำไมล่ะครับ หรือเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่หรอ ”

“ เปล่าค่ะ แล้วพี่ นะโม มาที่นี่บ่อยไหมคะ ”

“ ปกติก็ไม่ค่อยมาหรอก แต่วันนี้แค่รู้สึกว่าอยากมา ก็เท่านั้นเอง ”

“ ถ้าพรุ่งนี้ พี่ นะโม จะมาอีกไหมคะ ”

“ ทำไมเหรอ ”

“ เปล่าค่ะ วาวแค่รู้สึกดีที่ได้เจอคนแบบเดียวกัน มันทำให้วาวไม่เหงาและโดดเดี่ยวค่ะ ”

“ … ”

การพูดคุยด้วยกันเพราะรู้สึกโลกเดียวกันทำให้ภัสสรเหมือนได้พบโลกภายนอกอีกครั้ง มันทำให้การสนทนาเรื่องทั่วไปเป็นเรื่องที่ไม่น่าเบื่อ รอยยิ้มบาง ๆ เริ่มคลี่ยิ้มได้อีกครั้ง พระอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้าไปทุกที บรรยากาศและความมืดเริ่มเข้าปกคลุมเสียงดังเตือนทำให้รู้ว่าเวลาล่วงเลยเข้าเกือบสองทุ่มแล้ว

“ พี่ว่า กลับเถอะ เสียงนาฬิกาเตือนแล้ว ”

“ พี่ตั้งนาฬิกาช่วงนี้ทุกวันเลยหรอ ”

“ อืม มันทำให้รู้เวลาว่าต่อไปควรทำอะไร ”

“ ดีจังค่ะ ที่มีเป้าหมาย ”

“ ทุกคนล้วนมีเป้าหมายทั้งนั้น กลับเถอะพี่เดินไปส่ง ”

“ เอ่อ คือไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยววาวกลับเอง ”

“ ไม่เป็นไร หรือว่ามีคนพามา ”

“ งั้นก็ได้ค่ะ แล้วพี่จะกลับถูกเหรอคะ ในเมื่อพี่เองก็… ” หญิงสาวไม่พูดประโยคที่ว่าเขาตาบอดออกไปเพราะไม่รู้ว่าคนตรงหน้าอารมณ์จะรับได้มากน้อยแค่ไหน

“ หึ ๆ ไม่ต้องห่วงนะครับ พี่เดินบ่อยจนเดินได้ถูกหมดแล้ว เดี๋ยวนี้ก็มีจีพีเอสบอกทางสำหรับคนตาบอดแล้วด้วย ”

“ ถ้าอย่างนั้นวาวคงต้องรบกวนพี่โมแล้วค่ะ ” ภัสสรรู้สึกดีที่ได้เจอเพื่อนใหม่ที่มีโลกเหมือนกัน แสดงความมีน้ำใจโดยการไปส่งเธอ ถึงแม้ว่าทีปกรจะพาเธอมาแต่เธอก็สัมผัสเขาได้แค่คนเดียว ไม่มีตัวตนสำหรับคนอื่น การมีเพื่อนไปส่งที่บ้านก็ถือว่าดีเหมือนกันแต่แปลกที่ตอนนี้เธอไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาเลยสักนิด

ภัสสรที่เดินออกจากบ้านโดยที่ไม่ได้บอกใครเลยสักคน เธอลืมอารมณ์ของพี่ชายตัวเองไปแล้วเป็นแน่ เธอจะรู้ไหมว่าตอนนี้ที่บ้านเธอกำลังก่อพายุลูกใหญ่

“ น้องฉันจะหายไปไหนได้ยังไง อยู่บ้านกันยังไงถึงไม่รู้ว่าน้องฉันหายไปไหน ฉันสั่งให้ดูแลน้องฉันให้ดี แค่นี้ยังดูแลน้องฉันไม่ได้ ยังมีหน้ามาบอกฉันอีกหรอ ว่าไม่รู้ว่าน้องฉันหายไปไหน ห๊ะ! ” เสียงภวิชที่หลังจากจบประชุมที่บริษัทเขาและมินตราก็รีบตรงกลับบ้านทันทีหลังจากได้รับโทรศัพท์ว่าน้องสาวเขาหายไป

“ นี่ถ้าฉันไม่สั่งให้ไปตามน้องสาวมารับโทรศัพท์ ก็ไม่มีใครรู้ใช่ไหมว่าน้องฉันไม่ได้อยู่ในห้อง ฉันถาม ตอบ! ” สาวใช้และคนสวนทุกคนก้มหัวเตรียมรับพายุอารมณ์บุตรชายคนที่สองของบ้านกิตติรัชไพทูลแต่โดยดี หลังจากที่เขาใจเย็นกว่าเดิมจากแต่ก่อนมากตั้งแต่มินตราเข้ามาในชีวิต การเกิดอุบัติเหตุที่ส่งผลต่อการมองเห็นของน้องทำให้เขาต้องใจเย็นกว่าเดิมมาก แต่เห็นทีวันนี้พายุอารมณ์ที่หายไปนาน จะก่อตัวและทำลายล้างกว่าแต่ก่อนแน่ ๆ

“ พี่วิชคะใจเย็นก่อนนะคะคุณวาวอาจจะแค่ไปเดินเล่นแถวนี้ก็ได้ ”

“ แต่หากันทั่วแล้วยังไม่เจอ มินจะให้พี่ใจเย็นเหรอ! ”

“ ... ” ทุกสิ่งทุกอย่างบริเวณนั้นเงียบชั่วขณะไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ ภวิชเริ่มใจเย็นลงเมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอตวาดภรรยาคนสวยข้างกาย

“ เสียงดังอะไรกัน ” เสียงบุคคลที่กำลังเป็นที่ต้องการตัวดังขึ้นมาเรียกสติคนเป็นพี่ชายที่กำลังร้อนรุ่มให้หันกลับไปมอง

“ วาว น้องไปไหนมา ” น้ำเสียงอ่อนลงเมื่อหันไปพูดกับน้องสาว

“ วาวไปเดินเล่นแถวนี้มา มีอะไรหรือเปล่าคะ ” เธอมองไม่เห็นว่าในบ้านนั้นมีคนมากน้อยเพียงใดที่รอการกลับมาของเธอ

“ เอ่อ ไม่มีหรอก วาวหิวข้าวไหม พี่จะให้คนจัดโต๊ะให้ ” เขาพยักหน้าให้สาวใช้ทำตามที่เขาบอก เปลี่ยนอารมณ์พายุเมื่อครู่ให้สงบลงเพราะเกรงว่าน้องสาวจะตกใจ

“ ค่ะ ค่ะ ” สาวใช้ตอบด้วยความร้อนรนเพราะอารมณ์ภวิชขึ้นลงมาเป็นชั่วโมงเมื่อกลับมาไม่เจอน้องสาว

“ ไม่ต้อง ฉันไม่หิว วาวขอตัวขึ้นไปพักก่อนนะคะ ” เมื่อพูดจบ ภวิชก็เดินตรงเข้าไปหาน้องแอบชำเลืองมองภรรยาสาวที่ก้มหน้าเล็กน้อย

“ งั้นพี่พาไปนะ ”

“ ไม่เป็นไรค่ะ วาวไปเองได้ ” เธอเบี่ยงตัวหลบมือที่พี่ชายมาจับแขนหวังช่วยพยุงให้ปล่อยออกแล้วค่อย ๆ ใช้ไม้เท้าเคาะเดินตามทางไปเรื่อย ๆ เมื่อภัสสรค่อย ๆ ก้าวขึ้นบันไดจับราวระเบียงแล้วความเงียบก็ปกคลุมอีกครั้ง ภวิชรู้ถึงความผิดปกติของภรรยาทันที

“ แยกย้ายกันไปทำงานสิ! รออะไร ” เสียงตะโกนทำให้มินตราสะดุ้งอีกครั้ง ก่อนน้ำเสียงเขาจะแผ่วเบาลงเมื่อเห็นอาการตกใจของเธอ

“ คือ มินครับ ”

“ มินขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ ”

“ มิน ” ภวิชได้แต่ตาละห้อยมองตามภรรยาที่เดินขึ้นบันไดไป เธอตกใจง่ายจังพักนี้ ก่อนจะคิดคำขอโทษที่ใจร้อนเผลอตะคอกใส่เธอไป เขาเดินไปนั่งรอบนเตียง เปิดทีวีดูข่าวรอเธออาบน้ำให้เสร็จ แต่พอผ่านไปยี่สิบนาที ไม่เห็นเธอเปิดมาสักที เขาเลยตัดสินใจเข้าไปอาบน้ำห้องทำงาน ก็หวังว่าถ้าเขาอาบน้ำเสร็จเธอก็คงจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วเหมือนกันแต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อไม่มีวี่แววว่าสาวเจ้าจะออกมา

“ มินครับ อาบน้ำนานจัง จะชั่วโมงแล้วนะ มินเป็นอะไรหรือเปล่าครับ มิน มิน ” คนข้างนอกเริ่มเคาะประตูรัว ๆ ความกลัวทำให้เขาจะพังประตูเข้าไป

“ แกร๊ก เสร็จแล้วค่ะ ” มินตราเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำโดยมีผ้าเช็ดผมห่อผมที่เพิ่งผ่านการสระมา เธอใส่ชุดนอน เสื้อและกางเกงแขนยาว ภวิชโล่งอกที่เธอไม่ได้เป็นอะไร เขาคว้าเธอเข้ามากอดสำรวจร่างกายของร่างบอบบาง

“ พี่นึกว่ามินเป็นอะไร พี่กลัวว่ามินจะเป็นอะไรรึเปล่า ”

“ มินไม่ได้เป็นอะไรนี่คะ ” เธอพูดงึมงำอยู่ที่อกของเขา ภวิชกอดเธอแน่นกว่าเดิม

“ การที่มินเงียบแบบนี้ รู้ไหม พี่ใจไม่ดีเลย ถ้ามินเป็นอะไรไป พี่จะอยู่ยังไง พี่ขอโทษที่เสียงดังใส่นะครับพี่ห่วงน้องมากไป ขอโทษนะครับคนดีอย่าโกรธพี่เลยนะ ”

“......” ความเงียบของมินตราและความชื้นที่สัมผัสได้ตรงหน้าอกทำให้ภวิชผละมินตราแล้วมองหน้าสวย ๆ ของเธอ

“ มินร้องไห้ทำไม ยังโกรธพี่อยู่เหรอ ”

“ ฮึก ๆ มินไม่ได้โกรธแต่มินก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามินเป็นอะไร มินรู้ว่าพี่วิชห่วงคุณวาว มิน ฮือ ๆ ๆ มินแค่รู้สึกน้อยใจ มินไม่รู้ทำไมเป็นแบบนี้ พี่วิชอย่าเบื่อมินนะคะ ”

“ โอ๋ ๆ ไม่เอานะครับ ไม่ร้องไห้นะ เดี๋ยวไม่สวย ต่อให้มินงอน น้อยใจพี่กี่ร้อยครั้ง พี่ก็จะง้อมินทุกครั้งโดยไม่เบื่อ ”

“ จริงนะคะ ”

“ จริงสิครับ มา...พี่เช็ดผมให้นะ จะได้นอน ” เขาอุ้มภรรยาไปวางที่เตียงและโอบกอด ก่อนจะค่อย ๆ คลายผ้าขนหนูที่ห่อผมไว้ออกแล้วบรรจงเช็ดผมให้ภรรยาความหอมจากแชมพูทำให้ภวิชก้มลงไปสูดความหอมจากผมที่ยาวสลวยและตามด้วยกดจูบที่ไหล่มน แสงจากที่วีสาดส่องทำให้มองเห็นในห้องสลัว ๆ เพราะเขาปิดไฟ

“ อ่ะ พี่วิช ”ภวิชถอนหายใจแล้วสวมกอดภรรยาสาวจากด้านหลังด้วยความหวงแหนไม่คิดเลยว่าจะรักผู้หญิงคนนี้ได้ขนาดนี้

“ ช่วงนี้คนสวยพี่เซ้นสิทีฟจังเลย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ”

“ มินไม่รู้เหมือนกันค่ะ มินขอโทษนะคะ ”

“ ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ นั่นมันแสดงว่ามินรักและหวงพี่มาก งอนแค่ไหนพี่ก็จะง้อ พี่รักมินนะครับ ” พูดจบ เขาก็หอมแก้มไปฟอดหนึ่งให้ชื่นใจ

“ มินก็รักพี่วิชค่ะ ” มินตราเงยหน้าขึ้นไปหอมแก้มภวิชคืน

“ ข้างนี้ด้วยสิครับ ”

“ เจ้าเล่ห์นักนะ อืม ” มินตราที่กำลังจะหอมอีกข้างที่เขาเอียงให้เอียงแต่เธอกลับติดกับดักเขาที่จู่ ๆ ก็หันกลับมาทำให้เธอเสียจูบให้กับเขา มันเป็นจูบทั้งอ่อนหวานและโหยหาเหมือนตกอยู่ในภวังค์ จะไม่มีอะไรแยกความรักความผูกพันจากเขาได้อีกขอให้ความรักของเราอยู่แบบนี้ตลอดไป ความรู้สึกของภวิชตอนนี้ที่เขาสังเกตเห็นความผิดปกติของภรรยาที่เปลี่ยนไปเหมือนกับตอนที่มินตรามอบของขวัญชิ้นแรกให้เขาลูกชายของเขา น้องเจ้านาย นี่หรือว่าเขากำลังจะเป็นพ่อคนอีกครั้ง รอยยิ้มผุดขึ้นในหน้าของชายหนุ่มเห็นทีมีเวลาเขาต้องพาภรรยาคนสวยไปตรวจให้แน่ใจเสียหน่อยแล้ว
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ดั่งฝันตะวันฉาย ( ภาคต่อพิศวาสรักมาเฟียร้ายดวงใจมาเฟีย )   บทที่ 61

    ร้านอาหารไทยชื่อดังที่วันนี้ภวัตต์เป็นสารถีขับรถให้สองสาวนั่งมาด้วยกัน ตลอดการเดินทางรฏาป้อนขนมใส่ปากให้ภวัตต์ ส่วนคนที่นั่งอยู่ข้างหลังน่ะ อกแทบแตกตาย เหงื่อผุดซึมที่ใบหน้าของชายหนุ่มแต่รฏากลับยิ้มกว้างชอบใจ สองสาวกับหนึ่งหนุ่มเดินตรงเข้าไปยังร้านอาหาร โดยที่นุสราไม่ยอมแพ้ที่จะเดินควงขนาบข้างชายหนุ

  • ดั่งฝันตะวันฉาย ( ภาคต่อพิศวาสรักมาเฟียร้ายดวงใจมาเฟีย )   บทที่ 60

    ร่างสองร่างที่ตระกองกอดกัน อกเปลือยเปล่าของภวัตต์ที่กอดหญิงสาวจากทางด้านหลัง ต่างคนต่างใช้ความคิดของตัวเองในหัวภวัตต์คิดเรื่องที่หญิงสาวไปพัวพันกับเอกสารของสินค้าการส่งออกของเขา มันหมายความว่ายังไง? หรือเธอรู้เห็นในส่วนที่พ่อของเธอกำลังทำ ดูเหมือนว่าความรักของเขาและเธออาจไม่ราบรื่นเหมือนตอนแรกที่คบ

  • ดั่งฝันตะวันฉาย ( ภาคต่อพิศวาสรักมาเฟียร้ายดวงใจมาเฟีย )   บทที่ 59

    ภวัตต์เอนหลังพิงกับโต๊ะทำงานด้วยความอ่อนล้า เอกสารซองสีน้ำตาลที่เขาให้คนแอบไปขโมยออกมาจากบ้านชายหนุ่มต่างชาติคนนั้นได้ ยิ่งทำให้เขาเครียดกว่าเดิม“ ก๊อก ๆ ๆ ”“ เชิญ ”“ เจ้านายครับ การขนส่งสินค้า ถูกระงับไว้ชั่วคราวตามที่เจ้านายบอกแล้วครับ ”“ ดี แล้วทางนั้นมีความเคลื่อนไหวยังไงบ้าง ”“ คิดว่าไม่นา

  • ดั่งฝันตะวันฉาย ( ภาคต่อพิศวาสรักมาเฟียร้ายดวงใจมาเฟีย )   บทที่ 58

    “ มึงก็ชอบยุ ” หัสดินพูดก่อนเดินตามหลังเอกราชไปทัดเทพก็เดินตามหัสดินไปติด ๆ“ ก็แม่งชอบเก๊ก จะโดนคาบไปแดกแล้วเนี่ย! ” เขาตะโกนตามหลัง คำเปรียบเปรยประดุจว่าเธอเป็นเนื้อหวานแสนอร่อย ที่กำลังจะโดนคนอื่นแย่งไป สายตาของอดิศรหันไปมองคู่หนุ่มสาวที่กำลังเล่นดนตรีร้องเพลงอย่างสนุกสนาน ราวกับคู่รัก เห็นแบบนี้

  • ดั่งฝันตะวันฉาย ( ภาคต่อพิศวาสรักมาเฟียร้ายดวงใจมาเฟีย )   บทที่ 57

    “ ม่าย ฉันไม่ให้นายแล้ว ” เธอพูดพร้อมกับหยิบถุงซาลาเปาหลบด้านหลัง เขาจะแย่งเอา เธอก็เบี่ยงถุงหลบไปอีกทาง“ ซาลาเปามันเป็นแป้งนะ คุณไม่กลัวอ้วนหรอ ” คนอยากกินหาเรื่องอ้างยกเหตุผลส่วนใหญ่ที่ผู้หญิงกลัวมาขู่“ ช่างสิ ฉันอยากกิน ถ้าอ้วนเดี๋ยวค่อยลดก็ได้ ”“ ฮ่า ๆ ” เขาหัวเราะเมื่อผิดคาดจากสิ่งที่เขาคิด

  • ดั่งฝันตะวันฉาย ( ภาคต่อพิศวาสรักมาเฟียร้ายดวงใจมาเฟีย )   บทที่ 56

    บ้านตระกูลเพชรธานิน การพูดคุยกันระหว่างสองแม่ลูกที่กำลังนั่งทานอาหารเช้า คุณหญิงศศิชักอยากจะรู้จักสาวน้อยที่ลูกชายของเขาตามหามานานหลายปีแล้วสิ“ กร ไหนลูกบอกว่าเจอหญิงสาวคนที่ลูกเฝ้าตามหาแล้วยังไง ” “ เจอแล้วครับแม่ ” เขาตอบมารดาเสียงนุ่ม คิดถึงใบหน้าหวาน ๆ ของเธอ“ ลูกเจอเธอแล้วจริง ๆ เหรอ ตั้งแต่เ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status