“ รฏา รฏาครับ ก๊อก ๆ ๆ คุณอยู่ในห้องหรือเปล่า ” ภวัตต์เคาะประตูหน้าห้องพักตากอากาศที่เขาต้องมาเคลียร์งานที่ภูเก็ต อารมณ์ของน้องสาวก็ไม่ค่อยปกติ บ่อยครั้งที่เขาเห็นรฏาโดนตวาดจนอดห่วงความรู้สึกสาวเจ้าไม่ได้ เลยอาศัยช่วงเวลาทำงานพาเธอมาผ่อนคลาย หลังจากลงเครื่องและนอนหลับสักพัก ภวัตต์ก็ต้องไปประชุมตั้งแต่บ่ายนี่ก็ตกเย็นแล้ว เขาคิดถึงคนสวยของเขาแต่เมื่อมาถึงห้องนอนเขากลับพบเพียงเตียงว่างเปล่า
“ แกร๊ก รฏา ผมกลับมาแล้วนะ ไปไหนของเขา ” เขาเดินจ้ำอ้าวไปเปิดประตูห้องน้ำ หวังให้เจอคนสวยที่เขาคิดถึงแต่ก็เช่นเคยเมื่อเจอแต่ความว่างเปล่า คิ้วเรียวหนาเริ่มกระตุกเข้าหากัน ตามด้วยเสียงบ่นหาของเขา มือหนาล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือราคาแพง กดโทรหาหญิงสาวทันที
“ ครืด ๆ ” เสียงสั่นของมือถือที่ดังใกล้ ๆ ทำให้ภวัตต์กวาดสายตามองหาต้นเสียง เรียวตาหรี่ออกไปนอกระเบียงที่เปิดประตูเลื่อนไว้
ผ้าม่านสีหมอกปลิวไสวตามแรงลม เขาค่อย ๆ ก้าวเดินออกไปตรงระเบียง แสงสุริยันกำลังจะลาลับขอบฟ้าสาดส่องเข้ามาบาง ๆ ชายกระโปรงสีชมพูอ่อน ๆ ทำให้ ภวัตต์ลดโทรศัพท์มือถือลง คลายปมตรงหัวคิ้วแล้วตรงไปหาเป้าหมาย รอยยิ้มคลี่ออกเล็กน้อย เมื่อเห็นสาวสวยที่เขาเฝ้ารอ นอนรับลมนอกระเบียง เขาก้มตัววางแขนเท้าลงเตียงเล็กน้อยมือแกร่งข้างหนึ่งเท้ากับเตียงที่ใช้สำหรับพักผ่อนส่วนอีกข้างปัดปอยผมที่ปรกหน้าหญิงสาวตามแรงลม มือลูบเรียวหน้าของเธอด้วยความหลงใหลพร้อมจุมพิตเบา ๆ ตรงหน้าผาก ค่อย ๆ ไล้ลงชิมริมฝีปากที่แสนหวาน นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้สัมผัสและใช้เวลาด้วยกันแบบนี้เพราะเกิดเรื่องมากมายจนไม่ค่อยมีเวลาได้ทะนุถนอมมากนัก เขาเองก็เริ่มเพลิดเพลินที่สัมผัสริมฝีปากบาง อารมณ์ปรารถนาก็คุกคามขึ้นมาเรื่อย ๆ
“ อือ ” เสียงร้องครางของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงเริ่มหงุดหงิดที่มีคนมากวนการพักผ่อน ภวัตต์ยังคงไม่ยอมหยุด เขายังจูบช้า ๆ ถอนจูบแล้วจูบใหม่ ขบเม้มยั่วยวนทั้งริมฝีปากล่างและริมฝีปากบน
“ อย่ากวนสิคะ ขอนอนก่อนนะ ”
“ ก็นอนสิครับ เดี๋ยวผมทำเอง ” คำพูดก้ำกึ่งจนคนนอนต้องตื่นมาดูหน้าคนทะลึ่งให้เต็มตาว่าหมายความว่ายังไงกันแน่ รฏาเปิดเปลือกตาขึ้นก็พบหน้าเขาอยู่ห่างจากเธอไม่ถึงคืบ แถมยังส่งยิ้มฟันขาวมาให้เธออีก
“ ทะลึ่ง เมื่อกี้คุณหมายความว่ายังไงคะ ”
“ ทะลึ่งที่ไหน ก็คุณอยากนอนผมก็ให้นอน ผมแค่บอกว่าเดี๋ยวผมทำเอง ทะลึ่งตรงไหนคร้าบ ” เขาพูดเสียงทะเล้น
“ คุณอย่ามาโมเม ที่บอกว่าเดี๋ยวผมทำเองน่ะคืออะไรคะ ”
“ เอ๋! ทำอะไรดีน้า นี่คุณคิดไปถึงไหนกัน ผมแค่หมายถึงกับข้าวมื้อเย็นนี้ต่างหาก ” เขาผละตัวก่อนจะค่อย ๆ นั่งลงตรงเตียงนอนที่เธอใช้พักผ่อนแล้วก้มมองพื้น
ถ้าบอกว่าเขาต้องการ รฏาจะให้เขาไหมนะ? เขาแอบคิดอยู่ในใจ
“ งั้นก็แล้วไป ” เธอค่อย ๆ ขยับตัวขึ้นนั่งก่อนจะหย่อนเท้าลงพื้นข้าง ๆ เขา ตั้งท่าจะลุกขึ้น
“ ฟึ่บ อือ อืม คะ คุณ อืม ” ภวัตต์ไม่รอให้เธอโวยวายเมื่อหญิงสาวตั้งท่าจะลุกไป เขาก็คว้ามือเธอกระตุกเข้าหาจนเธอถลาเข้าไปนั่งในตักของเขา ริมฝีปากร้อนประกบจนเจ้าตัวตั้งรับไม่ทัน
“ คุณวัตต์ อือ ปล่อยนะคะ ” หญิงสาวพยายามร้องห้าม แต่มือไม้เขาอยู่สุขซะที่ไหน ลูบไล้แผ่นหลังของเธอ สติเขาเตลิดไปไกลแล้ว
“ ผม คิด ถึง คุณ ” เสียงแหบพร่าที่กระซิบข้างหูทำให้รฏาเหมือนหลุดลอยเคว้งกลางอากาศ สติเริ่มถดถอย
“ อะไรนะคะ ” เหมือนเธอจะเลื่อนลอยไปกับน้ำเสียงที่น่าหลงใหลของเขา ภวัตต์ยังคงจูบก่อกวนเธออย่างนุ่มนวลกว่าตอนแรก ภวัตต์ผละหญิงสาวออกแล้วมองสบตาที่เป็นประกายของเธอเพราะอารมณ์ที่เขาปลุกขึ้นมามือหนาลูบแก้มและริมฝีปากเธออย่างเย้ายวนและหลงใหล
“ ผมคิดถึงคุณ พักนี้เราไม่ค่อยได้สัมผัสกันใกล้ชิดแบบนี้ ”
“ เพียะ คุณนี่มัน ” เธอฟาดเข้าที่อกแกร่งก่อนเบี่ยงหน้าหนีหลบสายตาของเขาที่ทำให้ใจเธอเต้นขนาดนี้มันตั้งแต่เมื่อไหร่
“ หันมาฟังผมนะ ” เขาจับใบหน้าเธอหันมาสบตากับเขาอีกครั้งก่อนจะพูดต่อ
“ คุณเหนื่อยมากไหมรฏาอยู่กับผม ผมขอโทษที่พักนี้ไม่ค่อยได้ดูแลคุณเท่าที่ควร ถ้าวันนั้นผมไปกับคุณพ่อคุณแม่ท่านคงไม่เสีย คงไม่เกิดเรื่องร้าย ๆ ขึ้น ยัยวาวก็ไม่ต้องตาบอดแบบนี้ ” เขาดึงมือเธอขึ้นมาจูบเบา ๆ ชั่วขณะที่รฏาสัมผัสได้ถึงความเศร้าที่แวบผ่านมาทางม่านตาของเขา เธอรู้ว่าเขากำลังโทษตัวเอง
“ ไม่หรอกค่ะ อย่าโทษตัวเองนะคะวัตต์ ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องร้าย ๆ ขึ้นหรอกนะคะ รฏาเชื่อว่าคุณลุงกับคุณป้าท่านไปสบาย อยู่บนนั้นไงคะ ท่านต้องมองลงมามองดูคุณมองดูวิช และน้องวาวอยู่ ถ้าคุณโทษว่าเป็นความผิดตัวคุณเองคุณคิดว่าท่านจะสบายใจหรือคะ ” เธอจับใบหน้าเขาด้วยมือทั้งสองข้าง มองผ่านดวงตาที่รู้สึกเหนื่อยล้าของเขา
“ คุณเก่งแล้วนะคะ ที่ดูแลน้อง ๆ ได้ขนาดนี้ ฉันเชื่อว่าคุณจะดูแลคุณวาวได้ดีไม่แพ้ที่คุณทำงานในบริษัทแทนคุณพ่อคุณแม่ของคุณเลย ”
“ ขอบคุณนะครับรฏา ” เขาจับมือเธอที่ลูบหน้าเขาขึ้นมาจูบเบา ๆ อีกครั้ง
“ อย่านะคะ เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นเข้า ” เธอร้องห้ามเมื่อเขากำลังจะทำมากกว่าแค่จูบมือ
“ แค่ขอกำลังใจหน่อยไม่ได้หรือครับ ”
“ คุณนี่มัน อืม ฮือ ” เธอมองขึ้นฟ้ากรอกตาไปมาเพราะรู้ว่าสุดท้ายแล้วเธอก็คงปฏิเสธเขาไม่ได้แม้จะเป็นแค่การจูบก็ตามแต่เขาเป็นเหมือนเชื้อไฟที่สามารถเติมเชื้อเพลิงได้อย่างเรื่อย ๆ ไม่มอดดับไปสักที มือไม้ของเขาก็สร้างความรัญจวนให้เธอจนเธอแทบไม่เหลือแรงที่จะขยับไปไหน
“ ไหนคุณบอกว่าจะทำกับข้าวไงคะ ”
“ ไว้ค่อยทำก็ได้ตอนนี้ผมอยากทำอย่างอื่นมากกว่า ”
“ อะ วัตต์คะ ”
“ คร้าบ ” เขาลากเสียงยาวแต่ยังไม่หยุดการกระทำ
“ หยุดก่อนนะคะ ถ้าไม่หยุดวันนี้นอนนอกห้องนะ ” เมื่อสิ้นประโยค ภวัตต์ก็ถึงกับชะงัก เขาหยุดทุกอย่างทันทีกัดริมฝีปากตัวเองเหมือนเด็กโดนขัดใจ ก่อนจะค่อย ๆ ปล่อยแขนออกจากเอวเธอ รฏาค่อย ๆ ลุกขึ้นจากตักเขา ภวัตต์ยอมปล่อยเธอง่ายกว่าทุกครั้ง เขาหันหน้าไปทางอื่นก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากตรงนั้นแทน รฏาได้แต่มองตามเขา
“ วัตต์ วัตต์คะ ” ไม่มีเสียงตอบรับจากเขา หรือเขาจะงอนเธอ ปกติแล้วเขาที่เป็นคนตามง้อเธอตลอด เขางอนเธอจริงหรือนี่ ความจริงเธอไม่ใช่ไม่รู้อาการที่ภวัตต์เป็นอยู่ตอนนี้มันหมายถึงอะไร หากภวัตต์เรียกร้องจากเธอต่อไปเรื่อย ๆ เธอเองก็หวั่นใจตัวเองที่จะใจอ่อน เคลิบเคลิ้มไปกับความหอมหวานที่เขามอบให้ แต่หากเวลานี้เธออยากเข้าพิธีแต่งงานเฉกเช่นผู้หญิงคนอื่นสักครั้งในชีวิต แต่เธอก็รู้ว่าเวลานี้เธอไม่ควรพูด หากตอนนั้นเป็นไปอย่างแผนที่ตกลงร่วมมือกับแม่ของชายหนุ่มเอาไว้ ที่จะสลับตัวกันให้ภวิชมาเป็นเจ้าบ่าวเพื่อให้ชายหนุ่มตรงหน้าแสดงอาการแล้วมาขอเธอแต่งงานแทน แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิดเพราะเขาก็เล่นตัวเหมือนกัน เธอจึงไม่ได้แต่งงานเสียที หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจกับตัวเองเบา ๆ แผนงานแต่งงานในคราวนั้นจึงล้มไปไม่เป็นท่า
รฏาเดินตามชายหนุ่มเข้าไปในครัวที่ตอนนี้เขาหันไปให้ความสนใจกับการล้างผักแทน สีหน้าที่แสดงออกมาเหมือนเด็กโดนขัดใจแบบนี้มีหรือเธอจะดูไม่ออก เขายังคงไม่สนใจเธอแถมยังเปิดตู้เย็นหยิบกล่องที่ใส่เนื้อหมูออกมาอีก
“ วัตต์คะ คุณโกรธรฏาเหรอ? ”
“ เปล่า ผมแค่จะทำกับข้าวให้คุณ ”
“ แต่สีหน้าคุณมันบ่งบอกน้า... ว่าคุณกำลังโกรธ ” ไม่พูดเปล่าแต่มือไม้เธอยังเลื่อนสัมผัสกับกระโปรงจนแหวกออกให้เห็นต้นขา สายตาเรียวคมหันมองเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับเธอ มือแกร่งกระตุกมือหญิงสาวเข้าหาตัวแล้วอุ้มร่างบอบบางลงบนโต๊ะอาหาร
“ ทำแบบนี้ จะยั่วผมหรอ ” เขาเท้าแขนทั้งสองข้างลงกับโต๊ะที่ใช้สำหรับวางอาหารล็อคตุวเธอให้อยู่ในวงแขน
“ ก็เปล่า แต่คุณทำท่าไม่สนใจเอง ” รฏายิ้มหวานนิ้วมือสัมผัสที่ริมฝีปากก่อนจะค่อย ๆ ไล้ลงไปสัมผัสกับเสื้อคอวีที่เธอใส่ ทำให้เห็นร่องอกงามตระหง่านที่อยู่ตรงหน้า ภวัตต์ลอบกลืนน้ำลายหนืด ๆ ลงคอ
“ คุณน่ะ มันร้าย ” ดวงตาเรียวคมมองหญิงสาวตรงหน้าที่ยิ้มหวานให้เขา
“ แล้วรักไหมคะ ”
“ อะ อืม ” แทนคำตอบด้วยการจูบมือแกร่งละจากการเท้าโต๊ะขึ้นสัมผัสกับใบหน้าเนียนสวยดันต้นคอของหญิงสาวให้สัมผัสรับกับจูบของเขาอย่างเต็มที่ มือเรียวงามวาดโอบรอบลำคอของเขาอย่างเอาใจ เอาเข้าจริงเธอเองก็โหยหาเขาเช่นกัน
“ อย่าปฏิเสธผมเลยนะ ได้อยู่กันสองคนแบบนี้ อยากชดเชยเวลาที่ผ่านมาของเราสองคนบ้าง ” ภวัตต์จับใบหน้างามงอนมองอย่างลึกซึ้งเข้าดวงตาคู่หวาน
“ รฏาขอโทษค่ะ ”
“ อืม อ๊า ” รฏาครวญครางเมื่อภวัตต์บดจูบใส่เธอทั้งเรียกร้องและอ่อนหวาน เรียวลิ้นหนากวาดทั่วโพรงปากมือแกร่งลูบไล้ผิวบอบบางสัมผัสทรวงอกนุ่มที่แอ่นรับสัมผัสของเขา
“ วัตต์ วัตต์คะ ”
“ หืม ” เขาตอบแต่ยังคงซุกไซ้ที่ซอกคอของหล่อนอย่างไม่ยอมห่าง
“ ตรงนี้มันห้องครัวนะคะ ”
“ แล้วไง ”
“ อะ อืม เดี๋ยวสิคะ ” รฏาพยายามจับใบหน้าของเขาที่ตอนนี้ ซุกไซ้ซอกคอของเธออย่างไม่ลืมหูลืมตา
“ ตรงนี้ก็เร้าใจดีออก ” เขากระซิบเสียงแหบพร่าเรียกเสียงหัวเราะจากทั้งสองคนได้อย่างดี
“ คนทะลึ่ง ”
“ ต้องโดนทำโทษ ”
“ แคว๊ก ว้าย! ” หลังจากคำคาดโทษของเขาจบก็ตามด้วยเสียงที่กระชากกระโปรง เสียงร้องตกใจของหญิงสาวจนเจ้าตัวต้องมองสบตากับชายหนุ่มที่เขากำลังยิ้มร่าส่งมาให้ รฏากัดริมฝีปากมองเขาอย่างยิ้ม ๆ ที่เขาแกล้งเธอแบบนี้
“ หมดเวลาสนุกแล้ว ทำจริงเลยดีกว่า ” ภวัตต์กัดริมฝีปากตัวเองแล้วอุ้มหญิงสาวตรงไปยังห้องนอนของตัวเองทันที
“ ยังไงวันนี้ผมก็จะชดเชยให้คุณทั้งตัวและหัวใจ ตลอดคืนเลย ” เขาพูดพร้อมกับเอาหัวซุกซอกคอถูไถราวกับเด็กน้อยที่ชอบซุกอกมารดา
“ ฮ่า ๆ วัตต์อย่าเล่นแบบนี้สิคะ ” หญิงสาวดันใบหน้าหล่อเหลาให้ออกจากซอกคอของเธอ ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเป็นถอดเสื้อออกแล้วโยนทิ้งลงข้างเตียงอย่างไม่ใยดีนัก รสรักความหอมหวานกลับเข้ามาอีกครั้งหลังจากที่แกล้งหญิงสาวพอหอมปากหอมคอ จากเสียงหัวเราะ ก็กลายเป็นเสียงครวญครางแทน ราตรีนี้ยังคงอีกนาน