เข้าสู่ระบบบทที่ 9
“คุณเทียนคะ คุณเทียนคะ” พนักงานผู้หญิงเรียกเธอ
“ขออนุญาตทำความสะอาดตัวให้คุณเทียนนะคะ” แสงเทียนพยักหน้า พนักงานเดินเข้ามาถอดเสื้อคลุมเธอออกเสร็จแล้วแสงเทียนก็พลิกตัวหันหลังนอนราบกับเตียง พลางคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
‘ผู้ชาย เวลามันอยากได้ มันทำได้ทุกอย่างแหละเทียน พอมันได้ มันก็เบื่อ จำคำพี่ไว้’
เสียงพี่ชายเธอดังในห้วงความคิด บางทีเธอต้องระวังตัวมากกว่านี้...
ชายหนุ่มสั่งปิดร้านอาหารชั้นดาดฟ้า สั่งคนปูพรมพื้นทางเดิน หาวงดนตรีที่จะมาทันเวลาใน 1 ชั่งโมงนี้ ทิติยะให้คนจัดเตรียมดอกกุหลาบสีแดงเรียงรายตามทางเดินเนรมิตทุกอย่างเพื่อทำให้หญิงสาวประทับใจที่สุด
เขาไปแอบส่องไอจีเธอมา...รู้ว่าเธอชอบดอกกุหลาบสีแดง เพราะเธอจะลงรูป กุหลาบสีแดงตัดแต่งในแจกันแทบทุกวันด้วยฝีมือเธอ
แสงเทียนจะไม่ค่อยลงรูปตัวเอง ส่วนมากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว อาหารที่ทาน ซ้ำ ๆ เดิม ๆ เขาก็เอาตามที่เห็นนั่นแหละ อยากให้เธอประทับใจที่สุด
“คุณทิไปเปลี่ยนชุดหน่อยดีไหมครับ”
“อืม...งั้นฝากจัดการที่เหลือด้วย”
“ครับ” ดินรับคำ ก่อนเราทั้งคู่จะแยกกันเดินออกมาขึ้นลิฟท์และตรงไปยังห้องพัก ขอเปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อยแล้วกัน
“คุณทิ คุณทิ คะ...ครับ”
“ว่าไง” ชายหนุ่มตอบรับและมองไปยังประตูหน้าห้อง
“คุณเทียนกลับไปแล้วครับ”
“หะ! กลับ กลับไปไหน?”
“ขับรถออกไปแล้วครับ” ทิติยะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์โทรออก ปลายสายไม่รับ โทรอยู่สัก 10 นาที ก็ไม่รับ
เขาโมโหมากและไม่เข้าใจ ถ้าโกรธที่โดนจูบทำไมไม่พูดออกมาตั้งแต่แรกและปล่อยให้เขาคิดเองเออเองเพื่ออะไร ส่วนที่ทำไปวันนี้คือสูญเปล่ามันไม่เป็นไรหรอก แต่เสียความรู้สึกมาก ๆ นั่นแหละประเด็น!
เธอเป็นใครมาจากไหนกัน เห็นความรู้สึกเขาเป็นของเล่นเหรอ ชายหนุ่มมองช่อดอกกุหลาบสีแดงบนโต๊ะหยิบฟาดลงกับพื้นระบายความอัดอั้น
เออ! ไม่สนใจก็ไม่สนใจ พอกันที!!!
#ร้านวิลเลี่ยม
“เคร้ง! ไง หายหัว หายหางไปกับสาวคนนั้นเลยนะมึง เห็นหมีดีกว่าทีมเวิร์คได้ไง!” กิต หรือ หมอหนุ่มคนเดิมเอ่ยทักทิติยะทันทีที่เจอหน้า
“เงียบปากแล้วแดกไปเหอะ”
“อะไรของมันวะ” ตั้งแต่มาถึงทิติยะก็ยกเอา ยกเอา ไม่พูดไม่จา ไม่โทรมาอยู่ดี ๆ ก็โผล่มานี่เลยจะบอกว่าเหมือนคนอกหักก็น่าจะใช่...แต่มันคบใคร?
“ค่อย ๆ แดก เดี๋ยวได้ตายห่าคาโต๊ะหรอก นี่ฉลองที่กูกลับมา หรือฉลองให้แก่ความฉิบหายของตัวเอง” ภคพงษ์ ณ สมุทร หรือ ใบพัด เพื่อนสนิทอีกคนของกลุ่มเราพูดขึ้น นายหัวเกาะนกที่ใหญ่ที่สุดในทะเลตรัง
“เออ มานั่งคุยกันบ้างเหอะ มา ๆ เลิกแดกก่อน” วิลเลี่ยม หรือ การ์ฟิลด์ เพื่อนสนิทอีกคนเจ้าของร้านที่พวกเรากำลังนั่งอยู่
“พวกมึงช่วยเงียบปากกันก่อนได้ไหมวะ กูอยากอยู่เงียบ ๆ”
“อยากอยู่เงียบ ๆ ก็แดกอยู่บ้าน!!!”
1 ชั่วโมง ผ่านไป...
“ไอ้ทิ...เบาได้เบา เบาหน่อยเพื่อน” กิตมองภคพงษ์ที่ตบบ่าทิติยะเพื่อบอกให้มันดื่มน้อยลงหน่อย แต่ก็ไร้ประโยชน์ คนแบบทิติยะห้ามไปก็ไม่ฟังหรอก
“ปล่อยแม่งเหอะ มันอยากแดกให้ตายก็ปล่อยมัน เป็นห่าไรก็ไม่พูด พวกกูก็ไม่อยากจะรู้หรอก แต่อย่ามานั่งเป็นหมาหงอยแบบนี้ เห็นแล้วรำคาญลูกกะตา” ทิติยะกระแทกแก้วเหล้าลงบนโต๊ะเสียงดัง
“กูบอกไป! พวกมึงก็ช่วยกูไม่ได้หรอก!” คนช้ำใจมองหน้าพวกเพื่อน ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ไหนลองเล่ามาให้ฟังก่อน” ภคพงษ์ถามย้ำ
“กูนะเว๊ย! โคตรชอบแม่งเลย คนไรไม่รู้โคตรสวย น่ารัก ฉลาด สเปก กูหลงฉิบหาย หัวปักหัวปำ หมดแก้ว!” จบประโยคมันยกหมดแก้ว
“เหมือนจะดีแล้ว แต่แม่งมีปัญหาอีก เธอเจอน้ำฝนสร้างเรื่องคือกูยังไม่ทันทำอะไรเลย ฝนมันก็โผล่มา หมดแก้ว!” จบประโยคมันยกหมดแก้ว
“ทีนี้มีเรื่องกัน มึงดูหน้ากูดิ! ปากกูอีกแตกสองข้างเลย หน้ายังชาไม่หาย”
“น้ำฝนตบมึง?” กิตถามอย่างสงสัย
“น้ำฝนห่าไร เทียนนี่ดิ ตบกูสองข้างลั่น ๆ ถึงตบในห้องก็เหอะ แต่เหมือนตบกูต่อหน้าพนักงานทั้งโรงแรมอ่ะ มึงจะไม่ให้กูเซ็งได้ไง หมดแก้ว!” จบประโยคมันยกหมดแก้ว
“เดี๋ยวก่อน? ห้องนี่ห้องอะไร?” ดูแล้วผู้หญิงอย่างแสงเทียนคงไม่เข้าไปอยู่ในห้องสองต่อสองกับทิติยะเพื่อนของเขาหรอก
“ห้องนวดที่โรงแรมกู คือยังงี้!” มันก็เล่ายาวตั้งแต่เริ่มเรื่องจนจบ
“เธอไม่เอามึงแล้วแน่นอน” ภคงพงษ์ตบบ่าทิติยะ
“เออดิ! คือกูรู้ว่าเธอคงจะไม่พอใจ แต่กูก็ง้อแล้วนะ ขอโทษแล้วด้วย แต่เธอปิดกันกูทุกทาง กูก็ไม่รู้ทำไงเลยจูบไปทีนี้หายเข้ากลีบเมฆไม่ลากูสักคำ หมดแก้ว!” จบประโยคมันยกหมดแก้ว
“ไอ้กิตมึงไปสรุปกับมันมาและมาบอกพวกกูน่าจะดีกว่า กว่าจะจบเรื่องคงแดกด้วยไม่ไหว เดี๋ยวยก เดี๋ยวยก” ภคพงษ์ส่งกิตไปเป็นทัพหน้าเช่นเคย
“มึงช่วยสรุปมาหน่อย...คือน้อยใจ?” วิลเลี่ยมเงียบไปนานจึงเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มยั่ว
“ไม่ได้น้อยใจ” ทิติยะตอบเซ็ง ๆ
“ไอ้ทิ...มึงก็มีวันนี้กับเขาด้วยเหรอ” วิลเลี่ยมยังคงล้อเลียนเพื่อนต่อไป
“หัวก็ไม่ล้านทำไมขี้ใจน้อยว่ะ มึงรู้จักเขากี่วัน” วิลเลี่ยมถามต่อ
“4 วัน”
“4 วัน!! เป็นขนาดนี้?” ไอ้พัดตกใจ
“มึงต้องให้เวลาเขาหน่อย ถ้ามึงจริงใจก็แสดงให้เขารู้ แต่มึงอย่าทำเป็นอยากได้นักอยากได้หนา ผู้หญิงบางคนผู้ชายก็เป็นแค่ส่วนประกอบในชีวิต ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต มีก็ได้ มีไม่ดีก็อยู่คนเดียว ยุคนี้ผู้หญิงเขาไม่ง้อผู้ชายกันแล้ว ใจเย็น ๆ” ภคพงษ์ร่ายยาว
“เสียเวลา! ชอบคือชอบ ฉุดทำเมีย ปล่อยท้อง เดี๋ยวก็ได้แต่งงาน” ภคพงษ์หันไปมองหน้าวิลเลี่ยม
“มึงอย่า...” ภคพงษ์พูดยังไม่ทันจบ
“ไปไหนไอ้ทิ!” เพื่อนทุกคนมองตามไป
“พวกมึง...เห็นผู้หญิงชุดขาวคนนั้นไหม คนนั้นแหละคนที่ทำให้ไอ้ทิเป็นบ้าเป็นหลังอยู่ตอนนี้”
บทส่งท้ายแสงเทียนสวมใส่ชุดแต่งงานสีขาวงาช้างเปิดไหล่ ชายกระโปรงยาวกรอมเท้า ทั้งชุดประดับไปด้วยคริสตัลแพรวพราวระยิบระยับ ตัดโดยห้องเสื้อชื่อดังของเมืองไทย ใบหน้านวลลออตกแต่งอย่างสวยจัด ผมดำขลับยาวสลวยวันนี้ถูกรวบขึ้นโชว์ลำคอระหง“เทียน!! ทิรักเทียน!!” แสงเทียนหัวเราเขาคงโดนเพื่อนแกล้งกว่าจะผ่านแต่ละด่านได้“ไอ้กิต 50,000 แล้วนะเว๊ย มึงจะเอาให้หมดตัวเลยเหรอ!” เจ้าบ่าวได้ทีบ่นยกใหญ่“เอามาอีก! มึงจะผ่านไหมล่ะ เอาเงินมา! ไม่งั้นกูไม่ให้ผ่านนะเว๊ย!”“มึงเพื่อนเจ้าบ่าวทำไมมากั้นประตูเงินประตูทองฝั่งเจ้าสาว!”“กูเลิกคบมึงแล้ว กูชอบคบคนรวย เมียมึงรวยกว่ามึง”แสงเทียนมองมิตรภาพระหว่างทิติยะและเพื่อนสนิทของเขา เธอยิ้มออกมาอย่างสุขใจ พิมพ์ใจที่ยืนอยู่ด่านสุดท้ายหันมายิ้มให้เธอ“พิมพ์ไม่อยากได้อะไรหรอกค่ะ แต่ขอคำสัญญาว่าคุณทิจะรักและซื่อสัตย์กับเทียนคนเดียวนะคะ”“ครับผมสัญญา” เมื่อด่านสุดท้ายผ่านมาได้ ร่างสูงคุ้นเคยในชุดทักซิโด้หล่อเหลาก็เดินมานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอ“แต่งงานกันนะเทียน...ทิมารับเทียนไปเป็นเจ้าสาว” แสงเทียนสบตามองผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจ“แต่งค่ะ เทียนจะแต่งงานกับทิ” ทิติยะยิ้มก
บทที่ 37งานแต่งถูกจัดขึ้นที่โรงแรมของทิติยะที่เชียงใหม่ ชายหนุ่มให้คนจัดเตรียมยกกุหลาบทั้งสวนมาไว้ที่นี่ จำลองไปเลยว่านี่คือสวนกุหลาบสีแดงกว้างเกือบ 1 ไร่ เชิญแขกมา 1,000 โต๊ะ งานช้างระดับประเทศไม่น้อยหน้าใครแน่นอน เขาใช้เวลาเตรียมงานอยู่ 2 ประมาณอาทิตย์ต้องรีบจัดงานเพราะตอนนี้เจ้าลูกเขาในท้องใหญ่ขึ้นทุกวัน ดีหน่อยว่าแม่เขาเป็นคนสูงจึงออกแต่ช่วงหน้าท้อง ไม่งั้นก็ได้ลงข่าวกันครึกโครมแน่ ๆพรุ่งนี้เป็นวันจริงแล้ว...เขาเห็นเธอยืนมองออกไปนอกระเบียง เขาเดินเข้าไปกอดเธอจากด้านหลัง เธอพลิกตัวกลับมา เอามือมาจับใบหน้าเขาไว้ ก่อนจะกดกลีบปากบางจูบลงมาบนริมฝีปากหนา เดี๋ยวกอดเดี๋ยวหอมเขา“เทียนรักทิ...ขอบคุณสำหรับทุกอย่างค่ะ” เธอพลิกตัวกลับไป และหันหลังพักพิงร่างกายไว้กับหน้าอกแกร่ง“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะสวยขนาดนี้...เทียนชอบดอกกุหลาบสีแดงแบบนี้”ทิติยะเนรมิตทุกอย่างที่แสงเทียนชอบ สรรหาทุกอย่างให้ดีที่สุด พร้อมที่สุด...เพื่อคนรักของเขาชายหนุ่มยิ้มรับคำชื่นชมอีกทั้งยังกอดรัดร่างที่เริ่มจะอวบอิ่มไว้แนบแน่น ใบหน้าก็ซุกลงที่บ่าเล็กพร้อมเอามือไปลูบท้องเธอเขามองลงไปยังด้านล่างของระเบียงที่พอมองไปจะ
บทที่ 36ทิติยะได้รับอนุญาตจากหมอเจ้าของไข้ให้ออกจากโรงพยาบาลได้ และในขณะที่เรากำลังเก็บของกลับบ้านกันอยู่แสงเทียนเอาเสื้อมาสวมใส่ให้เขา ส่วนมือหนาก็ติดกระดุมเสื้อต่อไป สายตาเขาเอาแต่จับจ้องที่เธอแทบจะตลอดเวลาไม่วางตา...“ไอ้ทิ! ถ้ามองขนาดนี้! มึงไม่แดกคุณเทียนเข้าไปเลยล่ะ!” กิตที่อยู่ในห้องด้วยเห็นเพื่อนสนิทมองเมียตัวเองแล้วก็ได้แต่ระอาแทนทิติยะได้ทีตวัดสายตาไปมองกิตที่ยืนบ่นอยู่ คนเคยตาเจ็บที่ตอนนี้หายดีแล้วเขาถอดรองเท้าหนังที่สวมใส่อยู่ออก ก่อนจะเดินไปหาและกระโดดถีบศัลยแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาลจนล้มคว่ำ และก็ไม่หยุดประเคนฝ่าเท้าใส่มันอีก!“ถือว่าหายกันที่มึงหลอกกู!”“โอ๊ย! ไอ้ทิ ไอ้เลว! กูเจ็บนะเว๊ย!” กิตร้องโอดโอย“ใครใช้ให้มึงหลอกกูล่ะ!!” ทิติยะไม่แยแส พรางก้มลงเก็บของใส่กระเป๋า“กูเป็นหมอศัลยกรรมกระดูกและประสาทนะเว๊ย! กูไม่ใช่หมอสูติ! กูก็รู้ก่อนมึงไม่เท่าไหร่ โอ๊ยเจ็บ! หลังกู!!” คนที่โดนประทุษร้ายยังคงร้องโวยวายไม่หยุดทิติยะเดินมาใช้ปลายคางวางลงบนบ่าเล็ก ๆ ของแสงเทียนที่ดุเขาเบา ๆ ว่าไม่ควรทำแบบนี้กับเพื่อนเลย“ส่วนคุณ...กลับบ้านผมจะจัดให้หนักเลย” ทิติยะก้มลงไปกระซิบข้างหูเธ
บทที่ 35เธอขอร้องหมอกิตให้เก็บเป็นความลับไปก่อน เพราะไม่รู้ว่าตัวพ่อเขาจะดีใจหรือเสียใจที่มีลูกตอนนี้แสงเทียนเดินหอบของพะรุงพะรังเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย เธอทำมือบอกให้พยาบาลเงียบเสียง และสั่งให้ไปแกะเอาผลไม้เข้าตู้เย็นเธอรู้มาจากคุณแม่เขาว่าเขาชอบทานผลไม้เย็น ๆ พวกเงาะ มังคุด แตงโม เธอก็ซื้อมาปอกเตรียมใส่กล่องให้เขาทุกวัน“คุณพยาบาลนี่รู้ใจผมจัง...ผมชอบทานผลไม้แบบนี้ เงาะนี่เอาเม็ดออกให้ด้วย เยี่ยมเลย!” ทิติยะน้ำเสียงสดใสขึ้น ทำให้แสงเทียนอดยิ้มไม่ได้เธออมยิ้มมองเขาที่ยกนิ้วโป้งส่งมาทางนี้ ทั้งที่ไม่เห็นว่าเธออยู่ตรงไหน ตลกกินจริง ๆใกล้อาหารมื้อเย็น เธอเตรียมอุ่นกับข้าวที่แพ็กมาให้เขา และจะออกไปรอด้านนอก เพราะกินข้าวเย็นเสร็จเขาต้องแกะผ้าหยอดตาทิติยะไม่ชอบทานอาหารโรงพยาบาล เขาบอกว่าไม่อร่อย เธอก็เลยให้แม่บ้านที่บ้านทำสลับกับอาหารของแม่เขาลิ้นเขาจำรสได้แม่นมาก บางครั้งเธอยังเสียว ๆ กลัวเขาจะจำรสมือแม่บ้านเธอได้ เพราะก่อนหน้านี้เราทานข้าวที่บ้านเธอบ่อยแสงเทียนกำลังเปิดกล่องซุปกระดูกที่ให้แม่บ้านทำมาให้แต่กลิ่นที่ตีขึ้นปะทะจมูกทำให้เธอรู้สึกอยากจะอาเจียนเสียงนำไปก่อนแล้ว และเธอก็
บทที่ 34กิตหายไปนาน...จนจะได้เวลาทานข้าวเย็น มันจึงเดินเข้ามาบอกว่ามีผ่าตัด ไม่มีเวลาอยู่ด้วยจึงจ้างพยาบาลพิเศษมาดูแล ซึ่งทิติยะไม่ได้ติดอะไรเพราะตอนนี้เดินเหินลำบากต้องใช้ชีวิตอยู่มืด ๆ แบบนี้ไปก่อน“คุณทิได้เวลาอาหารเย็นแล้วค่ะ” พยาบาลพิเศษเอ่ยบอก ทิติยะทานอาหารเองได้รวมถึงห้องน้ำด้วย เพราะจะให้ใครก็ไม่รู้มาจับน้องชายเขาทุกวันเห็นทีจะแปลก ๆ ไปหน่อยชายหนุ่มต้องหยอดยาช่วงเย็น ก็ใช้วิธีปิดไฟในห้องและหยอดยา พยาบาลที่มาดูแลเธอก็จะเงียบ ๆ จะพูดเฉพาะเวลาที่ต้องทานข้าวหรือทานาก็เท่านั้นชีวิตก็วนลูปอยู่แบบนี้ทุกวัน เบื่อแสนเบื่อ แต่ทำไงได้เพื่อนก็แวะเวียนกันมาเยี่ยมให้พอบรรเทาอาการเหงาบ้าง...แต่แสงเทียนไม่เคยมาเลย ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่เคยเลยสักครั้งเดียวแม่ก็โทรมาหา...เล่าให้ฟังว่าแสงเทียนแวะไปหาท่านที่บ้าน ซื้อยาบำรุงไปให้และไปทานข้าวนั่งเล่นที่บ้านแทบทุกวัน ทิติยะได้รับฟังก็รู้สึกใจชื้นที่อย่างน้อยเธอก็ยังแวะไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ของเขาวันนั้นก็คงเป็นเธอแหละที่เข้ามาในห้องเอาผลไม้มาเยี่ยม มันก็ทำให้ทิติยะดีใจที่อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้หมดใจกับเขาซะทีเดียว“เป็นไง...ง่อยเลยสิมึง” เสียงการ์ฟิลด์
บทที่ 33การตรวจตาด้วยการใช้สารย้อมสี และตรวจตาด้วยกล้องจุลทรรศน์ตรวจนัยน์ตาชนิดลำแสงแคบ ซึ่งจะช่วยให้มองเห็นแผลที่กระจกตาได้อย่างชัดเจนและหากผิวกระจกตามีการหลุดออกจะย้อมติดสีเขียว รวมทั้งอาจมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการโดยการขูดกระจกตา แล้วนำไปย้อมและเพาะเชื้อเพื่อหาเชื้อที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อร่วมด้วย“ระวังการกระทบกระเทือนที่กระจกตา จริง ๆ จะต้องรักษาโดยครอบตาด้วยฝาครอบตาใส แต่ผมอยากจะปิดด้วยการพันผ้าไปเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องโดนแสง และจะต้องหยอดตาเพื่อลดการอักเสบของม่านตา หยอดตาด้วยยาปฏิชีวนะ ป้ายตาด้วยยาปฏิชีวนะชนิดขี้ผึ้งนะครับ”“เมื่อรักษาแผลหายแล้วหากแผลมีขนาดใหญ่ ซึ่งมีผลต่อการมองเห็น ผมจะพิจารณาผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา และหากมีการอักเสบลามออกมาภายนอกลูกตาอาจต้องรักษาโดยการผ่าตัดนำลูกตาออก”“ไม่ต้องกลัว...มันไม่ได้ร้ายแรงแบบนั้นหรอก หมอต้องพูดให้รู้คร่าว ๆ เกี่ยวกับอาการของโรค อย่ากังวล”เหมือนกิตจะรู้ว่าคนฟังวิตกจึงปลอบใจเพื่อนสนิท ทิติยะพยักหน้าทั้งที่ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นอย่างที่หมอพูดไปแล้วมากกว่าครึ่ง...“ตาข้างขวาอักเสบนิดหน่อยไม่ได้เป็นอะไรมาก อาทิตย์หนึ่งคงดีขึ้น”







