เข้าสู่ระบบบทที่ 8
เธอเปลี่ยนเป็นชุดผ้าฝ้าย สบาย ๆ หลวม ๆ เดินออกมาจากห้อง ก่อนจะส่งยิ้มให้กับพนักงานที่ยิ้มให้กับเธอเช่นกัน
“คุณเทียนเชิญล้างเท้าค่ะ” พนักงานนั่งลงและยกเท้าลงไปในอ่างเล็ก ๆ พร้อมถูสบู่และล้างออกด้วยน้ำเปล่า ก่อนจะยกเท้าเธอขึ้นมาและซับให้แห้ง
“วันนี้ดิฉันจะนวดผ่อนคลายให้คุณเทียนนะคะ หรือคุณเทียนสนใจเป็นโปรแกรมไหนดีคะ ที่นี่นวดน้ำมันดีมาก ๆ นะคะ รับประกันว่าคุณเทียนจะติดใจ” เธอคนนั้นพูดจาฉะฉานและส่งยิ้มให้เธอ
“นวดน้ำมัน” เธอกลับเข้าไปถอดชุดที่ใส่ในตอนแรกออกและใส่เป็นกางเกงในกระดาษกับชุดคลุมอาบน้ำ นวดน้ำมันก็ต้องถอดหมด
“เชิญขึ้นเตียงเลยค่ะ”
พนักงานถอดชุดคลุมอาบน้ำออกพร้อมกับให้เธอนอนคว่ำหน้าลงกับเตียง ก่อนจะเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวหญิงสาว พร้อมกับทาน้ำมันและลงมือบีบนวดตามจุดต่าง ๆ เธอรู้สึกดีมาก หลังจากที่ไม่ได้นวดผ่อนคลายมาเกือบเดือน
พนักงานคนนี้ลงน้ำหนักมือ แรงสลับเบา รู้จังหวะดีด้วย ความล้าที่หนักหนาบนหลังเริ่มหายไป ความสบายเข้ามาแทนที่ หนังตาเธอเริ่มตก และหลับไปในที่สุด
“ผิวคุณเทียนดีมาก ๆ เลยนะคะ” แสงเทียนมารู้สึกตัวอีกทีตอนที่พนักงานคุยด้วย
“ตึง! ใครเป็นแขกทิ! ไหน! อยู่ไหน!” เสียงโวยวายดังขึ้นข้างนอก ทำให้คนที่กำลังนอนนวดสบาย ๆ เงยหน้าขึ้นจากเตียงหันหน้าไปมองทางประตู
“ตึง! ตึง! ตึง!” เสียงเขย่าประตูดังสนั่นมาก
“คุณเทียนใส่เสื้อคลุมก่อนนะคะ” แสงเทียนมองประตูสลับกับพนักงานผู้หญิงที่นวดให้เธอ
“เดี๋ยวคุณดินจะมาจัดการค่ะ” พนักงานคนนั้นลนลานรีบโทรลงไปแจ้งข้างล่าง
“ฉันบอกให้เปิดประตู!!!! พวกแกไม่ได้ยินเหรอ!! เปิด!” เสียงกระชากประตูดังต่อเนื่อง ความอดทนแสงเทียนขาดผึ่ง!
“ไปเปิดประตู” เธอสั่งพนักงานคนเดิมไปเปิดประตู
“ตะ...แต่คุณดินสั่งไว้” แสงเทียนหันไปมองหน้าด้วยสายตาที่เธอมักจะทำกับคนที่ขัดใจอยู่ตลอด แค่มองก็หนาวไปถึงใจ พี่ชายบอกเธอเสมอ...
“เปิดค่ะ เปิด” เธอวิ่งไปเปิดประตู พร้อมกับแขกไม่ได้รับเชิญที่พุ่งตัวเข้ามา ผู้หญิงใส่แว่น ตัวไม่สูงมาก ผิวขาว สวมใส่ชุดเดรสเกาะอกสีดำ แสงเทียนเหยียดยิ้มจดจำได้แม่น แม่วัวนมตัวนั้นนี่เอง!
“อ้อ! นึกว่าใคร! ทำไมติดใจอะไรคุณทิเหรอ ถึงได้ตามมาถึงที่นี่!!”
ผู้หญิงคนนั้นถอดแว่นกันแดดออก และปรี่เข้ามาหาเธอ แสงเทียนรวบสาบเสื้อคลุมไว้แน่น ก่อนที่พนักงานจะกันไว้ไม่ให้เข้าใกล้เธอ
“คุณคะ! อย่าค่ะ” พนักสาวที่ยืนกันท่าไม่ให้คนที่โวยวายเขามาใกล้แสงเทียน
“เพี๊ยะ! ฉันบอกให้ถอยไป พวกชั้นต่ำ!” ผู้หญิงคนนั้นสะบัดมือตบเข้าไปเต็มใบหน้าพนักงานสาวที่เข้ามากันทางเธอ
ก่อนจะโดนการ์ดผู้ชายที่พุ่งตัวมาจากหน้าประตูล็อกแขนไว้อยู่แบบนั้น แต่เธอคนนั้นก็ไม่สิ้นฤทธิ์ง่าย ๆ พุ่งตัวเข้ามาหาแสงเทียนเหมือนหมาบ้า ทั้งเตะ ทั้งถีบผู้ชายที่จับกุมไม่หยุดราวกับว่าไม่มีสติแล้ว
แสงเทียนได้แต่มองด้วยสายตาเรียบนิ่ง ผู้หญิงคนนั้นผู้หญิงที่สวย แต่ทำตัวราคาถูกสิ้นดี น่าเวทนา...
“อีหน้าด้าน!!!” คนไม่มีสติตวาดด่าแสงเทียนเสียงดัง ลูกค้าด้านนอกต่างชะโงกเข้ามาดูในห้อง
“หยุดเดี๋ยวนี้!!” แสงเทียนลงจากเตียงที่นั่งอยู่เดินไปใกล้คนที่อาละวาดอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนจะมองเลยไปด้านหลังเธอคนนั้น ทิติยะเดินหน้าตึงเข้ามา!!
“คะ คุณทิ!!!” คนที่แหกปากโวยวายเอ่ยออกมาเสียงสั่น
แสงเทียนหลับตาลง นี่ชุดคลุมอาบน้ำและเธอสวมใส่แค่กางเกงในกระดาษไว้ตัวเดียว ทำไมเธอต้องมาเจออะไรแบบนี้ พ่อแม่ยังไม่เคยด่าเธอขนาดนี้ แต่คนพวกนี้เป็นใคร ผู้หญิงชั้นต่ำ!!
“ลากผู้หญิงคนนี้ออกไป!!!” ปากสั่ง แต่ตามองเธออยู่ เขารับผ้าคลุมผืนใหญ่ มาคลุมร่างเธอไว้ เธอปัดออก
แสงเทียนโกรธจนมือไม้สั่น เขามีปัญญาจัดการคนได้แค่นี้เองเหรอ บอกเลยว่าโมโหถึงขีดสุด ไร้น้ำยา!!
“ลากมันมานี่!!” เธอตวัดสายตาไปที่การ์ดผู้ชายที่จับผู้หญิงคนนั้นอยู่ ไม่ตะบันหน้าให้จมูกหักก็ดีเท่าไหร่แล้ว
“เพี๊ยะ!!!” เธอตวัดหลังมือไปที่หน้าน้ำฝนสุดแรง ทั้งห้องเงียบกริบ แสงเทียนจับแขนผู้หญิงคนนั้นกระชากมาตรงหน้า
“เธอรู้ไหมฉันเป็นใคร!” แสงเทียนเอ่ยถามเสียงลอดไรฟัน ผู้หญิงคนนั้นหลบสายตาทั้งที่เมื่อกี้ยังด่าเธอฉอด ๆ อยู่เลย
“เธอเองยังไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร แต่มาด่าเธอแบบนี้มันถูกต้องเหรอ? ฉันตบเธอเพราะฉันอยากรู้จักเธอ!!” แสงเทียนออกแรงบีบต้นแขนผู้หญิงที่ด่าว่าเธอสุดแรง
“ตบฉันสิ!! อยากตบฉันไม่ใช่เหรอ!!” มันเหลือบมองทิติยะที่กำลังส่ายหน้าเป็นเชิงห้าม แสงเทียนตัวสูงกว่าผู้หญิงคนนั้นเยอะ ถ้าจะวัดกันเธอก็ไม่น้อยหน้าใครหรอกเรื่องใช้กำลัง!
หญิงสาวผลักน้ำฝนเซไปใส่การ์ดที่ยืนอยู่ด้านหลัง เธอหันไปมองหน้าเขาจ้องตาแทบลุกเป็นไฟ และเมื่อแสงเทียนคล้ายมือออกทิติยะก็สั่งเสียงเด็ดขาด
“ไอ้ดินเอาตัวออกไป” เมื่อดินเอาตัวน้ำฝนออกไปแล้ว
“ออกไปให้หมด...ยกเว้นคุณ” แสงเทียนหันไปพูดกับทิติยะ
เธอมองหน้าเขาไม่วางตา พนักงานต่างลนลานแย่งกันออกจากห้อง เราจ้องตากันสักพัก สายตาเขาอ่อนลงเมื่อรู้ว่าที่แสงเทียนโกรธเพราะเธอเสียหน้ามาก
“เพี๊ยะ!!!!”
หญิงสาวฟาดมือลงมาที่ใบหน้าคมคายเต็มแรง ประตูยังไม่ทันปิดสนิทดี พนักงานด้านนอกคงได้ยินกันหมดแล้ว จบกันชีวิตประธานบริหาร ดีหัวไม่หมุนจนหลุดจากบ่า กราวใจทิติยะจริง ๆ
“ออกไปได้แล้ว!!”
เธอพูดพร้อมกับหันหลัง เตรียมเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ชายหนุ่มมองตามเธอ แสงเทียนคงจะโกรธมาก นี่คืออาการโมโหสุดขีดของคนที่ Keep look ตลอดเวลาอย่างเธอ ทิติยะยกยิ้ม อย่างน้อยใบหน้าเขาก็ทำให้เธอได้ระบายความโกรธลงบ้าง
แสงเทียนสวมเสื้อคลุมอาบน้ำ ดูก็รู้ว่าไม่ได้ใส่บราแน่นอน น้ำฝนคงเข้ามาในจังหวะที่เธอกำลังผ่อนคลาย และการที่เธอโดนด่าอย่างแรงต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ และไหนจะการ์ดผู้ชายอีกหลายคนที่เห็นเธอในสภาพที่ไม่ควรเห็น
การที่ทิติยะโดนตบหน้าทีเดียวนั้นคงน้อยไป...
“เดี๋ยว... เทียน ผมขอโทษ” ชายหนุ่มถือวิสาสะขออนุญาตตัวเองจับมือเธอและดึงให้หันหลังกลับมา หญิงสาวเสียหลักล้มมาในอ้อมกอดเขา
“ขอโทษที่ทำให้คุณเจอเรื่องแบบนี้” ชายหนุ่มเอามือลูบแขนเธอและบีบ ๆ ให้เธอใจเย็น ๆ
“ปล่อย!”
“ไม่ปล่อยจนกว่าคุณจะยกโทษให้”
“เพี๊ยะ!” เธอมองหน้าเขา ก่อนจะสะบัดหลังกระแทกใบหน้ามาอีกทีหนึ่ง เยี่ยม!! เต็มหน้า สองข้างไปเลย เลิศ!
“ผมรู้คุณโกรธมาก ผมขอโทษจากใจ ผมมีอดีตที่ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ผมสัญญา...ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก เทียนให้อภัยผมนะ” ทิติยะเอามือเธอมาจูบค้างไว้ สบตาเธอให้เชื่อมไปถึงหัวใจ อยากให้เธอรู้ว่าเขารู้สึกผิดจริง ๆ และเขาจะไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ขอให้เธอมั่นใจแต่แสงเทียนพยายามบิดมือออก
“ผมรู้มันเร็วเกินไปสำหรับเรา แต่ผมจะเคลียร์ตัวเอง และจะมาขอโอกาสอีกครั้งกับคุณ ให้โอกาสผมนะ” ชายหนุ่มลูบหลังมือเธอ พร้อมกับเอื้อมมือไปจับสะโพกเธอไว้หลวม ๆ บิดตัวเธอให้หันหน้ามาสบตาเขา
ท่านี้คือท่ากอดกันอยู่...
“ฉันไม่เคยให้โอกาสคุณ” หญิงสาวหลบสายตา แต่ก็ไม่ขยับตัวออก
“แค่คุณให้ผมอยู่ใกล้ ก็ดีมากแล้ว”
“เพราะคุณเป็นแบบนี้ไง...ผู้หญิงคนนั้นถึงได้เป็นบ้าแบบนั้น” ทิติยะหัวเราะ ไม่ใช่แค่น้ำฝนที่บ้า แต่เธอก็ด้วย วันนี้เธอหลุดจริง ๆ หลุดไปแบบเสียทรง
ชายหนุ่มเดินจูงมือเธอที่เตียงนวด และยกตัวเธอขึ้นวางบนเตียง เธอมองเขาแต่ไม่ได้ขัดขืนอะไร เมื่อทิติยะแทรกตัวไปตรงกลางระหว่างขาเธอ ในจังหวะที่แสงเทียนกำลังมึนงง คิดว่าเขาจะทำอะไร จะจูบเธอเหรอ...
“ไม่ใช่แค่ผู้หญิงคนนั้นหรอก” ทิติยะโน้มใบหน้าลงมา สอดฝ่ามือไปรั้งท้ายทอยเธอไว้ ก่อนจะกดริมฝีปากหนาสัมผัสกลีบปากบางอย่างรวดเร็ว
“สินไหมที่โดนตบในวันนี้...เดี๋ยวให้เด็กมาล้างตัวให้ เราไปทานข้าวกันนะ ผมเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว”
ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่เลิ่กลั่กเหมือนกำลังช็อกอยู่ เขาพูดเองเออเองและเดินออกไปเรียกพนักงานมาดูแลเธอ
ทิติยะไม่หันไปดู สาวน้อยสามขวบที่กำลังนั่งช็อกค้างบนเตียงนวดอีกเลย
บทส่งท้ายแสงเทียนสวมใส่ชุดแต่งงานสีขาวงาช้างเปิดไหล่ ชายกระโปรงยาวกรอมเท้า ทั้งชุดประดับไปด้วยคริสตัลแพรวพราวระยิบระยับ ตัดโดยห้องเสื้อชื่อดังของเมืองไทย ใบหน้านวลลออตกแต่งอย่างสวยจัด ผมดำขลับยาวสลวยวันนี้ถูกรวบขึ้นโชว์ลำคอระหง“เทียน!! ทิรักเทียน!!” แสงเทียนหัวเราเขาคงโดนเพื่อนแกล้งกว่าจะผ่านแต่ละด่านได้“ไอ้กิต 50,000 แล้วนะเว๊ย มึงจะเอาให้หมดตัวเลยเหรอ!” เจ้าบ่าวได้ทีบ่นยกใหญ่“เอามาอีก! มึงจะผ่านไหมล่ะ เอาเงินมา! ไม่งั้นกูไม่ให้ผ่านนะเว๊ย!”“มึงเพื่อนเจ้าบ่าวทำไมมากั้นประตูเงินประตูทองฝั่งเจ้าสาว!”“กูเลิกคบมึงแล้ว กูชอบคบคนรวย เมียมึงรวยกว่ามึง”แสงเทียนมองมิตรภาพระหว่างทิติยะและเพื่อนสนิทของเขา เธอยิ้มออกมาอย่างสุขใจ พิมพ์ใจที่ยืนอยู่ด่านสุดท้ายหันมายิ้มให้เธอ“พิมพ์ไม่อยากได้อะไรหรอกค่ะ แต่ขอคำสัญญาว่าคุณทิจะรักและซื่อสัตย์กับเทียนคนเดียวนะคะ”“ครับผมสัญญา” เมื่อด่านสุดท้ายผ่านมาได้ ร่างสูงคุ้นเคยในชุดทักซิโด้หล่อเหลาก็เดินมานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอ“แต่งงานกันนะเทียน...ทิมารับเทียนไปเป็นเจ้าสาว” แสงเทียนสบตามองผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจ“แต่งค่ะ เทียนจะแต่งงานกับทิ” ทิติยะยิ้มก
บทที่ 37งานแต่งถูกจัดขึ้นที่โรงแรมของทิติยะที่เชียงใหม่ ชายหนุ่มให้คนจัดเตรียมยกกุหลาบทั้งสวนมาไว้ที่นี่ จำลองไปเลยว่านี่คือสวนกุหลาบสีแดงกว้างเกือบ 1 ไร่ เชิญแขกมา 1,000 โต๊ะ งานช้างระดับประเทศไม่น้อยหน้าใครแน่นอน เขาใช้เวลาเตรียมงานอยู่ 2 ประมาณอาทิตย์ต้องรีบจัดงานเพราะตอนนี้เจ้าลูกเขาในท้องใหญ่ขึ้นทุกวัน ดีหน่อยว่าแม่เขาเป็นคนสูงจึงออกแต่ช่วงหน้าท้อง ไม่งั้นก็ได้ลงข่าวกันครึกโครมแน่ ๆพรุ่งนี้เป็นวันจริงแล้ว...เขาเห็นเธอยืนมองออกไปนอกระเบียง เขาเดินเข้าไปกอดเธอจากด้านหลัง เธอพลิกตัวกลับมา เอามือมาจับใบหน้าเขาไว้ ก่อนจะกดกลีบปากบางจูบลงมาบนริมฝีปากหนา เดี๋ยวกอดเดี๋ยวหอมเขา“เทียนรักทิ...ขอบคุณสำหรับทุกอย่างค่ะ” เธอพลิกตัวกลับไป และหันหลังพักพิงร่างกายไว้กับหน้าอกแกร่ง“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะสวยขนาดนี้...เทียนชอบดอกกุหลาบสีแดงแบบนี้”ทิติยะเนรมิตทุกอย่างที่แสงเทียนชอบ สรรหาทุกอย่างให้ดีที่สุด พร้อมที่สุด...เพื่อคนรักของเขาชายหนุ่มยิ้มรับคำชื่นชมอีกทั้งยังกอดรัดร่างที่เริ่มจะอวบอิ่มไว้แนบแน่น ใบหน้าก็ซุกลงที่บ่าเล็กพร้อมเอามือไปลูบท้องเธอเขามองลงไปยังด้านล่างของระเบียงที่พอมองไปจะ
บทที่ 36ทิติยะได้รับอนุญาตจากหมอเจ้าของไข้ให้ออกจากโรงพยาบาลได้ และในขณะที่เรากำลังเก็บของกลับบ้านกันอยู่แสงเทียนเอาเสื้อมาสวมใส่ให้เขา ส่วนมือหนาก็ติดกระดุมเสื้อต่อไป สายตาเขาเอาแต่จับจ้องที่เธอแทบจะตลอดเวลาไม่วางตา...“ไอ้ทิ! ถ้ามองขนาดนี้! มึงไม่แดกคุณเทียนเข้าไปเลยล่ะ!” กิตที่อยู่ในห้องด้วยเห็นเพื่อนสนิทมองเมียตัวเองแล้วก็ได้แต่ระอาแทนทิติยะได้ทีตวัดสายตาไปมองกิตที่ยืนบ่นอยู่ คนเคยตาเจ็บที่ตอนนี้หายดีแล้วเขาถอดรองเท้าหนังที่สวมใส่อยู่ออก ก่อนจะเดินไปหาและกระโดดถีบศัลยแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาลจนล้มคว่ำ และก็ไม่หยุดประเคนฝ่าเท้าใส่มันอีก!“ถือว่าหายกันที่มึงหลอกกู!”“โอ๊ย! ไอ้ทิ ไอ้เลว! กูเจ็บนะเว๊ย!” กิตร้องโอดโอย“ใครใช้ให้มึงหลอกกูล่ะ!!” ทิติยะไม่แยแส พรางก้มลงเก็บของใส่กระเป๋า“กูเป็นหมอศัลยกรรมกระดูกและประสาทนะเว๊ย! กูไม่ใช่หมอสูติ! กูก็รู้ก่อนมึงไม่เท่าไหร่ โอ๊ยเจ็บ! หลังกู!!” คนที่โดนประทุษร้ายยังคงร้องโวยวายไม่หยุดทิติยะเดินมาใช้ปลายคางวางลงบนบ่าเล็ก ๆ ของแสงเทียนที่ดุเขาเบา ๆ ว่าไม่ควรทำแบบนี้กับเพื่อนเลย“ส่วนคุณ...กลับบ้านผมจะจัดให้หนักเลย” ทิติยะก้มลงไปกระซิบข้างหูเธ
บทที่ 35เธอขอร้องหมอกิตให้เก็บเป็นความลับไปก่อน เพราะไม่รู้ว่าตัวพ่อเขาจะดีใจหรือเสียใจที่มีลูกตอนนี้แสงเทียนเดินหอบของพะรุงพะรังเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย เธอทำมือบอกให้พยาบาลเงียบเสียง และสั่งให้ไปแกะเอาผลไม้เข้าตู้เย็นเธอรู้มาจากคุณแม่เขาว่าเขาชอบทานผลไม้เย็น ๆ พวกเงาะ มังคุด แตงโม เธอก็ซื้อมาปอกเตรียมใส่กล่องให้เขาทุกวัน“คุณพยาบาลนี่รู้ใจผมจัง...ผมชอบทานผลไม้แบบนี้ เงาะนี่เอาเม็ดออกให้ด้วย เยี่ยมเลย!” ทิติยะน้ำเสียงสดใสขึ้น ทำให้แสงเทียนอดยิ้มไม่ได้เธออมยิ้มมองเขาที่ยกนิ้วโป้งส่งมาทางนี้ ทั้งที่ไม่เห็นว่าเธออยู่ตรงไหน ตลกกินจริง ๆใกล้อาหารมื้อเย็น เธอเตรียมอุ่นกับข้าวที่แพ็กมาให้เขา และจะออกไปรอด้านนอก เพราะกินข้าวเย็นเสร็จเขาต้องแกะผ้าหยอดตาทิติยะไม่ชอบทานอาหารโรงพยาบาล เขาบอกว่าไม่อร่อย เธอก็เลยให้แม่บ้านที่บ้านทำสลับกับอาหารของแม่เขาลิ้นเขาจำรสได้แม่นมาก บางครั้งเธอยังเสียว ๆ กลัวเขาจะจำรสมือแม่บ้านเธอได้ เพราะก่อนหน้านี้เราทานข้าวที่บ้านเธอบ่อยแสงเทียนกำลังเปิดกล่องซุปกระดูกที่ให้แม่บ้านทำมาให้แต่กลิ่นที่ตีขึ้นปะทะจมูกทำให้เธอรู้สึกอยากจะอาเจียนเสียงนำไปก่อนแล้ว และเธอก็
บทที่ 34กิตหายไปนาน...จนจะได้เวลาทานข้าวเย็น มันจึงเดินเข้ามาบอกว่ามีผ่าตัด ไม่มีเวลาอยู่ด้วยจึงจ้างพยาบาลพิเศษมาดูแล ซึ่งทิติยะไม่ได้ติดอะไรเพราะตอนนี้เดินเหินลำบากต้องใช้ชีวิตอยู่มืด ๆ แบบนี้ไปก่อน“คุณทิได้เวลาอาหารเย็นแล้วค่ะ” พยาบาลพิเศษเอ่ยบอก ทิติยะทานอาหารเองได้รวมถึงห้องน้ำด้วย เพราะจะให้ใครก็ไม่รู้มาจับน้องชายเขาทุกวันเห็นทีจะแปลก ๆ ไปหน่อยชายหนุ่มต้องหยอดยาช่วงเย็น ก็ใช้วิธีปิดไฟในห้องและหยอดยา พยาบาลที่มาดูแลเธอก็จะเงียบ ๆ จะพูดเฉพาะเวลาที่ต้องทานข้าวหรือทานาก็เท่านั้นชีวิตก็วนลูปอยู่แบบนี้ทุกวัน เบื่อแสนเบื่อ แต่ทำไงได้เพื่อนก็แวะเวียนกันมาเยี่ยมให้พอบรรเทาอาการเหงาบ้าง...แต่แสงเทียนไม่เคยมาเลย ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่เคยเลยสักครั้งเดียวแม่ก็โทรมาหา...เล่าให้ฟังว่าแสงเทียนแวะไปหาท่านที่บ้าน ซื้อยาบำรุงไปให้และไปทานข้าวนั่งเล่นที่บ้านแทบทุกวัน ทิติยะได้รับฟังก็รู้สึกใจชื้นที่อย่างน้อยเธอก็ยังแวะไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ของเขาวันนั้นก็คงเป็นเธอแหละที่เข้ามาในห้องเอาผลไม้มาเยี่ยม มันก็ทำให้ทิติยะดีใจที่อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้หมดใจกับเขาซะทีเดียว“เป็นไง...ง่อยเลยสิมึง” เสียงการ์ฟิลด์
บทที่ 33การตรวจตาด้วยการใช้สารย้อมสี และตรวจตาด้วยกล้องจุลทรรศน์ตรวจนัยน์ตาชนิดลำแสงแคบ ซึ่งจะช่วยให้มองเห็นแผลที่กระจกตาได้อย่างชัดเจนและหากผิวกระจกตามีการหลุดออกจะย้อมติดสีเขียว รวมทั้งอาจมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการโดยการขูดกระจกตา แล้วนำไปย้อมและเพาะเชื้อเพื่อหาเชื้อที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อร่วมด้วย“ระวังการกระทบกระเทือนที่กระจกตา จริง ๆ จะต้องรักษาโดยครอบตาด้วยฝาครอบตาใส แต่ผมอยากจะปิดด้วยการพันผ้าไปเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องโดนแสง และจะต้องหยอดตาเพื่อลดการอักเสบของม่านตา หยอดตาด้วยยาปฏิชีวนะ ป้ายตาด้วยยาปฏิชีวนะชนิดขี้ผึ้งนะครับ”“เมื่อรักษาแผลหายแล้วหากแผลมีขนาดใหญ่ ซึ่งมีผลต่อการมองเห็น ผมจะพิจารณาผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา และหากมีการอักเสบลามออกมาภายนอกลูกตาอาจต้องรักษาโดยการผ่าตัดนำลูกตาออก”“ไม่ต้องกลัว...มันไม่ได้ร้ายแรงแบบนั้นหรอก หมอต้องพูดให้รู้คร่าว ๆ เกี่ยวกับอาการของโรค อย่ากังวล”เหมือนกิตจะรู้ว่าคนฟังวิตกจึงปลอบใจเพื่อนสนิท ทิติยะพยักหน้าทั้งที่ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นอย่างที่หมอพูดไปแล้วมากกว่าครึ่ง...“ตาข้างขวาอักเสบนิดหน่อยไม่ได้เป็นอะไรมาก อาทิตย์หนึ่งคงดีขึ้น”







