Masukการสัมภาษณ์งานค่อนข้างอึดอัดสำหรับศศิเพราะสายตาแสดงออกชัดเจนของผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และบริการ แถมยังใช้เวลาไม่นาน
อีกฝ่ายก็เริ่มออกนอกเรื่อง
“เอ้อ นี่ก็เกือบจะบ่ายสองแล้ว ผมหิวมากเลย ความจริงกำลังจะออกไปกินกลางวันพอดี”
“เอ่อ ขอโทษค่ะ”
“ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ ผมไม่ได้จะบอกว่าเป็นเพราะคุณเลยนะครับ จริงๆ แล้วผมตั้งใจจะถามว่า คุณหิวหรือเปล่า เห็นคุณนภาบอกว่ามารอสักพักแล้ว”
“คือว่า...”
“ต้องขอโทษจริงๆ ก็อย่างที่บอกตอนแรกล่ะครับ ผมไม่รู้ว่าฝ่ายบุคคลจะส่งตัวคุณมาให้สัมภาษณ์”
ชายหนุ่มรีบย้ำขึ้นมาด้วยสีหน้ารู้สึกผิด โดยที่ศศิยังไม่ทันได้อธิบายจนจบประโยคด้วยซ้ำ
“แต่ก็นั่นแหละนะ คำสั่งท่านรองทั้งคน”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้แล้วก็หยุดมองหน้าเธอ แววตาราวสงสัยชั่วแวบก่อนจะเลือนหายไป ตาคมกลับมาแพรวพราวเช่นเดิม
“ว่าไงครับ”
“คะ?”
ศศิพยายามจะไล่ตามคำพูดของอีกฝ่ายที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่ทันอยู่ดี
“ก็เรื่องข้าวกลางวันไงครับ คุณน่าจะหิวแล้วเหมือนกัน งั้นผมว่าเราไป...”
“เอ่อ พอดีว่าคุณนภากับคุณอารยาพาดิฉันไปทานช่วงพักกลางวันแล้วน่ะค่ะ”
“อ้าว...งั้นเหรอครับ”
ใบหน้าชายหนุ่มดูอึ้งไปชั่วขณะ แต่เขาก็ปรับสีหน้าได้เร็วพยักหน้าเหมือนเห็นดีด้วย ราวไม่ต้องการให้เสียมาดของผู้บริหารต่อหน้าพนักงานใหม่
“งั้นก็ดีแล้ว”
หญิงสาวมองคนที่กำลังจะเป็นเจ้านายของตนอย่างรอคอยว่าเขาจะสอบถามอะไรหรือบอกอะไรเธอเพิ่มเติม แต่เขากลับเงียบแล้วจ้องมองมาด้วยสายตาชื่นชมอย่างเดียว กระทั่งเธอไม่รู้จะวางหน้านิ่งต่อไปอย่างไรจึงถามออกไป
“ขอโทษค่ะ ไม่ทราบว่ามีอะไรจะถามเพิ่ม หรือว่า...อยากทราบเรื่องความสามารถที่ดิฉันทำได้นอกเหนือจากนี้อีกไหมคะ ดิฉันยินดีตอบนะคะ ถ้าหากคุณสงสัย”
เธอพยายามเลือกคำที่ดูไม่เสียมารยาทและดูสุภาพมากกว่าเร่งรัดให้จบบทสนทนา ด้วยเกรงว่าอีกฝ่ายอาจจะรู้สึกว่าเธอไม่ต้องการสัมภาษณ์ต่ออีกแล้ว
“อ๋อ...ไม่มีแล้วล่ะครับ”
“ค่ะ”
เขาตอบออกมาดื้อๆ แล้วยิ้มมุมปากทำให้เธอได้แต่ตอบรับ แล้วก็ไม่พูดอะไรอีกทำเอาคนเกรงใจจำต้องถามออกไป
“ถ้าอย่างนั้น...ก็...สัมภาษณ์เสร็จแล้วใช่ไหมคะ”
“ครับ”
อีกฝ่ายรับคำราวไม่ใส่ใจ ดูจะเอ่ยไปอย่างนั้นเอง เพราะเขาเอาแต่มองเธอด้วยสายตาพึงพอใจไม่ยอมคลาด คนทำตัวไม่ถูกยิ่งวางสีหน้าลำบากเข้าไปอีก ชายหนุ่มเองก็คงมองออก ท่าทางของเขาจึงเหมือนรู้ว่าตนเองเผลอแสดงอาการสนอกสนใจเธออย่างออกนอกหน้า จนต้องกระแอมแก้เก้อ
“เอ้อ...คือผมเองก็กำลังจะบอกว่าการสัมภาษณ์เรียบร้อยแล้วครับ เอาเป็นว่าเรา เอ้ย...เดี๋ยวผมจะเรียกคุณอารยาพาคุณไปพบฝ่ายบุคคลก็แล้วกันนะครับ อ้อ แล้วก็เริ่มงานได้ทันทีตามที่เขียนในใบสมัครใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้นะครับ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะที่รับดิฉันเข้าทำงาน”
ศศิยกมือไหว้พร้อมเอ่ย
“ยินดีเป็นอย่างยิ่งเลยครับ”
รอยยิ้มที่ส่งมาให้นั้นหญิงสาวอดยอมรับไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์มาก แม้จะเทียบกับอีกหนึ่งหนุ่มที่เธอพบข้างนอกแล้ว เจ้านายโดยตรงของเธอด้อยว่าตรงสีผิวกับความหล่อล้ำเลิศหาตัวจับยาก ทว่ายิ้มพราวกับนัยน์ตาชวนฝันหยาดเยิ้มส่งให้จารุพงษ์ดูเป็นมิตร ซ้ำยังชวนให้
ขัดเขินกว่าแววตาคมปลาบราวกับดุตลอดเวลาของชายหนุ่มคนนั้น
แต่นั่นไม่ได้มีผลกระทบต่อความรู้สึกของศศิแต่อย่างใด เธอตอบขอบคุณอีกครั้ง ก่อนร่างอรชรจะลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังเดินไปเปิดประตูก้าวออกไป
สายตาคู่คมวาววามมองตามอย่างเสียดาย แล้วก้มลงหยิบเอกสารตรงหน้าที่ฝ่ายบุคคลส่งมาให้เปิดอ่านอย่างสนใจ ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดแตะมันด้วยซ้ำ เนื่องจากไม่พอใจที่เพชรก้าวก่ายงานของตน ทว่าเมื่อได้เจอตัวจริงของคนที่รองประธานกรรมการออกหน้าฝากฝังมาก็อดอยากรู้จักเธอมากขึ้นไม่ได้
“ศศิ ภูวดล...คุ้นๆ แฮะ จะว่าไปหน้าก็ดูคุ้นนะ เคยเห็นที่ไหนหว่า”
จารุพงษ์ทวนเพียงชื่อนามสกุล ต่อจากนั้นเขาแค่เปิดผ่านๆ ไม่เสียเวลาอ่าน ก่อนจะเซ็นที่ส่วนอนุมัติรับพนักงานใหม่ ขณะบ่นพึมพำในสิ่งที่ตนเข้าใจไปเอง
“สวยหุ่นเซี๊ยะน่าขย้ำเสียขนาดนี้ ใครจะยอมปล่อยให้หลุดมือ ไม่รับเอาไว้วะ ว่าแต่...ไอ้เพชรมันฝากของมันมาเอง อย่าบอกนะว่าเป็นเด็กมัน แต่แล้วไง ถึงใช่ก็ไม่สนโว้ย อยากได้เสียอย่าง”
หลังบอกกับตัวเองแล้วก็ยิ้มมุมปากหยามหยัน
“ดีเสียอีก หึ...ทำให้กูขายหน้าในที่ประชุม แถมยังชอบเป่าหูนังแก่เรื่องงบประมาณที่กูทำเรื่องเบิกบ่อยๆ สักวันกูจะแย่งเด็กมึงเอามานอนด้วยให้ได้เลย ช่วยไม่ได้นี่หว่า ให้ไปทำอะไรไม่ทำ ดันส่งหมูมาเข้าปากกูเอง อยากเห็นจริงๆ ว่ามึงจะทำหน้ายังไง ไอ้เพชร”
แววตาคมฉาบความแค้นอย่างหมายมาดขณะจ้องมองที่รูปของสาวสวย จารุพงษ์มักถือคติที่ว่า การจะตะครุบเหยื่อให้อยู่มือ ต้องทำให้เหยื่อตายใจเสียก่อน ไม่ว่ารายไหนรายนั้น ผู้หญิงทุกคนไว้วางใจผู้ชายที่สนิทสนม ซึ่งคนพวกนั้นมักจะเป็นคนใกล้ตัว เช่น เพื่อน รุ่นพี่...หรือเจ้านายที่ใจดี
=====
การสัมภาษณ์งานค่อนข้างอึดอัดสำหรับศศิเพราะสายตาแสดงออกชัดเจนของผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และบริการ แถมยังใช้เวลาไม่นานอีกฝ่ายก็เริ่มออกนอกเรื่อง“เอ้อ นี่ก็เกือบจะบ่ายสองแล้ว ผมหิวมากเลย ความจริงกำลังจะออกไปกินกลางวันพอดี”“เอ่อ ขอโทษค่ะ”“ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ ผมไม่ได้จะบอกว่าเป็นเพราะคุณเลยนะครับ จริงๆ แล้วผมตั้งใจจะถามว่า คุณหิวหรือเปล่า เห็นคุณนภาบอกว่ามารอสักพักแล้ว”“คือว่า...”“ต้องขอโทษจริงๆ ก็อย่างที่บอกตอนแรกล่ะครับ ผมไม่รู้ว่าฝ่ายบุคคลจะส่งตัวคุณมาให้สัมภาษณ์”ชายหนุ่มรีบย้ำขึ้นมาด้วยสีหน้ารู้สึกผิด โดยที่ศศิยังไม่ทันได้อธิบายจนจบประโยคด้วยซ้ำ“แต่ก็นั่นแหละนะ คำสั่งท่านรองทั้งคน”เมื่อพูดมาถึงตรงนี้แล้วก็หยุดมองหน้าเธอ แววตาราวสงสัยชั่วแวบก่อนจะเลือนหายไป ตาคมกลับมาแพรวพราวเช่นเดิม“ว่าไงครับ”“คะ?”ศศิพยายามจะไล่ตามคำพูดของอีกฝ่ายที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่ทันอยู่ดี“ก็เรื่องข้าวกลางวันไงครับ คุณน่าจะหิวแล้วเหมือนกัน งั้นผมว่าเราไป...”“เอ่อ พอดีว่าคุณนภากับคุณอารยาพาดิฉันไปทานช่วงพักกลางวันแล้วน่ะค่ะ”“อ้าว...งั้นเหรอครับ”ใบหน้าชายหนุ่มดูอึ้งไปชั่วขณะ แต่
‘คุณจารุพงษ์เพิ่งเข้ามาตอนบ่ายค่ะ แล้วก็กำลังจะออกไปทานข้าวเพราะยังไม่ได้ทาน อารยาไม่กล้าขัดน่ะค่ะ นภาเองก็หาทางถ่วงเวลา พาน้องที่มารอสัมภาษณ์ไปทานข้าวก่อน เพราะฝ่ายบุคคลส่งมารอตั้งแต่สิบเอ็ดโมง บ่ายแล้วก็ยังไม่ได้สัมภาษณ์สักที นภาจนใจจริงๆ ค่ะ’รถคันโตแบบขับเคลื่อนสี่ล้อของเพชรหยุดลงหน้ารีสอร์ตในตำแหน่งของตัวเองอย่างแรง รู้ว่ากำลังถูกจารุพงษ์เล่นแง่ ด้วยความที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่กลับมาช่วยผู้เป็นป้าบริหารงานเต็มตัว เพราะเหมือนไปดับฝันจารุพงษ์เข้า อีกฝ่ายจึงมักจะคอยขัดเขาทุกเรื่อง ครั้งนี้ก็คงอีกเช่นกันความจริงเพชรไม่คิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงานของจารุพงษ์ แต่ด้วยญาติสาวขอร้องมา เขาเองก็ขอกับทางผู้เป็นป้าไปแล้วว่าวาสิฐีฝากฝังเพื่อนมา ป้าเขาก็อนุญาตอย่างไม่มีปัญหาร่างสูงก้าวอย่างรวดเร็วผ่านตึกหลักไปจนถึงอาคารของผู้บริหาร แล้วก็พุ่งผ่านประตูโดยมีนภามายืนรอรับหน้าอยู่“คุณพงษ์ออกไปหรือยังครับ”“ยังค่ะ นภาหาเอกสารด่วนให้อารยาเอาเข้าไปให้เซ็นก่อนน่ะค่ะ”ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรมากกว่านั้น ประตูห้องก็เปิดออก เพชรหันหน้าไปมองก็เห็นร่างสูงที่เตี้ยกว่าตนเองป
“รอสักครู่นะคะ”อีกฝ่ายบอกแล้วหันไปกดโทรศัพท์ภายใน ไม่นานก็หันกลับมาแจ้งกับเธอ“เดี๋ยวเชิญนั่งรอที่โซฟาด้านหน้านะคะ”“ขอบคุณค่ะ”ศศิยิ้มให้ซึ่งก็ได้รอยยิ้มตอบกลับ ตอนนี้เธอถอดแว่นและหมวกไปแล้วอีกฝ่ายก็ดูไม่ได้เอะใจอะไร แน่นอนว่าเธอแต่งหน้าอ่อนๆ ที่สำคัญตอนนี้เธอตัดผมเหลือสั้นแต่ปลายคางเท่านั้น แถมยังรวบเอาไว้ด้านหลังเพราะรำคาญลมที่ตีจากการนั่งเรือร่างระหงหมุนตัวไปทางโซฟาด้านหนึ่งพร้อมกระเป๋าเดินทางลากใบย่อม เพราะไม่ได้เอาอะไรมามากนักนอกจากเสื้อผ้า ด้วยยังไม่แน่ใจว่าจะได้อยู่ที่นี่แน่นอนหรือไม่นั่งรอเพียงไม่นานก็มีคนเดินเข้ามาหาพร้อมพนักงานต้อนรับคนเดิมที่บอกจะรับฝากกระเป๋าเธอเอาไว้ให้ ศศิจึงหยิบเพียงเอกสารกับกระเป๋าใบเล็กติดตัว แต่ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าตนเองแต่งตัวเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไปด้วยเสื้อเชิ้ตผ้าพลิ้วสบายกับกางเกงยีนพอดีตัวพับขาขึ้นสูงห้าส่วนและรองเท้าแตะ“เอ่อ ขอโทษนะคะ ชุดดูไม่ค่อยเรียบร้อย ฉันขอเปลี่ยนเสื้อผ้ายังพอจะทันไหมคะ”ด้วยเกรงว่าจะทำให้เสียเวลาเธอจึงถามดูก่อน คิดว่าหากไม่ทันจริงๆ ก็จะเอ่ยขอโทษกับผู้ที่สัมภาษณ์เองพนักงานต้อนรับกับคนที่มารับเธอซึ่งอยู่ในชุดฟอร์มคนละแ
ท่ามกลางแอร์เย็นฉ่ำกับเสียงหอบหายใจเบาๆ ของร่างสวยจากเบาะหลัง เพชรเหลือบตาคมมองอีกฝ่ายเห็นหญิงสาวเองก็มองเขาผ่านกระจกอยู่เช่นกัน ดวงตาคู่เรียวสวยมีแววหวาดระแวงจนต้องนึกเซ็งในใจ เป็นเขาต่างหากที่ต้องไม่ไว้ใจผู้หญิงอย่างเธอ“จะให้ผมส่งที่ไหน”เขาถามเสียงเรียบ ให้รู้ว่าตนไม่ได้แยแสหรือสนใจเธอจนต้องมานั่งกลัวอย่างที่เป็นอยู่“ที่ไหนก็ได้ค่ะ”เสียงหวานที่ดูออกว่าพยายามไม่ให้สั่นตอบกลับมา สายตาคู่สวยละจากกระจกหลังมาลอบสังเกตท่าทางเขา นั่นยิ่งทำให้เพชรชักหมดความอดทน เขาอุตส่าห์หวังดีช่วยเหลือแต่เธอกลับทำท่าอย่างกับเขาเป็นคนร้ายโรคจิต ทั้งคำตอบขอไปทีนั้นก็ส่งผลกับระดับความขุ่นเคืองในใจเพชรให้เพิ่มสูงขึ้นไปอีก“งั้นผมส่งคุณป้ายรถเมล์หน้า หรือไม่พาไปคอนโดผมก็ได้สิ”ใบหน้าสวยที่เขาเหลือบมองในกระจกหลังดูเหวอดวงตาฉายแววตระหนกจนเขาหลุดยิ้มที่มุมปาก หากมันก็ดูเหมือนยิ้มหยันเสียมากกว่า“จอดข้างหน้านี่แหละค่ะ”เสียงหวานโพล่งขึ้นทันควัน อาการเกร็งระแวดระวังเพิ่มขึ้นเท่าตัวคิ้วเข้มขมวดฉับ พวกเขาห่างจากโรงแรมมาไกลแล้ว สองข้างทางค่อนข้างเปลี่ยว ไม่มีสถานบันเทิงอื่นหรือร้านอาหารยามดึกแม้แต่ร้านเดียวเพราะเ
เสียงที่ได้ยินแว่วมาจากมุมหนึ่งของลานจอดรถมืดๆ ไม่สามารถทำให้ขายาวลดระดับความเร็วลงหรือเรียกความสนใจจากเจ้าของร่างสูงใหญ่เช่นเพชรได้ เขารีบเพราะอยากนอนสักสองสามชั่วโมงก่อนตื่นไปขึ้นเครื่อง“นี่มันหมายความว่ายังไงคะพี่นิดหน่อย เนี่ยนะคะ งานที่พี่บอกว่าจะแนะนำให้ศศิ”“พี่ก็พามาฝากเนื้อฝากตัวกับเสี่ยดิลกแล้วไง งานพรีเซนเตอร์ตอนนี้โดนแคนเซิลหมด เสี่ยเขากว้างขวางในช่อง เดี๋ยวพอมีละครให้เล่นงานก็เข้ามาเอง ใครเขาก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ แค่เอาใจเสี่ยเขาหน่อย”คิ้วเข้มเหนือดวงตาคมขมวดนิดๆ เพราะเสียงนั้นยังแว่วมาในระยะที่ได้ยิน แต่เพชรไม่อยากยุ่งเรื่องคนอื่น แถมยังนึกรำคาญใจด้วยซ้ำที่บังเอิญมาได้ยินเข้าหลังจากแยกย้ายกันเพื่อนเขาต่างไปต่อกับสาวๆ บางคนก็มองเพชรตาละห้อย เขาเป็นคนเดียวที่ยังไม่เปิดโอกาสให้พวกหล่อนได้มีค่ำคืนด้วยเลยสักครั้ง แม้ในช่วงสามสองเดือนที่ผ่านมาชายหนุ่มมาที่นี่บ่อยเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการลุงทุน“ที่ว่าเอาใจ พี่นิดหน่อยหมายถึงอะไร”“อย่ามาทำอินโนเซนส์หน่อยเลยค่า เชื่อพี่สิ คนนอนคุยกันมันง่ายกว่านั่งคุยตั้งเยอะ”เสียงห้าวที่บีบดัดดูไม่ค่อยสบอารมณ์แต่ก็พยายามกล่อมอีกฝ่าย“ครั
ช่วงเวลาเดียวกันทว่าวิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนแตกต่าง ในเมืองแห่งสีสันสี่ทุ่มบรรดานักท่องราตรียังเพิ่งหาที่เที่ยว หากก็ไม่ทำให้หนุ่มที่มาจากเกาะอย่างเพชรตื่นตาตื่นใจ แสงสีเป็นสิ่งที่เขาคุ้นเคยมาตั้งแต่สมัยเรียนต่างประเทศ แม้จะเข้มงวดในการทำงาน แต่การใช้ชีวิตส่วนตัวของชายหนุ่มก็ไม่ได้แห้งแล้ง เขามีกลุ่มเพื่อนสังสรรค์กันเป็นระยะ แม้กลับมาอยู่เมืองไทยก็นัดพบปะเพื่อนๆ ตามโอกาสที่ขึ้นมาติดต่อเกี่ยวกับธุรกิจเสมอเช่นวันนี้ชายหนุ่มก็มานั่งอยู่ในเลาจน์โรงแรมดัง เพื่อคุยข้อตกลงเป็นหุ้นส่วนเปิดรีสอร์ตแบบผสมผสานเลาจน์บนเกาะ แม้จะไม่อยากให้เกาะของตนเองมีสถานบันเทิงที่ให้บริการล่อแหลม ทว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งในการดึงดูดนักท่องเที่ยว เพชรจึงมีข้อตกลงและเงื่อนไขเป็นพิเศษซึ่งต่างก็พอใจกันทั้งสองฝ่าย ด้วยอีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทของเพื่อนเขา ต่อจากเรื่องงานก็เป็นการดื่มกินปกติโดยมีสาวๆ ดูแลตามประสาหนุ่มๆ“แบบนี้ฉันคงได้ไปเที่ยวเกาะนายบ่อยๆ แน่ เพราะพวกเรายังไม่เคยไปเลยสักครั้ง”พิษณุเพื่อนสนิทของเขาพูดหลังจากชนแก้วกับเขา เพชรเพียงแค่ยิ้มรับน้อยๆ เพราะเพื่อนแต่ละคนรักแสงสีกันทั้งนั้น จึงยังไม่มี




![เมียแต่ง [PWP] + [NC30+]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


