Home / วาย / ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ <The Amid Autumn> / บทที่2 หมู่บ้านชุนเทียน °•.< หมู่บ้านต้องสาป >.•°

Share

บทที่2 หมู่บ้านชุนเทียน °•.< หมู่บ้านต้องสาป >.•°

Author: LuL LaLiiL
last update Last Updated: 2025-09-05 23:34:40

ลึกเข้าไปในป่า ข้ามแม่น้ำ 99 สาย ข้ามเขา 999 ลูก ยังมีหมู่บ้านที่อยู่ท่ามกลางฤดูใบไม้ร่วงตลอดทั้งปีท่ามกลางหุบเขาที่โอบล้อมตัวหมู่บ้านไว้อย่างแน่นหนาลึกลับคล้ายปราการครอบแก้วกัก และ หยุดทุกสิ่งเสมือนว่าคนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า หลบลี้แยกตัวตัดขาดจากโลกภายนอก หมู่บ้านนี้คือ “หมู่บ้านชุนเทียน” หรือ ที่คนทั้งภพมนุษย์กล่าวขานเป็นนามเดียวกันว่า “หมู่บ้านต้องสาป”

หมู่บ้านที่เป็นปราการด่านแรกและด่านสุดท้ายที่ยืนตระหง่านกลางหุบเขาทำหน้าที่เป็นเหมือนเกราะกั้นระหว่างภพมนุษย์และภพอื่นๆ อีกแปดภพ จะกล่าวไปในอดีต หมู่บ้านชุนเทียนเคยเป็นหมู่บ้านที่งดงาม พืชพันธุ์ ดอกไม้ สัตว์ป่า และชาวบ้าน สำนักเซียน สำนักคุ้มภัย สำนักผู้ฝึกตน ต่างอยู่กันอย่างผาสุก ไม่ต่างจากที่อื่นๆ ในโลกใบนี้ แต่เนื่องจากเรื่องราวอันวุ่นวายเอิกเหลิกในอดีตทำให้ ฤดูกาลที่นี่หยุดคงไว้แค่ฤดูใบไม้ร่วง ดอกไม้ ผลไม้ ทุกสิ่งล้วนตายต้นเหี่ยวเฉา ใบไม้ ต้นไม้ทุกต้นในหุบเขานี้เกิดและร่วงหล่นฉับพลันลงพื้นคล้ายกับว่าพื้นที่นี้ถูกสูบกินไอแห่งชีวิตชีวาจนหมดสิ้นไปอย่างไงอย่างนั้น

ว่ากันว่าใน1ปีจะมีงานครบรอบการฟื้นคืนชีวิตหรือพิธีล้างไอปีศาจ เป็นเหมือนการเฉลิมฉลองให้ชีวิต คุณธรรม ความสว่าง ความดีงามคืนกลับสู่หมู่บ้านต้องสาปแห่งนี้ นอกจากการจัดงานประจำทั้งเดือน ช่วงเดือน11 ที่ในยามปกติจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง แต่ จะเปลี่ยนเวลานั้นพลิกกลับเป็นฤดูใบไม้ผลิ จะมีผู้วิเศษจากสำนักเซียนที่ยังเหลืออยู่ สำนักเก้าจักยุตกรา และเหล่าเทพจากภพสวรรค์ เริ่มสวดบทโคลงโบราณเล่าว่ามีอายุยาวนานถึงพันปี “โคลงเจี๋ยหยี่” เพื่อขับไล่ชะล้างและคืนชีวิตชีวาให้กับทุกสรรพสิ่งในหุบเขาแห่งนี้ คัมภีร์บทสวดกว่าหมื่นฉบับจะถูกลำเลียงและเซียน ผู้วิเศษ จะเริ่มประจำการสลับกันสวด ข้ามวันข้ามคืนตลอดทั้งเดือนเสียงสวดจะไม่มีวันหยุด

แสงไฟสีส้มวิบวับตระการจากโคมจะสาดส่องสว่างทั่วหุบเขา เสียงระฆังตีดังก้องกังวานดั่งเสียงปี่จากสวรรค์ ผู้คนพากันไม่หลับไม่นอนเปิดไฟฉลองรื่นเริง ตลาดในเมือง โรงหมอ โรงยา โรงเรียน แม่น้ำริมคลอง ทุกที่ล้วนสว่างและมีชีวิตชีวา จะเป็นเช่นนี้ต่อเนื่องไปยาวนาน 1 เดือน และเมื่อพิธีเริ่ม ทุกสรรพสิ่งคืนกลับมีชีวิต ผู้คนคืนกลับสู่ร่างเดิม นามเดิม ใจเดิม งดงาม เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ผู้คน ส่วน ความชั่วร้าย ความดำมืด ภูตผีวิญญาณปีศาจสิ่งชั่วร้ายจากปรโลก ทั้งหมด จะถูกมนต์ศักดิ์สิทธิ์นี้กดทับ กวาด และชะล้างจนสิ้นแสงสิ้นกำลัง ผนึกลงสู่อีกด้านของภพมนุษย์ คงเหลือไว้เพียงการมีชีวิตที่ขาวสว่างตามครรลองของผู้คนและสรรพสิ่งเหมือนเมื่อครั้งยังไม่ถูกตรึงนามเฉกเช่น “หมู่บ้านต้องสาป” ต่อเนื่องยาวนาน 1 เดือน

“เฮ้ย! ตื่นตื่น! ตื่นได้แล้ว! นี่มันกี่โมงกี่ยาม! พวกเจ้าจะนอนไปถึงไหน รีบลุกขึ้นเตรียมข้าวเตรียมของ” เสียงเรียกดังจากหัวหน้าพ่อบ้าน และหันหน้าถมึงตีงไปทางเหล่าขบวนสาวใช้อีกฟากของครัว “ส่วนพวกเจ้าไปเตรียมปลุกคุณชายวั่งซูให้ท่านลุกขึ้น ชำระร่างกาย แต่งองทรงอาภรณ์ วันนี้คือวันแรกที่นายท่านจะเข้าพิธีปฐมนิเทศ ปวารณาตัวเป็นศิษย์รุ่น 111 ของสำนักคุ้มภัยเก้าจักยุตกรา” แห่งตระกูลเจ้า

ณ ตำหนักจันทร์มืด (月亮 เย่วเลี่ยว) คฤหาสน์แห่งเดียวตั้งตระหง่านสีดำเงาสะท้อนวิบวับกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องกระทบสะท้อนความเป็นมันเลื่อมของตัวตำหนัก ตัดกับธรรมชาติพฤกษารอบด้าน สร้างความลึกลับ ทรงพลัง งดงาม โดดเด่น ให้กับตำหนักแห่งนี้ คือตำหนักที่ตกทอดจากตระกูลเจ้า สกุลที่ถูกเหล่าผู้คนในภพมนุษย์สาปแช่งชั่วนิรันดร์

“นี่เช้าแล้วหรอเนี่ย” เจ้าวั่งซูเอ่ยถามสาวใช้ที่เคาะประตูห้องเพื่อปลุกให้เตรียมตัว

“ใช่ค่ะ คุณชายวั่งซู วันนี้ต้องเตรียมตัวเพื่อเข้ารายงานตัวสำนักคุ้มภัยวันแรกค่ะ”

“ถ้างั้น พวกเจ้าจงเข้ามาเตรียม ให้ข้า เดี๋ยวสักพักข้าจะจัดการตัวเอง”

“ค่ะ คุณชาย”

เหล่าคนรับใช้เดินเข้ามา เตรียมอ่างน้ำอุ่น ตั้งฟืน ใส่ส่วนผสมสมุนไพรผสมน้ำ กลิ่นหอมเริ่มตีฟุ้งกระจาย ควันจากการเผาไหม้จากฟืนลอยคละคลุ้งทั่วห้อง ให้อารมณ์ผ่อนคลาย อีกด้านก็กำลังจัดเตรียมผ้าอาภรณ์ สีดำตัดขอบและลายทอง สีประจำตัวเจ้าวั่งซูสำหรับสวมใส่พาดแขวนไว้ในห้องแต่งตัวอีกฟากหน้ากระจก และต่างพากันกรูออกไปรอด้านนอกและปิดประตู

“เช้านี้อากาศดี สดชื่น ขอให้มันเป็นสัญญาณที่ดีแห่งการเริ่มต้น ฝากสายลมพัดพาความเลวร้ายที่มีมาตั้งแต่อดีตเลือนหายไป” เจ้าวั่งซูพูดกับตัวเอง ในมือโอบอุ้มแก้วชาไอลอยโขมง นั่งริมหน้าต่างเชิดหน้ามองลอดหน้าต่างไปทางเหล่าพืชพันธุ์และแสงอาทิตย์ ยามเช้าอ่อนๆ ที่สาดส่องฉาบบนใบหน้างามคมสันได้รูปสะท้อนวิบวับสีทองพร้อมรอยยิ้มบางๆ แห่งความหวังครั้งใหม่

“น้ำนี่ช่างหอมอุ่นกำลังดี” เจ้าวั่งซูพูดหลังจากปลดผ้าแพรยางใสที่ห่อกายเผยให้เห็นเรือนร่างขาวบางแต่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแน่นพองามลงแช่น้ำที่ถูกเตรียมไว้

เสียงเอิกทึกครึกโครมด้านนอกดังขึ้น เจ้าวั่งซูคว้าเสื้อผ้าห่มพันกายและกระโจนขึ้นจากน้ำอย่างรวดเร็ว พร้อมเปิดประตูห้อง “เกิดอะไรขึ้น!” บ่าวใช้สาวนางหนึ่งหน้าตื่นวิ่งผ่านมารีบคลุกเข่าลงและแจ้ง “เอ่อเอ่อ หัวหน้าพ่อครัวเว่ยซานตงค่ะ เค้าโดนปีศาจสวมร่าง กำลังอาละวาดที่ห้องครัวตำหนักริมสระค่ะ”

เจ้าวั่งซูวิ่งกึ่งลอยนำหน้าไปที่เรือนนั่น บ่าวรับใช้ยืนตกใจกลัวขวัญผวากันถ้วนหน้า

“คุณชายย ซาาซาาตง! เค้า” เบื้องหน้าคือกายหยาบของพ่อบ้านซานตงแต่ดวงตาไร้ซึ่งแววใจดีเฉกเช่นเคย รูม่านตาหดเล็กรอบตากลายเป็นสีเหลืองปากยื่นยาวฟันคมกริบเรียงรายลิ้นยาวสองแฉกออกจากปาก มีมืองอกออกมาจากหลังสิบสองมือ ขางอกออกมาสิบสองขา ตัวหยาบผิวหนังคล้ายสัตว์เลื้อยคลาน

“ปีศาจยึดร่าง! ตัวนี้ไม่ได้มาจากปรภพ มาจากภพไหน!?”

“แต่ไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาสักพัก หรือว่าพลังกั้นระหว่างภพอ่อนกำลังลง” เจ้าวั่งซูคิดในใจ พลางหันมาตะโกนเรียกบ่าวไพร่ “เตรียมตาข่ายสวรรค์ ตั้งค่ายล้อมจับมัน”

“ครับ” บ่าวไพร่ตั้งค่ายเตรียมพาดเหวี่ยงตาข่ายกักตัวพ่อบ้านซานตง ร่างปีศาจหลังจากโดนตาข่ายกลับไม่หยุดพยศลงแต่เริ่มขยายร่างใหญ่ขึ้น กรีดร้อง เสียงปวดหูดังก้องกังวาน ปากยื่นยาวคายพ่นพิษกระจายใส่ทุกคนในบริเวณนั้น

“ปีศาจร้ายจงกลับคืนสู่ที่เจ้าจากมา และทิ้งร่างนี้ มนต์กระชากวิญญาณ!” เจ้าวั่งซูหยิบอาวุธคู่กาย “เคียวยมฑูต” ขึ้นกวัดแกว่งง้าวนั้นพร้อมร่ายคาถาไล่ปีศาจคืนวิญญาณ

“กรี๊ด!!” ร่างปีศาจกรีดร้องพร้อมกายเริ่มถอยออกจากร่างพ่อบ้านซานตง แต่กรงเล็บก็คว้าเกี่ยวดวงจิตของซานตงหวังจะกลืนกินเพื่อให้ร่างตัวถูกดึงกลับครอบครองร่างกายมนุษย์

“แกทำอะไรข้าไม่ได้หรอก! ไอ้คนตระกูลเจ้า ไอกึ่งมนุษย์ชั่วช้า เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถยืนอยู่ตรงกลาง ระหว่างทุกภพเพื่อรักษาสมดุล เพื่อรักษาความสงบ ฮ่าๆๆ! ทั้งที่เจ้าก็รู้ว่ามันไม่เคยมีอยู่จริง ไอพวกมนุษย์ที่มันรักแต่ตัวเองมันไม่เคยมองเจ้าเป็นพวกมัน เจ้าควรจะรู้ว่าที่ของเจ้าคือที่ไหน ฮ่าๆๆ!” ปีศาจแสยะเคี้ยวน้ำลายเหนียวหนืดไหลย้อยพูดยั่วยุเจ้าวั่งซู

“เออ แม้มันจะเจ็บปวดแต่มันก็เป็นความจริง” เจ้าวั่งซูคิดในใจ ว่าพวกมนุษย์ไม่เคยมองตัวเค้าเป็นพรรคพวกแต่เป็นปีศาจจากปรภพ

“แล้วแกเป็นใคร! อาจหาญข้ามประตูภพมา ครองด้านมืดจิตใจมนุษย์ และเข้าสวมร่างแบบนี้ได้อย่างไร” เจ้าวั่งซูตะโกนถามปีศาจ

“กว่าหลายร้อยปีมานี้ประตูระหว่างภพปิดสนิท แม้เคียวสู่ภพอันแรกจะสาบสูญไป แต่การเสียสละดวงจิตในครั้งนั้นน่าจะเพียงพอให้มันกักผนึกทางเข้าออกระหว่างภพ จะมีเพียงปีศาจที่บำเพ็ญเพียรจนตบะแกร่งกล้าในทางสว่างถึงได้ข้ามมาในรูปจิตวิญญาณ เพื่อโอบอุ้มจิตวิญญาณที่หมดอายุขัยของมนุษย์ กลืนกินและสวมร่างเข้าครรภ์มนุษย์เพื่อถือกำเนิดขึ้นในภพภูมิมนุษย์ตามแรงบำเพ็ญเพียรที่กระทำมา “แต่นี่ มันไม่ใช่ ปีศาจที่มีแต่กลิ่นอายแห่งความตาย ความชั่วร้ายเช่นนี้ ไม่ได้ข้ามจากปรภพของเสด็จพ่อแน่นอน มันมาจากที่แห่งใดกัน” เจ้าวั่งซูคิดกังวลใจ

“หึหึหึ! เจ้าคงยังไม่รู้สินะ ว่าการทำแบบนี้ต้องใช้เวลาเป็นร้อยเป็นพันปี และ จะมีใครที่สามารถมีพลังที่มากมายได้ขนาดนี้ ฮ่าๆๆ! เจ้ามันยังอ่อนหัดนัก หารู้ไม่ว่าตอนนี้ทุกภพเป็นอย่างไร และ รอยแยกที่ผนึกระหว่างภพกำลังจะถูกทำลาย ภพทั้งหมดจะถูกทำลายให้เป็นหนึ่งเดียว ยิ่งเป็นภพมนุษย์ที่แสนต่ำต้อยและอ่อนแอ ไร้พลังจักรา จะไม่มีวันพรุ่งนี้สำหรับพวกมนุษย์ ฮ่าๆๆๆ!”

“ใคร!ใครกัน! ที่มีพลังสามารถส่งวิญญาณร้ายเช่นเจ้าข้ามภพมาได้ ปีศาจที่แกว่าเป็นใคร จงบอกข้าเดี๋ยวนี้!” เจ้าวั่งซูตะโกน

เจ้าปีศาจแสยะยิ้ม น้ำลายหยดย้อยน่าเกลียด “เดี๋ยวเจ้าก้คงรู้เอง ไม่นานหรอก เจ้าลูกหมาป่าน้อย ฮ่าฮ่าๆ”

เจ้าวั่งซูกัดฟันด้วยความเจ็บใจ คิดถึงอดีตชาติกำเนิด ของท่านพ่อผู้เป็นปีศาจหมาป่าดำเจ้าแห่งปรภพ ในขณะที่มารดาเค้าคือ เทพธิดาแห่งแสงจันทร์จากภพสวรรค์ ความรักที่นำมาซึ่งความสุขสงบแห่งสงคราม และเจ้าแห่งปรภพยอมจำนนทำสัญญาแก่ทุกภพ นำมาซึ่งการให้กำเนิดบุตรชายครึ่งหมาป่าดำครึ่งแสงจันทร์ทุก 100 ปี กายของเจ้าวั่งซูสามารถคืนร่างต้นกำเนิด หมาป่าดำพร้อมขนยาวแผงคอสลวยทรงพลังไร้ ดวงตาของสัตว์รูม่านหุบสีขาวโพลนไร้เมตตา แต่ขนสีดำเงาตามร่างกายกลับสว่างเจิดจ้างดงามเป็นประกายวิบวับสะท้อนดั่งแสงจันทร์ไม่ต่างจากจิตใจและจิตวิญญาณด้านในที่เป็นการรวมกัน ทั้งเจ้าแห่งด้านมืดและเจ้าแห่งแสงสว่าง ทำให้จิตวิญญาณดวงนี้ สว่างจ้างดงาม แบบไม่เคยพานพบมาก่อน

“หยุดนะ! หยุดกล่าวอะไรเลอะเทอะ! คืนร่างซานตงมาและกลับสู่ที่เจ้าจากมา” เจ้าวั่งซูกล่าวเตือนปีศาจครั้งสุดท้ายพร้อม เหวี่ยงเคียวเปิดประตูสู่ปรภพ ประตูสู่ปรภพเปิดขึ้นด้านหลังปีศาจ

“อ้ากกก! ไอ้คนสกุลเจ้าเอ๋ย อันนี้มันแค่เริ่ม พวกข้ายังมีไม้เด็ดรอเจ้าอยู่อีกเพียบ ฮ่าๆๆ!”

“ประตูสู่ภพจงเปิด ส่งเจ้าปีศาจกลับสู่ภพต้นกำเนิด เจ้าผู้บุกรุกที่รังเกียจ กลับสู่ที่ของเจ้าไปซะ” ด้านในประตูสู่ภพคือความดำมืดมิด ไร้ความรู้สึกถึงพลังชีวิต แต่รับรู้ได้ถึงความอ้างว้างโดดเดี่ยว และ ความแค้นที่มากมาย”

“นั่นคือที่แห่งใดกัน!? มันไม่ได้มาจากปรภพ!? หรือ ภพอมนุษย์!? จริงด้วย” เจ้าวั่งซูพูดกับตัวเอง ด้วยความกังวลใจ

ประตูสู่ภพเปิดและดูดปีศาจและวิญญาณชั่วร้ายออกจากร่างพ่อบ้าน

“ฮ่าๆๆ! แกอย่านึก ว่าจะทำไรพวกข้าได้ จะมีปีศาจตัวอื่นกรูกันมาอีกมากมาย และพลังแห่งพวกข้ากำลังจะครอบงำในทุกภพแกอย่าคิดว่าจะปกป้องมนุษย์ที่น่ารังเกียจพวกนี้ได้ไปตลอด หึหึ!”

ก่อนที่ร่างปีศาจจะหลุดออกจากร่าง มันได้เริ่มคว้าฉวยเอาดวงจิตของซานตงออกมา ดวงจิตเปล่งแสงดั่งลูกแก้วแวววาวส่องสว่างอยู่พักหนึ่ง ปีศาจร้ายนั้นก้หันมาสแยะยิ้มเตรียมกลืนกินเข้าท้อง

“มนต์ผลักไส” แสงพลังจากเจ้าวั่งซูพวยพุ่งสลัดโฉบปัดดวงจิตกระเด็นไปอีกทาง

“ฮึ่ย! หึหึ! ฮ่าๆๆๆ!” “เจ้าอย่าพึ่งลำพองใจ นี่มันพึ่งเริ่มต้น เจ้าหมาป่าน้อย หึหึ!”

ประตูสู่ภพดูดร่างปีศาจเข้าไปและปิดลง ทุกอย่างบรรยากาศรอบด้านสงบลงพร้อมกับข้าวของที่กระจัดกระจาย วั่งซูผายมือเรียกดวงจิตลอยมาที่แขวน และ ผลักกลับคืนสู่ร่างซานตง ร่างกายเริ่มอุ่นขึ้นแต่ยังไม่คืนสติ

“พวกเจ้า! จงนำซานตงไปพัก”

“ครับ!” “ค่ะ!” “คุณชาย”

เจ้าวั่งซู มองรอบๆ อย่างครุ่นคิด ยังติดใจเรื่องการข้ามภพมาของปีศาจร้าย และสิ่งที่มันพูดทิ้งไว้ตอนท้าย คืออะไรกัน หายนะความมืดมนกำลังกลับมาหรอเนี๊ยะ และ หันขวับเดินออกจากประตูไป

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ <The Amid Autumn>   บทที่21 ตัวข้าที่แตกสลาย °•.< The Amid Autumn 1 >.•°

    ทุกคนชลมุนวุ่นวายวิ่งกันไปมาทะลุผ่านตัวเจ้าวั่งซูไป องค์จักรพรรดิและองค์จักรพรรดินีแห่งสวรรค์ เรียกประชุมรวม เหล่าทวยเทพเทวดา และบรรดาเซียนเพื่อแก้วิกฤตที่เกิดขึ้น เรื่องราวความวิปริตของธรรมชาติไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่ภพภูมิมนุษย์ แต่เป็นอีกสองภพต้นกำเนิดขององค์ชายและเผ่าพันธุ์มังกร ภพสวรรค์ และ ภพเดรัจฉาน ทั้งสองภพต่างได้รับแรงกระเพื่อมจากการแตกสลายขององค์ชายแห่งมังกรผู้ควบคุมกระแสน้ำทั้งสามภพ เจ้าวั่งซูรีบเดินตามเหล่าทวยเทพเซียนไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ประชุม เหล่าเทพเซียนมากมายเข้าแถวยืนเป็นระเบียบ สักพักองค์จักรพรรดิและองค์จักรพรรดินีแห่งสวรรค์ก็เสด็จออกมา“ตัวจริงก็ยังหนุ่มสาวนะเนี๊ยะ ทำไมพวกเทพเซียนนี่ไม่รู้จักแก่ คงกินท้อพันปีกัน จนต้นนั้นโตออกลูกออกผลไม่ทัน” เจ้าวั่งซูคิด“องค์จักรพรรดิและองค์จักรพรรดินีขอจงทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี” เหล่าทวยเทพเซียนประสานเสียงกล่าวสรรเสริญ“วันนี้ มีผู้ให้เกียรติเข้าร่วมประชุมกับพวกเรา ท่านผู้ปกปักภพเดรัจฉานและผู้นำจิตวิญญาณแห่งเหล่าสรรพสัต

  • ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ <The Amid Autumn>   บทที่20 ฮวาเฟยฟา °•.< องค์ชายมังกร >.•°

    น่าจะเป็นยามดึก ในสวนดอกไม้ภายในบริเวณคฤหาสน์แห่งนี้ เก๋งจีนตรงเรือนริมน้ำตกมีเพียงเสียงน้ำไหล และ แสงจันทร์ส่องสว่างกลางท้องฟ้า นั่น “เฟยเฟย” ทำไมเค้าดูแปลกไป สีเสื้อหม่น ใบหน้าหมองเศร้า เหมือนมีน้ำตาเอ่อตรงดวงตาคู่งาม ในตากลวงว่างเปล่า เหมือนคนใจสลาย ในมือถือสุราดอกมฤตยูดำ (ดอกมฤตยูดำคือดอกไม้ที่ผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง ดอกมฤตยูดำที่ปลูกแค่บริเวณคฤหาสน์ตระกูลเจ้า และ พลังจักราของคนสกุลเจ้า) มีต้นกำเนิดและมีที่เดียวคือสกุลเจ้าคนที่คิดค้นคือ เจ้าวั่งซูรุ่นที่1และถูกนำมาหมักเป็นเหล้ารสเริด เมาแต่ไม่หนักหัวและสามารถช่วยสร้างความคิดและจินตนาการของผู้ดื่มให้สมจริง ดื่มเพื่อลืมความทุกข์จากโลกแห่งความเป็นจริงไป่ชิงหลงขดนอนอยู่บนโขดหินหน้าน้ำตก เกล็ดของชิงหลงจากสีขาวสว่างเปลี่ยนเป็นสีหม่นเหมือนขี้เถ้าและนอนหมดแรงอยู่ตรงนั้น “นั่นเจ้าเป็นอะไรเฟยเฟย” เจ้าวั่งซูเดินเข้าไปใกล้เพื่อฟังสิ่งที่ฮวาเฟยฟาพึมพำ “ทำไมท่านถึงทิ้งข้าไป ไหนว่าเราจะอยู่และร่วมกันต่อสู้เคียงข้างกันไปตลอด ทำไมทำไม” และเสียงก็เงียบหายไ

  • ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ <The Amid Autumn>   บทที่19 คฤหาสน์สีดำตระกูลเจ้า °•.< ตำหนักจันทร์มืด (月亮 เย่วเลี่ยว) >.•°

    ทั้งสี่ได้สติอีกที คือฟื้นขึ้นมาบริเวณ คือหน้ากระจกพืชพันธุ์ ทั้งสี่ลุกขึ้น“มึนเลย เหมือนพวกเราเดินทางกันมาไกลมาก ข้าเหนื่อย! ข้าเมื่อย! ข้าจะกิน! ข้าจะอาบน้ำ! ข้าจะนอนให้เต็มอิ่ม! เนอะ! หลิ่งกวาง” เจ้าวั่งซูพูดพร้อมบิดขี้เกียจไปทางหลิ่งกวาง “แง๊วๆ”“เป็นการเดินทางที่ยาวนาน เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปอดีต และพบเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อและยิ่งใหญ่มากมาย ช่างเป็นการเดินทางที่วิเศษจริงๆ” ฮวาเฟยฟากล่าวใบหน้าพอใจ“เฟยเฟย เจ้าไปอยู่เรือนข้านะ ที่เรือนข้าไม่มีใครนอกจากบ่าวรับใช้ เพียงแต่ว่ามันโบราณ และวังเวงหน่อย เจ้าอาจจะไม่ชอบบรรยากาศ” เจ้าวั่งซูเอ่ยชวน ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะอยากไปไม๊“ได้สิ! งั้นข้าไม่เกรงใจ! ถ้าข้าอยู่ยาวก็อย่าว่ากัน! ส่วนเรื่องวังเวงไม่ต้องกังวลมันไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่ข้าเคยไปที่นั่น” ฮวาเฟยฟาเอ่ยมองขึ้นฟ้าอมยิ้ม“เอ๊ะ! ในอดีตเจ้าเคยมาคฤหาสน์ตระกูลข้าแล้วหรอ เจ้ามาทำอะไร แล้วอยู่นานไม๊ แล้วเจ้ารู้จักกับใครในตระกูลข้า ท่านปู่ท่านปู่ทวด หรือ ใคร!?” เจ้าวั่งซูเดินต

  • ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ <The Amid Autumn>   บทที่18 พระมารดาแห่งจิตวิญญาณ °•.< พืชพันธุ์ รกชัฏ และความลับ 8 >.•°

    สิ้นเสียงผู้เฒ่า ทุกคนก็หันหน้าพร้อมกันไปทางต้นไม้แห่งชีวิต โคนต้นที่มีรากมากมาย มีร่างหนึ่งโปร่งแสงผุดขึ้น พระแม่แห่งชีวิตปรากฏตัวขึ้น จากร่างครึ่งกาย ดวงหน้าใจดีมีเมตตา ดั่งในนิมิตที่หลานหลี่เซ่อ สร้างให้ดูก่อนหน้า พระแม่สร้างดวงจิตจากฝ่ามือและปลดปล่อยสู่ผีเสื้อราตรี ดวงแล้วดวงเล่า ตัวแล้วตัวเล่า“ไปเราไปเฝ้าพระแม่แห่งจิตวิญญาณกัน” หลานหลี่เซ่อ และ เหล่าหมู่ซู่บรรพกาลพากันเดินเท้าเข้าไป ทุกคนสามารถเหยียบลงบนทะเลเมฆนั่น และ สารเมือกขาวมุกระยิบระยับนั่นก็ทำให้พวกเค้าลอยตัวอยู่ได้ เจ้าวั่งซูมีหลิ่งกวางนั่งบนบ่า ฮวาเฟยฟามีไป่ชิงหลงอยู่บนบ่า เดินนำหน้า และขึ้นบันไดไปสู่ด้านบนหน้าต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์และพระแม่แห่งจิตวิญญาณ“เฟยเฟยดูสิ ยิ่งเข้าใกล้ต้นไม้แห่งชีวิต ก็ยิ่งขาวสว่างไสวและยิ่งใหญ่มาก ดอกใบกิ่งก้านลำต้นล้วนเป็นสีขาวบริสุทธิ์ และ ใกล้ขนาดนี้ พระแม่แห่งจิตวิญญาณก็ใหญ่และงดงามมาก ผมยาวสยายดวงตาคู่งามที่ปิดลงเหมือนเทพธิดาเม่งเซี๊ยะ” เจ้าวั่งซูพูดกับฮวาเฟยฟา ฮวาเฟยฟาพยักหน้าเห็นด้วย “ช่างยิ่งใหญ่ สว่าง และงดงามบริสุทธิ์”&l

  • ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ <The Amid Autumn>   บทที่17 ต้นไม้แห่งชีวิต °•.< พืชพันธุ์ รกชัฏ และความลับ 7 >.•°

    “แล้วต้นไม้แห่งชีวิตหล่ะ มีอยู่มาก่อนหรือหลังพวกท่าน” ฮวาเฟยฟาเอ่ยถาม“พวกเจ้าคงหมายถึง “พระมารดาแห่งหมู่ซู่ (พระมารดาแห่งจิตวิญญาณทั้งปวง) ” ท่านคือต้นกำเนิดดวงจิต ถ้าไม่มีท่านก็ไม่มีพวกเราสักดวงวิญญาณ แน่นอน พระนางคือผู้ให้กำเนิดให้ชีวิตให้จิตวิญาณกับพวกเราทั้งหมด” ผู้เฒ่าหมู่ซู่ตอบ“พวกเราทั้งหมด ท่านหมายความว่าอย่างไร พวกเราจากทุกที่หรอ” ฮวาเฟยฟาถามต่อ“พวกเราหมายถึง ต้นไม้ มนุษย์ อมนุษย์ วิญญาณ ภูติผี ปีศาจ เทพเซียนเทวดา ภูติ เดรัจฉาน ทั้งหมดล้วนกำเนิดมาจาก ต้นไม้แห่งชีวิต” หลานหลี่เซ่อกล่าว ทุกคนที่ได้ยินอ้าปากค้างตะลึงทึ่ง และสงสัยคืออะไรกัน“พระมารดาแห่งชีวิต หรือชื่อที่ผู้คนเรียกและถูกบันทึกไว้ “ต้นไม้แห่งชีวิต” คือสิ่งมีชีวิตแรกเริ่มของทุกสิ่ง ถัดจาก ผู้สร้าง ผู้ปกปักษ์ ผู้ทำลาย ผู้พิทักษ์” หลานหลี่เซ่อเริ่มเล่าพร้อมใช้พลังเวทย์สร้างภาพนิมิตรไปพร้อมเรื่องราว ในภาพเป็นยุคอดีตตั้งแต่ก่อนดาวจะสร้างตัวมีเพียงต้นไม้แห่งชีวิตสีขาวยืนต้นลำต้นกิ่งก้านสาขาใบเถาวัลย์ล้

  • ดั่งเราสองที่พบพานจากวันวารสู่นิจนิรันดร์ <The Amid Autumn>   บทที่16 ต้นไม้บรรพกาลหมู่ซู่ °•.< พืชพันธุ์ รกชัฏ และความลับ 6 >.•°

    “ว่าแต่ พวกข้ามีเรื่องสงสัยจะถามท่าน ตอนที่พวกข้าลงไปหาสุราดอกซ่างฮัวหลัวข้างใต้ม่านน้ำตกนั่น พวกข้าพบ......” เจ้าวั่งซูยังพูดไม่จบหลานหลี่เซ่อก็แทรกขึ้นมาว่า “พวกท่านพบข้าใช่ไม๊ ไม่สิเศษเสี้ยวแห่งต้นไม้แห่งชีวิต”“ใช่! พวกข้าสงสัย ทำไมเศษเสี้ยวแห่งต้นไม้แห่งชีวิต ต้องใช้มนต์จำแลงเป็นปรมาจารย์กระจกมากมาย และ ทำไมภายใต้กระจกภพพืชพันธุ์ถึงกลายเป็นภพพืชพันธุ์ที่ไม่เคยมีใครเคยไปเยือนอย่างแท้จริง ท่านหลานหลี่เซ่อโปรดชี้แนะ” ฮวาเฟยฟาถามด้วยความสงสัย“ได้สิ ตั้งแต่อดีตกาลมาจนปัจจุบันไม่เคยมีผู้ใดสามารถเข้าสู่ภพพืชพันธุ์ได้ ไม่ว่าจะเปนดวงจิตจากภพภูมิไหน ยกเว้นผู้มาเยือนเพียงหนึ่งเดียวจากภพเดรัจฉาน “ผีเสื้อแห่งความตาย” แต่พวกท่าน ด้วยอาศัยการมีกายทิพย์จากท่านฮวาเฟยฟาผู้สืบทอดเผ่ามังกรเพียงหนึ่งเดียว และท่านคุณชายแห่งสกุลเจ้าผู้สืบทอดเคียวสู่ภพอาวุธที่แกร่งที่สุดในทุกภพ จึงสามารถผ่านทะลุมาถึงนี่ได้ สำหรับข้าคิดว่าเป็นวาสนาที่เราได้พบกัน ข้ายินดีจะเล่าประวัติความเป็นมาและความลับของตัวข้าในฐานะตัวแทนภพพืชพันธุ์ และพระมาดา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status