รถที่จอดหน้าบ้านนั้นเป็นรถคันใหญ่หรูหรา...ระดับเอสคลาส นันทาเคยเห็นรถรุ่นนี้...แน่นอนว่าหล่อนย่อมรู้ราคา...รถแพง...ทำไมแม่มากับรถคันนั้นได้ หรือแม่ร่ำรวยขึ้น อยู่ดีกินดี แต่แม่เกี่ยวข้องกับชายคนที่หล่อนช่วยเหลือไว้อย่างไรกัน หล่อนกำลังมึนงง สับสน แต่ตอนนี้แม่ยังไม่เห็นหล่อน เพราะหล่อนยังไม่ได้ปรากฏตัวออกไปทันทีหลังจากผ่านประตูออกไป
หล่อนลังเล...นานมากไม่เจอแม่ หล่อนจะเผชิญหน้ากับแม่แบบไหน อย่างไร
แม่ไปอยู่อย่างไร กับใคร หล่อนไม่เคยได้ข่าว
ยังดี...หล่อนแอบประชดตัวเอง หล่อนยังจำแม่ได้...การจากกันนานไปก็น่าจะลืมเลือนกัน แต่หล่อนไม่ลืมอาจจะเพราะว่าหล่อนโหยหา...ครอบครัวอันไม่สมบูรณ์ทำให้หล่อนขมขื่น...ปวดร้าวไม่น้อยนัก
ใครๆ ก็มีแม่ แม้หล่อนจะมีแม่เช่นกัน แต่แม่แทบจะไม่เคยดูแลไยดีหล่อนกับธมเลย
พวกหล่อนสองคนพี่น้องนับจากพ่อตาย แม่เหมือนตายไปด้วย ตายไปทั้งมีชีวิต
ธมพูดเสมอว่า
...ไม่มีเค้า เราไม่ตายน่า นันทา...
เขาดุหล่อนเสมอเมื่อหล่อนร้องหาแม่ หล่อนร้องไห้
...เค้ายังไม่สนใจไยดี เราจะไปสนใจเค้าทำไม เค้าใจร้าย ...
ธมเกลียดแม่ไปเลย
แต่ถามหล่อน เกลียดแม่ไหม ก็บอกไม่ได้ว่าเกลียดหรือไม่ อาจจะเป็นอารมณ์น้อยใจเสียมากกว่า น้อยใจว่าทำไมแม่ถึงได้ทอดทิ้งหล่อน หรือแม่คิดว่าหล่อนกับธมเติบโตพอจะดูแลตัวเอง แม่เลยจากไป
“มีใครอยู่บ้านไหม”
เสียงแม่ตะโกนถามมา แม่คงไม่คิดว่าจะเจอหล่อนที่นี่เป็นแน่...
นันทาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เป็นไรเป็นกัน หล่อนคงจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับแม่ไมได้ อยู่ที่แม่จะทำท่าทีอย่างไรเมื่อเจอหล่อน
แม่ไม่ได้มาคนเดียว แต่มีผู้ชายอีกคนมาด้วย และแม่จะเป็นไปตามที่ผู้ชายคนนั้นพูดหรือไม่ หล่อนไม่มีเวลาจะมาคิด...เสียงเรียกเข้ามาอีกหน
“ใครอยู่ตรงนั้น ขอถามอะไรหน่อยค่ะ”
แม่คงแวะมาสอบถาม โดยไม่รู้ว่านี่คือบ้านของธมกับหล่อน
นันทาก้าวออกไป...หล่อนไม่ได้แสดงท่าทีตกใจ...นอกจากทำให้คนมาทำท่าคาดไม่ถึง“นันทา...”
นงนุชอุทานอย่างประหลาดใจ ไม่คาดฝันว่าจะได้พบลูกสาวที่นี่หลังจากนิ่งมองอยู่พักใหญ่ๆเพราะนานมากแล้วที่ไม่ได้พบกัน
ครั้งสุดท้ายที่เห็นนันทายังเป็นเด็กหญิง ไร้เดียงสา แต่นี่นันทาเป็นหญิงสาวเต็มตัวแล้ว ต้องมองอยู่นานทีเดียว ถึงจะแน่ใจว่า นั่นคือเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง
นันทาเดินมาใกล้ประตูหน้าที่สูงแค่ระดับเอว...นงนุชมองคนที่มาด้วย เขาไปสูบบุหรี่แล้วคุยโทรศัพท์กับคนห่างออกไป ไม่ทันได้มองมา แล้วก่อนที่นันทาจะพลั้งปากเรียกหล่อน นงนุชก็พรวดก้าวมาถึงตัว จับแขนของนันทาบีบแรงๆ
“ฟังแม่นะ”
เสียงนั่นดุจเสียงกระซิบ แต่หนักแน่นเด็ดขาด จริงจัง จนนันทาก็บอกตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ว่าทำไมถึงขนลุกเกรียวขึ้นมาง่ายดายแบบนั้น
น้ำเสียงของแม่ฟังน่ากลัว เหมือนไม่ใช่แม่
หล่อนเบิกตากว้างมองดูแม่เหมือนกำลังช็อกไปชั่วขณะ
“อย่าเรียกแม่ว่าแม่ เข้าใจไหม เรียกคุณน้าก็พอ ทำตามที่แม่บอกก็แล้วกัน”
อย่างฉับพลันที่จิตใจของนันทาหนาวยะเยือก เหมือนเมฆแห่งความหวาดกลัว เข้าครอบงำหล่อนเอาไว้
มีอะไรบางอย่างไม่ปกติ
“อย่าเรียกแม่” เสียงย้ำบอก
แม่เป็นอะไร...และแม่กำลังทำอะไรด้วย หล่อนประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
“เชื่อแม่นะ”
หล่อนอดคิดไม่ได้ว่าทีอย่างนี้มาขอให้เชื่อ ก่อนหน้านี้ไม่ได้เป็นแบบนี้เลยแม้แต่น้อย...แม่หายไปจากชีวิตหล่อนเหมือนตายจากกัน แล้วตอนนี้แม่ก็ไม่ขอเล่นบทแม่ แต่ขอเล่นบทคนเป็น “น้า”
ก็ได้...อะไรก็ได้ทั้งนั้น
เป็นน้าก็ได้ เพราะแม่ก็เหมือนตายจากกันไปนานแล้ว
หล่อนรับได้ แม้จะขมขื่นอยู่ในใจไม่น้อยเหมือนกัน
เขาคนนั้นโยนบุหรี่ทิ้งลงบนพื้น เลิกพูดโทรศัพท์หันกลับมา
นันทาได้ยินเสียงแม่เอ่ยเหมือนตื่นเต้นยินดี
“หลานสาวฉันค่ะ ชื่อนันทา...”
แม่ทำท่าเหมือนไม่ได้เจอหล่อนมานานได้แนบเนียนมาก...แม่เล่นละคร...นันทาบอกตัวเอง และหล่อนเหมือนกำลังได้มองคนแปลกหน้า แสดงอะไรบางอย่างให้หล่อนได้เห็น
เล่นละครกับแม่หน่อยจะเป็นไรไป
ผู้ชายคนที่แม่พามาด้วย เป็นหนุ่มใหญ่แล้ว เขาดูอ่อนวัยกว่าแม่ แต่การที่เขาไว้หนวดเรียวๆ เหนือริมฝีปากทำให้เขาดูแก่ และนันทาไม่ชอบดวงตาของเขาเลย
ดวงตาเรียวๆ มองดูเหมือนเหยี่ยว ที่จ้องมองเหยื่อของมันไม่มีผิด
หล่อนกำลังนึกถึงคนแปลกหน้าในห้องข้างในโน้น แล้วเกิดความลังเล
“หลานสาวหรือ นุช”
“ค่ะ หลานสาว พ่อเขาเป็นญาติของฉัน”
เอาเข้าไป...แม่โกหก...หล่อนอยากรอดูว่าแม่จะโกหกเรื่องนี้ไปถึงไหน อย่างไร
“รู้จักคุณไพฑูรย์เสียซิ เขาเป็นสามีของน้า”
ตั้งแต่แม่จากไป หล่อนไม่คยได้ยินเรื่องของแม่เลย แต่แม่ไปมีสามีใหม่ ผู้ชายคนนี้เป็นสามีใหม่ของแม่ อย่างจำใจนันทายกมือไหว้เขา
แม่แทนตัวเองว่า “น้า” เต็มปาก หากเป็นละคร นันทาคิดว่าแม่ตีบทแตก หล่อนเสียอีก ที่ไม่ค่อยจะได้ชำนาญการกับเรื่องแบบนี้
“หน้าตาดีนี่ หลานคนนี้”
เขามองหล่อนนิ่งและนาน มองเหมือนสำรวจตรวจตราราวกับนันทาเป็นหุ่นโชว์เสื้อไปแล้ว มองเหมือนจะหาข้อตำหนิให้ได้ในเวลาอันสั้น
“เรียนหนังสือหรือจบแล้ว” เขาถามนันทาโดยตรง
“เพิ่งจบ”
ผู้ชายที่ชื่อไพฑูรย์คนนั้นดีดนิ้วเปาะ “เหมาะเลย คุณนุช ถ้าหลานสาวหางานทำไม่ได้ ก็เอามาทำงานกับเรา”
นงนุชลังเล แล้วก็ตัดบทว่า “พี่ชายเขาอาจจะไม่ยอมก็ได้ น้องสาวคนเดียวเขาเกื้อกูลอุปการะกันได้ดีกว่าเรา”
ไพฑูรย์หันไปนั่งอย่างสง่า แล้วพยักหน้าเหมือนให้สัญญาณกับนงนุช หล่อนเลยกระแอมในลำคอ ก่อนจะเริ่มต้นพูดจาอย่างเป็นการเป็นงาน
“น้ามาพักที่บ้านทางโน้น เลยไปจากที่นี่สักราวๆ สองกิโลเมตร...คือเรามาเป็นผู้คุ้มกันคนป่วย...เขาเป็นโรคประสาท ทีนี้เขาหลุดมาจากเรา น้าเที่ยวตามหาเขา เป็นห่วง เดินตามไล่หามาหลายบ้านแล้ว ไม่รู้ว่าว่านันมาอยู่ที่นี่”
ตอนที่ 105.เขาบอกว่าเขาไม่ต้องการแม่ยายนันทาขำที่เขาทำทำท่าจริงจังมาก และเมื่อหล่อนมาบ้านที่ริมทะเลนี้ หล่อนคิดว่าเรื่องรักของหล่อนก็เหมือนเรื่องคลื่นลมในทะเล พัดปั่นป่วนรุนแรง แล้วก็เงียบ และก็พัดแรงอีกหนมันเป็นจังหวะสม่ำเสมอเหมือนไฟที่บางครั้งลุกโชน บางครั้งก็อ่อนแสง เหมือนจะดับ แต่ก็ไม่ได้ติดวันนี้หล่อนออกมาเดินเล่นอยู่ริมทะเลคนเดียว ภีมเข้าไปกรุงเทพฯ เพราะมีเรื่องงาน หล่อนรอเขาที่นี่ หลังจากทำอาหารเย็นแล้ว หล่อนก็ออกมาเดินเล่น ที่ชายหาด แต่ลมพัดเม็ดฝนมาพร้อมกับคลื่นที่ม้วนตัวขึ้นมาหาหล่อนหันหลังกลับจากชายหาดกลับไปที่บ้าน ลมพัดแรงจนหล่อนต้องรีบก้าวเดินให้เร็วขึ้น รู้สึกถึงเม็ดฝนที่ตกเปาะแปะลงโดนผิวกายจนต้องวิ่งเพื่อกลับไปที่บ้านแต่ฝนก็ลงมาอย่างแรงเสียก่อน แล้วอยู่ๆ เงาดำเงาหนึ่งก็แวบผ่านมา จนหญิงสาวผงะออกไปอย่างตกใจเต็มที่“นันทา!”ท่ามกลางสายฝนที่อื้ออึงหวั่นไหว เสียงภีมนั่นเองเขาจับแขนหล่อนเอาไว้ “ผมกลับมาบ้านไม่เห็นเธอ นึกแล้วว่าต้องออกมาเดินเล่น ฝนลงหนักแล้วล่ะ รีบกลับเข้าไปบ้านเถอะ”ทั้งเขาและหล่อนต้องก้มหน้า ไม่ให้สำลักน้ำฝนที่กระหน่ำลงมารอบตัว ผ่านความนุ่มหยุ่นของ
ตอนที่ 104.เขาเบะปาก ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี สู้ไม่พูดน่าจะดีกว่า เขาเลยได้แต่อึดอัดใจ แม้ตอนนี้เขาจะถูกคาดหน้าตราโทษจากป๋าว่าไม่ให้เขาก่อเรื่องร้ายอีก...ป๋าเรียกเขาไปอบรมเรื่องเลือดสายเดียวกัน คนบ้านเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นพี่น้อง น้าหลานหรืออะไรก็ตามแต่ นายภูมินทร์ยืนยันเสมอว่าจะต้องรักกัน หรือหากรักกันไม่ได้ก็ต้องไม่คิดฆ่ากัน และเขาก็คิดว่าหากภีมไม่ได้ครอบครองสมบัติคนเดียว เขาจะไม่คิดทำร้ายภีมอีก เขาเสียเงินสิบล้านเป็นค่าไถ่โทษไปแล้ว มันมากพอแล้ว และตอนนี้เขากับภีมก็ต่างมีเส้นทางเดินของตัวเองนงนุชไม่ได้ใช้ความเป็นแม่ไปต่อสานให้ติดกับนันทา และเขาก็ไม่ได้สนับสนุนหล่อนด้วย“ที่จริงเราแยกตัวมาอยู่ข้างนอกก็ดีนะ คุณว่าไหม”เขาถามหล่อน กอดหล่อนไว้ ยอมรับว่าเขารักหล่อนโดยไม่สนใจอายุของหล่อนเลย แม้คุณพิมจะวิงวอนขอให้เขาทิ้งนงนุช แต่เขาก็ทิ้งไม่ลง “ก็ดี ไม่ต้องกดดันกับสายตาคุณพิม อีกอย่างฉันก็ไม่อยากเจอนันทา ละอายใจ”“เราคงจะต้องมีชีวิตต่อไป” ไพฑูรย์เอ่ยออกมาในที่สุด ไม่ใช่ด้วยเพราะสำนึกได้ แต่เพราะเขาคิดว่าเขาอยากจะมุ่งหน้ามีความสุขในชีวิตส่วนตัว...เขาอาจจะหลงทางไปฟาดฟันกับภีม...แ
ตอนที่ 103.“ใช่ครับ พี่พิม มาดูแล...เราอาจจะอยู่กันอย่างผัวเมียไม่ได้ แต่เราอยู่กันอย่างคนที่จะดูแลกันและกันได้จนกว่าเราจะไม่อยากเห็นกันอีกจะดีไหม”เขาพูดอะไร...คุณพิมงงๆ“ผมมีแต่พี่พิมมานาน ไม่เคยมีคนอื่นที่อยู่ในใจผมเท่าพี่พิม แต่เราต้องยอมรับความจริงถึงความแตกต่างกัน ก่อนหน้าที่เผยไม่ได้ ผมปรารถนาพี่พิมมากมาย แต่พอเปิดเผยได้ ผมกลับกลัวที่เราจะแสดงความปรารถนาให้คนอื่นรับรู้”“แล้วตอนนี้...ต้องการอะไรกันแน่”“อย่างที่ผมบอกครับ เราจะดูแลกันและกัน ผมจะไม่ยอมให้พี่พิมทำร้ายตัวเอง แต่นั่นไม่สำคัญครับ ที่สำคัญที่สุด...ผมรู้ตลอดเวลาที่ผ่านมา...พี่พิมต้องการผู้ชายสักคน...ของพี่...ของพี่จริงๆ...ผู้ชายที่จะกอดพี่...รักพี่ แล้วทำให้พี่ไม่เดียวดาย...จริงไหม พี่พิม”คำพูดนั้นทำให้คุณพิมร้องไห้โฮ เหมือนเด็กที่ไม่ได้ระมัดระวัง จะเสียภาพพจน์อีกแล้วเมื่อทุกอย่างลงเอยกันได้อย่างที่เรียกว่ามาพบกันครึ่งทาง คุณพิมผู้ได้พบว่าสุดท้ายที่เธอเพียรตะกายหานั่นคือแค่ใครสักคนที่รับรู้ว่าเธอมีตัวตนใครสักคนของเธอ...แค่ใครคนนั้นจริงๆไม่ใช่ “ป๋า” ที่พรากคนที่เธอรักจากไป เมื่อเธอยังเยาว์วัยไม่ใช่ “ลูกชาย
ตอนที่ 102.“กับเพื่อนของเธอนะ นัน...พี่พุดทำท่าแปลกๆ”“แปลกยังไงคะ”“ผมว่าเราอาจจะเห็นคุณพุดตะครุบไล่ล่าเมธามาไว้จริงๆ”“หากเขายอม...”“ผมว่าเขาต้องยอม เพราะคุณพุดเป็นนักตื๊อ”“แม่นันก็มีความสุขกับคุณไพฑูรย์...และคนต่อไปที่จะมีความสุขคือพี่ธม เพราะแม่ก็อาจจะช่วยตามเมียกลับมาให้พี่ธมได้ และความสุขพวกนี้จะส่งตัวในครอบครัว เมื่อทุกคนมีควมสุขส่วนตัวก่อน จะมาถึงพี่น้องเครือญาติ มันจะเหมือนวงจรของความสุขที่ไหลเคลื่อนได้โดยไม่ติดขัด”“ช่างพูดจริง” เขาประทับจูบหล่อนเสียก่อนให้หล่อนพูดต่อ แต่เขาก็คิดว่าการไปพูดกับจักราอีกหนน่าจะดี...นันทาปลอบโยนเขาในค่ำคืนวันนี้...หล่อนเรียนรู้เรื่องของความรักจากที่เขาสอน...และตั้งแต่เข้าใจว่าความรักเป็นอย่างไร นันทาก็ทำให้ภีมมีความสุขอย่างแท้จริง ยามที่หล่อนเป็นฝ่ายหยิบยื่นความงดงามของความรักให้กับภีมนั้น แม้หล่อนจะยังงุ่มง่ามไปบ้าง แต่ก็เป็นสิ่งที่ภีมพบว่าไร้มารยาอย่างยิ่งเขาสามารถเสพสมได้อิ่มเอม และละความเศร้าหมองในหัวใจ...รสาตายแล้ว พ่อของหล่อนถูกจับ เป็นเรื่องอื้อฉาวของครอบครัว ลลิลไม่รู้สึกปิติยินดีตามที่เคยคิดเล่นๆ ในใจแม้แต่น้อย หล่อนเคยวา
ตอนที่ 101เขารู้เรื่องนี้เพราะเขาเคยสนิทกับรสาไม่ใช่น้อย สนิทถึงขั้นเกือบจะแต่งงานกับหล่อนครอบครัวเกือบจะ “ดอง” กัน ด้วยความเหมาะสมของผู้คนภายนอกที่มองเข้ามาทุกคน...ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม ทุกอย่างเหมาะสมดีงามทั้งสิ้นแต่เขากับรสาก็ “วืด” จากกัน ไม่ต้องโทษหล่อน หากแต่โทษเขาได้เลย เพราะเขาหันไปมองลลิลที่เข้ามา หล่อนอ่อนวัย ร่าเริง และสนุกสนาน พอดีกับเขามองเห็นว่ารสาอยู่ในกรอบที่เข้มงวด ความสวย ความเพียบพร้อมของหล่อนมีผลทำให้เขาขบคิดมากมายว่าเขาจะทนอยู่ในกรอบได้หรือไม่ การเลือกคบหากับลลิลวันนั้นเป็นเพียงการถอยออกจากรสาและได้ผลทีเดียว รสาถือตัวเกินกว่าจะลดตัวมาแย่งชิงกับหลานสาว และเขาก็ไม่ได้สานต่อกับลลิล เพียงถอยจากรสาได้ ลลิลก็หมดประโยชน์เขาได้เห็นเรื่องวุ่นวายในครอบครัวของรสามาก่อน นั่นก่อนจะได้เห็นเรื่องวุ่นในครอบครัวตัวเอง“พี่น้องกัน...ไม่น่าเลย...คุณพรไชยไม่น่าจะทำแบบนั้น”แต่จะต่างอะไรจากไพฑูรย์เคยทำ“เหมือนที่ไพฑูรย์เคยทำกับผม”นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเล่ารายละเอียดกับหล่อน นันทาเคยถาม เขาก็ไม่เล่า เพราะมีนงนุชอยู่ในเรื่องราวนั้นด้วย หล่อนเชื่อว่าเขาห่วงความรู้สึกหล่
ตอนที่ 100.“คุณพิมเธอใส่หน้ากาก เล่นละครมานานมาก ตอนแรกฉันก็โกรธนะ แต่พอรู้เรื่องเบื้องหลังของเธอ ฉันก็โกรธไม่ลง ยิ่งป๋าขอด้วยแล้วฉันก็พร้อมให้อภัยเธอ แต่นายคิดยังไง จะยอมรับคุณพิมไหม”จักราเงยหน้าสบตากับเพื่อน“ฉันเห็นพี่พิมมานาน เธอเป็นผู้หญิงแสนดีทุกอย่าง ที่เราปรารถนาอยากจะได้ แต่พอได้...”เขาเว้นวรรคการพูด ละอายใจที่จะเอ่ยเรื่องนี้“ภีม ฉันไม่อยากพูดมาก จะเหมือนฉันเอาเรื่องลับมาประจาน แต่ฉันต้องพูดเหมือนกัน พี่พิมจะครอบงำฉัน และฉันเพิ่งรู้เรื่องที่เธอเป็นแม่ของไพฑูรย์และเธอคิดไม่ดีกับป๋า ฉันไม่อยากสมรู้ร่วมคิด อีกอย่างความสัมพันธ์ของฉันกับเธอ มันเหมือนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เธอจะครอบงำฉัน และเมื่อความลุ่มหลงจางลง ฉันก็ไม่อยากจะเข้าใกล้เธออีก..”ต้องยอมรับว่าหน่ายแหนงลงไวมาก เพราะที่เกิดไม่ใช่ความรัก“ตอนนี้ฉันไม่ยอมไปเจอเธออีก”“คุณพิมจะยิ่งคลั่งนะ”“ฉัน...อาจจะชั่ว...แต่ฉันไม่อยากเจอเธออีก”จักราบอกออกมาในที่สุด“ทั้งที่...ฉันก็ยังชอบเธอมาก แต่มีอะไรที่ทำให้ฉันอยากถอยห่าง”“ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ขอให้นายอยู่ห่างคุณพิมจริงๆ ก็พอ”“ภีม ฉันเสียใจนะ”“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ...นายประ