Masuk.......ภูเขาสั่นสะเทือน ภูติซ้าย ปากสั่น "นี่คือวิชาสวรรค์ไร้พ่ายขั้นที่ 8""ไม่น่าเชื่อว่าราชครูผังจะฝึกได้ถึงระดับนี้" จริงๆราชครูผังติดต่อกับพรรคมารนี้มาหลายปีแล้วเขาเป็นผู้สนับสนุนหลักแก่พรรคมาร และเขาได้ร่วมมือกับภูติซ้ายช่วยให้เข้าไปอ่านคัมภีร์สวรรค์ไร้พ่ายในห้องลับและแอบฝึกมานานแล้ว แต่ประมุขพรรคมารกลับไปได้แค่ขั้นที่ 4 ในขณะที่เขาแอบฝึกจนสำเร็จไปถึงระดับ 8 ทุกคนรีบช่วยกันจับภูติซ้ายมัดไว้ ภูติซ้ายมีอาการเพ้อ "ข้า....ข้าขอโทษ.....ท่านประมุข"ทุกคนเฝ้าจดจ้องวิชากระบี่ระดับเทพสวรรค์ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่ผ่านไปสักพักภูเขาก็หยุดสั่นและทุกอย่างก็เงียบสักพักผู้เฒ่าเจ้าสำนักกระบี่ขาวก็ประคองไป่เยว่หลิงลงมา เขาอยู่ในสภาพใกล้หลับเพราะหมดแรง กระบี่ขาวสมบัติประจำสำนักยังไม่หักหรือสลายเป็นฝุ่นผง (โชคดีแล้วนะ)เลี่ยหยางรีบเข้าไปอุ้มไป๋เยว่หลิง และหันไปถามผู้เฒ่าชรา"เกิดอะไรขึ้น?"ท่านผู้เฒ่าส่ายหน้า "ทั้งคู่พลังปราณหมด ใช้กระบวนท่าสุดท้ายไม่ไหว จึงต่างฝ่ายต่างหนี""คัมภีร์สวรรค์ไร้พ่ายล่ะ?"ผู้เฒ่าชราหยิบออกมา แต่มันขาดครึ่ง"ดาบแรกก่อนหน้านี้ฟันคัมภีร์ขาดครึ่ง ราชครูคว้าครึ่งแรกหนีไป
....จอมยุทธทุกคนตกใจ คุณชายไป๋คนนี้วิชาตัวเบาสูงส่งเหลือเกิน ยมฑูตโลหิตยิ้มดีใจ ในที่สุดข้าก็ได้เจอผู้ที่คู่ควรแก่ข้าแล้ว แล้วเสียงก็อึกทึก หัวหน้าพรรคฝ่ายธรรมะต่างตะโกนหาคุณชายไป๋ แต่เขาไม่สนใจพลิกอ่านตำรานั้นอย่างรวดเร็ว "นี่ของปลอม...""หลิงหลิงมือเจ้า!" ที่นิ้วมือมีสีเขียว คัมภีร์มีพิษ!แต่นั่นไม่ใช้ปัญหาสำหรับคุณชายไป๋ เขาเอาเข็มออกมาแทงตามจุดต่างๆของร่างกายอย่างรวดเร็ว เข็มหนึ่งเจาะฝ่ามือ และยกฝ่ามือไปทางภูติขวา ซัดพลังปราณปล่อยพิษใส่ภูติขวาโดนพิษนั้นจนใบหน้ากลายเป็นสีเขียวดิ้นทุรนทุรายเจ็บปวดด้วยพิษของตนเอง และตายในเวลาถัดมาทุกคนตะลึง ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก คุณชายชุดขาวคนนี้....ข้าว่าแล้วเขาต้องไม่ธรรมดา หัวหน้าสำนักกระบี่ขาวนึกในใจ"หลิงหลิง กลับมานี่ เร็วๆ" เลี่ยหยางตะโกนเรียกจากด้านหลังสุดแต่ไป๋เยว่หลิงไม่ไป เขามองไปทั่วห้องโถง และมองผุ้คุมกฎทั้ง 4 แล้วจึงตะโกนหาเลี่ยหยาง"เลี่ยหยาง หมุนแท่งโลหิตกลางห้อง"เลี่ยหยางรีบแทรกเข้ามาหมุน ส่วนเยว่หลิงกระโดดขึ้นไปเหยียบหัวผู้คุมกฎทั้ง 4 แรงๆจนพื้นมีแรงกระแทกใช่แล้วผู้คุมกฎทั้ง 4 ยืนตรงตำแหน่งกลไกไว้นั่นเองแล้วประตูห้องลับที
.....การเดินทางจากลั่วหยางไปกว่างโจว ถือเป็นเส้นทางยาวเหยียดผ่านทั้ง หุบเขา ลำน้ำ และแล้วก็มาถึงหุบเขาเซียงหยู เขตแดนที่ปกคลุมด้วยกลิ่นคาวเลือดของยุทธภพ นั่นคือ "หุบเขาเซียงหยู"หุบเขาเซียงหยูตั้งอยู่ระหว่างเขตแดนระหว่างลั่วหยางกับกว่างโจว เป็นหุบเขาที่แม้แต่พ่อค้าเกวียนหรือพรานป่าก็ไม่กล้าเข้าใกล้ ผู้คนในละแวกนั้นเรียกขานมันว่าหุบเหวของเสียงคร่ำครวญ ยามค่ำคืนจะมีเสียงลมคล้ายเสียงคนร้องไห้ลอดออกมาจากซอกเขา บ้างว่าคือเสียงภูต บ้างว่าคือเสียงของเหล่าผู้ฝึกยุทธที่สิ้นชีพ ณ ที่แห่งนั้นหุบเขานี้ยาวราว 30 ลี้ ขนาบด้วยผนังหินสูงชันประดุจกำแพงสวรรค์ที่ผ่าลงจากเบื้องบน ยอดไม้โบราณสูงเทียมเมฆขึ้นแทรกอยู่ตามรอยแยกของหิน มอสสีเขียวและเถาวัลย์ปกคลุมราวกับม่านผืนยักษ์ที่ธรรมชาติขึงไว้ที่นี่เป็นที่ตั้งของ “สำนักกระบี่ขาว” และ “พรรคมารโลหิตคราม” ซึ่งสู้รบกันจนเลือดสาดหลายครั้งกลางช่องแคบหุบเขาเซียงหยู มีสะพานโบราณทอดข้ามเหวลึกในขณะที่ไป่เยว่หลิงและเลี่ยหยางกำลังเดินข้ามสะพานนั้น ก็มีจอมยุทธกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ที่ทางลงท้ายสะพาน"หยุด! ผู้ที่มาเป็นใคร?" จอมยุทธถือกระบี่สีขาวผู้เป็นหัวหน้าถาม"แหะๆ พ
....เมืองลั่วหยางหลังเหตุการณ์เต็มไปด้วยซากปรักหักพังและฝุ่นควันลอยฟุ้ง ร่องรอยของพื้นดินแตกเป็นรอยยาว ขอบหลุมขนาดใหญ่กว้างยาวหลายสิบวา เกิดขึ้นกลางเมืองเหมือนกลืนกินบ้านเรือนหลายหลังเข้าไป พื้นถนนแตกกระจาย หินกรวดและอิฐปูนกระเด็นกระจัดกระจายเต็มไปหมดบ้านเรือนหลายหลังพังลงเป็นซากไม้และปูน บางหลังเหลือเพียงเสาไม้และเศษหลังคา เสียงลมพัดผ่านซากตึกส่งเสียงครืนคล้ายเสียงร่ำไห้ของเมือง เสียงตะโกนเรียกหาครอบครัวและสัตว์เลี้ยงยังดังก้องไปทั่ว ท่ามกลางซากปรักหักพัง ทารบางส่วนพวกเขาพากันช่วยกันลำเลียงผู้บาดเจ็บ บ้างก้มหน้าก้มตากวาดซากหิน บ้างยืนจ้องหลุมขนาดใหญ่ด้วยแววตาสั่นพร่า บางคนพูดกระซิบด้วยความหวาดกลัว “นี่…เทพสวรรค์หรือมักรทองทะยานสู่สวรรค์กันแน่?”หลุมใหญ่นั้นด้านล่างว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย ราวกับว่าไม่เคยมีสุสานโบราณหรืออาวุธเทพพวกนั้นอยู่ที่นั้น เป็นแค่หลุมดินลึกๆธรรมดาเท่านั้นเองพวกเจ้าหน้าที่ประจำเมืองออกตรวจสภาพความเสียหาย พวกเขาช่วยกันตรวจสอบซากต่างๆ รวมถึงศพที่ยังติดอยู่ในอาคารเล่านั้น ครั้งนี้ถือว่าเป็นหายนะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดลั่วหยาง เพราะนอกจากเกิดภัยพิบัติที่แปลกประหลาดแล้ว
ฉั่วะ!คอเยว่หลิงยังไม่ขาด เป็นหัวหน้าทาสชายนั่นเอาตัวเข้ามารับดาบแทนเยว่หลิง มือสองข้าพยายามจับดาบไว้ แต่แม่ทัพเสือขาวนั้นมีแรงมาก ร่างกายขาวเป็นแผลยาว เลือดไหลนอง"ข้า....ข้าไม่ยอมให้เข้าฆ่าลูกหลานท่านเทพ" เขาพูดและมีเลือดออกปาก มือ 2 ข้างที่จับดาบนั้นมีแต่เลือดเต็มมือทันใดนั้นแสงในหีบก็สว่างจ้า หีบทั้งหมดถูกเปิดออก "น้ำตา" ต่างหากที่เปิดหีบได้ ไม่ใช่ "เลือด"แท่งแบบที่แม่ทัพเอาออกมามีอยู่นับร้อยอัน หากมันตกอยู่ในมือแม่ทัพ จากนี้ไปอีกไม่นานทุกแคว้นจะถูกยึดจนหมดเลี่ยหยางผงะจากร้องแม่ทัพมาได้สำเร็จเข้ารีบมาอุ้มร่างเยว่หลิง จะพาหนีแต่ทันใดนั้นหีบนั้นก็มีเสียงประหลาดพูดออกมา"ขอคำสั่ง..."เยว่หลิงมองไปที่หีบ ลำแสงนี้ มันมีอยู่ในหนังสือนิทานที่ท่านแม่ทิ้งไว้ให้ "เจี้ยน" เยว่หลิงพูดทันใดนั้นก็มีเสียงแปลกๆที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนด้านในหีบ มีแสงมากมายในนั้น แล้วก็มีสิ่งๆหนึ่งแยกออกมาจากกองแท่งอาวุธพวกนั้น มันลอยนิ่งเหนือพื้นได้ นั่นทำให้ทุกคนห้องจ้องด้วยความไม่เชื่อสายตาตัวเอง นี่มันของวิเศษจากสรวงสวรรค์!"ดาบ...จง...มา..." เยว่หลิงพูดด้วยเสียงเบาๆด้วยความอ่อนแรง ดาบเปล่งแสงนั้นลอยไปเข้
....ด้านในสุดของสุสานโบราณเป็นห้องโถงใหญ่เพดานสูงชัน โค้งมนเหมือนท้องมังกร กำแพงเป็นหินขนาดใหญ่ แกะสลัก ลวดลายฟ้า-ดิน-ดวงดาว แสงเทียนหรือคบไฟส่องสะท้อนบนพื้นหินเงาวาว ทำให้ห้องเหมือนเต็มไปด้วยเงาเคลื่อนไหว ความเย็นของหินใต้ดินและความชื้นทำให้เสียงก้องเล็ก ๆ ทุกก้าวที่เดิน เงียบสงัด…จนกระทั่งทุกเสียงเคลื่อนไหวจะดังชัดเจน และมีกลิ่นเหมือน น้ำเก่าและโลหะจาง ๆ บ่งบอกถึงความเก่าแก่หลายร้อยปีมีรูปปั้นหินสัตว์เทพจีนโบราณ มังกร อยู่ประตูทางเข้า, หงส์ แกะสลักกลางห้อง, สิงโตและเต่า อยู่ตามมุมห้องมีหีบสมบัติขนาดใหญ่อยู่กลางห้อง มีลวดลายประหลาดสลักไว้เต็มไปหมด หีบนี้มีกลไกซ่อนด้านล่างและรอบแท่น ชายหัวหน้าทาสยืนอยู่กับลูกน้องของตน 2-3 คน ใบหน้าเขายังคงยิ้มด้วยความปลอมเปลือก เยว่หลิงถูกเชือกมัดมือยืนอยู่ข้างกัน ใบหน้าเย็นชาราวกับไร้ความรู้สึก "คุณชายคงแปลกใจสินะขอรับที่ใต้เล้าไก่มีสุสานยิ่งใหญ่ขนาดนี้" เยว่หลิงไม่ตอบ แววตาเขาไร้ความรู้สึก หัวหน้าทาสชายจึงได้แค่ยิ้มแล้วทันใดนั้นก็มีกลุ่มทหารเดินเข้ามา แต่ละคนชุดเกราะเต็มยศ ทำให้รู้ว่าเป็นระดับนายกอง รองแม่ทัพแล้วชายหัวหน้าทาสและทหารทุกคนก็ก้มศ





![สถานะลับ(รับ)สถานะรัก [เมะxเมะ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

