แชร์

ตอนที่ 7 คุณนายทหารน้อยหน้าไม่ได้

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-10 12:26:37

ตัดชุดให้พันตรีเว่ยใช้เวลาเพียงสามวันก็เสร็จแล้ว เนื่องจากเป็นของลูกค้าจะมัวโอ้เอ้ไม่ได้ ฉินเสี่ยวหรานจะให้น้องสาวเป็นคนนำอาหารไปส่งให้พ่อ ส่วนเธอใช้เวลาอันมีค่าในการตัดเย็บ แต่ว่าชุดของเด็กทั้งสองใช้เวลาสี่วันในการตัดเย็บรวม แล้วเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์พอดี เร็วกว่าที่คาดเอาไว้มาก

ฉินเสี่ยวหรานนัดส่งชุดพรุ่งนี้เพราะต้องการตรวจสอบชุดใหม่ว่าจะไม่มีปัญหาตรงไหน ด้วยฝีมือของเธอราคาที่จะเรียกจึงแพง ถ้าเกิดมีตำหนิขึ้นมาจะเสียชื่อเอาได้

หลังตรวจสอบชุดทั้งสามอย่างละเอียดดีแล้ว ฉินเสี่ยวหรานยังเย็บกระเป๋าผ้าเพื่อใส่ชุดอีกด้วย เพราะไม่มีถุงกระดาษ หรือถุงที่สามารถใส่เสื้อผ้าได้ ถ้าถือไปเลยเห็นถ้าว่าจะไม่ดี และกระเป๋าของเธอยังเก่าอีกด้วย

จ้าวหยู่ฟางกำลังถักไหมพรมเงยหน้ามองลูกสาวที่เตรียมของจะไปส่ง "ลูกตัดเย็บเร็วมาก แม่นึกว่าต้องใช้เวลาอีกหลายวัน เหล่าคุณนายยังตกใจที่ชุดเสร็จเร็วมาก”

"ไม่เร็วเลยค่ะแม่ ถ้ามีจักรเย็บผ้าจะดีกว่านี้"

"นั่นสิ มีจักรเย็บผ้าเร็วกว่าจริง ๆ" น่าเสียดายที่เธอกับสามีไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อจักรเย็บผ้า ไม่สิ จะว่ามีมันก็มีอยู่แต่ว่าเงินของบ้านก็จะลดลง อีกไม่นานก็จะเปิดภาคเรียนแล้ว

จักรเย็บผ้าราคาเกือบสามร้อยหยวน ถ้าใช้เงินเดือนของสามีที่ไม่ได้ใช้จ่ายอะไรเลยก็ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งปี แต่ว่าพอย้ายมาที่นี่ ต้องมีค่าใช้จ่ายหลายหยวน หากซื้อจักรเย็บผ้าเข้าบ้านอีกที่บ้านคงไม่มีเงินแล้ว

ฉินเสี่ยวหรานไม่ได้คิดที่จะให้พ่อและแม่ซื้อจักรเย็บผ้า เธอคิดจะหาเงินจากการเย็บมือก่อนเปิดภาคเรียนเอง และที่บ้านไม่ได้มีเงินขนาดนั้น ทั้งยังเป็นของชิ้นใหญ่

"พี่สาวใหญ่เก่งจริง ๆ ค่ะ สัปดาห์นี้ยังไม่ได้พักเลย เวลานอนก็ต้องเย็บเพื่อให้เสร็จเร็ว ๆ" ฉินเสี่ยวหลิงบ่นพร้อมยกอาหารเข้ามาในบ้านเพื่อกินมื้อเช้า

"แน่นอน ตอนนี้ยังไม่เปิดเรียน ถ้าฉันไม่ใช้โอกาสนี้ก็ไม่มีโอกาสอื่นแล้ว"

"แต่ว่าลูกไม่ควรโหมงานหนักมากเกินไป" ฉินหานส่ายหน้าเมื่อเห็นลูกสาวทำงานหนัก แต่ก่อนลูกสาวทั้งสองต้องทำงานบ้านและมีหน้าที่เรียน ตอนนี้กลายเป็นว่าคนพี่ตัดเย็บเสื้อคนน้องทำอาหาร

ฉินเสี่ยวหรานหัวเราะเล็กน้อย เธอยิ้มและนั่งลงตรงข้ามผู้เป็นพ่อ "ไม่ได้โหมงานขนาดนั้นค่ะ แค่เย็บถึงตรงไหนได้ก็เย็บให้มันเสร็จเท่านั้น อีกทั้งหนูยังไม่ง่วง จะนอนเร็วก็นอนไม่หลับ"

ที่นี่ไม่เหมือนในปีที่เธอได้จากมา โทรศัพท์คือสิ่งที่ทุกคนใช้งานตลอดเวลา จนบางบ้านแม้แต่โทรทัศน์ต่อให้ซื้อมาก็ไม่เคยดู พอได้มาใช้เวลาที่นี่ ต่อให้ไม่ใช่ร่างกายของตนเอง แต่ว่าฉินเสี่ยวหรานก็นอนไม่หลับอยู่ดี

"เอาละ กินข้าวเสร็จพวกเราจะได้ไปทำงาน" จ้าวหยู่ฟางบอกสามีและลูกสาวคนโตที่นั่งพูดคุยกัน ส่วนฉินเสี่ยวหลิงนั้นเริ่มกินก่อนทุกคนไปแล้ว

ฉินเสี่ยวหรานพยักหน้าและลงมือกับอาหารตรงหน้าทันที ปีนี้ฉินเสี่ยวหลิงอายุสิบห้าปีแล้ว และอยู่ในชนบทต้องทำอาหารตั้งแต่อายุสิบปี ระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมาฝีมือการทำอาหารพัฒนาขึ้นมาก ยิ่งมีเครื่องปรุงครบ ฉินเสี่ยวหรานไม่ต้องช่วยทำ อาหารก็อร่อยมาก

เมื่อรับประทานมื้อเช้าเสร็จแล้ว ฉินหานก็ใส่หมวกแล้วออกจากบ้านไป ฉินเสี่ยวหลิงนำจานไปล้างทำความสะอาด ฉินเสี่ยวหรานเช็ดโต๊ะ และจ้าวหยู่ฟางตรวจเช็กของที่จะไปสมาคมแม่บ้านอีกสามสิบนาทีข้างหน้า

"ชุดผู้ใหญ่ห้าสิบหยวน ชุดเด็กเจ็ดสิบหยวน รวมกันแล้วหนึ่งร้อยเก้าสิบหยวนค่ะ" ทันทีที่มาถึงสมาคมแม่บ้าน ฉินเสี่ยวหรานบอกราคาชุดที่เธอได้ทำการตัดเย็บเสร็จแล้ว

จ้าวหยู่ฟางตกใจในราคาของชุดรีบเดินเข้ามาหาลูกสาว "เสี่ยวหรานลูกเรียกค่าฝีมือแพงเกินไป คุณนายเว่ยนับเป็นเพื่อนของแม่ ลูกควรคิดราคากันเอง"

"ไม่ ๆ เสี่ยวหรานคิดราคาถูกแล้ว ชุดแต่ละชุดมีคุณภาพที่ดี ไหนจะตัดเย็บเร็วขนาดนี้ หนึ่งร้อยเก้าสิบหยวนใช่หรือไม่ ตอนเย็นจะให้เว่ยเซียวเขาแวะเอาเงินไปให้ที่บ้าน" คุณนายเว่ยรีบปฏิเสธเพราะรู้สึกว่าราคาชุดคุ้มค่ากับคุณภาพที่ตัดออกมา และยังมีลูกเล่นที่แปลกตา อีกทั้งฉินเสี่ยวหรานเข้าใจการขาย ไม่ลดราคาให้ก่อน ไม่อย่างนั้นคนอื่นคงขอลดบ้าง

“คุณนายเว่ย ราคามันแพงเกินไป"

"ไม่แพง ๆ เสี่ยวหราน ลูกชายของฉันใกล้เปิดภาคเรียนแล้วยังไม่มีชุดให้เขาเลย เธอยังเปิดรับตัดเย็บอีกไหม ชุดของพันตรีเว่ยทำให้ฉันอยากให้เขาได้ใส่แบบนี้" คุณนายเหยารีบเอ่ยทันทีก่อนคนอื่นจะสั่งตัดก่อน

เพราะคุณนายเหล่านี้ถึงแม้ว่าจะเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน แต่การที่ใครได้หน้า คนอื่นก็ต้องได้หน้าด้วย แม้คุณนายเหยาถึงอยากจะได้หน้า แต่ว่าลูกชายของคุณนายเหยายังไม่มีชุดที่จะใส่จริง ๆ

ฉินเสี่ยวหรานยิ้มและตอบ "แน่นอนค่ะ ก่อนเปิดภาคเรียนฉันคิดที่จะรับตัดเย็บสักห้าตัว ราคาตัวละเจ็ดสิบหยวน ของเด็กหนึ่งร้อยหยวน แต่ถ้ามีผ้ามาให้ราคาจะลดลงอีก หรือสั่งเยอะราคาจะถูกลง"

ถึงแม้ว่าราคาจะแพงไปสำหรับคนที่นี่ เพราะหนึ่งตัวต้องใช้เงินเดือนของทหารสองเดือน แต่ว่าฉินเสี่ยวหรานคิดดีแล้ว เมื่อไหร่ที่มีชื่อเสียงขึ้นมาแล้วเพิ่มราคา คนอื่นจะดูหมิ่นเธอว่าเห็นแก่เงินได้ สู้อัพราคาทีเดียว เมื่อราคาของแพงจะดีกว่า อีกทั้งชุดของเธอก็คุณภาพดีมาก

ไม่เพียงแต่คุณนายเหยาที่สั่งตัดเย็บชุดต่อ คุณนายคนอื่นก็สั่งมาอีกสี่ชุด กลายเป็นว่าฉินเสี่ยวหรานต้องตัดเย็บชุดถึงห้าชุดก่อนเปิดภาคเรียน หลังตัดเย็บชุดแล้วยังมีเวลาให้เตรียมตัวอีกมาก

"เสี่ยวหรานไม่ต้องรีบนะ! ได้ยินว่าหลานโหมงานตัดเย็บตั้งแต่เช้าจนดึก" คุณนายเสิ่นกล่าว

"ฉันไม่โหมงานหนักแน่นอนค่ะ" มีเวลาทำชุดเป็นสัปดาห์และฉินเสี่ยวหรานรู้ศักยภาพของตนเองดี

โชคดีที่ว่าแต่ละคนเคยตัดเย็บและรู้ขนาดตัว ทำให้ฉินเสี่ยวหรานไไม่ต้องเสียเวลาวัดตัวอีก

"พ่อคะ เหล่าคุณนายสั่งตัดเย็บชุดและหนูยังไม่มีผ้า พรุ่งนี้พ่อพาหนูไปซื้อหน่อยได้ไหมคะ" เพราะวันนี้พ่อของเธอเหนื่อยจากการทำงานทั้งวันแล้ว ไหนจะกระทันหันเกินไป พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของพ่อพอดี ถ้าไปกันเองกับน้องสาวเกรงว่าจะได้ผ้ากลับมาม้วนเดียว

ฉินหานพยักหน้า "แน่นอน!"

"ดีเหมือนกัน ถ้าให้ลูกไปกับน้องสาวแม่คงเป็นห่วง"

ฉินหานกับจ้าวหยู่ฟางสนับสนุนลูกสาวในการตัดเย็บเสื้อผ้า ถึงอย่างไรก็เป็นช่วงปิดภาคเรียน และผลการเรียนของลูกสาวก็ดีอยู่แล้ว ไหนจะย้ายมาใหม่อีก ใช้เวลานี้ในการผ่อนคลายจะดีกว่า

คืนวันนั้นฉินเสี่ยวหรานออกแบบชุดผู้ชายได้สองชุดก็ต้องรีบนอนเพราะต้องไปซื้อผ้าและอุปกรณ์เพิ่ม ผ้าที่ใช้ต้องซื้อถึงสี่ม้วน เนื่องจากสีผ้าที่แตกต่างกัน เงินที่หาได้จากค่าฝีมือตัดเย็บครั้งแรกหมดไปเกินครึ่ง แต่ว่าฉินเสี่ยวหรานไม่นึกเสียดาย มันเป็นเพียงการลงทุน

ใช้เวลาหนึ่งเดือนชุดทั้งห้าก็ตัดเย็บเสร็จ ได้รับเงินสามร้อยห้าสิบหยวน ฉินเสี่ยวหรานแบ่งให้แม่หนึ่งร้อยหยวนที่เหลือเก็บเอาไว้ เพราะต้องเก็บสะสมไว้ซื้อจักรเย็บผ้า ไหนจะใช้ระหว่างเรียนอีก

เธอไม่คิดที่จะเรียนและรีบกลับบ้านมาเย็บผ้าเพื่อต้องการเงิน ใช้ผ้าที่เหลือจากการตัดเย็บชุดของลูกค้าตัดชุดใหม่ให้ตนเองกับน้องสาว ไหนจะกระเป๋าผ้าที่เก่าแล้ว ฉินเสี่ยวหรานก็ไม่ยอมใช้อันเดิม น้องสาวของเธอจะน้อยหน้าใครไม่ได้

ฉินเสี่ยวหลิงไม่ได้ปล่อยให้พี่สาวทำงานหนักคนเดียว เธอใช้เศษผ้าเย็บถุงเท้าและรองเท้าให้คนในครอบครัว ด้วยแต่ก่อนเคยช่วยแม่ทำอยู่แล้วจึงไม่มีปัญหาอะไร

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 40 ครอบครัว (จบบริบูรณ์)

    เจ็ดปีแล้วที่ลิลลี่ ลลิลิล ได้มายังที่นี่ ได้ใช้ชีวิตเป็นฉินเสี่ยวหราน จากเด็กมัธยมปลายที่ตามพ่อแม่จากต่างเมืองมาใช้ชีวิตในกองทัพ สู่เจ้าของร้านเสื้อผ้าหรานหลิงที่เป็นที่จดจำของผู้คน มามีครอบครัวที่อบอุ่นสี่ปีที่ฉินเสี่ยวหรานได้แต่งงานมีครอบครัว หลังน้องสาวแต่งงานออกไปฉินเสี่ยวหรานก็ย้ายกลับมาอยู่บ้านใหญ่ดูแลพ่อแม่ ทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขสามปีสำหรับการมีฉินเสี่ยวเว่ยลูกชายตัวน้อยของฉินเสี่ยวหรานกับเว่ยเซียว เขาเป็นแก้วตาดวงใจของบ้าน และฉินเสี่ยวหรานไม่ได้มีลูกเพิ่มด้วยประชากรที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในแต่ละปี รัฐบาลจึงมีนโยบายลูกคนเดียว ยกเว้นชาวบ้านตามชนบทที่อนุญาตให้มีลูกสองคน ในกรณีลูกคนแรกไม่ใช่ลูกชาย อันที่จริงหากฉินเสี่ยวหรานอยากมีลูกคนที่สองเธอสามารถมีได้แต่ฉินเสี่ยวหรานต้องการทุ่มเทให้ลูกชายคนเดียวของเธอมากกว่า หากมีลูกก็ต้องหยุดทำงานไปอีก และฉินเสี่ยวหรานไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น ไหน ๆ ก็มีลูกชายแล้ว"ฮ่า ๆ เสี่ยวเว่ยชิมนี่ดูสิ" ฉินเสี่ยวหรานยื่นแตงโมให้ลูกชายด้วยความเอ็นดู"แม่ ผมอยากกินแอปเปิล" ฉินเสี่ยวเว่ยส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็วฉินเสี่ยวหรานถอนหายใจ "แอปเปิลมัน

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 39 ปี 1987

    ฉินเสี่ยวเว่ยตามแม่ไปทำงานที่ร้านเสื้อผ้าทุกวัน และกลายเป็นดาวเด่นของร้าน ด้วยความที่เป็นเด็กพูดเก่ง ไม่งอแง และขี้อ้อน ลูกค้าที่มาซื้อเสื้อผ้าโดนเด็กชายตกแบบงง ๆ เวลาตามแม่ของเขามาทำงานก็จะได้รับขนมติดมือมาตลอดแต่ฉินเสี่ยวหรานไม่ได้ให้ลูกของเธอกินขนมพวกนี้ เนื่องจากว่าเป็นขนมที่เด็กไม่ควรกิน อีกทั้งไม่รู้ว่าคนให้ใส่อะไรมาบ้าง ป้องกันได้ก็ควรป้องกันเอาไว้ก่อน และฉินเสี่ยวเว่ยก็รับของมาทุกวันวันไหนที่ลูกชายของฉินเสี่ยวหรานออกมาหน้าร้านก็จะมีลูกค้ามามุงดู แต่ถ้ามาที่ร้านแต่อยู่ภายในห้องก็เยอะเหมือนกันแต่ไม่ได้เยอะขนาดนั้นวันที่เจ็ด เดือนมีนาคม ปี1987 เหยาหนานและบ้านเหยามาสู่ขอฉินเสี่ยวหลิงไปเป็นสะใภ้ หลังฉินเสี่ยวหลิงตกลงคบหากับเหยาหนานได้หนึ่งปีเต็ม ต้องบอกว่าบ้านเหยานั้นรีบมาก กลัวจะไม่ได้ฉินเสี่ยวหลิงเป็นสะใภ้ ถึงขั้นมาขอหมั้นตั้งแต่ที่รู้ว่าทั้งสองคบกันแรก ๆ ด้วยซ้ำเพียงแต่ฉินเสี่ยวหรานถามน้องสาวแล้ว และทั้งสองลงความเห็นกันว่ารออีกหน่อย รอให้ฉินเสี่ยวหลิงใช้ชีวิตอีกสักปี และพอครบพวกเขาก็รีบมาทันทีครั้งนี้ฉินเสี่ยวหรานอนุญาต น้องสาวของเธอได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระและพร้อมที่จะมีสามีแ

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 38 กลับไปทำงาน

    ฉินเสี่ยวหรานต่อเติมคูหายื่นออกมาจากตึกร้านเสื้อผ้าหรานหลิงเพื่อใช้ในการเปิดร้านขายดอกไม้ ซึ่งดอกไม้ที่นำมาขายเป็นดอกไม้ในที่ดินของสามีฉินเสี่ยวหรานเอง แต่ว่าสองสามีภรรยาเปิดร้านนี้ให้พ่อแม่ฉิน โดยที่ช่วยจ่ายค่าอื่น ๆ แต่พ่อแม่ของฉินเสี่ยวหรานรับเงินเพียงเท่านั้นที่จริงแล้วทั้งสองไม่คิดว่าจะขายดอกไม้ด้วยซ้ำ แต่ว่าดอกไม้ที่ได้พันธุ์มาจากสวนผักของโรงแรมในตอนนั้นเกิดขายดีขึ้นมา และเพาะปลูกไม่ทันจึงนำดอกไม้ที่ปลูกในไร่ออกมาขาย ใครจะคิดว่ามันก็ขายได้ จึงเกิดเป็นธุรกิจใหม่ร้านดอกไม้ที่ไม่ได้มีอะไรมากมาย แต่ว่าในแต่ละวันมีรายได้เดือนละมากกว่าร้อยหยวน เงินส่วนต่างจ้าวหยู่ฟางเก็บไว้ให้หลานชายทั้งหมดในตอนนี้ฉินเสี่ยวเว่ยอายุสองขวบแล้ว ฉินเสี่ยวหรานที่ติดลูกชายก็ได้ฤกษ์กลับไปทำงานสักที ตลอดสองปีที่ผ่านมาถึงแม้จะดูแลทางเบื้องหลังมาตลอด แต่ฉินเสี่ยวหรานก็ไม่ได้เข้าไปดูหน้าร้าน เพราะบางครั้งคนเยอะก็ไม่อยากให้ลูกชายไป อีกอย่างแม่ของเธอยังสนับสนุน ไป ๆ มา ๆ ก็เข้าสองปี"วันนี้จะเอาเสี่ยวเว่ยไปด้วยหรือ แม่ว่าลูกไปทำงานก่อนไหม ตอนบ่ายแม่จะพาหลานไปที่ร้านเอง" จ้าวหยู่ฟางมองหลานชายที่แม่ของเขาแต่งตัวใ

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 37 ฉินเสี่ยวเว่ยหนึ่งขวบ

    เผลอแป๊บเดียวฉินเสี่ยวเว่ยก็อายุหนึ่งขวบแล้ว เป็นหนึ่งปีที่บอกได้ว่าฉินเสี่ยวหรานไม่ได้ไปทำงานนอกบ้าน เธออยู่บ้านเลี้ยงลูกเองหนึ่งปีเต็ม ๆ เนื่องด้วยว่าจู่ ๆ ช่วงหลังมานี้น้ำนมค่อนข้างเยอะมาก ถ้าไปทำงานกลัวว่าเชื้อโรคข้างนอกจะติดตัวมาด้วย ฉินเสี่ยวหรานจึงมอบหน้าที่ตรงนี้ให้กับแม่ของเธอแทนบ้านฉินไม่พลาดที่จะจัดงานเลี้ยงฉลองครบหนึ่งปีของฉินเสี่ยวเว่ย หลังจากงานเลี้ยงจบมัธยมปลายของฉินเสี่ยวหลิงเมื่อกลางปีที่แล้ว บ้านฉินก็ไม่ได้มีงานเลี้ยงอะไรอีก วันนี้จึงจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ฉินเสี่ยวหลิงเดินหน้าทำงานในหน่วยแพทย์ของกองทัพ ตอนนี้ได้รับการเลื่อนยศแรกของหน่วยแพทย์แล้ว รอสอบเลื่อนขั้น ที่สำคัญคือเธอมีผู้ชายมาตามจีบคน ๆ นั้นไม่ใช่คนอื่นที่ไหน เป็นเหยาหนานที่ไปรับภารกิจนอกกองทัพนานหลายปี มาเจอฉินเสี่ยวหลิงที่วันฉลองการจบการศึกษาถึงได้ตามจีบ โดยมีคุณนายเหยากับพันโทเหยาผู้เป็นพ่อแม่สนับสนุนฉินเสี่ยวหรานไม่ได้ต้องการจัดงานใหญ่โต แต่ว่าพอนับดูจำนวนคนแล้วได้เป็นร้อยคน ฉินเสี่ยวหรานรู้ว่าการทำอาหารมันเหนื่อยมาก รอบนี้ถึงได้แตกต่างจากครั้งอื่น ตรงที่ว่าฉินเสี่ยวหรานนั้นจ้างแม่ครัวมาทำอาหารให้ อาหาร

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 36 ฉินเสี่ยวหลิงเรียนจบแล้ว

    ช่วงเวลาที่ฉินเสี่ยวหรานคิดว่าผ่านไปเพียงไม่นาน แต่ว่าลูกชายของเธอก็ได้หกเดือนแล้ว และฉินเสี่ยวหลิงน้องสาวของเธอก็เรียนจบมัธยมปลาย ยังจำปีนั้นที่เข้ามาเรียนได้อยู่เลย เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆฉินเสี่ยวหลิงชื่นชอบในวิชาแพทย์ ได้ศึกษางานมานานถึงสามปี จึงตัดสินใจที่จะไม่เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย และขอขมาพ่อแม่รวมถึงพี่สาวที่ไม่อาจไปเรียนต่อตามความหวังได้ เพราะงานในกองทัพที่เธอทำจนอยู่ตัวไม่ต้องผ่านการประเมินก่อน ที่สำคัญไม่มีการทดสอบ รวมถึงเงินเดือนที่ได้รับก็ได้เป็นจำนวนมาก สวัสดิการก็ดีสำหรับฉินเสี่ยวหรานกับพ่อแม่ พวกเธอไม่ได้ว่าน้องสาวในเรื่องนี้ การที่อีกฝ่ายตัดสินชีวิตของตัวเองได้แล้ว มีเพียงการสนับสนุนเท่านั้นฉินเสี่ยวหรานอุ้มลูกชายวัยหกเดือนนั่งตรงโต๊ะที่สั่งทำ พร้อมกับวางจานอาหารให้เขาได้จับกิน มันเป็นการกินชนิดหนึ่งพ่อแม่ไม่ต้องป้อนและสอนให้เขากินข้าวเป็นตลอดหกเดือนที่่ผ่านมาเธอเลี้ยงลูกด้วยวิธีของตนเอง อาหารที่บำรุงน้ำนมที่เขาว่าดีก็ให้แม่ทำให้ ช่วงหลัง ๆ มาพอจะมีน้ำนมบ้างก็ไม่ให้ดื่มนมผง เป็นหกเดือนที่ฉินเสี่ยวหรานบำรุงตัวเองจนมีเนื้อมีนวลและสามีคอยตามหวง"เสี่ยวเว่ย น้าเล็กทำ

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 35 ลูกชายตัวอวบอ้วน

    แต่ก่อนการคลอดลูกในเดือนธันวาคมเป็นอะไรที่ลำบากมาก นอกจากอากาศที่หนาวแล้วยังต้องอด ๆ อยาก ๆ แต่ค่านิยมของคนในชนบทก็คือยิ่งมีลูกเยอะยิ่งดียังดีที่ฉินหานกับภรรยาเล็งเห็นว่าตรงนี้คือปัญหาที่ทำให้บ้านลำบาก พอมีลูกคนที่สองเป็นผู้หญิงเขาก็ไม่ได้มีคนที่สามต่อ เรื่องนี้จึงเป็นอีกเรื่องที่บ้านของเขาถูกคนอื่นมองว่าแปลก ยิ่งไม่มีลูกชายยิ่งต้องมีลูกเพิ่มในตอนนี้บ้านฉินมีเงินแล้ว ไหนจะบ้านของสามีที่รับขวัญหลานหลายพันหยวน จึงไม่ได้ลำบากอะไร ในบ้านเต็มไปด้วยความอบอุ่นจากปล่องไฟที่ฉินเสี่ยวหรานออกแบบมาเอง และภายในตัวบ้านคืออบอุ่นมากฉินเสี่ยวหรานคลอดลูกชายตัวอวบอ้วน ตั้งชื่อว่าฉินเสี่ยวเว่ย ฉินเสี่ยวมาจากแซ่และชื่อตัวแรกของแม่ ส่วนเว่ยมากจากแซ่ของพ่อ ในตอนแรกฉินเสี่ยวหรานจะตั้งว่าฉินเสี่ยวเซียว แต่พอคิดอีกทีเอาฉินเสี่ยวเว่ยจะดีกว่าฉินเสี่ยวเว่ยคลอดมาได้เพียงสิบวันเหล่าคุณย่า คุณยายต่างเดินทางมารับขวัญหลาน แต่ละคนที่รับขวัญหลานนอกจากบ้านเว่ยแล้ว แต่ละคนล้วนให้ไม่ต่ำกว่าร้อยหยวน ซึ่งมันเป็นเงินจำนวนมาก"ดูสิ ตั้งแต่ออกมาก็ตัวอวบอ้วนแล้ว ตอนนี้ยังดื่มนมเก่งตุ้ยนุ้ยเชียว" คุณนายเว่ยที่อาบน้ำเสร็จแล้วเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status