บรรยากาศในรถเงียบจนน่าอึดอัด ทั้งคู่เอาแต่นึกถึงคนที่ไม่ได้อยู่ข้างตัว ณิชชาไม่ชอบนั่งรถคันนี้ เธอเลือกที่จะนึกถึงอัครชัยและอนาคตใหม่ที่ตัวเองต้องหาให้เจอ ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องไม่ใช่ที่นี่
อัครชัยเงียบไปจริง ๆ อย่างที่เขาบอก ไม่ว่าหญิงสาวจะทักไลน์ไปกี่ครั้ง ก็ไม่เคยขึ้นว่า เขาได้อ่านแล้วเลยสักครั้ง หญิงสาวมองร้านรวงข้างถนนอย่างเหนื่อยหน่าย อยากให้เวลานี้ผ่านไปไวๆ
ในขณะที่ชลาสินธุ์ก็เอาแต่คิดถึงเรื่องของธารากานต์ เขาจะทำอย่างไรให้ร่างเล็กนั่นกลับมาอยู่กับเขา กลับมาในฐานะอื่นที่ไม่ใช่น้องสาว
เท้าที่เหยียบคันเร่งออกแรงเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เมื่อคิดว่าตัวเองนั้นช้าไปก้าวหนึ่งเสมอกับเรื่องของน้องสาวคนนี้ ครั้งแรกก็ตอนที่เธอมีแฟน มีแฟนเป็นไอ้สารเลวนั่น และยังครั้งนี้ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเลิกกับไอ้บ้านั่นแล้ว น้องสาวจึงตัดสินใจทิ้งทุกอย่างที่นี่ไปอยู่บ้านป่าเมืองเถื่อน
“จอดข้างหน้านี่แหละค่ะ” เสียงของคนข้าง ๆ ทำให้ชลาสินธุ์ ออกมาจากภวังค์ของตัวเองจนได้
ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วหักรถเข้าชิดข้างทางทันที ตรงหน้าของเขาคือคอนโดที่น่าจะสร้างมานานหลายปีแล้ว ตั้งอยู่สามอาคารด้วยกัน เขาไม่รู้ว่าหญิงสาวอยู่ที่อาคารไหน ชั้นอะไร ห้องอะไร และไม่สนใจจะรู้ด้วย แต่ก็ชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นใบหน้าหวานที่เหยเกด้วยความจ็บปวด
ณิชชาไม่ทิ้งอะไรไว้แม้แต่คำว่าขอบคุณ เธอเดินต่อไปทางด้านหน้าอีกนิดหน่อยจึงจะเลี้ยวเข้าไปใส่บริเวณคอนโดอาคารที่อยู่ตรงกลาง ท่าทางการเดินนั้นบอกได้ทันทีว่าเพิ่งจะโดนใครบางคนทำร้าย
แววตาของชลาสินธุ์อ่อนลงเล็กน้อย
...ขอโทษ...
ผ่านไปหลายวันแล้ว แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ไม่เปลี่ยน ชลาสินธุ์ยังคงไปส่งณิชชาที่คอนโดทุกวัน พวกเขายังคงไม่ได้พูดอะไรกัน ตลอดเวลาก็เอาแต่อาศัยอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง ราวกับว่าไม่ได้นั่งอยู่ในรถแคบ ๆ ด้วยกัน แต่อยู่กันคนละโลก
วันนี้พวกเขากลับบ้านกันค่อนข้างค่ำแล้ว เพราะต้องเคลียร์งานให้เสร็จก่อนที่เจ้านายจะไม่อยู่หลายวัน รอบกายตอนนี้จึงสลัว แม้ว่าจะมีแสงสว่างจากร้านสะดวกซื้อให้เห็นอยู่ไกลๆ ก็ตาม
หญิงสาวเตรียมเปิดประตูรถทันทีที่รถจอด โดยไม่เอ่ยคำขอบคุณ หรือกล่าวลาใดๆ เหมือนที่ผ่านมาทุกวัน แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่ออีกคนไม่ปล่อยให้เขาลงไปเฉยๆ เหมือนวันก่อนๆ
“เดี๋ยว!”
“....” หันมามองก็จริง แต่หญิงสาวไม่ได้เอ่ยคำพูดอะไรออกมาเลย ดูเหมือนนับตั้งแต่เขาทำเรื่องเลว ๆ ไปวันนั้น หญิงสาวก็จะสงวนคำพูดกับเขาเหลือเกิน
“พรุ่งนี้ฉันไม่อยู่ เธอห้ามไปแรดที่ไหนนะ”
ดวงตากลมเบิกโตขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
“ฉันไม่ได้เป็นคนแบบนั้น หรือต่อให้เป็นคนแบบนั้นจริง ๆ คุณก็ไม่เกี่ยวอะไรด้วย”
“อย่ามาทำเสียงแบบนี้ใส่ฉันนะ”
“นี่ยังหวังว่าฉันจะพูดดี ๆ กับคุณอีกเหรอ”
“อย่าให้มันเยอะไปณิช อย่าให้ฉันต้องย้ำว่า ฉันเกี่ยวข้องกับเธอยังไง”
“...” หญิงสาวโกรธจนหายใจไม่ทัน หน้าอกของเธอกระเพื่อมขึ้นลงเพราะหายใจแรงมาก ใบหน้าของเธอขึ้นสีแดงเพราะความโกรธจัด ก่อนจะลงมาจากรถ แล้วปิดประตูรถอย่างแรง ทำเอาคนข้างในหูแทบดับ ก่อนจะเดินย่ำเท้าเข้าคอนโดไป โดยมีสายตาหนึ่งมองตามจนหญิงสาวลับสายตา
เจ้านายไม่อยู่สามวัน เป็นวันที่ฝ่ายเลขาทำงานกันอย่างสบายมากที่สุด โดยที่คุณภาพและปริมาณงานไม่ได้ลดลงเลย พวกเธอชอบเวลานี้มาก แม้อีกสองคนจะไม่ได้นึกรังเกียจ แต่การที่ไม่ต้องเจอกับใบหน้าที่พร้อมจะทำเสียงฟ้าผ่าใส่ตลอดเวลานั้นก็ไม่ใช่เรื่องสนุกเลย แต่เวลาแห่งความสุขมักจะแสนสั้น วันนี้เป็นวันที่เจ้านายของพวกเธอกลับมาแล้ว เขาถูกต้อนรับด้วยประชุมเล็ก ๆ สองนัด และเอกสารที่รอเซ็นอนุมัติอีกหนึ่งตั้งใหญ่
ณิชชาเข้าไปจัดเตรียมเอกสารรายงานความคืบหน้าทั้งหมดตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้งเอกสารเตรียมการประชุมและอื่นๆ ในห้องทำงานของท่านประธานและจดหมายลาออกของตัวเองก็ถูกวางไว้บนโต๊ะด้วย
เธอจะไม่ทนให้คนคนนี้ข่มเหงเธออีกแล้ว จะไม่ยอมให้ตัวเองต้องรู้สึกไร้ค่ามากขึ้นทุกวัน เรซูเม่ของเธอร่อนไปทั่วแล้ว แม้ประสบการณ์การทำงานจะน้อย แต่ผลงานนั้นโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์และตรวจสอบได้ ดังนั้น จึงมีบริษัทหนึ่งติดต่อขอสัมภาษณ์เขามาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หญิงสาวยิ้มให้กับอนาคตที่สดใสของตัวเอง
เสียงผลักประตูทำให้ร่างบางต้องรีบหันกลับไปมอง แล้วรอยยิ้มของเธอก็จางลง เจ้าของห้องยืนชะงักอยู่ตรงหน้าประตูก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้ามา สายตาของทั้งคู่ประสาน
“สวัสดีค่ะ คุณสินธุ์” เธอเอ่ยทัก ก่อนจะบอกเล่าเกี่ยวกับเอกสารต่างๆ ที่อยู่บนโต๊ะโดยเว้นเอกสารที่อยู่ในซองขาวไว้
ชายหนุ่มไม่ได้สนใจสิ่งที่ณิชชาพูดเลยสักนิด เขาเอาแต่จ้องมองใบหน้าของคนที่กำลังส่งเสียงหวาน
...คิดถึง... ก่อนที่จะควบคุมตัวเองได้ ชลาสินธุ์โผเข้ากอดกระชับร่างบางจนแทบไม่เหลือที่ให้ขัดขืนแล้วกดจูบที่ริมฝึปากสวยแบบทั้งลึกซึ้งดูดดื่ม เนิ่นนานทีเดียวกว่าที่เขาจะผละร่างของเธอออก
หญิงสาวมองหน้าเขาทั้งโกรธทั้งไม่เข้าใจ จูบเมื่อกี้มัน...อ่อนโยน? โหยหา?
ไม่จริงหรอก
ชลาสินธุ์ปล่อยสองมือออจากร่างของเธอ เขามึนงงกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป ความโหยหาบางอย่างบังคับเขาให้ทำแบบนั้นโดยไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้
“ออกไป” เขาสั่งเสียงเรียบ เมื่อหญิงสาวออกจากห้องไปแล้ว เขาจึงค่อย ๆ ทรุดลงบนเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง มือหนาลูบคางไปมาอย่างครุ่นคิด ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่
วันนี้ประธานบริษัททำงานด้วยความเคร่งขรึมตลอดทั้งวัน และแทบจะไม่ได้คุยกับคนอื่นเลยยกเว้นในที่ประชุมกับมีเรื่องจะต้องถามไถ่เลขาตัวน้อยเท่านั้น
ซึ่งแม้พายกับบัวจะรู้สึกถึงพลังอำมหิตอยู่บ้าง แต่กับณิชชาซึ่งผ่านเรื่องเลวร้ายกว่านี้มาแล้ว กลับรู้สึกเฉยๆ
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเมื่องานทุกอย่างเสร็จ เหลือเพียงรอเวลากลับบ้าน เธอตัดสินใจเปิดแอปพลิเคชันคุยกับอัครชัยอีกครั้ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีข้อความตอบกลับเลย
NiTCHA: [ณิชยังรอพี่อยู่นะคะ]
หญิงสาวน้ำตารื้น ไม่แน่ใจว่าเธอยังมีสิทธิ์รอเขาอยู่หรือเปล่า แต่ก็อยากจะรอ จะรักษาตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อรอเขา หรือหากแม่เขาไม่ชอบใจที่เธอเป็นเพียงเด็กบ้านนอกไม่คู่ควรกับลูกชายหล่อน ณิชชาก็จะพยายามทำตัวเองให้เท่าเทียมกับอัครชัยให้ได้ เพื่อที่เมื่อเขากลับมา เราจะได้อยู่ด้วยกันโดยไม่มีใครเปิดปากว่าอะไรได้
ดวงตาของเธอมุ่งมั่น นึกถึงสิ่งที่ต้องทำในอนาคตหลังจากออกจากที่นี่ วาดหวังไว้ว่าวันหนึ่งเธอจะต้องผลิบาน และงดงาม
“อย่าเพิ่งกลับนะ” เสียงในอินเทอร์คอมที่บอกมาก่อนเวลาเลิกงานสองนาทีทำให้หญิงสาวถึงกับถอนหายใจ
และแล้วเธอก็มาที่นี่อีกครั้ง...คอนโดของเขา ตลอดระยะทาง
ชลาสินธุ์เอาแต่นิ่งเงียบจนหญิงสาวรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ที่ผ่านก็พวกเขาแทบไม่คุยอะไรกันตอนอยู่บนรถก็จริง แต่วันนี้มันให้ความรู้สึกขนหัวลุกตลอดเวลา เหมือนมีภัยให้เธอต้องคอยระแวดระวังตัวทันทีที่เปิดประตูเข้ามาภายในซึ่งอยู่ชั้นเกือบบนสุดของอาคารหรูใจกลางเมือง ที่ภายในไม่ต่างจากบ้านหลังหนึ่ง ชลาสินธุ์ก็ตวัดร่างเลขาตัวบางให้เข้าหาตัว แล้วก้มประทับจูบอย่างหนักหน่วงทันที
ณิชชาต่อต้านในทีแรก แต่ความโหยหาที่ส่งผ่านมากับลิ้นหนาที่กำลังโอบกอดลิ้นเล็กของเธอไปทั่วทั้งปากนั้นทำให้ณิชชาเบลอหนักกับจูบนั้น
มัน...ดูดดื่ม?
หญิงสาวรู้สึกว่า วันนี้จูบของเขาต่างออกไป มันไม่ได้จาบจ้วงรุนแรง แต่มันเหมือนกำลัง...เหนื่อยล้า
กว่าร่างกายแกร่งจะยอมปล่อยหญิงสาวก็นานทีเดียว แต่การปล่อยปากออกกลับทำให้อ้อมแขนที่โอบรัดเธอนั้นแน่นมากยิ่งขึ้น จนร่างกายของเธอแนบชิดเป็นเนื้อเดียวกับแผ่นอกหนาของเขา และวินาทีต่อมา เขาก้มลงมาบดขยี้ที่ริมฝีปากของเธอหนักกว่าเดิม
ณิชชาครางรับเสียงสะท้านอย่าลืมตัว
ชลาสินธุ์ยกตัวเธอให้ลอยขึ้นจากพื้นทั้งที่ปากและลิ้นยังคงทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และแม้จะพูดไม่ได้และสติกำลังพร่าเลือน แต่ณิชชาก็รู้ดีว่า จุดหมายปลายทางของชลาสินธุ์นั้นคือที่ไหน
ทันทีที่เท้าเล็กๆ ทั้งสองถูกวางลงในพื้นห้องนอน หญิงสาวจึงเริ่มขัดขืน
“ไม่นะ ไม่เอา ฉันลาออกแล้ว ฉันจะไม่ยอมให้คุณทำแบบนี้กับฉันอีกแล้ว” หญิงสาวบอก มือก็คอยผลักตัวเองให้ออกห่างจากอกแกร่ง แต่ดูเหมือนแขนที่แข็งแรงดังเหล็กคู่นั้นจะไม่ยอมเลย
ชลาสินธุ์ชะงักไปนิด จ้องมองใบหน้าหญิงสาว แววตาที่ส่งออกมาอ่านไม่ออก
ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร
แต่สิ่งที่เขาทำก็คือ ก้มลงจูบคนตรงหน้าอย่างดูดดื่ม หวานล้ำอีกครั้ง แต่ถึงจะหวานแค่ไหนก็เป็นจูบที่หนักหน่วงจนแทบจะทำให้หญิงสาวขาดอากาศหายใจ ราวกับถูกสูบเข้าไปในตัวเขาอีกคน
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็มอบความสุขให้
...พี่อัค...ใครจะมอบความสุขให้กับเธอได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เขา
มือหนาข้างหนึ่งจับแน่นอยู่ที่ท้ายทอยคอยบังคับไม่ให้อีกคนหันหน้าหนี ส่วนอีกข้างก็บีบขย้ำก้อนกลมอวบภายใต้เสื้อชั้นในที่ไมได้อยู่ตรงที่เดิมของมันแล้ว
ณิชชาเกร็งหน้าท้อง ความรู้สึกบางอย่างมันแล่นไร้ทิศทางลงไปทางท้องน้อยแล้วก็กระจายไปทั่วร่าง
ลิ้นสากยังคงมีความสุขกับการควานหาความหวานจนณิชชามึนไปหมด จิตวิญญาณราวกับล่องลอยหาย หญิงสาวจูบตอบเขาหวานล้ำไม่ต่างกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอให้ความร่วมมือกับเขา
...กับพี่อัค...
เสียงครางหวานไม่ได้สลับสลับกับเสียงแหบพร่าดังไปทั่วบริเวณ บ่งบอกว่า พวกเขามีความสุขกันมากจริง ๆ
ณิชชามีความสุขมาก เธอหลับตาพริ้ม ปากที่จูบกับเขาก็ยกยิ้มนิดๆ ก่อนจะต้องสะดุ้งเมื่อฟันหนาเผลอขบเข้าที่ลิ้นของเธอแรงไปหน่อย
ชลาสินธุ์เบาแรงลงเล็กน้อย มือหนาลูบผมนุ่มของเธอคล้ายจะปลอบใจ...ช่างอ่อนโยนเหลือเกิน
...พี่อัคคะ พี่อัคของณิช อ่อนโยนแบบนี้เสมอ...
นานเหลือเกินแล้วที่พี่อัคไม่ได้อยู่คอยปลอบโยนอย่างนี้
...พี่อัคกลับมาหาณิชแล้ว...
หญิงสาวเผลอปล่อยให้ใจตัวเองล่องลอย รับเอาความสุขความอ่อนโยนที่เขามอบให้ไว้เต็มอก ดวงตาปิดสนิทแต่ภาพความฝันงดงามปรากฏขึ้นชัด
รักเดียวของณิช...หญิงสาวครางหวานแผ่ว รับทุกความสุขที่อีกฝ่ายมอบให้ และพร้อมที่จะ...
“กานต์” เสียงทุ้มครางแผ่วอยู่ข้างหู ทำให้ณิชชานิ่งงัน รู้สึกตัวอีกครั้งว่านี่ไม่ใช่พี่อัค แต่เป็นคนที่เธอเกลียดที่สุดต่างหาก
และที่เขาอ่อนโยนอยู่ตอนนี้ก็คงไม่ต่างจากเธอ ตอนนี้เธอคงเป็นน้องกานต์ของพี่สินธุ์
ไม่! เธอจะไม่เป็นใครทั้งนั้น!!!
“ปล่อย!” ร่างเล็กกระชากเสียง ลำแขนเล็กบางออกแรงผลักให้ตัวเองหลุดพ้นจากลำแขนแกร่งของเขาอีกหน
ชลาสินธุ์มองหน้าณิชชาอย่างงุนงงสับสน เขาเผลอไปจริง ๆ เผลอไปคิดว่าคนที่กำลังกอด จูบ และสัมผัสคือธารากานต์
กานต์ของเขา...กานต์ที่ตั้งหน้าตั้งตาจะเดินออกจากชีวิตเขาไปเท่านั้น กานต์ที่ควรจะเป็นของเขาคนเดียว
แต่ไม่ใช่ แต่ผิดไปหมด ตรงหน้านี้คือใคร
ร่างของณิชชาถูกจับหวี่ยงลงเตียงอย่างแรงจนจุก ความแข็งกร้าว และโหดร้ายนี้ตอกย้ำอีกครั้งว่า คนตรงหน้าไม่ใช่พี่อัค แววตาโกรธเกรี้ยวและผิดหวังจ้องมองไปยังอีกฝ่าย ที่เธอไม่อยากเห็นหน้า
ชลาสินธุ์เองก็ไม่ต่างกัน แววตาแบบนี้ สายตามาดร้ายแบบนี้ ไม่ใช่ของกานต์ กานต์ของเขาอ่อนโยนเสมอ เป็นคนน่าทะนุถนอม
...นี่ไม่ใช่กานต์...
ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเบาไม้เบามือ!
ตอนอวสานชลาสินธุ์ให้คนขับรถมารับที่บ้านของพัฒนศักดิ์ในวันรุ่งขึ้น พวกเขากลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงบ่าย ๆ แต่น้อง ๆ ทั้งสองคนปฏิเสธที่จะให้เขากลับมาทำงานในทันที ทำให้ประธานบริษัทพร้อมเลขากลายเป็นคนว่างงานในวันนี้ณิชชาหัวเราะเมื่อเห็นว่าชลาสินธุ์ดูจะเป็นห่วงเธอมากเกินจริงไปสักหน่อย ห้ามทำอะไรที่ต้องใช้กำลัง จะไปไหนก็ได้แต่ต้องอยู่ในระยะสายตาที่เขามองเห็น อยากได้อะไรหรืออยากกินอะไรต้องบอก เพราะเขาจะทำให้เอง เรียกว่าณิชชามีหน้าที่อย่างเดียว คือนั่งเฉยๆ“พอแล้วค่ะ คุณมานั่งเถอะ” ณิชชาบอก เมื่อชลาสินธุ์ถามเป็นครั้งที่ร้อยว่าอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า หญิงสาวจึงเรียกให้มานั่งดูหนังในห้องนั่งเล่นด้วยกันชายหนุ่มตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ คนรัก และเหมือนเคย นับตั้งแต่กลับ มาจากไร่เจริญตา ไม่มีสักครั้งที่หากได้นั่งคู่กันชลาสินธุ์จะไม่โอบรอบตัวร่างเล็กให้อยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลา“ไม่เจ็บแล้วแน่นะ ดูสิ ยังเป็นรอยช้ำอยู่เลย” ชลาสินธุ์บอกพลางใช้นิ้วโป้งลูบไล้เบา ๆ ไปที่รอยช้ำที่แขน ซึ่งยังเป็นรอยเด่นชัด น่าจะเกิดจากการต่อสู้กับลูกน้องของภัสสรา“เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงขาคุณดีกว
บทที่ 50 จุดจบที่เลวร้ายภัสสราเดินตรงเข้ามายังชลาสินธุ์ ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหลังเพื่อเว้นระยะ กลุ่มชายฉกรรจ์ผิวเข้มเดินเข้ามาในห้องหลายคน ณิชชาเห็นคนที่โยนเขาเข้าไปในรถตู้รวมอยู่ในนั้นด้วย“ปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเดินไหวแล้ว” ณิชชากระซิบบอก ชลาสินธุ์ยอมทำตาม แต่ก็ยังโอบไหล่บางไว้ ไม่ให้ห่างตัว ร่างเล็กซบใบหน้าตัวเองลงกับลำแขนใหญ่ แม้ว่าจะกลัวจนแทบบ้า แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา“ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เธอเชื่อมั่นในตัวฉันนะ” ชลาสินธุ์กระซิบบอกอย่างอ่อนโยนณิชชาพยักหน้ารับ เธอจะเชื่อมั่นในตัวคน ๆ นี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามกลุ่มชายฉกรรจ์ตีวงล้อมจนทั่วห้องโดยมีทั้งสามคนอยู่ตรงกลาง“รู้อะไรไหม คุณสินธุ์ คุณทำให้ฉันสูญเสียอะไรไปตั้งหลายอย่าง ลงทุนไปตั้งมากมาย แต่คุณกลับทำลายมันทิ้งในเวลาแค่วันเดียว” ภัสสราเอ่ยขึ้น คำพูดเนิบช้ากว่าปกติ เรียวปากเหยียดยิ้มแต่แววตากลับเข่นอาฆาต“คุณไม่เห็นต้องโกรธผมขนาดนี้เลยคุณสรา”“หึ ไม่ต้องโกรธเหรอ ถ้าคราวนั้น พวกแกไม่ทำตัวเป็นคนดี แล้วปล่อยให้ฉันดำเนินธุรกิจของฉันไป ฉันก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก แกก็ได้ค่าเช่า ฉันก็ได้กำไร แกทำแบบนั้นทำ
บทที่ 49 ลักพาตัว“คืนนี้เธอจะนอนที่นี่ใช่มั้ย”“ฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลย”“ก็ใส่ตัวเดิมสิ ไม่เปื้อนหรอก เพราะคืนนี้เธอไม่ต้องใส่นี่” อีกคนยังดื้อรั้นไม่ฟังคำอธิบายแถมยังทำท่าจะหื่นใส่อีก“คิดจะทำอะไรน่ะ ที่นี่โรงพยาบาลนะ แล้วคุณก็ป่วยอยู่ ทำไหวหรือไง?”“จะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมั้ย”“ไม่ ฉันไม่ยอมหรอก คุณน่ะ เอะอะก็จะทำมิดีมิร้ายฉันตลอด”“ขี้บ่นจัง” ชลาสินธุ์แกล้งทำท่าเกาหัว “งั้นฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แต่เธอนอนให้ฉันกอดนะ คิดถึงจะแย่ คิดถึงจะตายอยู่แล้วคนใจร้าย”“ว่าฉันใจร้าย คุณก็ใจร้ายเหมือนกันนั่นแหละ”“นะ”“เอ่อ...ถ้าคุณไม่ทำอะไรจริง ๆ ฉันนอนด้วยก็ได้”“ไม่ทำหรอก ถ้าเธอไม่เผลอน่ะ”“อะไรนะ!” และอย่างไม่ต้องรอคำตอบ ณิชชาก็ฟาดมือไปที่แขนคนป่วยเสียงดังลั่นห้อง ก่อนจะแจกค้อนไปให้อีกหลายทีชลาสินธุ์ลูบแขนตัวเองแล้วหัวเราะไปด้วย“ฉันยอมให้หน่อย ก็ทำร้ายฉันเลยนะ” เสียงอ่อนบอกก่อนจะโอบคนรักให้แน่น ๆ อีกหน “งั้นตกลง นายนอนที่นี่นะ นอนเฉย ๆ ให้ฉันมองหน้า จะได้หายคิดถึง”“หึ” หญิงสาวค้อนคนป่วยขวับ เธอเองก็อยากกอด อยากมองหน้า อยากยิ้มให้ผู้ชายคนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ความรักระหว่างตัวเองกับ
บทที่ 48 ฝันที่ (ไม่) อาจเป็นจริงแม้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้วทำให้อาจจะได้พบคนที่เขาคิดถึงแค่ไม่กี่นาทีแต่ณิชชา ก็ตัดสินใจออกจากบ้านทันทีที่อัครชัยปล่อยมือเขา ความโหยหาที่ลอยวนอยู่ในใจมันฉุดกระชากให้เขามาที่นี่ โรงพยาบาลใหญ่ใจกลางกรุง ชลาสินธุ์ถูกย้ายมาที่นี่ทันทีที่ร่างกายสามารถทนต่อการเดินทางได้หญิงสาวเดินหาห้องนั้นจนพบ ในมือถือดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ที่ตั้งใจทำเองด้วยหัวใจ มือบางที่กำลังจะเคาะห้องมีอันต้องชะงักค้างไว้“คุณณิชคะ คุยกันหน่อยดีมั้ย” ชลาธารที่เพิ่งมาถึงเช่นกัน มองมาที่ณิชชา ไม่มีสายตาของมิตรภาพแม้แต่น้อยชลาสินธุ์นอนลืมตาโพรงอยู่บนเตียงคนป่วย แม้อาการทางกายจะค่อย ๆ หายจนเกือบเป็นปกติ เพราะรถที่ชนก็แค่เฉี่ยวขาทำให้เจ็บที่หัวเข่าซ้ายเท่านั้น แย่หน่อยตรงที่ตอนกระโดดหลบ หัวของเขามันไปชนต้นไม้ข้างทางทำให้ทั้งน้อง ๆ และคุณหมอค่อนข้างเป็นห่วง แต่อาการทางใจของชายหนุ่มก็ทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่ต่างจากผักเหี่ยว ๆ ที่รอวันเฉาลงไปอีกชลาธารรับหน้าที่ดูแลพี่ชายของเธอที่โรงพยาบาล ขณะที่คนอื่นดูแลเรื่องงาน ยิ่งเห็นพี่เป็นแบบนี้ ก็ยิ่งโกรธณิชชามากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นว่าเป็นคนนิ่ม ๆ ไม่คิดว่าจะมีอิ
บทที่ 47 อัครชัยคือคนที่เลือกแล้วชลาธารทำอย่างที่ตนเองได้ลั่นวาจาไว้ทันทีที่วันทำงานวันแรกมาถึง“คุณณิชคะ คุยกับธารในห้องก่อนค่ะ” มาถึงยังไม่ทันได้นั่ง ก็เอ่ยปากให้ณิชชาเดินตามตัวเองเข้าไปในห้องแล้ว ณิชชาเดาไม่ถูกว่าเจ้านายคนเล็กคนนี้จะพูดเรื่องอะไร เรื่องงานหรือว่าอย่างอื่น เพราะแทบจะไม่เคยทำงานด้วยกันเลย ยิ่งหญิงสาวไปเรียนต่อได้เป็นปีแล้ว ยิ่งห่างกันไป เดาใจไม่ถูก“คุณธาร มีอะไรให้ณิชทำเหรอคะ” ณิชชาพูดก่อนจะนั่งลงตามมือที่ผายออก หญิงสาวไม่ได้ชวนเธอนั่งที่โต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้คนที่ยึดโต๊ะตัวนั้นเป็นของตัวเองยังไม่มา แต่พวกเธอนั่งคุยกันที่โซฟารับแขกซึ่งอยู่ในห้องทำงานของชลาสินธุ์ด้วยนั่นเอง“คุณณิชจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าธารจะถามเรื่องพี่สินธุ์” ยิงคำถามทันทีพร้อมกอดอกฟังคำตอบ แต่ดูเหมือนคนที่ต้องตอบจะยังหาเสียงของตัวเองไม่เจอ“คือ...เอ่อ...”“ไปเยี่ยมสักวัน หรือดอกไม้สักช่อ ไม่คิดจะส่งไปหน่อยเหรอคะ” ชลาธารพูดแทรกขึ้นอย่างหงุดหงิด อยากจะเล่าสภาพของพี่ชายให้คนตรงหน้าฟังว่าเลวร้ายแค่ไหน แต่ก็กลัวว่าสิ่งที่ได้กลับมาจะเป็นอย่างอื่นนอกจากความเห็นอกเห็นใจ ถ้าณิชชารู้สึกยินดีกับสภาพของพี่ชายตนเอ
บทที่ 46 รถชนณิชชาฟังแล้วอึ้งไป เพราะน้ำเสียงนั้นแม้จะสุภาพแต่ก็เฉียบขาด พี่น้องบ้านนี้บุคลิกไม่เหมือนกันสักคน สาคเรศคนนี้หากฟังจากน้ำเสียง ลักษณะนิสัยคงเป็นแบบ อยู่ตรงกลางระหว่าง ชลาสินธุ์และธารากานต์ คือไม่ได้ดูใจดีมากเหมือนธารากานต์ แต่ก็ไม่ได้ดุและขี้หงุดหงิดเหมือนพี่ชายคนโต“คือ...คุณสินธุ์คงไม่สะดวกให้ดิฉันไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”“พี่สินธุ์ไม่อยู่ที่นี่มาสองสัปดาห์แล้วครับ ตั้งแต่คุณไป” เสียงถอนหายใจปล่อยมาตามสาย “คุณทำให้พี่สินธุ์อยู่ที่นี่ไม่ได้ แล้วคุณก็จะไม่อยู่ดูแลที่นี่อีก นี่คุณกะจะให้พวกเราล่มจมเลยเหรอครับ”“คุณเรศคะ...ดิฉันเปล่า...คือ...ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายพวกคุณเลยนะ เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณสินธุ์เขา...”“เขาจะอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีคุณ?” สาคเรศขัดอีกแล้ว แล้วก็ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจณิชชาด้วย คนฟังน้ำตาแทบจะไหลลงมาอีกครั้ง เสียงถอนหายใจของปลายสายทำให้ณิชชาทำอะไรไม่ถูก “ผมทราบว่าคุณไปคุยกับที่อื่นมาแล้ว แต่ก่อนจะไป คุณน่าจะมาเคลียร์งานที่นี่สักหน่อย พรุ่งนี้เข้ามานะครับ ผมรออยู่”สาคเรศวางหูไปนานแล้ว แต่ณิชชายังอยู่ที่ระเบียงไม่ไปไหน ความคิดสับสนว