บทที่ 46 รถชน
ณิชชาฟังแล้วอึ้งไป เพราะน้ำเสียงนั้นแม้จะสุภาพแต่ก็เฉียบขาด พี่น้องบ้านนี้บุคลิกไม่เหมือนกันสักคน สาคเรศคนนี้หากฟังจากน้ำเสียง ลักษณะนิสัยคงเป็นแบบ อยู่ตรงกลางระหว่าง ชลาสินธุ์และธารากานต์ คือไม่ได้ดูใจดีมากเหมือนธารากานต์ แต่ก็ไม่ได้ดุและขี้หงุดหงิดเหมือนพี่ชายคนโต
“คือ...คุณสินธุ์คงไม่สะดวกให้ดิฉันไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”
“พี่สินธุ์ไม่อยู่ที่นี่มาสองสัปดาห์แล้วครับ ตั้งแต่คุณไป” เสียงถอนหายใจปล่อยมาตามสาย “คุณทำให้พี่สินธุ์อยู่ที่นี่ไม่ได้ แล้วคุณก็จะไม่อยู่ดูแลที่นี่อีก นี่คุณกะจะให้พวกเราล่มจมเลยเหรอครับ”
“คุณเรศคะ...ดิฉันเปล่า...คือ...ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายพวกคุณเลยนะ เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณสินธุ์เขา...”
“เขาจะอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีคุณ?” สาคเรศขัดอีกแล้ว แล้วก็ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจณิชชาด้วย คนฟังน้ำตาแทบจะไหลลงมาอีกครั้ง เสียงถอนหายใจของปลายสายทำให้ณิชชาทำอะไรไม่ถูก “ผมทราบว่าคุณไปคุยกับที่อื่นมาแล้ว แต่ก่อนจะไป คุณน่าจะมาเคลียร์งานที่นี่สักหน่อย พรุ่งนี้เข้ามานะครับ ผมรออยู่”
สาคเรศวางหูไปนานแล้ว แต่ณิชชายังอยู่ที่ระเบียงไม่ไปไหน ความคิดสับสนวุ่นวายเต็มหัวไปหมด มือกำมือถืออยู่แน่น แต่ดวงตากลับเหม่อลอยกระทั่งมีเสียงเรียกเบา ๆ อยู่ที่ข้างหูนั่นแหละจึงได้รู้สึกตัว
“เป็นอะไรหืม” คนพูดโอบไหล่เล็กไว้เบาๆ
“เปล่าค่ะ พี่มีอะไรหรือเปล่า”
“จะชวนกินข้าว” ณิชชาลืมไปเลยว่า ก่อนหน้าที่จะวุ่นวายอยู่กับความรู้สึกตัวเองนั้น เธอกำลังคุยกับอัครชัยเรื่องอะไร และยังลืมไปด้วยว่าอัครชัยฉลาดและช่างสังเกตพอที่จะเห็นว่าตัวเธอนั้นเปลี่ยนไปจากเดิม เหม่อลอยและแอบไปร้องไห้บ่อย ๆ ได้อย่างไม่ยากเย็น
ธารากานต์มาถึงสวรรยารีสอร์ตเมื่อสายแล้ว เพราะวันนี้พ่อตัวดีที่บ้านเอาแต่วุ่นวายกับการอวดโชว์ของเล่นใหม่ กว่าจะส่งพัฒนชัยออกไปทำงานได้ก็แทบแย่ แต่เมื่อมาถึงก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะขณะที่คนที่บ้านอารมณ์ดีเป็นพิเศษ คนที่นี่ก็กำลังแย่เป็นพิเศษเช่นเดียวกัน เกือบจะเดือนแล้ว แต่พี่ชายของเธอยังไม่ดีขึ้นเลย
ในห้องทำงานของชลาสินธุ์ที่สวรรยามีแต่กลิ่นบุหรี่ลอยฟุ้งไปหมด ธารากานต์แทบหายใจไม่ได้เมื่อต้องเข้ามาอยู่ในห้องนี้ หญิงสาวรู้สึกว่า
นอกจากชลาสินธุ์จะสูบบุหรี่แทนกินข้าวแล้ว เขายังตั้งใจจะใช้ควันของมันรมตัวเองให้ตายในห้องนี้ด้วยสาคเรศกับเธอคุยกันตลอด และเมื่อเห็นว่า พี่ชายไม่มีสมาธิมากพอจะทำงาน จึงขอให้สาคเรศมาช่วยในส่วนของบริษัท ชลาจิรา เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น ที่ชลาสินธุ์มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลด้วย ซึ่งอีกฝ่ายก็ตั้งใจไว้อยู่แล้ว ธารากานต์รู้ว่าสาคเรศโกรธคนที่ทำให้ชลาสินธุ์เป็นแบบนี้มาก เพราะตั้งแต่เด็กจนโต พี่ชายของพวกเขาไม่เคยแสดงอาการอ่อนแอให้เห็นเลยสักนิด แต่จากที่ธารากานต์เล่าให้ฟัง
...แทบเอาตัวไม่รอด...คือคำที่สาคเรศให้คำจำกัดความให้พี่ชาย
“ทานข้าวกับกานต์นะคะพี่สินธุ์ วันนี้กานต์ทำกับข้าวมาเองเลย” ธารากานต์ยกปิ่นโตเถาใหญ่อวดพี่ชายตัวเอง พร้อมรอยยิ้มกว้าง ๆ แต่คนฟังได้แต่ยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ใบหน้าซีดเซียว
แม้ณิชชาจะเข้ามาทำงานตรงที่เดิม ตำแหน่งเดิมแต่บรรยากาศกาศทำงานไม่เหมือนเดิมเลยสักนิด สาคเรศตั้งใจทำงานมาก และไม่ได้ขยันคุยหรือยิ้มแย้มแจ่มใสอย่างที่เคย ว่ากันจริง ๆ ณิชชาเข้าใจหากสาคเรศจะโกรธเธอที่ทำร้ายพี่ชายเขามากขนาดนั้น
“คุณณิชเข้ามาให้ห้องผมหน่อยครับ” เสียงจากห้องเดิม แต่คนเรียกเปลี่ยนไป ดังเข้ามาในอินเทอร์คอม สาคเรศเข้าใจแล้วว่า ทำไมทุกคนจึงได้ยกย่องการทำงานของเลขาคนนี้ของพี่ชาย ณิชชาทำงานไม่ผิดพลาดแม้แต่น้อย บางครั้งยังมีข้อเสนอดี ๆ ช่วยหาทางออกให้กับเขาได้อีก หลายวันที่ทำงานร่วมกันมาก็อดที่จะชื่นชมไม่ได้
จริง ๆ แล้วนี่เป็นแผนการที่เขาคุยกับธารากานต์ไว้ว่า อยากจะให้ณิชชาเข้ามาทำงานเพื่อให้นึกถึงชลาสินธุ์และไม่ยอมทิ้งไปไหน และเชื่อว่าอีกไม่นาน ชลาสินธุ์ก็ต้องกลับไปที่กรุงเทพฯ เหมือนเดิม สิ่งที่สาคเรศทำก็เพียงแต่บริหารงานทางนี้เพื่อรอเวลาที่พี่ชายจะดีขึ้นและกลับมา ระหว่างนี้โดยไม่ได้บอกใคร เขาก็เฝ้าดูณิชชาไปด้วยว่า เหมาะสมที่พี่ชายเขาจะรักมากจนไม่มีสติแบบนี้หรือไม่
แต่เมื่อพี่ชายไม่กลับมาสักที สาคเรศจึงต้องคอยหางานให้ณิชชาทำไปเรื่อย ๆ จนไม่สามารถหาเวลาไปไหนได้
แต่ณิชชาไม่เคยถามถึงพี่ชายเขาเลยสักคำ ชื่อสักคำก็ไม่เคยพูดถึง ทำให้อดไม่ได้จริง ๆ ที่สาคเรศจะโกรธ เขาไม่เคยเห็นใครใจดำขนาดนี้มาก่อนเลย
“มีอะไรคะคุณเรศ”
“ตรงนี้ครับ นี่เป็นแผนงานที่ทางส่วนซ่อมบำรุงนำขึ้นมาให้ ผมว่ามันแปลก ๆ ทั้งข้อมูลและวิธีการคำนวณ ยังไงอยากให้คุณณิชช่วยดูหน่อย เห็นว่า...” ยังพูดไม่ทันจบเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขัดจังหวะขึ้น แรกทีเดียวสาคเรศไม่คิดจะรับสายอยู่แล้ว เพราะกำลังทำงาน แต่เพราะคนโทร.มาคือ ธารากานต์ ซึ่งแน่นอนว่าช่วงนี้คุยกันแต่เรื่องของพี่ชายทำให้เขากดรับทันที
“ว่าไง กานต์” สาคเรศเงียบคอยฟังปลายสาย ฉับพลันสีหน้าของเขาก็แสดงอาการตกใจมาก
“อะไรนะ! พี่สินธุ์เป็นอะไร!!”
ณิชชาเงยหน้ามองภาพในทีวีที่เคลื่อนที่ไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีสิ่งใดผ่านเข้าหัวมาสักนิด แม้เตียงจะอ่อนยวบเพราะมีคนเข้ามานั่งข้าง ๆ เธอก็ยังไม่มีทีท่าที่จะรับรู้สิ่งใด ใจบาง ๆ ที่แสนอ่อนล้าของณิชชาล่องลอยออกนอกตัวไปนานแล้ว มันหายไปทันทีที่ได้ทราบข่าวจากสาคเรศว่า พี่ชายของเขาถูกรถชน และดูเหมือนมันจะไม่ใช่อุบัติเหตุด้วย
“ณิช ณิชครับ” เสียงทุ้มเรียกร่างเล็กที่เอาแต่นั่งเงียบ แต่ไม่ได้ทำให้ณิชชาหันไปหา เขาจึงต้องโอบไหล่บางพร้อมเรียกชื่อซ้ำอีกครั้งอย่างอาทร “น้องณิช”
“คะ? พี่อัค พี่อัคมีอะไรคะ” ณิชชาสะดุ้ง หันไปถามด้วยความตกใจ
“เปล่าครับ แค่จะบอกว่าดึกแล้ว นอนมั้ย” คนรักผู้แสนดีบอก พร้อมกับยื่นแก้วนมอุ่น ๆ ให้ “เมื่อเย็นก็ไม่ได้ทานข้าว ดื่มนมซะหน่อยนะ” เขาบอก จริง ๆ แล้วณิชชาบอกกับเขาว่า กินข้าวมาแล้วจากนอกบ้าน แต่
สีหน้าที่บอกนั้นไม่ได้ทำให้อัครชัยเชื่อคำพูดนั้นเลยณิชชาหยิบนมมาดื่มได้นิดหน่อย แต่พอจะวาง สีหน้าดุ ๆ ของคนข้าง ๆ ก็บังคับให้เธอดื่มมันลงไปให้หมด แล้วยื่นแก้วน้ำดื่มให้อีกแก้ว ก่อนจะคว้าตัวร่างบาง ๆ ที่ยิ่งแสนบางขึ้นทุกทีที่อยู่ด้วยกันให้นอนลง
ณิชชาซุกหน้าตัวเองไว้กับอกของอัครชัย มือใหญ่โอบคนในอ้อมกอดไว้ ใจก็คิดไปถึงอาการที่ไม่สู้ดีนักของณิชชา การแอบร้องไห้ บางครั้งก็เลยเถิดไปจนสะอึกสะอื้น อาการเหม่อลอย นั่นยิ่งทำให้จิตใจของเขาคล้ายจะถูกบีบด้วยมือบาง ๆ นั้น
...การที่ได้แต่ตัว ไม่ได้หัวใจ มันเจ็บปวดแบบนี้นี่เอง...
“พรุ่งนี้วันหยุด เราไปเที่ยวกันมั้ยคะ ตั้งแต่พี่อัคกลับมา เรายังไม่ได้ไปไหนด้วยกันนอกกรุงเทพฯ เลย” เสียงเบาหวิวเอ่ยขึ้น ในใจคิดว่าเมื่อเลือกแล้วที่จะอยู่กับอัครชัย สิ่งที่ควรทำมากที่สุด ก็คือทำให้อัครชัยมีความสุข และลืมคนอื่นที่ไม่ใช่อัครชัยให้หมดใจ
“เอางั้นก็ได้ ณิชอยากไปไหนล่ะ” อัครชัยตอบ ลองดูกันสักตั้งว่าเขาจะมีความสุขกับความรักเก่าที่เพิ่งจะเริ่มใหม่ครั้งนี้ได้หรือไม่ อยากจะให้คะแนนความพยายามกับณิชชาสักนิด
“ไปทะเลทางใต้มั้ยคะ ณิชไม่ได้ไปทะเลมาตั้งนานแล้ว” ณิชชาพูดงึมงำ ใบหน้าหวานยังอิงแอบแผ่นอกใหญ่ ไม่ยอมให้เจ้าของอกอ่านสายตาได้ และเมื่อสวรรยารีสอร์ตอยู่ในจังหวัดทางภาคเหนือ ก็ขอให้เธอได้ใช้ชีวิตกับพี่อัคทางภาคใต้เถอะ
เบื้องหน้าคือคนเจ็บที่นอนซมอยู่อย่างหมดสภาพ ชลาธารเห็นพี่ชายตัวเองแล้วได้แต่ถอนหายใจ สาวน้อยไม่เคยเห็นชลาสินธุ์ที่ทรุดโทรมทั้งกายและใจขนาดนี้มาก่อน พี่ชายคนโตของเธอเป็นนักสู้ และถือคติว่าต้องเป็นนักสู้ที่ชนะด้วย แต่นี่กลับพ่ายแพ้ให้กับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง คิดแล้วแค้นนัก นี่จนป่านนนี้ยังไม่เห็นจะมาเยี่ยมพี่ชายเธอสักนิดเลย ถาม สาคเรศก็บอกแต่ว่า ณิชชาไม่เคยเอ่ยถามอะไรที่เกี่ยวกับพี่ชายของพวกเธอเลย
หญิงสาวกอดอกมองพี่ชายที่นอนหลับอยู่บนเตียงนิ่ง ๆ น่าจะถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องออกโรงเองสักที เสียงประตูเปิดพร้อม ๆ กับเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สาคเรศชะงักตัวเองเอาไว้ที่ประตู ก่อนจะรับโทรศัพท์ ทำให้ชลาธารค่อนข้างหัวเสียที่ตนเองมักจะเป็นคนที่ได้ข้อมูลน้อยหรือช้าที่สุดเสมอจึงค่อย ๆ เดินตามพี่ชายออกมาข้างนอก
“มีอะไรล่ะคะพี่เรศ”
สาคเรศมองหน้าน้องสาวตัวเอง ชวนให้นั่งลงตรงเก้าอี้ยาวหน้าห้องคนป่วย ก่อนจะเล่าทุกอย่างที่ผ่านมา รวมทั้งที่ธารากานต์โทร.มาเล่าวันนี้ให้ฟังด้วย
“ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงได้ร้ายกาจขนาดนั้นล่ะคะ นี่พี่สินธุ์เป็นอะไรนะ เจอแต่คนใจร้าย” หญิงสาวเอ่ยอย่างหัวเสีย เมื่อทราบข่าวจาก
ธารากานต์ว่า พัฒนศักดิ์คนรักของตนและน้องชายของเขาต่างช่วยกันกับตำรวจสืบสวนเรื่องราวเกี่ยวกับอุบัติเหตุของชลาสินธุ์ที่ถูกรถชนอยู่ที่ด้านข้างโรงแรมตัวเอง ได้ความว่าคนที่ทำคือผู้หญิงที่ชื่อ ภัสสรา คนเดียวกับที่ชลาสินธุ์เคยมีส่วนร่วมในการส่งเธอถึงมือตำรวจโทษฐานและรับคดีอาญาไปหลายคดีนั่นเอง“อะไร?! นี่ตกลงได้ประกันตัวเหรอ คดีใหญ่ขนาดนั้น?”
“ใจเย็น ๆ ก่อนธาร สิ่งที่เราต้องกังวลตอนนี้ คือเรื่องที่ยังหาตัวภัสสราไม่เจอต่างหาก ถึงแม้ว่าเราจะรู้ว่าเธอทำจริง หลักฐานก็มีพร้อม แต่จับไม่ได้ก็ไม่รู้ว่าจะย้อนกลับมาสร้างความเดือดร้อนให้เราอีกเมื่อไร”
“โอ๊ย จะไปยากอะไรล่ะคะ” หญิงสาวเอ่ยอย่างหัวเสีย “ก็แอบอยู่แถวนั้นแหละ จังหวัดนั้นสนามบินก็ไม่มี รถของเขาก็เด่นจนเป็นที่สังเกตได้ จะไปไหนได้ไกล อยู่ในบ้านพ่อเขาหรือเปล่าคะ ต่อให้ยกความผิดให้ลูกเป็นคนรับไปทั้งหมด แต่เขาเป็นพ่อลูกกันนะคะ ยังไงก็ตัดกันไม่ขาดหรอก ต้องอยู่ในซอกไหนสักซอกในบ้านเขานั่นแหละ” ชลาธารร่ายยาวถึงกำนันเพชรคนกว้างขวางของที่นั่น
...ตัดไม่ขาด ตัดไม่ขาด ขนาดพี่คนโตของตนยังตัดคนที่ไม่ได้รักเขาไม่ขาดเลย แล้วนั่นพ่อลูกเขารักกันจะตัดขาดจากกันได้ยังไง?...
คิดแล้วอารมณ์เสีย หญิงสาวสะบัดหน้าพรึ่บเข้าห้องคนป่วยไป ทิ้งให้พี่ชายนั่งงุนงงกับกริยาของตัวเองอยู่ตรงที่เดิม ก่อนจะสะดุ้งเพราะน้องสาวหันกลับมาแบบไม่ทันตั้งตัว
“พี่เรศกับพี่กานต์ก็จัดการเรื่องยัยภัสสราไปก็แล้วกัน ส่วนเรื่องอื่น เดี๋ยวธารจัดการเอง” พูดจบก็สะบัดพรึ่บไปอีกครั้ง
สาคเรศมองตาม แท้จริงแล้วเขาไม่อยากจะให้ชลาธารลงมาจัดการอะไรนัก เพราะหญิงสาวแม้จะเป็นน้องที่น่ารักของพี่ ๆ แต่ก็รู้กันว่าค่อนข้างโกรธง่าย และยังไม่มีความเป็นผู้ใหญ่มากพอ แต่เพราะเรื่องคดีของชลาสินธุ์สำคัญกว่าจึงไม่ได้ห้ามอะไร
ตอนอวสานชลาสินธุ์ให้คนขับรถมารับที่บ้านของพัฒนศักดิ์ในวันรุ่งขึ้น พวกเขากลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงบ่าย ๆ แต่น้อง ๆ ทั้งสองคนปฏิเสธที่จะให้เขากลับมาทำงานในทันที ทำให้ประธานบริษัทพร้อมเลขากลายเป็นคนว่างงานในวันนี้ณิชชาหัวเราะเมื่อเห็นว่าชลาสินธุ์ดูจะเป็นห่วงเธอมากเกินจริงไปสักหน่อย ห้ามทำอะไรที่ต้องใช้กำลัง จะไปไหนก็ได้แต่ต้องอยู่ในระยะสายตาที่เขามองเห็น อยากได้อะไรหรืออยากกินอะไรต้องบอก เพราะเขาจะทำให้เอง เรียกว่าณิชชามีหน้าที่อย่างเดียว คือนั่งเฉยๆ“พอแล้วค่ะ คุณมานั่งเถอะ” ณิชชาบอก เมื่อชลาสินธุ์ถามเป็นครั้งที่ร้อยว่าอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า หญิงสาวจึงเรียกให้มานั่งดูหนังในห้องนั่งเล่นด้วยกันชายหนุ่มตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ คนรัก และเหมือนเคย นับตั้งแต่กลับ มาจากไร่เจริญตา ไม่มีสักครั้งที่หากได้นั่งคู่กันชลาสินธุ์จะไม่โอบรอบตัวร่างเล็กให้อยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลา“ไม่เจ็บแล้วแน่นะ ดูสิ ยังเป็นรอยช้ำอยู่เลย” ชลาสินธุ์บอกพลางใช้นิ้วโป้งลูบไล้เบา ๆ ไปที่รอยช้ำที่แขน ซึ่งยังเป็นรอยเด่นชัด น่าจะเกิดจากการต่อสู้กับลูกน้องของภัสสรา“เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงขาคุณดีกว
บทที่ 50 จุดจบที่เลวร้ายภัสสราเดินตรงเข้ามายังชลาสินธุ์ ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหลังเพื่อเว้นระยะ กลุ่มชายฉกรรจ์ผิวเข้มเดินเข้ามาในห้องหลายคน ณิชชาเห็นคนที่โยนเขาเข้าไปในรถตู้รวมอยู่ในนั้นด้วย“ปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเดินไหวแล้ว” ณิชชากระซิบบอก ชลาสินธุ์ยอมทำตาม แต่ก็ยังโอบไหล่บางไว้ ไม่ให้ห่างตัว ร่างเล็กซบใบหน้าตัวเองลงกับลำแขนใหญ่ แม้ว่าจะกลัวจนแทบบ้า แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา“ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เธอเชื่อมั่นในตัวฉันนะ” ชลาสินธุ์กระซิบบอกอย่างอ่อนโยนณิชชาพยักหน้ารับ เธอจะเชื่อมั่นในตัวคน ๆ นี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามกลุ่มชายฉกรรจ์ตีวงล้อมจนทั่วห้องโดยมีทั้งสามคนอยู่ตรงกลาง“รู้อะไรไหม คุณสินธุ์ คุณทำให้ฉันสูญเสียอะไรไปตั้งหลายอย่าง ลงทุนไปตั้งมากมาย แต่คุณกลับทำลายมันทิ้งในเวลาแค่วันเดียว” ภัสสราเอ่ยขึ้น คำพูดเนิบช้ากว่าปกติ เรียวปากเหยียดยิ้มแต่แววตากลับเข่นอาฆาต“คุณไม่เห็นต้องโกรธผมขนาดนี้เลยคุณสรา”“หึ ไม่ต้องโกรธเหรอ ถ้าคราวนั้น พวกแกไม่ทำตัวเป็นคนดี แล้วปล่อยให้ฉันดำเนินธุรกิจของฉันไป ฉันก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก แกก็ได้ค่าเช่า ฉันก็ได้กำไร แกทำแบบนั้นทำ
บทที่ 49 ลักพาตัว“คืนนี้เธอจะนอนที่นี่ใช่มั้ย”“ฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลย”“ก็ใส่ตัวเดิมสิ ไม่เปื้อนหรอก เพราะคืนนี้เธอไม่ต้องใส่นี่” อีกคนยังดื้อรั้นไม่ฟังคำอธิบายแถมยังทำท่าจะหื่นใส่อีก“คิดจะทำอะไรน่ะ ที่นี่โรงพยาบาลนะ แล้วคุณก็ป่วยอยู่ ทำไหวหรือไง?”“จะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมั้ย”“ไม่ ฉันไม่ยอมหรอก คุณน่ะ เอะอะก็จะทำมิดีมิร้ายฉันตลอด”“ขี้บ่นจัง” ชลาสินธุ์แกล้งทำท่าเกาหัว “งั้นฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แต่เธอนอนให้ฉันกอดนะ คิดถึงจะแย่ คิดถึงจะตายอยู่แล้วคนใจร้าย”“ว่าฉันใจร้าย คุณก็ใจร้ายเหมือนกันนั่นแหละ”“นะ”“เอ่อ...ถ้าคุณไม่ทำอะไรจริง ๆ ฉันนอนด้วยก็ได้”“ไม่ทำหรอก ถ้าเธอไม่เผลอน่ะ”“อะไรนะ!” และอย่างไม่ต้องรอคำตอบ ณิชชาก็ฟาดมือไปที่แขนคนป่วยเสียงดังลั่นห้อง ก่อนจะแจกค้อนไปให้อีกหลายทีชลาสินธุ์ลูบแขนตัวเองแล้วหัวเราะไปด้วย“ฉันยอมให้หน่อย ก็ทำร้ายฉันเลยนะ” เสียงอ่อนบอกก่อนจะโอบคนรักให้แน่น ๆ อีกหน “งั้นตกลง นายนอนที่นี่นะ นอนเฉย ๆ ให้ฉันมองหน้า จะได้หายคิดถึง”“หึ” หญิงสาวค้อนคนป่วยขวับ เธอเองก็อยากกอด อยากมองหน้า อยากยิ้มให้ผู้ชายคนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ความรักระหว่างตัวเองกับ
บทที่ 48 ฝันที่ (ไม่) อาจเป็นจริงแม้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้วทำให้อาจจะได้พบคนที่เขาคิดถึงแค่ไม่กี่นาทีแต่ณิชชา ก็ตัดสินใจออกจากบ้านทันทีที่อัครชัยปล่อยมือเขา ความโหยหาที่ลอยวนอยู่ในใจมันฉุดกระชากให้เขามาที่นี่ โรงพยาบาลใหญ่ใจกลางกรุง ชลาสินธุ์ถูกย้ายมาที่นี่ทันทีที่ร่างกายสามารถทนต่อการเดินทางได้หญิงสาวเดินหาห้องนั้นจนพบ ในมือถือดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ที่ตั้งใจทำเองด้วยหัวใจ มือบางที่กำลังจะเคาะห้องมีอันต้องชะงักค้างไว้“คุณณิชคะ คุยกันหน่อยดีมั้ย” ชลาธารที่เพิ่งมาถึงเช่นกัน มองมาที่ณิชชา ไม่มีสายตาของมิตรภาพแม้แต่น้อยชลาสินธุ์นอนลืมตาโพรงอยู่บนเตียงคนป่วย แม้อาการทางกายจะค่อย ๆ หายจนเกือบเป็นปกติ เพราะรถที่ชนก็แค่เฉี่ยวขาทำให้เจ็บที่หัวเข่าซ้ายเท่านั้น แย่หน่อยตรงที่ตอนกระโดดหลบ หัวของเขามันไปชนต้นไม้ข้างทางทำให้ทั้งน้อง ๆ และคุณหมอค่อนข้างเป็นห่วง แต่อาการทางใจของชายหนุ่มก็ทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่ต่างจากผักเหี่ยว ๆ ที่รอวันเฉาลงไปอีกชลาธารรับหน้าที่ดูแลพี่ชายของเธอที่โรงพยาบาล ขณะที่คนอื่นดูแลเรื่องงาน ยิ่งเห็นพี่เป็นแบบนี้ ก็ยิ่งโกรธณิชชามากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นว่าเป็นคนนิ่ม ๆ ไม่คิดว่าจะมีอิ
บทที่ 47 อัครชัยคือคนที่เลือกแล้วชลาธารทำอย่างที่ตนเองได้ลั่นวาจาไว้ทันทีที่วันทำงานวันแรกมาถึง“คุณณิชคะ คุยกับธารในห้องก่อนค่ะ” มาถึงยังไม่ทันได้นั่ง ก็เอ่ยปากให้ณิชชาเดินตามตัวเองเข้าไปในห้องแล้ว ณิชชาเดาไม่ถูกว่าเจ้านายคนเล็กคนนี้จะพูดเรื่องอะไร เรื่องงานหรือว่าอย่างอื่น เพราะแทบจะไม่เคยทำงานด้วยกันเลย ยิ่งหญิงสาวไปเรียนต่อได้เป็นปีแล้ว ยิ่งห่างกันไป เดาใจไม่ถูก“คุณธาร มีอะไรให้ณิชทำเหรอคะ” ณิชชาพูดก่อนจะนั่งลงตามมือที่ผายออก หญิงสาวไม่ได้ชวนเธอนั่งที่โต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้คนที่ยึดโต๊ะตัวนั้นเป็นของตัวเองยังไม่มา แต่พวกเธอนั่งคุยกันที่โซฟารับแขกซึ่งอยู่ในห้องทำงานของชลาสินธุ์ด้วยนั่นเอง“คุณณิชจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าธารจะถามเรื่องพี่สินธุ์” ยิงคำถามทันทีพร้อมกอดอกฟังคำตอบ แต่ดูเหมือนคนที่ต้องตอบจะยังหาเสียงของตัวเองไม่เจอ“คือ...เอ่อ...”“ไปเยี่ยมสักวัน หรือดอกไม้สักช่อ ไม่คิดจะส่งไปหน่อยเหรอคะ” ชลาธารพูดแทรกขึ้นอย่างหงุดหงิด อยากจะเล่าสภาพของพี่ชายให้คนตรงหน้าฟังว่าเลวร้ายแค่ไหน แต่ก็กลัวว่าสิ่งที่ได้กลับมาจะเป็นอย่างอื่นนอกจากความเห็นอกเห็นใจ ถ้าณิชชารู้สึกยินดีกับสภาพของพี่ชายตนเอ
บทที่ 46 รถชนณิชชาฟังแล้วอึ้งไป เพราะน้ำเสียงนั้นแม้จะสุภาพแต่ก็เฉียบขาด พี่น้องบ้านนี้บุคลิกไม่เหมือนกันสักคน สาคเรศคนนี้หากฟังจากน้ำเสียง ลักษณะนิสัยคงเป็นแบบ อยู่ตรงกลางระหว่าง ชลาสินธุ์และธารากานต์ คือไม่ได้ดูใจดีมากเหมือนธารากานต์ แต่ก็ไม่ได้ดุและขี้หงุดหงิดเหมือนพี่ชายคนโต“คือ...คุณสินธุ์คงไม่สะดวกให้ดิฉันไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”“พี่สินธุ์ไม่อยู่ที่นี่มาสองสัปดาห์แล้วครับ ตั้งแต่คุณไป” เสียงถอนหายใจปล่อยมาตามสาย “คุณทำให้พี่สินธุ์อยู่ที่นี่ไม่ได้ แล้วคุณก็จะไม่อยู่ดูแลที่นี่อีก นี่คุณกะจะให้พวกเราล่มจมเลยเหรอครับ”“คุณเรศคะ...ดิฉันเปล่า...คือ...ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายพวกคุณเลยนะ เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณสินธุ์เขา...”“เขาจะอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีคุณ?” สาคเรศขัดอีกแล้ว แล้วก็ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจณิชชาด้วย คนฟังน้ำตาแทบจะไหลลงมาอีกครั้ง เสียงถอนหายใจของปลายสายทำให้ณิชชาทำอะไรไม่ถูก “ผมทราบว่าคุณไปคุยกับที่อื่นมาแล้ว แต่ก่อนจะไป คุณน่าจะมาเคลียร์งานที่นี่สักหน่อย พรุ่งนี้เข้ามานะครับ ผมรออยู่”สาคเรศวางหูไปนานแล้ว แต่ณิชชายังอยู่ที่ระเบียงไม่ไปไหน ความคิดสับสนว